webnovel

่ความลังเล

วิชิตเลี้ยวโค้งเข้าถนนลาดยางสายเล็กที่นำไปสู่รีสอร์ตซึ่งแฝงตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ แม้เขาจะไม่ได้มาเยี่ยมเยียนที่นี่บ่อยนัก แต่เขาก็ยังจำเส้นทางเข้ามาที่รีสอร์ตแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี ในตอนนั้นที่ได้รับรู้ว่ารีสอร์ตของหลานสาวของเพื่อนรักจะมาตั้งอยู่แถวนี้ วิชิตยังประหลาดใจกับความบังเอิญที่ที่ตั้งของรีสอร์ตเผอิญไปอยู่ติดกับสวนของนายช่างคนสนิทของเขา

เสียงจากโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นเมื่อเช้า ปลุกวันอาทิตย์ที่ควรจะหลับใหลของเขาวันนี้ให้ตื่นขึ้นน้ำเสียงร้อนรนจากหลานสาวของเพื่อนรักที่ทำให้เขาต้องรีบขับรถมารีสอร์ตตามที่หญิงสาวขอร้องในทันที ครั้งนี้เขามาด้วยความเต็มใจ เพราะเนื่องจากปกติแล้วสิปรางค์จะไม่เคยรบกวนวันพักผ่อนเสาร์อาทิตย์ของเขา

ผู้จัดการโรงงานสูงวัยดับเครื่องยนต์ที่หน้าเรือนต้อนรับหลังใหญ่ของรีสอร์ต สิปรางค์ยืนรอเขาอยู่แล้วด้วยท่าทางร้อนรนกระวนกระวน หญิงสาวพาเขาเข้าไปที่ห้องอ่านหนังสือของเรือนต้อนรับในทันที…

สิปรางค์กระวนกระวายใจตั้งแต่เมื่อคืน หญิงสาวอยากจะเจอผู้จัดการโรงงานสูงอายุคนนี้ให้เร็วที่สุด เมื่อคืนนี้หลังจากกลับจากลอยกระทงกับวิน หล่อนไม่สามารถจะข่มตาลงให้นอนหลับได้เพราะมัวแต่ครุ่นคิดถึงวิธีการที่จะพูดกับปกป้อง หล่อนอยากให้เขายอมให้เวลาในการที่จะแก้ไขรายงานสถานการณ์การเงินของโรงงานที่แม่ริมแห่งนี้ หญิงสาวใช้เวลาเกือบทั้งคืนศึกษารายงานอย่างละเอียด กว่าจะได้นอนก็เกือบรุ่งสาง

และเมื่อนอนหลับไปได้ไม่กี่ชั่วโมง สิปรางค์ก็รีบตื่นขึ้นมาเพื่อที่โทรศัพท์ถึงคุณวิชิต หญิงสาวตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวเล็กน้อย แม้พักหลังๆมานี้จะรู้สึกปวดหัวถี่ๆขึ้น แต่หล่อนก็ไม่ได้สนใจอะไร อาจเป็นเพราะทำงานหนักไป และครั้งนี้ก็คิดว่าคงเพราะไปตากน้ำค้างจากงานลอยกระทงมาเมื่อคืน หญิงสาวจึงแค่ระงับอาการปวดหัวด้วยยาพาราเซตามอล แล้วรีบตรงมารอคอยการมาของคุณวิชิตที่เรือนรับรองใหญ่…

"ดิฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆที่ต้องเชิญคุณวิชิตมาคุยงานกันที่นี่ คือเรื่องนี้คงจะคุยกันที่โรงงานไม่ได้น่ะค่ะ" สิปรางค์เอ่ยอย่างเกรงใจผู้สูงวัย หล่อนรู้ดีว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ เป็นวันหยุดพักผ่อนของเขา

แต่หล่อนใจร้อน เรื่องนี้คอยไม่ได้…

"ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ เห็นคุณสิปรางค์บอกว่ามีเรื่องด่วนเกี่ยวกับรายงานส่วนบัญชีของคุณณัฐ ผมเองก็สนใจ"

วิชิตไม่ติดขัดอะไรเรื่องที่เขาต้องมาคุยงานกับหญิงสาวที่รีสอร์ต เขาคิดว่าดีเสียอีกที่จะได้ไม่ต้องกลัวเรื่องนี้จะรั่วไหลไปถึงหูของบรรดาคนงานที่โรงงาน

"ทีแรกว่าจะรอให้คุณวิชิตอ่านรายงานดูก่อน เพราะคุณณัฐเพิ่งจะเอามาให้เมื่อวันศุกร์ แต่เผอิญพี่ป้องขึ้นมาเชียงใหม่ช่วงนี้พอดี ดิฉันเลยอยากจะขอคำปรึกษา"

ผู้จัดการโรงงานสูงวัยมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างใคร่รู้ หล่อนมีอะไรจะปรึกษาเขาอย่างเร่งด่วนอย่างนั้นหรือ ช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาแทบจะไม่ค่อยได้คุยกับสิปรางค์ถึงเรื่องนี้นัก เขาอยากจะเปิดโอกาสให้คนของปกป้องทำงานกันอย่างเต็มที่ และเขาควรมีหน้าที่แค่คอยอำนวยความสะดวกเท่านั้น

"ผมก็พอจะรู้ผลสรุปของรายงานอยู่บ้างแล้วนะครับ ไม่น่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงนัก"

"ใช่ค่ะ รายงานก็ออกมาอย่างที่เราคิดกันไว้" หญิงสาวยอมรับ "แต่เอ่อ… คือ… ดิฉันกำลังเริ่มดูๆอยู่น่ะค่ะ ว่าอาจจะพอมีหนทางที่เราจะไม่ต้องปิดโรงงาน"

"คุณสิปรางค์!"

วิชิตไม่เคยคิดว่าเขาจะได้ยินความคิดนี้ออกมาจากหลานสาวของเพื่อน เขาคิดมาตลอดว่าหญิงสาวผู้นี้ไม่เคยสนใจอะไรนอกเหนือไปจากการทำหน้าที่ของหล่อนที่ได้รับมอบหมายมาจากสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพให้เสร็จโดยไว หรือเขาจะมองหล่อนผิดไป อะไรทำให้สิปรางค์เกิดเปลี่ยนใจ

"ดิฉันอยากเพิ่มเติมข้อเสนอแนะบางส่วนเข้าไปในรายงาน ดิฉันมั่นใจว่าเราต้องมีหนทาง" สิปรางค์พูดต่อด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น หลังจากที่หล่อนได้ศึกษารายละเอียดของโรงงานมาทั้งคืน หญิงสาวแน่ใจว่าหล่อนต้องทำได้

"ผมไม่คิดว่าปกป้องเค้าจะยอมง่ายๆนะครับ เรื่องนี้ผมกับปราณเองก็คุยกันมาหลายหนแล้ว ลำพังผมเองก็แก่แล้ว ถ้าจะให้ลุกขึ้นสู้อีกครั้ง ก็ไม่คิดว่าจะไหว" ผู้สูงวัยกว่ายังไม่เห็นว่าเรื่องนี้จะเป็นไปได้

"นี่แหละที่เราคงจะต้องร่วมมือกัน ดิฉันก็เลยอยากจะขอคำปรึกษาจากคุณวิชิต"

เมื่อเห็นชายสูงวัยยังนั่งฟังอยู่นิ่งๆ หญิงสาวจึงรีบพูดต่อโดยเร็ว

"ดิฉันได้อ่านรายงานของคุณณัฐอย่างละเอียด โรงงานของเราอาจจะมีขนาดใหญ่เทอะทะเกินไป ดิฉันกำลังคิดว่าถ้าเราตัดขั้นตอนการแปรรูปกาแฟสดออกไป แล้วรับซื้อเฉพาะกาแฟกะลาจากชาวบ้านโดยตรง ก็จะเป็นการลดขนาดโรงงานลง เพราะเราไม่ต้องใช้พื้นที่ในการตากแล้ว จากนั้นเราก็ตัดแบ่งพื้นที่โรงงานบางส่วนออกขาย จะได้ทุนมาปรับปรุงเครื่องสีกาแฟกับเครื่องคั่วกาแฟ และที่สำคัญเรายังมีขั้นตอนที่ให้คนงานคัดเมล็ดกาแฟด้วยมืออยู่เหมือนเดิมด้วยนะคะ"

วิชิตมองหญิงสาวด้วยสายตาทึ่งระคนเห็นใจ หญิงสาวดูมีความเชื่อมั่นมาก แต่ใช่ว่าผู้จัดการอย่างเขาจะไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ปัญหามันอยู่ที่ว่าโรงงานนี้ไม่ใช่ของเขา และตัวปกป้องเองก็ไม่อยากจะเก็บโรงงานนี้ไว้แล้ว ชายหนุ่มอยากจะมุ่งตรงไปยังผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูปชนิดโรบัสต้าแต่เพียงอย่างเดียว

การบริหารแห่งโรงงานนี้ยังเป็นลักษณะแบบธุรกิจครอบครัวที่มีแค่เจ้าของและลูกจ้าง แม้จะเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการขยายโรงงานจนมาถึงทุกวันนี้ แต่เขาก็ไม่ใช่ผู้ออกเงินทุน และแม้เขาจะได้เงินเดือนสูงมากในฐานะผู้จัดการโรงงาน แต่เขาก็เป็นแค่ลูกจ้าง ที่ผ่านมาก็นับว่าเขาได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนรักให้ทำตามใจตนเองในหลายๆอย่างแล้ว แต่จะให้เขามาคัดค้านลูกชายของเพื่อนในครั้งนี้อีก ผู้ดูแลโรงงานคนนี้ก็ไม่อยากจะทำ…

ณ ปางช้างแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกมาไม่ไกลจากรีสอร์ตนัก

"ปกติผมไม่เคยตื่นเช้าขนาดนี้นะเนี่ย แต่ถ้าเป็นคุณเบลล่าปลุกผมก็ยินดี ยิ่งถ้าปลุกผมได้ทุกวันตอนเช้าก็ยิ่งดีมาก"

ชายหนุ่มยิ้มอย่างมีเลศนัยมองไปที่หญิงสาวที่กำลังยื่นอ้อยให้กับเจ้าช้างตัวน้อยที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ราณีหันมายิ้มให้และสบตาเขาอย่างเขินๆ

วันนี้ณัฐไปรับหญิงสาวที่หอพักของหล่อนมาตั้งแต่เช้าตรู่ เขาเกือบจะตื่นไม่ทันถ้าราณีไม่โทรไปปลุก ชายหนุ่มใช้ยามค่ำคืนของวันเสาร์ให้หมดไปกับแสงสียามราตรีของเชียงใหม่เหมือนเช่นเคย เขากลับที่พักมาเอาตอนดึกมากแล้ว และยังง่วงอยู่มากมายยามเมื่อหญิงสาวโทรไปปลุก เช้าวันอาทิตย์ที่อากาศเย็นสบายเช่นนี้ เขายังอยากจะนอนต่อให้เต็มอิ่ม แต่ในเมื่อเป็นการนัดกับหญิงสาวสวยที่เอ่ยปากชวนเขาไว้นานแล้ว ชายหนุ่มก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธได้

ณัฐใช้เวลาขับรถจากที่พักของราณีในตัวอำเภอแม่ริมไม่นานนักก็ขึ้นมาถึงปางช้างซึ่งอยู่ในหุบเขาใจกลางธรรมชาติ ปกติเขาไม่ค่อยสนใจจะมาเที่ยวเดินเล่นในสถานที่ท่องเที่ยวแนวธรรมชาติเช่นนี้ แต่เพียงเพราะอยากใกล้ชิดเอาใจราณี เขาจึงจำใจมา และอีกอย่าง แถวนี้อาจมีร้านกาแฟบรรยากาศดีๆที่น่าสนใจก็ได้

แต่เมื่อชายหนุ่มได้ก้าวเท้าเข้ามาสัมผัสกับความร่มรื่นของบริเวณขุนเขาที่เป็นที่พำนักของเจ้าช้างน้อยแล้ว เขาก็รู้สึกว่าคิดไม่ผิดที่ตกลงรับปากพาหญิงสาวคนสวยมาเที่ยวที่แห่งนี้

"ผมว่าเจ้าตัวเล็กนั้นฉลาดที่สุด นี่ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะว่าช้างจะวาดรูปดอกไม้ได้ คุณเบลล่าดูสิครับ มันเลือกใช้พู่กันเองใช้สีเองอีกต่างหาก สุดยอด!"

ณัฐหัวเราะเริงร่าไปกับเจ้าช้างน้อยตัวหนึ่งซึ่งพอวาดรูปเสร็จก็คว้าอุปกรณ์สะบัดก้นหนีเลย เขาคิดว่าเจ้าช้างน้อยมันคงกำลังคิดว่า เบื่อจัง วันละสามรอบ ให้วาดอยู่นั่นแหละ

ราณีมองคนรูปหล่อข้างๆที่กำลังเพลิดเพลินกับการแสดงโชว์วาดรูปของบรรดาช้างน้อยอย่างหลงใหล คุณณัฐช่างเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์อย่างหาตัวจับยาก นอกจากจะรูปร่างหน้าตาดีแล้ว คุณณัฐยังอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลาด้วย เป็นผู้ชายที่สนุกสนานร่าเริง ใครอยู่ใกล้ชิดก็คงอดใจไม่ได้ที่จะรัก และที่สำคัญชายหนุ่มเจ้าสำราญคนนี้ยังทำให้ราณีเคลิบเคลิ้มไปกับคำหวานที่เขามีให้หล่อนอยู่บ่อยๆ

หญิงสาวเคยมาที่นี่บ่อยครั้งแล้วกับชายหนุ่มคนอื่นๆ ราณีรู้ว่าผู้ชายส่วนใหญ่มักจะชอบผู้หญิงที่รักธรรมชาติและรักสัตว์ เมื่อผู้ชายคนไหนขอหล่อนออกเดต ราณีก็จะเสนอให้มาที่ปางช้างนี้เกือบจะทุกครั้ง และหลังจากนั้นก็เป็นไปตามที่หล่อนคาด ผู้ชายเกือบทุกคนประทับใจในความอ่อนโยนของหล่อนที่มีต่อเจ้าสัตว์ตัวใหญ่พวกนี้

"ว้าย น่ารักจังเลย แหม เจ้าช้างน้อยแสนรู้ เตะบอลเก่งไม่แพ้คนเลย"

หญิงสาวแสร้งทำเสียงตื่นเต้นน่ารักยามที่เจ้าช้างหลอกล่อให้มนุษย์ที่เป็นผู้รักษาประตูหลงกลวิ่งไปอีกทาง ก่อนที่เจ้าช้างจะถือโอกาสยิงลูกบอลลูกใหญ่เข้าไปทางอีกฝั่งของประตู

ณัฐมองราณีด้วยสายตาชื่นชม เขาชอบผู้หญิงเหนือเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สาวๆแถวนี้ผิวพรรณเนียนขาวดีกว่าสาวกรุงเทพ และเขาก็ชอบท่าทางๆซื่อๆใสๆของพวกหล่อนด้วย

แล้วทัวร์ปางช้างในเช้าวันอาทิตย์นั้นก็จบลงด้วยการที่ทั้งคู่นั่งไปบนหลังช้างท่องไปตามทางเดินขรุขระที่เลี้ยวลดคดเคี้ยวในป่า ชายหนุ่มถือโอกาสนั่งพิงพนักและโอบแขนวางขนานไปกับที่นั่งบนหลังช้าง

"โอ๊ย!" ณัฐร้องขึ้นมาเบาๆ ยกมืออีกข้างขึ้นบังตา แล้วถือโอกาสเอียงตัวมาซบหญิงสาว

"เป็นอะไรคะคุณณัฐ มีตัวแมลงอะไรเข้าตาหรือเปล่า" ราณีรีบหันมาหาชายหนุ่มอย่างตกใจ

"เปล่าหรอกครับ แค่…แสงแดดมันแยงตา แต่ที่เธอส่งยิ้มมามันโดนใจ" แววตาที่ส่งนั้นกรุ้มกริ่ม

"อุ้ย คุณณัฐเนี่ย มุขสามบาทห้าบาทก็เอามาเล่น" คนสวยหยิกเขาที่แขนอย่างเขินๆ

ณัฐหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข มาเชียงใหม่รอบนี้สนุกกว่าที่เขาคิด!…

"ผมออกรอบกับคุณทาคายามะทีไร ก็แพ้คุณทุกที"

ปกป้องก้าวเข้าไปจับมือแสดงความยินดีกับชายหนุ่มวัยเดียวกันหากแต่ต่างชาติต่างภาษากัน

"คุณปกป้องคงจะไม่ค่อยได้ออกรอบเท่าไหร่กระมังครับ ผมเห็นคุณไม่ค่อยจะมีเวลาว่าง" ทว่าผู้เป็นฝ่ายชนะพยายามหาข้อแก้ตัวให้ชายหนุ่มตรงหน้า

"แหม นักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างคุณทาคายามะก็น่าจะยุ่งน่าดูเหมือนกันนะครับ"

พูดแล้วหนุ่มเจ้าของโรงงานก็พาเพื่อนร่วมออกรอบขึ้นนั่งรถกอล์ฟเพื่อกลับไปยังส่วนที่เป็นห้องกาแฟของสปอร์ตคลับ อากาศเย็นๆของเชียงใหม่ในเช้าวันอาทิตย์เช่นนี้ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

"ของผมขอเป็นเอสเพรสโซ่ครับ ส่วนของคุณผู้ชายท่านนี้ก็เอสเพรสโซ่เหมือนกันครับ" ปกป้องหันไปบอกความต้องการของเขาและของชายหนุ่มตรงหน้ากับพนักงาน

"ขอบคุณมากครับ คุณนี่ความจำดีจริงๆ ผมล่ะชื่นชม"

ทาคายามะหมายความเช่นนั้นจริงๆ เขาไม่ได้เจอปกป้องมาหลายเดือน แต่ชายหนุ่มก็ยังจำได้ว่าเขาชอบดื่มกาแฟแบบไหน

"อ้าว แน่นอนสิครับ พวกเราส่วนใหญ่ที่อยู่ในธุรกิจกาแฟก็คงดื่มแต่เอสเพรสโซ่กันทั้งนั้น เพียวๆแบบไม่มีเจือปนครับ" ปกป้องหัวเราะ แม้โรงงานเขาจะมุ่งเน้นไปที่กาแฟสำเร็จรูป แต่รสนิยมส่วนตัวเขาก็ยังชอบดื่มกาแฟสดอยู่ดี

ทาคายามะพลอยหัวเราะไปด้วย เขายอมรับว่าจริง คอกาแฟเกือบทุกคนนิยมดื่มเอสเพรสโซ่ เพราะจะได้รสชาติของกาแฟที่เข้มข้นกว่า

"ว่าแต่คุณทาคายามะมาเชียงใหม่ครั้งนี้มีอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ หรือมาแค่พักผ่อนออกรอบกอล์ฟอย่างเดียว"

ปกป้องเริ่มตรงเข้าประเด็น เขาพอจะรู้ว่ามีคนญี่ปุ่นมากมายที่มาเชียงใหม่ในระยะสั้นๆเพียงเพื่อจะมาเล่นกอล์ฟ เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นประเทศมีพื้นที่จำกัด ปริมาณสนามกอล์ฟที่มีอยู่จึงไม่มากนักและคิดค่าใช้บริการสูงลิบลิ่ว ดังนั้นสนามกอล์ฟในสถานที่ที่มีบรรยากาศดีๆแบบที่เชียงใหม่ในราคาที่ย่อมเยากว่าจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของชาวญี่ปุ่น

"ก็ไม่เชิงครับ เผอิญผมได้ยินมาว่า เดี๋ยวนี้เชียงใหม่มีร้านกาแฟดีๆเยอะมาก ทั้งเรื่องการตกแต่ง และเรื่องของรสชาติกาแฟ ก็เลยอยากมาลองสำรวจดู"

ทาคายามะพูดก่อนที่จะยกแก้วเอสเพรสโซ่ที่พนักงานเพิ่งจะนำมาเสิร์ฟขึ้นมาดื่มหมดภายในช็อตเดียว เขายังไม่ได้กลืนกาแฟลงไป หากอมไว้ในกระพุ้งแก้มก่อนสักครู่ ก่อนจะค่อยๆกลืนลงท้อง ซึ่งกลิ่นกาแฟและรสชาติกาแฟช็อตนี้ที่ยังคงอยู่ในปากทำให้เขาต้องทำท่าครุ่นคิด

"รสชาติกาแฟดีๆ ก็อย่างเช่นเอสเพรสโซ่ช็อตนี้ใช่ไหมครับ" ปกป้องยิ้มเดาใจคนตรงหน้า

ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าทาคายามะจะต้องประทับใจกาแฟช็อตนี้ ก็รสชาติแบบนี้มันคือกาแฟของโรงงานเขาเอง ชายหนุ่มรู้มาก่อนแล้วว่าที่สนามกอล์ฟแห่งนี้เสิร์ฟกาแฟของเขา

หนุ่มญี่ปุ่นวัยเข้ากลางคนพยักหน้า เอสเพรสโซ่ช็อตนี้มีรสชาติกลมกล่อมที่รู้สึกได้ตั้งแต่น้ำกาแฟไหลผ่านปลายลิ้นลงสู่ลำคอ เขาคิดว่าเขาตัดสินใจถูกที่มาสำรวจตลาดกาแฟสดในเชียงใหม่ครั้งนี้

"ผมกำลังอยากจะลองเปิดร้านกาแฟดูครับคุณปกป้อง ผมฝันอยากจะให้ร้านกาแฟของญี่ปุ่นได้ไปทั่วโลกอย่างสตาร์บัคบ้าง แต่มันก็ยังเป็นแค่ไอเดียเล่นๆในหัวน่ะครับ"

"คุณทาคายามะคิดว่า ตลาดกาแฟอาราบิก้านี่น่าสนใจหรือครับ"

"ตอนนี้ตลาดกาแฟสดในญี่ปุ่นเริ่มน่าสนใจมากขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้วครับ มันคงเป็นเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ ที่ชอบใช้เวลาให้หมดไปกับการนั่งจิบกาแฟตามร้านเก๋ๆ เนี่ยแค่ลำพังในจังหวัดเชียงใหม่เอง ตามที่ผมได้ยินมาก็มีร้านกาแฟอยู่ซักพันกว่าร้านได้แล้วกระมังครับ "

ปกป้องนิ่งฟังอย่างสนใจ คุณทาคายามะเป็นลูกค้าคนสำคัญ หนุ่มนักธุรกิจคนนี้เป็นผู้นำเข้ากาแฟสำเร็จรูปรายใหญ่จากบริษัทเขา และนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ปกป้องขึ้นมาเชียงใหม่ นอกเหนือไปจากการมาเยี่ยมเยียนโรงงานแล้วชายหนุ่มยังต้องการที่จะมาพบปะพูดคุยกับทาคายามะเรื่องการสั่งซื้อกาแฟในปีหน้าด้วย

แต่สิ่งใหม่ที่ได้ฟังจากหนุ่มคู่ค้าญี่ปุ่นนี้ทำให้ปกป้องถึงกับต้องนิ่งคิด กาแฟอาราบิก้าน่าสนใจสำหรับตลาดญี่ปุ่นงั้นหรือ เขาไม่เคยสนใจตลาดอาราบิก้ามาก่อน อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาทุ่มเทให้กับโรงงานที่ฉะเชิงเทราแต่เพียงแห่งเดียว

รสชาติของกาแฟที่มาจากโรงงานที่แม่ริมของเขานี้ทำให้ปกป้องต้องทบทวนความคิดของตนเองอีกครั้ง

หรือเราควรจะให้โอกาสน้องปราง---