webnovel

ความรื่นรมย์

"วันนี้คุณสิปรางค์มาในลุคใหม่นะฮะ"

ดนัยมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างสำรวจตรวจตรา จะบอกว่ายังไงดีล่ะ คือวันนี้คุณสิปรางค์แต่งตัวธรรมดากว่าปกติ หญิงสาวสวยมาในเสื้อเชิ้ตเรียบๆสีขาวและกางเกงยีนเข้ารูป ปล่อยผมยาวสลวยประบ่าแทนที่จะรวบไปข้างหลังเป็นหางม้าอย่างเช่นเคย และที่สำคัญวันนี้คนสวยมากับรองเท้าผ้าใบ

ภาพตรงหน้าต่างไปจากที่ดนัยเคยเห็น…

ปกติเห็นมากับเดรสสวยๆ แบรนด์ไฮเอนด์ แล้วก็รองเท้าส้นสูง ตลอดนี่นา

"เกิดอะไรขึ้นฮะเนี่ย คุณสิปรางค์ดูแปลกๆไปนะฮะ ทำงานหนักเกินไปรึเปล่า"

ไม่เพียงแต่คุณคนสวยจะมาในชุดทะมัดทะแมงแบบแปลกไปจากเดิมแล้ว ดนัยยังแอบเห็นว่าเมื่อเช้าหลังจากลงจากรถแทนที่หญิงสาวจะเดินตรงเข้าออฟฟิศเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา สิปรางค์กลับเดินผ่านเข้าไปทักทายกับบรรดาคนงานในโรงงานก่อนอื่นใด

"ก็ไม่มีอะไร แค่รู้สึกอยากจะทำอะไรพิเศษนิดๆหน่อยๆน่ะค่ะ"

สิปรางค์ยอมรับว่าความคิดของหล่อนที่มีต่อวิถีชีวิตที่นี่เปลี่ยนไป เมื่อครั้งมาจากกรุงเทพใหม่ๆ หล่อนไม่เคยคิดว่าชีวิตที่เรียบง่ายที่นี่จะมีอะไรที่น่าสนใจ หญิงสาวไม่คุ้นเคยกับความเนิบช้าและทุกสิ่งที่เป็นไปอย่างง่ายๆเกินไปเช่นนี้ หล่อนเคยคิดว่าชีวิตแบบนี้มันช่างไร้ประสิทธิภาพ และเป็นการเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์กับเรื่องไร้สาระ

แต่เมื่อมาอยู่ที่นี่ได้ระยะหนึ่ง หญิงสาวกลับพบว่า ชีวิตที่ผ่านมาทั้งหมดของหล่อน มันอาจจะเพียบพร้อมและสมบูรณ์แบบ แต่สิ่งหนึ่งที่ขาดหายไปก็คือ…ความรื่นรมย์ในชีวิต

แม้คำพูดของปกป้องเรื่องห้ามเข้าไปใกล้ชิดสนิทสนมกับบรรดาพนักงานจะดังมาย้ำเตือนอยู่เรื่อยๆในความคิด แต่สิปรางค์ก็มีข้อแก้ตัวให้กับตัวเองว่า หล่อนแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ จะสนิทสนมกับใครก็ไม่ทำให้เรื่องงานเสียแน่นอน

หล่อนมีความเป็นมืออาชีพพอ…

"ว่าแต่คุณดนัยเถอะค่ะ วันนี้มาด้วยสีช็อกกิ้งพิ้งค์เลยนะคะ แล้วเข็มขัดหัวพระอาทิตย์เนี่ย เข้าใจว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ดของเวอร์ซาเช่เค้าซะด้วย" สิปรางค์เข้าไปพิจารณาหัวเข็มขัดของดนัยอย่างพินิจพิเคราะห์ กำลังจะเอื้อมมือไปแตะเจ้าหัวเหล็กสีทองนั่น

"อุ๊ย คุณสิปรางค์ อย่างมองต่ำฮ่ะ ดาน่าเขิน"

หญิงสาวสะดุ้ง หดมือกลับโดยฉับพลัน สีหน้าเก้อไปเล็กน้อย หลังจากที่คุณดนัยได้เปิดเผยตัวตนอย่างเป็นทางการกับหล่อนแล้ว หญิงสาวสังเกตว่าคุณเขาเริ่มกล้าที่จะแต่งตัวสีจัดจ้านมากขึ้นกว่าเดิม พักหลังๆนี้คุณเลขาหนุ่มใหญ่มันจะเพิ่มไอเท็มที่โดดเด่นประโคมกันแบบจัดหนักจัดเต็มมาทำงานทุกวัน

"ขอนะคะ โนวดนัยฮ่ะ เรียกดาน่าเถอะนะฮะ"

"ได้เลยค่ะคุณดาน่า เราควรจะเป็นอย่างที่เราอยากจะเป็นค่ะ จัดไปค่ะ อยากให้เรียกอะไร เรียกได้หมดค่ะ" สิปรางค์ให้กำลังใจแก่เลขาหนุ่ม หญิงสาวพร้อมจะสนับสนุนทุกคนให้มั่นใจในตัวเอง และกล้าที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง

"คุณดาน่าเป๊ะอยู่แล้วค่ะ คุณคือสีสันของโรงงานเราอย่างแท้จริง"

เมื่อได้แรงยุจากสาวสวยตรงหน้า ดนัยจึงคิดว่าถึงเวลาที่เขาควรจะเปิดเผยกับทุกคนเสียที เขาอึดอัดที่จะต้องคอยปิดบังตัวตนต่อหน้าคนอื่นๆมานานแล้ว

"แต่เอาเข้าจริง ดาน่าไม่มั่นใจเลยฮ่ะ ไม่รู้ว่าคนอื่นเค้าจะคิดยังไง"

"คุณดาน่าคะ มั่นมั่นหน่อยค่ะ เราสวย เราเริ่ด ใครจะคิดยังไง โนวสน โนวแคร์ค่ะ" สิปรางค์พยักหน้าให้คนตรงหน้าอย่างมั่นอกมั่นใจ ทำเอาดนัยหัวใจพองโต นานๆทีจะมีคนสวยๆมาสนับสนุนเขาเช่นนี้…

"เฮ้ย อิหยังวันนี้อ้ายดนัยเปิ้นมาแปลกๆทะแม่งๆวะ"

ช่างอู๊ดหันมาบุ้ยใบ้ให้ชาวคณะดู เมื่อเห็นดนัยเดินอย่างมั่นใจเคียงคู่กับสิปรางค์เข้ามาในโรงอาหาร สายตาทุกคนจับจ้องมาที่เสื้อเชิ้ตสีช็อกกิ้งพิงค์ของเขา ชาวคณะของวินที่กำลังยืนต่อแถวซื้อก๋วยเตี๋ยวกันอยู่ถึงกับพากันอ้าปากค้างเมื่อดนัยเดินเฉียดเข้ามาใกล้และส่งจูบให้ทุกคน

"เฮ้ย!" วินถึงกับเซถลาไปซบนายช่างรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ข้างๆเมื่อดนัยทำมือมินิฮาร์ทและทำปากจู๋ส่งให้

"เห็นมั้ยคะคุณดินี่ พวกนายช่างเค้าถึงกับละเมอกันไปเลย" สิปรางค์หันมากระซิบกระซาบ

"มั่นมั่นค่ะ เอ้าหนึ่งสองสาม!"

หญิงสาวและเลขาหนุ่มใหญ่ถือโอกาสใช้แนวรั้วไม้เตี้ยๆของโรงอาหารเป็นแคทวอร์ค ทั้งสองเดินสวนกันไปมาสี่ห้ารอบและหมุนตัวจบรอบสุดท้ายพร้อมกัน

บรรยากาศภายโรงอาหารเงียบกริบ ทุกคนกำลังสงสัยว่าคุณสิปรางค์และคุณดนัยทำงานหนักกันมากเกินไปหรือเปล่า

ทันใดนั้นก็มีเสียงปรบมือดังมาจากชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังรอซื้อก๋วยเตี๋ยวอยู่ วินก้าวออกมาจากกลุ่มและปรบมือเสียงดังกึกก้อง

"เยี่ยมยอดคับอ้าย เป็นโชว์ที่พิเศษสุดมาก"

ชายหนุ่มหันไปรอบๆโรงงอาหารพยักหน้าเชิญชวนให้ทุกคนปรบมือให้กับดนัย ช่างอู๊ดและช่างโต้งพากันส่ายหน้า ในขณะที่ปัณณ์ยืนหันรีหันขวางทำตัวไม่ถูก

"อ้ายดนัยเริ่ดแต๊ๆ!"

นวลสาวน้อยในกลุ่มของเอื้องคำลุกขึ้นป้องปากตะโกนกรี๊ดกร๊าด และหลังจากนั้นบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ในโรงอาหารก็ต่างพากันปรบมือเป็นกำลังใจให้กับเลขาหนุ่มใหญ่

ดนัยยิ้มรับโบกไม้โบกมือให้ทุกคนแล้วหันมายิ้มให้กับสิปรางค์ด้วยความปลาบปลื้ม…

อีดาน่ามันยะอะหยังของมันวะ

ราณีมองอินเนอร์ที่มาเต็มของเพื่อนสมัยมัธยมอย่างงงๆ หล่อนนั่งอยู่ในกลุ่มของสาวออฟฟิศกลางโรงอาหารและเห็นโชว์เบื้องหน้าด้วย ทำไมดนัยเพิ่งจะมาเปิดตัวเอาตอนนี้

อันที่จริงเพื่อนคนนี้ของหล่อนก็เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่สมัยเรียน ตอนที่ราณีเข้าทำงานที่นี่ใหม่ๆ หญิงสาวยังแปลกใจดนัยพอสมควรที่เห็นเขาเก็บงำอาการไว้ได้เป็นอย่างดี แต่ราณีก็ไม่ได้สนใจอะไร อาจเป็นเพราะตัวหล่อนเองก็ไม่ค่อยอยากสุงสิงกับดนัยมากนัก กลัวเขาจะพูดมากไปเกี่ยวกับเรื่องของหล่อน เหมือนว่าทั้งหล่อนและดนัยต่างก็ช่วยกันเก็บงำความลับของกันและกันเอาไว้

แต่เมื่อดนัยมาเปิดเผยตัวตนก่อนเสียอย่างนี้ ราณีก็เกิดรู้สึกหนักใจขึ้นมาเสียแล้ว แล้วเลขาหนุ่มวัยกลางคนคนนี้จะเอาเรื่องของหล่อนไปพูดบ้างไหมนะ…

"มันอะไรกันวะเนี่ย"

ช่างวุฒิพึมพำส่ายหน้ากับเหตุการณ์บันเทิงเดินแบบตรงหน้า เป็นอะไรที่ไร้สาระเอามากๆ แล้วเขาก็หันมาสนใจกับจานผัดกะเพราไก่ไข่ดาวของเขาต่อไป

วันนี้ฝ่ายผลิตมีสมาชิกใหม่จากวงการไอทีมาเข้าร่วมทีมด้วย หนุ่มเติ้ดรู้สึกตื่นเต้นเป็นที่สุดกับการได้นั่งร่วมโต๊ะกับแก๊งนายช่างหนุ่มเท่ๆกลุ่มนี้ เขาพยายามส่งสายตาแห่งความภาคภูมิใจไปที่ราณีสาวสวยตลอดเวลา จนวุฒิชัยแอบจับสังเกตได้

"สนใจน้องเค้าเหรอ" หัวหน้าช่างสะกิดหนุ่มไอที

"ผมไม่กล้าคิดหรอกพี่ คนจีบเค้าเยอะแยะ" เติ้ดรู้ตัวดีถึงสถานะของตนเอง เขาก็เป็นได้แค่เพียงหมามองเครื่องบิน ใครจะมาสนใจคนอย่างเขา

"พี่ช่วยจีบมั้ย" วุฒิชัยเสนอสิ่งที่หนุ่มเติ้ดไม่เคยคิดฝัน

ช่างวุฒิเนี่ยนะ จะช่วยเราจีบน้องเบลล่า

"แต่เติ้ดต้องเก็บเรื่องในห้องประชุมเป็นความลับนะ แล้วต้องติดตามรายงานพี่บ่อยๆด้วย" หัวหน้าฝ่ายผลิตหันมาทำหน้าจริงจังกับเขา

เติ้ดขมวดคิ้ว ชายหนุ่มมีสีหน้าหนักใจ นับตั้งแต่วันนั้นที่เขากับวุฒิชัยแอบลอบเข้าไปติดไมโครโฟนตัวเล็กที่ห้องประชุม เขาก็รู้สึกหนาวๆร้อนๆกับการกระทำของตนเอง กลัวคุณวิชิตจะจับได้ เติ้ดเคารพและเกรงกลัวผู้จัดการโรงงานคนนี้มาก คุณวิชิตเป็นผู้มีพระคุณกับเขา เป็นผู้หนึ่งที่ให้โอกาสเขาได้เริ่มต้นชีวิต

เดิมทีหนุ่มไอทีคนนี้เหมือนจะเป็นแค่เด็กไร้อนาคต เติบโตขึ้นมาแบบไม่มีใครเอาใจใส่ ไม่เรียนหนังสือและเกเรไปวันๆ แต่แล้วเผอิญวันหนึ่งในสมัยเรียนประถม เขาติดตามแม่เข้าไปที่บ้านของคุณวิชิตเพื่อช่วยตัดกิ่งไม้ในสวน ระหว่างรอแม่ทำงาน คุณวิชิตได้เปิดโอกาสให้เขาเล่นเกมจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ในห้องทำงาน กลับกลายเป็นว่าจากนั้นเป็นต้นมาเขาก็ใฝ่ฝันอยากจะเรียนทางคอมพิวเตอร์มาโดยตลอด และคนที่สนับสนุนเขาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คุณวิชิตนั่นเอง

ผมไม่ผิดนะคุณวิชิต ผมเองรักโรงงาน ผมอยากจะรู้เหมือนกันว่าคุณสิปรางค์เขาเข้ามาทำอะไรที่โรงงานของเรา…

"คุณสิปรางค์ไปด้วยกันไหมฮ้า"

วันนี้ดนัยมาด้วยเสื้อปาดไหล่สีเทอคว้อยซ์ พร้อมกางเกงหนังรัดรูป นับตั้งแต่เลขาของคุณวิชิตคนนี้เปิดเผยตัวตนอย่างเป็นทางการกับทุกคนในโรงงาน สิปรางค์ก็ได้เห็นแฟชั่นอันทันสมัยจากปารีสบ้างจากมิลานบ้างที่ออฟฟิศเรื่อยมา

"คะ ไปไหนคะ"

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร เอนหลังพิงเก้าอี้ และกำลังเพ่งมองเข็มกลัดรูปนกยูงที่อยู่บนหน้าอกของเลขาหนุ่มใหญ่ เอ รุ่นนี้ นี่มันของคอลเล็กชั่นใหม่ชาแนลหรือเปล่านะ

"ถนนคนเดินเย็นนี้ฮ่ะ"

"อ้อ ที่แถวประตูท่าแพใช่ไหมคะ เห็นคุณณัฐเค้าพูดๆถึงอยู่" หล่อนจำได้ว่าณัฐชอบถนนคนเดินของเชียงใหม่มาก ชายหนุ่มมาเล่าว่าที่นั่นมีของกินหลากหลาย มีพ่อค้าแม่ค้ามือสมัครนำของทำมือออกมาวางขายกันเยอะแยะ หล่อนยังเคยคิดๆว่าจะชวนวินไปเดินเล่นดูของอยู่พอดี

"ใช่แล้วฮ่ะ คือว่า ดาน่าอยากหาเงินเลี้ยงอาหารกลางวันให้บ้านเด็กพิการน่ะฮ่ะ เลยชวนช่างวินกับพวกฝ่ายช่างเค้าไปช่วยเล่นดนตรีให้"

"อือม์ ช่างวินเค้าเล่นกีตาร์เก่งนี่คะ" สิปรางค์พยักพเยิดไปกับดนัย

"เอ๊ะ คุณสิปรางค์รู้ได้ยังไงฮะ"

ดนัยเดินเข้ามาขมวดคิ้วใกล้หญิงสาว เขาจ้องหน้าสิปรางค์ พยายามค้นหาพิรุธในท่าทางของตรงหน้า

"เอ้อ เคยได้ยินสาวๆเค้าพูดถึงกันน่ะค่ะ" หากคนสวยพยายามทำเสียงให้เหมือนเป็นเรื่องไม่สำคัญ และหล่อนก็ถือโอกาสเปลี่ยนเรื่อง

"ว่าแต่ นี่คุณดาน่ากำลังจะหาโอกาสใกล้ชิดช่างวินเค้ารึเปล่าคะเนี่ย" คราวนี้สิปรางค์เป็นฝ่ายจ้องกลับดนัยบ้าง หล่อนทำหน้าจริงจังคาดคั้น

"แหม คุณสิปรางค์ล่ะก็ รู้ทันเชียว ว่าแต่วันนี้ทำไมคุณสิปรางค์แต่งตัวดู เอ่อ เซ็กซี่จัง วันนั้นยังมาใส่ลุคของกางเกงยีนอยู่เลย"

แล้วดนัยวกกลับเข้ามาที่เรื่องการแต่งกายของคนสวยอีกรอบ จ้องมองหญิงสาวอย่างสำรวจตรวจตรา

มันก็ต้องมีบ้าง

สิปรางค์ยักไหล่แถมยิ้มนิดๆแบบภาคภูมิใจ ดนัยคงไม่รู้อะไรซะแล้ว ผู้หญิงอย่างหล่อนสามารถเป็นอะไรได้หลายแบบ และวันนี้หล่อนก็หมายมั่นจะเป็นผู้หญิงบ้างานที่เซ็กซี่ดูบ้าง

หญิงสาวเริ่มรู้สึกนึกสนุกอยากแต่งตัวขึ้นอีกพอสมควรหลังจากที่ดนัยเริ่มเปิดตัวเป็นผู้นำเทรนด์ด้านนี้ขึ้นมาบ้าง สิปรางค์เคยคิดว่าตำแหน่งนี้น่าจะเป็นของหล่อนแต่เพียงผู้เดียว แต่อันที่จริง จะว่าไปหล่อนเองก็คงได้รับแรงบันดาลใจมาจากดนัยอยู่ไม่น้อย

การได้ร่วมงานกับดนัยมันทำให้วิถีการทำงานอันเคร่งเครียดของหล่อนมีสีสันขึ้นอีกเยอะ มันเป็นสิ่งที่หญิงสาวไม่เคยพบเจอสมัยทำงานอยู่ที่อเมริกา เพื่อนร่วมงานของหล่อนที่นั่นส่วนใหญ่จะเป็นพวกผู้ชายเก่งกาจที่บ้างาน ไม่มีใครมีเวลามาสนใจเรื่องแบบนี้ เวลาที่นั่นเป็นเงินเป็นทอง ทุกคนต้องแข่งขันกันอยู่ตลอดเวลา ต้องระมัดระวังตัว ระวังการพูดจากและการแสดงออก ไม่มีใครพูดถึงความรู้สึกที่แท้จริงของตนเอง

แต่ที่นี่… บางทีที่ทำงานก็ไม่เหมือนที่ทำงาน ไม่มีใครมีหน้ากากให้ต้องสวมใส่

"แล้วเป็นไง ลุคนี้ของชั้น พอไหวมั้ยคะ" สิปรางค์ลุกขึ้น แล้วเดินกรีดกรายให้ดนัยดู

"หูย เริ่ดดดด" ดนัยปรบมือชอบใจ "แม้จะเริ่ดน้อยกว่าดาน่านิดนึง แต่ถือว่าพอผ่านฮ่ะ"

"ค่า เอาที่สบายใจเลยค่า" สิปรางค์ยิ้มกว้างทว่าตอบกลับแบบประชดประชัน

แรกๆหญิงสาวออกจะรำคาญความเป็นกันเองและความอยากรู้อยากเห็นของผู้ช่วยคนนี้ แต่หลังๆมานี้หญิงสาวกลับรู้สึกสนุกสนานในการต่อปากต่อคำกับดนัย ความซื่อและความจริงใจของผู้คนที่นี่มันทำให้หล่อนรู้สึกสบายใจที่จะได้พูดคุยหยอกล้อกับทุกคน

"โอเค งั้นเดี๋ยวเลิกงานแล้ว เราก็ตรงไปถนนคนเดินกันเลยฮ่ะ ไปรถดาน่าได้นะฮะ เดี๋ยวดาน่ากลับมาส่ง"

"อื้อ ได้ค่ะได้"

สิปรางค์ตอบรับด้วยความเต็มใจ ชีวิตของหล่อนเดินช้าลงแล้ว หล่อนมีเวลาให้กับสิ่งรอบๆตัวมากขึ้น ผู้คนที่นี่ก็ดูเหมือนจะมีเวลากันเหลือเฟือ ไม่มีความเร่งรีบเคร่งเครียดเหมือนอย่างสังคมที่หล่อนเคยอยู่มาเกือบจะครึ่งชีวิต…

"สวัสดีฮ้าป้อแม่ปี้น้อง วันนี้ขอเชิญหมู่เฮษมาร่วมทำบุญให้กับบ้านเด็กพิการบ้านโป่งทุ่งดอยเต่ากันนะฮ้า"

สิ้นเสียงการประกาศของพิธีกรสุดเปรี้ยว เสียงกลองกาฮองก็ดังรัวขึ้น และเสียงกีตาร์โปร่งก็ดังพลิ้วขึ้นตามมา

"จา ดา ด่า ดำ จ่า ดำ จ่า ดำ จ่า ด้า จ้าด้า จ้าด้า ดา ด่า ด่า ด่า ด้า ด่า จ่า ดำ จ่า ด้า ดี ด่า

ไม่รู้ว่าเป็นอะไร คล้ายๆโลกมันเปลี่ยนไป มองไปทางไหน สวยงามกว่าเคยทุกครั้ง…

….อยากจะร้องดังๆ คำที่หล่อนบอกกันว่ารักมากมาย..."

เสียงร้องเพลงใสๆจากน้องเอื้องคำก็ดังขึ้น และดนัยก็เป็นต้นเสียงนำกรีดร้อง เขาถลาเข้ามาเต้นยักย้ายส่ายสะโพกข้างๆสาวน้อยคนน่ารัก ผู้คนที่ผ่านไปมาเริ่มหันมาสนใจและค่อยๆทยอยกันเข้ามามุงดู

และแล้ววงดนตรีวงเล็กๆน่ารักของกลุ่มนายช่างจากโรงงานวงนี้ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมาย อาจจะเป็นด้วยส่วนผสมอันลงตัวของความหน้าตาดีของมือกีตาร์ช่างวิน ท่านั่งตีกลองเท่ๆของช่างโต้ง ท่าเขย่าเพอร์คัสชั่นอันลือลั่นของช่างอู๊ด เสียงอันไพเราะของเอื้องคำ หรือแดนซ์เซอร์น่ารักน่าหยิกอย่างดนัย และแดนซ์เซอร์หนุ่มหล่ออย่างณัฐ

เสียงของน้องเอื้องคำช่างไพเราะจับใจจริงๆ หน้าก็หวาน เสียงก็ยังหวานอีก

ปัณณ์อดไม่ได้ที่จะยืนเคลิบเคลิ้มอยู่ข้างๆวงดนตรี เขายืนนิ่งเหมือนต้องมนต์สะกด นับวันยิ่งหลงรักเด็กสาวชาวเหนือคนนี้มากขึ้นทุกที หนุ่มน้อยเฝ้าครุ่นคิดแต่ว่าทำอย่างไรถึงจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดสาวเอื้องคำให้มากกว่านี้ เขาเหลือเวลาฝึกงานอีกไม่นานนัก

ในขณะที่นัยน์ตาของหนุ่มน้อยปัณณ์จับจ้องอยู่แต่ที่นักร้องเสียงใส นัยน์ตาของมือกีตาร์ประจำวงกลับจดจ้องอยู่ที่หญิงสาวคนสวยคนหนึ่งตลอดเวลา หล่อนกำลังเต้นตามจังหวะเพลงอย่างสนุกสนานพร้อมเพื่อนร่วมงานคนอื่นที่ดนัยชวนมา สิปรางค์หันมาโบกมือให้เขาบ้างเป็นครั้งคราว วินได้แต่ยิ้มพยักหน้าตอบ…

"สี่พันสามร้อย กรี๊ดดดดดด เยอะกว่าที่คิดไว้มาก"

เลขาหนุ่มใหญ่กรีดร้องเสียงดังลั่นยามที่เขานับเงินที่ได้จากการบริจาคทั้งหมดในคืนนี้ ขณะที่ชาวคณะกำลังนั่งจัดการผัดไทยกันอย่างหิวกระหายที่ตลาดโต้รุ่งหลังการแสดงดนตรีสดผ่านพ้นไป

"เดี๋ยวค่ะ ยอดยังไม่สวย" สิปรางค์ควักกระเป๋าเงิน หยิบแบงก์ที่มีอยู่ขึ้นมาจนเกลี้ยงกระเป๋าแล้ววางลงสมทบบนโต๊ะ

"ยอดบริจาครวมทั้งสิ้นรวมหนึ่งหมื่นบาทถ้วนฮ่ะ" ดนัยประกาศก้องอีกครั้ง

"เย้!!!" ทุกคนเคาะโต๊ะกันรัวๆ

"เอ้า งั้นผมเลี้ยงผัดไทยวันนี้" ณัฐเอ่ยขึ้นบ้าง

"เย้!!!" ทุกคนเคาะโต๊ะกันรัวๆอีกครั้ง

"ขอบคุณนักดนตรีทุกคน และคุณดนัยผู้จัดงานคนเก่งวันนี้ด้วยค่า เอ้า ชน!" สิปรางค์ตะโกนขึ้นด้วยความสนุกสนานพร้อมยกแก้วน้ำพลาสติกชูขึ้น

"ชน!" ทุกคนพร้อมใจกันยกแก้วน้ำพลาสติกซึ่งภายในบรรจุน้ำอัดลมขึ้นมาชนกันตรงกลางวง…

ค่ำวันนั้นหลังจากวงผัดไทยต่างแยกย้าย วินอาสาพาสิปรางค์กลับบ้านด้วยกัน ชายหนุ่มให้เหตุผลกับทุกคนว่าเพราะบ้านพักของหญิงสาวอยู่ทางเดียวกันกับเขา ในขณะที่คนอื่นไม่ติดใจอะไรและพากันกลับบ้านไป นายช่างหนุ่มกลับเหลือบไปเห็นสายตาคู่หนึ่งกำลังมองมาที่เขาและสิปรางค์ด้วยความสงสัย เขาจึงโบกไม้โบกมือให้กับช่างรุ่นน้องทำนองว่าไม่มีอะไร แล้วหันมาเอาใจใส่หญิงสาวขณะที่หล่อนพยายามจะขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์อย่างเก้ๆกังๆด้วยชุดกระโปรงสั้น

ช่างโต้งมองตามลูกพี่และคุณคนสวยที่มาจากกรุงเทพไปจนลับสายตา เขารู้สึกได้ว่าหลังๆมานี้หัวหน้าของเขาดูจะเอาใจใส่หญิงสาวคนนี้เป็นพิเศษ แม้อันที่จริงวินจะเป็นคนที่ดูแลคนรอบข้างอยู่เสมออยู่แล้ว แต่กับคุณสิปรางค์คนนี้ เขาสังเกตได้ถึงความอ่อนโยนที่มากกว่าปกติทั่วไป

ผู้เป็นลูกน้องเริ่มมองเห็นอาการของลูกพี่อย่างชัดๆก็จากงานแต่งงานของเขาเอง ตลอดเวลาที่อยู่ที่เชียงรายใครๆก็เห็นหัวหน้าช่างร่างสูงคนนั้นอยู่ไม่ห่างจากหญิงสาวคนสวยเลย ช่างโต้งเริ่มรู้สึกหนักใจนิดๆ ชายหนุ่มรู้จักลูกพี่ของเขาดี หัวหน้าช่างซ่อมบำรุงคนนี้ไม่เคยที่จะสนใจผู้หญิงคนไหนง่ายๆ และเมื่อนึกไปถึงเรื่องราวในอดีตของวินที่เขามีส่วนได้รับรู้

นี่ประวัติศาสตร์มันจะซ้ำรอยอีกครั้งหรือ….

ในที่สุดชายหนุ่มร่างสูงก็พาหญิงสาวตัวเล็กในชุดกระโปรงสั้นมาถึงรีสอร์ตได้โดยสวัสดิภาพ แต่ขณะที่สิปรางค์พยายามจะลงจากมอเตอร์ไซค์นั้น ก็เกิดอาการสะดุดเท้าของตนเองทำท่าจะเซถลา วินเห็นเข้าจึงรีบคว้าแขนหล่อนเอาไว้ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาเพื่อจะพบว่า ใบหน้าของชายหนุ่มใกล้เข้ามาเกือบประชิดใบหน้าของหล่อนอยู่แล้ว เขาจ้องมองหล่อนเขม็ง สิปรางค์หลบตาอย่างรวดเร็ว รู้สึกร้อนวูบขึ้นมาทั้งใบหน้า

หรือจะเหมือนอย่างในละคร ที่พระเอกจะถือโอกาสก้มลงจูบนางเอก?

"จะใส่กระโปรงสั้นขนาดนี้มาทำไมเนี่ย"

หากเสียงดุๆนั้นดังขึ้นมากลบอารมณ์อันโรแมนติกของหล่อน

"อ้าว ไม่สวยเหรอ นึกว่าวินชอบซะอีก" สิปรางค์หน้าจ๋อย เผลอพึมพำขมุบขมิบพยายามดึงกระโปรงสั้นที่รั้งขึ้นไปให้กลับเข้าที่เข้าทาง ทำไมมันไม่เป็นแบบที่คิดนะ

วินอมยิ้มน้อยๆ นี่คนสวยตั้งใจเปลี่ยนรูปแบบการแต่งตัวเพื่อเอาใจเขาหรือนี่ ผู้หญิงที่มั่นใจและเป็นตัวของตัวเองเบอร์หนึ่งอย่างสิปรางค์เนี่ยนะ จะยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเขาได้ยังไง

"จะแบบไหนก็ชอบครับ อยากแต่งแบบไหนก็แต่งไปเถอะครับ" ชายหนุ่มอมยิ้มอีก พูดโดยไม่มองหน้าหล่อน เขาพยายามจะสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์เพื่อขับกลับบ้าน

สิปรางค์จ้องมองเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง แล้วหล่อนก็ยิ้มกว้าง มีอารมณ์นึกสนุกอยากจะหยอดคนตัวสูงคนนี้กลับบ้าง

"ชอบจริงอะ"

คราวนี้วินหันมามองหล่อนอย่างเต็มตา ก่อนที่จะพูดด้วยเสียงเรียบๆและหน้านิ่ง แต่ทว่านัยน์ตากลับยิ้มเป็นประกาย

"ขอบคุณนะครับสำหรับวันนี้ มะปรางเป็นหางเครื่องที่น่ารักที่สุดในสามโลก ไปล่ะครับ นอนหลับฝันดีครับ"

เขารีบพูดรวดเดียว ก่อนจะโบกมือให้หล่อนแล้วก็ค่อยๆเคลื่อนยานพาหนะคู่กายออกไปโดยไม่หันหลังมามอง แต่สิ่งที่สิปรางค์ไม่เห็นก็คือ คนร่างสูงที่รีบขี่มอเตอร์ไซค์ออกมานั้นมีใบหน้ายิ้มแฉ่งทั้งตาทั้งปาก

เป็นอย่างนี้ทุกที รีบๆมาส่ง รีบๆพูด แล้วก็รีบๆกลับไป

แม้จะคุ้นชินกับพฤติกรรมแบบนี้ของชายหนุ่ม แต่บางครั้งสิปรางค์ก็เผลอที่จะหงุดหงิดใจไม่ได้ แต่แล้วหญิงสาวต้องรีบดึงอารมณ์ของตนเองกลับมา

แล้วเราคาดหวังอะไร ต้องการจะให้เขาทำยังไง ก็เราเป็นแค่เพื่อนกันไม่ใช่หรือ…