"คุณสิปรางค์เคยขึ้นไปชิมกาแฟสดในไร่กาแฟบนดอยมาบ้างหรือยังครับ"
วินเอ่ยปากถามหญิงสาวขณะที่สายตายิ้มๆของเขาจับจ้องหล่อนที่กระจกมองหลัง เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น ชายหนุ่มยังคงเรียกหล่อนอย่างเต็มยศเสมอ วันนี้นายช่างหนุ่มรับอาสาพาสิปรางค์และณัฐมาเที่ยวดูไร่กาแฟตามคำแนะนำของคุณวิชิต และเมื่อมีบุคคลที่สามมาด้วยมะปรางของเขาก็กลับไปเป็นคุณสิปรางค์ที่โรงงานดังเดิม
มะปรางของเขา…หรือ?
วินยิ้มกับตัวเองอย่างเขินๆ เอ นานเท่าไหร่แล้วนะ ที่เขาเรียกมะปรางว่า…มะปรางของเขา
หญิงสาวทำคิ้วขมวดสบตาชายหนุ่มมาจากกระจกหลัง ท่าทางไม่สบอารมณ์ที่เขาหยอกหล่อนเรื่องนี้ วินก็รู้ว่าเมื่อก่อนหล่อนเป็นคนไม่ดื่มกาแฟ เพิ่งจะมาเริ่มดื่มก็ตอนมาทำงานที่โรงงานที่เชียงใหม่นี่ล่ะ
"พี่ปรางแกไม่เคยสนใจเรื่องของกาแฟหรอกครับ แปลกคน ทำงานบริษัทกาแฟแท้ๆ แต่ไม่ดื่มกาแฟ" ณัฐตอบแทนหญิงสาวขณะที่นัยน์ตาของเขาจับจ้องอยู่ที่วิวสวยๆข้างทาง
จริงของณัฐ เรื่องที่คิดจะมาท่องเที่ยวดูไร่กาแฟนั้นไม่เคยอยู่ในหัวสิปรางค์เลย และแท้จริงแล้ววันนี้หล่อนอยากจะพักผ่อนอยู่ที่รีสอร์ตมากกว่าจะมานั่งรถตะลอนๆคดเคี้ยวไปตามหุบเขาเช่นนี้ แต่เพราะณัฐคะยั้นคะยอให้มาด้วยกัน เขาให้เหตุผลว่าหล่อนทำงานเหนื่อยมาทั้งอาทิตย์น่าจะได้ออกมาพักผ่อนนอกตัวเมืองบ้าง มันทำให้หญิงสาวเริ่มลังเล อันที่จริงตั้งแต่มาอยู่เชียงใหม่หล่อนก็ยังไม่เคยได้มีโอกาสได้ออกไปเที่ยวรอบนอกบ้างเลย
และแล้วคนที่ไม่เคยคิดจะสนใจเรื่องของกาแฟก็นั่งหลับๆตื่นๆมาในรถกระบะกับชายหนุ่มเพื่อนบ้านและชายหนุ่มเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องมาตลอดทาง…
หลังจากที่ขับผ่านโค้งนั้นโค้งนี้มาร่วมชั่วโมง ในที่สุดวินก็พาแขกจากกรุงเทพมาถึงที่หมู่บ้านเล็กๆบนอำเภอดอยสะเก็ด ชายหนุ่มเข้าไปทักทายกับชาวบ้านเจ้าของไร่อย่างสนิทสนม ก่อนที่จะพาสิปรางค์กับณัฐเดินดูรอบๆ
"อำเภอดอยสะเก็ด เป็นแหล่งปลูกกาแฟแหล่งใหญ่เลยนะครับ เดิมทีแถวนี้ชาวบ้านเค้าเคยปลูกเมี่ยงเป็นอาชีพหลักกันน่ะครับ แต่หลังจากในหลวงรัชกาลที่เก้าท่านเสด็จเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ ท่านจึงทรงพระราชทานพระราชดำริให้ราษฎรหันมาปลูกกาแฟอาราบิก้า ก็เป็นการปลูกร่วมกับป่าไม้และอนุรักษ์ป่าน่ะครับ ทำให้กาแฟเป็นรายได้หลักของชุมชนที่นี่"
ไม่บ่อยครั้งที่สิปรางค์จะได้ยินนายช่างหนุ่มพูดอะไรยาวๆ วินพูดไปเรื่อยๆขณะเดินซอกซอนไปตามต้นกาแฟที่ปลูกแฝงไปกับป่าเขา
"อาราบิก้าชอบร่มเงาและความชุ่มชื้น ชาวบ้านเลยต้องปลูกในป่า ทำให้เราได้อนุรักษ์ป่าไว้"
"ไร่กาแฟไม่เหมือนกับที่คิดไว้เลยค่ะ"
ภาพที่หญิงสาวจินตนาการไว้ก็คือ ไร่เตียนโล่งขนาดใหญ่บนภูเขา ที่มีต้นกาแฟปลูกเรียงเป็นแถวๆสุดลูกหูลูกตา
"กาแฟทั่วโลกมีอยู่สองสายพันธุ์หลักๆ คือ โรบัสต้า กับ อาราบิก้า โดยโรบัสต้าเป็นกาแฟที่สามารถปลูกได้ทั่วไป แต่สำหรับ อาราบิก้า ปลูกได้เฉพาะพื้นที่สูง และต้องมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี"
สิปรางค์คิดไปถึงโรงงานกาแฟสำเร็จรูปโรงงานใหญ่ที่จังหวัดฉะเชิงเทราของญาติผู้พี่ ที่นั่นเป็นกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้าที่ปกป้องนำเมล็ดกาแฟเข้ามาจากหลากหลายประเทศ ตัวหล่อนเองก็ยังไม่เคยศึกษาเรื่องของกาแฟจริงๆจังๆเสียที ได้แต่สนใจเรื่องของระบบงานในโรงงานมากกว่า
นี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่หล่อนได้มาสัมผัสต้นกำเนิดของเมล็ดกาแฟ ผลิตภัณฑ์หลักของธุรกิจของครอบครัวปกป้อง
วินเดินนำพาหญิงสาวและณัฐเดินลัดเลาะไปตามแนวต้นไม้ในป่าที่ขึ้นกันอย่างระเกะระกะ เขายังคงให้ความรู้ถึงเรื่องกาแฟอาราบิก้าอย่างต่อเนื่อง
"กาแฟจะเริ่มให้ผลผลิตในปีที่สามหรือสี่หลังปลูก และจะให้ผลผลิตเต็มที่เมื่ออายุหกถึงแปดปี หลังออกดอกจนถึงผลสุก จะใช้เวลาประมาณเจ็ดถึงเก้าเดือน แล้วแต่สภาพภูมิอากาศบนที่สูงสุกช้ากว่า ผลกาแฟจะสุกจนเก็บเกี่ยวได้ประมาณเดือนกันยายนถึงเดือนกุมภาพันธ์"
คนสวยมองไปรอบๆอย่างเริ่มชักจะสนใจไร่กาแฟในป่า รุ่นน้องของหล่อนบุ้ยปากให้ดูต้นกาแฟที่มีลักษณะเป็นไม้พุ่มขนาดเล็กแอบอิงอยู่กับต้นไม้ป่าขนาดใหญ่ หญิงสาวคะเนดูคิดว่าความสูงของต้นกาแฟน่าจะประมาณสองสามเมตร
"เราจะเก็บผลกาแฟที่สุกเต็มที่เท่านั้นครับ ผลอ่อนมันจะเป็นสีเขียว แต่เราจะเลือกเก็บแต่ผลที่มีสีแดงเท่านั้น"
นายช่างหนุ่มชี้ชวนให้ชาวกรุงทั้งสองดูผลกาแฟที่ห้อยย้อยลงมาจากต้นกาแฟใกล้มือพร้อมกับสาธิตวิธีการทดสอบ
"จะรู้ได้ยังไงว่าผลกาแฟมันสุกแน่ๆแล้ว ก็ทดสอบง่ายๆอย่างนี้นะครับ ใช้นิ้วชี้ และหัวแม่มือบีบเมล็ดกาแฟอย่างนี้ ถ้าเมล็ดกาแฟแก่เต็มที่ เมล็ดจะหลุดออกมาโดยง่าย"
ณัฐหนุ่มนักการเงินไม่รอช้ารีบเอื้อมมือไปทดสอบการเก็บเมล็ดกาแฟดูบ้าง สิปรางค์หญิงสาวผู้ที่ไม่เคยคิดจะสนใจความเป็นมาของเจ้ากาแฟเลย ก็เริ่มพลอยนึกสนุกไปกับการได้ลองประสบการณ์แปลกใหม่นี้ คนสวยพยายามปีนป่ายไปตามเนินเขาเล็กๆเพื่อเสาะหาเมล็ดกาแฟที่แดงจัด อยากจะแสดงให้นายช่างหนุ่มผู้เชี่ยวชาญเรื่องกาแฟเห็นว่า หล่อนก็ไม่น้อยหน้าใครในเรื่องของการเก็บเมล็ดกาแฟ
"ว้ายยยยย!!"
แต่แล้วคนสวยก็เสียหลักลื่นล้มลงจากเนินจนได้ วินรีบวิ่งเข้าช่วยพยุงหญิงสาวขึ้นมา แต่สิปรางค์ยังไม่ละความพยายามที่จะเอื้อมมือไปเด็ดเมล็ดกาแฟที่อยู่ข้างหน้า จนนายช่างหนุ่มต้องทำหน้าดุแล้วคว้าข้อมือทั้งสองของหญิงสาวมากำไว้ คนสวยจึงยิ้มแหยๆอย่างจำนนและเขินๆ
ณัฐก้าวเท้าตามเข้ามา เขาหยุดชะงัก และมองภาพที่สนิทสนมของคนทั้งคู่ที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่ค่อยสบายใจ
พี่ปราง อย่ามาใจอ่อนใจง่ายแถวนี้นะพี่…
หลังจากที่ชาวคณะเดินออกจากป่าเมื่อเสร็จสิ้นการสำรวจไร่กาแฟบนเนินเขา ณัฐก็เดินลิ่วนำวินและสิปรางค์ไปยังร้านกาแฟเล็กๆที่เขาเห็นอยู่ไม่ไกลจากริมเชิงเขา
"ช่างวิน ผมเห็นร้านกาแฟเล็กๆตรงโน้น เราไปนั่งจิบกาแฟกันดีกว่า" หนุ่มนักกาแฟอยากจะทดลองชิมกาแฟของไร่นี้จะแย่แล้ว บรรยากาศของร้านกาแฟซึ่งเป็นลานไม้ไผ่แบบโปร่งๆโล่งๆแบบนี้เขายิ่งชอบ
"ลองชิมหน่อยสิครับ ร้านนี้เค้าคั่วเองกับมือเลยนะครับ"
วินสั่งกาแฟมาหญิงสาว ชายหนุ่มดูคุ้นเคยกับเจ้าของร้านกาแฟเป็นอย่างดี สิปรางค์คิดในใจ ไม่สิ เขาดูคุ้นเคยกับทุกคนแถวนี้เลยมากกว่า เขาคงมาแถวนี้บ่อยๆ
แม้หล่อนจะไม่ชอบดื่มกาแฟพร่ำเพรื่อ แต่ไหนๆก็มาถึงถิ่นแล้ว หล่อนก็ยอมรับถ้วยกาแฟมาจากวินแต่โดยดี สิปรางค์นั่งลงที่ม้านั่งยาวใกล้ตัว วางแก้วกาแฟที่รับมาจากนายช่างหนุ่มมาวางลงบนโต๊ะ แล้วพลิกถ้วยกาแฟไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ยกถ้วยกาแฟขึ้นมาดมกลิ่นอย่างสนใจ ก่อนที่จะจิบอย่างช้าๆ
"กาแฟอาราบิก้าเค้าจะออกรสเปรี้ยวหน่อยครับ เป็นรสที่พวกชาวต่างชาติเขาชอบกัน" หนุ่มใหญ่เจ้าของร้านซึ่งยืนพิงเสาอยู่ไม่ไกลยิ้มกว้างให้สิปรางค์เมื่อเห็นหญิงสาวแอบหยีตาเล็กน้อยหลังจากได้ลิ้มรสกาแฟ
คนสวยรู้สึกสดชื่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก อากาศที่บริสุทธิ์บนดอยสูง สายลมเอื่อยๆ และกาแฟรสละมุนตรงหน้า ทำให้หญิงสาวรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก และเมื่อหันไปมองหนุ่มผู้ร่วมงานรุ่นน้อง รายนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากำลังมีความสุขอย่างเต็มที่ ณัฐนั่งอยู่ตรงข้ามกับหล่อน เขาตะแคงข้างให้หญิงสาว ข้อศอกข้างหนึ่งเท้าโต๊ะอยู่ มือก็ถือถ้วยกาแฟ ส่วนขาทั้งสองนั้นก็พาดไปตามม้านั่งตัวยาวที่กำลังนั่งอยู่ ชายหนุ่มเงยหน้าหลับตาพริ้มรื่นรมย์กับบรรยากาศตรงหน้า
ส่วนคนที่นั่งอยู่ข้างๆหล่อนก็ท่าทางมีความสุขไม่แพ้กัน เขานั่งจิบกาแฟด้วยท่าทางสบายๆ ใบหน้าเปื้อนยิ้มน้อยๆอย่างเคย สิปรางค์จับได้ว่าสายตาที่เขามองไปที่ไร่กาแฟเบื้องหน้านั้นเปี่ยมไปด้วยความรักและความภูมิใจ
"การชงให้อร่อยนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับเครื่องชงกาแฟเท่านั้นนะครับ แต่ยังขึ้นอยู่กับส่วนประกอบสำคัญสี่อย่างด้วยกัน คือ สัดส่วนการชงกาแฟ การบดกาแฟ น้ำ และความสดของเมล็ดกาแฟ" วินพยายามที่จะให้ความรู้เรื่องกาแฟกับชาวคณะต่อไป
"ช่างวินนี่ระดับกูรูเรื่องกาแฟเลยนะคะ รู้ไปซะทุกเรื่องที่เกี่ยวกับกาแฟ ตั้งแต่เมล็ดยันวิธีการชง"
สิปรางค์อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชื่นชมเขาปนเหน็บแนม หญิงสาวไม่เคยคิดว่าเขาจะรู้เรื่องกาแฟเยอะขนาดนี้ ท่าทางของนายช่างหนุ่มไม่เห็นเหมือนคนที่จะสนใจอะไรจริงจัง
หรือว่าหล่อนยังไม่รู้จักเขาดีพอ…
"ก็ผมทำงานที่โรงงานกาแฟนี่ครับ" และวินก็ตอบกลับมาแบบไม่จริงจังเหมือนเคย
"แล้วนี่ช่างวินขึ้นมาบนนี้บ่อยหรือครับ" ณัฐหันมาถามหลังจากดื่มด่ำกับวิวทิวทัศน์เบื้องหน้าอย่างเต็มที่แล้ว เขารู้สึกสนใจที่นี่มาก ถ้ามีโอกาสก็อยากจะมาอีก
"ก็มาเรื่อยๆครับ ว่างๆก็ขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นมาเที่ยวเล่น"
นายช่างหนุ่มไม่ได้เล่าต่อว่าไร่ที่ชาวบ้านเช่าทำไร่กาแฟกันอยู่นี้เป็นพื้นที่ที่เขาเป็นเจ้าของซะเยอะ ซึ่งในวันว่างเขามักจะหาโอกาสขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นมาเยี่ยมเยียนและคุยเรื่องสัพเพเหระกับชาวไร่เสมอๆ
ระหว่างทางขากลับ นายช่างหนุ่มพาคณะขับรถอ้อมไปอีกทางนึง เขาตั้งใจจะพาชาวคณะท่องผ่านไปตามหมู่บ้านเล็กหมู่บ้านน้อยในหุบเขา สิปรางค์รู้สึกตื่นเต้นกับถนนหนทางและทิวทัศน์ที่ผ่านไปมาก นานมากแล้วที่หญิงสาวไม่ได้นั่งรถเล่นไปตามชนบทเช่นนี้ ณัฐเองก็รู้สึกสดชื่นไปกับความเขียวขจีของป่าข้างทาง ชายหนุ่มรู้สึกสนุกสนานไปกับการพูดคุยกับชาวบ้าน ยามที่วินพาทั้งคู่แวะลงไปเดินเล่นตามหมู่บ้านข้างทาง
วินมองความเพลิดเพลินของสองหนุ่มสาวแล้วก็ต้องอมยิ้ม เขาตัดสินใจไม่ผิดเลยสินะที่ขับรถพาทั้งสองมาเที่ยวครั้งนี้ นอกจากมะปรางของเขาจะเข้าใจเรื่องของกาแฟมากขึ้นแล้ว เขาก็เห็นหญิงสาวมีหน้าตาที่สดชื่นแจ่มใสอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ใบหน้าสวยๆนั่นยิ่งดูสวยขึ้นไปอีกยามที่ไม่ต้องเคร่งเครียดแต่กับเรื่องงาน
เขาชอบมองใบหน้าสวยๆนั่นยิ้มแย้มและหัวเราะเหลือเกิน…
หลังจากกลับมาจากทริปทัวร์ไร่กาแฟบนดอยในครั้งนั้น สิปรางค์เกิดรู้สึกติดใจในธรรมชาติซึ่งโอบล้อมไปด้วยขุนเขาของทางภาคเหนือ เมื่อช่างโต้งนำการ์ดเชิญแต่งงานที่จะจัดขึ้นที่บ้านของเจ้าสาวในจังหวัดเชียงรายมาให้ หญิงสาวจึงไม่ลังเลที่จะตอบรับคำเชิญในทันที หล่อนยังไม่เคยมาเที่ยวเชียงรายมาก่อน
คุณวิชิตจัดรถบัสขนาดเล็กพอนั่งได้ประมาณสามสิบคนพาพนักงานของโรงงานมาร่วมพิธีกันแต่เช้ามืด หลังจากนั่งหลับๆตื่นๆภายในรถมาร่วมๆสามชั่วโมง ชาวคณะก็ได้มาสูดอากาศยามเช้าที่สดชื่นของเชียงราย บ้านของน้องหนิงว่าที่ภรรยาของโต้งตั้งอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆที่อำเภอรอบนอก เป็นบ้านไม้ยกใต้ถุนสูง แนวรั้วไม้ไผ่ซึ่งปกคลุมไปด้วยกระถินชะอมถูกล้อมขึ้นมาอย่างหลวมๆเพื่อบอกขอบเขตของบ้าน
สิปรางค์ตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมากกับพิธีแต่งงานของทางภาคเหนือซึ่งหล่อนไม่เคยเข้าร่วมมาก่อน หญิงสาวรู้สึกสนุกสนานไปกับขบวนขันหมากในตอนเช้า เจ้าบ่าวช่างโต้งนำญาติพี่น้องพร้อมขบวนแห่บายศรีที่มีขันดอกไม้ และพานใส่ของกำนัล
"ขันดอกไม้ที่น้องสาวของแม่ของช่างโต้งถืออยู่เค้าเรียกว่าขันอัญเชิญครับ" วินช่วยอธิบายขณะเดินร่วมขบวนอยู่ข้างๆมะปรางของเขา
"ส่วนที่น้องสาวช่างโต้งถือนั้น เขาเรียกว่า พานใส่ขันหมากเอก แล้วก็พานใส่ของกำนัลเล็กๆน้อยๆที่น้องๆถือมาเค้าเรียกขันหมากรองครับ ที่เค้าใส่มาก็มีหมาก ใบเงิน ใบทอง ใบนาก และถุงข้าวเปลือก ข้าว ถั่ว งา"
เป็นอีกครั้งที่สิปรางค์ได้ยินนายช่างหนุ่มพูดอธิบายอะไรยาวๆซึ่งไม่ใช่วิสัยของเขานัก ถ้าวินอยากจะพูดอะไรยาวๆ ก็พูดได้นี่นา แล้วทำไมปกติพูดน้อยขนาดนั้น
"แล้วช่างโต้งสะพายดาบมาด้วยทำไมคะนั่น"
ในเมื่อชายหนุ่มดูเหมือนจะรู้เยอะ หล่อนก็ถามสิ่งที่สงสัยเสียเลย
"มันเป็นเครื่องหมายแห่งชายชาตรีน่ะครับ" วินตอบอย่างภาคภูมิใจ
ชายหนุ่มเองถือหีบใส่เสื้อผ้าของช่างโต้งอยู่ในขบวน ส่วนบรรดาพวกผู้ชายคนอื่นๆบ้างก็ถือหน่อกล้วย บ้างก็ถือหน่ออ้อย แต่สำหรับช่างอู๊ด แน่นอนหนุ่มโสดขี้เล่นอย่างเขาต้องเป็นฝ่ายรำฟ้อนอยู่ในวงดนตรีที่ประกอบไปด้วยกลองสิ้งหม้องและปีแนนำหน้าขบวนอยู่แล้ว
และสิ่งที่สิปรางค์ประทับใจที่สุดเห็นจะเป็นพิธีการเรียกขวัญแต่งงาน ซึ่งปู่อาจารย์เป็นผู้เรียกขวัญคู่บ่าวสาวให้รักกันยืนนานชั่วชีวิต หญิงสาวนั่งฟังภาษาล้านนาที่มีทำนองไพเราะอ่อนหวานด้วยความรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก หล่อนถึงกับน้ำตาคลอ เพราะแม้จะไม่เข้าใจภาษาเหนือที่ปู่อาจารย์กล่าวออกมานัก แต่สิปรางค์ก็รู้สึกสัมผัสได้ถึงความรักความอบอุ่น และความห่วงใยที่ถูกถ่ายทอดออกมากับท่วงทำนองนั้น…
"แม่ฝากน้องโตยเนาะอ้ายโต้ง แม่หันอ้ายมีก๋านมีง๋านมั่นคงทำ แม่ก่อสบายใจ๋ ฝากผีฝากไข้ได้"
ขณะกำลังบรรจงผูกข้อมือช่างหนุ่มด้วยฝ้ายดิบสีขาว แม่ของฝ่ายเจ้าสาวก็ร้องไห้ไปอวยพรคู่บ่าวสาวไป สิปรางค์ถึงกับสะดุ้ง มีสีหน้าเจื่อนไปในทันที คำอวยพรนั่นทำให้หญิงสาวเกิดความรู้สึกผิดขึ้นมา
มีงานการทำที่มั่นคงหรือ โรงงานจะปิดในอีกไม่กี่เดือนนี้แล้ว…
"หื้อฮักกั๋น แพงกัน มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมืองเน้อช่างโต้ง อ้ายขอหลานชายโหลนึ่ง จะเอามาตั้งทีมฟุตบอล" ช่างอู๊ดอวยพรเสียงดังผสมไปกับการยักคิ้วหลิ่วตาให้ทั้งคู่ บรรดาแขกในงานต่างส่งเสียงเฮกันชอบอกชอบใจ
ช่างโต้ง เราขอโทษ…
ในขณะทุกคนกำลังมีความสุข หากหญิงสาวสวยผู้มาจากกรุงเทพกลับกำลังรู้สึกเศร้าสร้อยใจท่ามกลางความชื่นมี่นของบรรยากาศเมื่อนึกถึงจุดประสงค์การมาเชียงใหม่ของตนเอง
อีกไม่นานทุกคนก็จะไม่มีงานทำกันแล้ว นี่เรากำลังจะเป็นตัวทำลายความสุขของพวกเค้า…
"เห็นอ้ายโต้งบอกว่า คุณสิปรางค์เป็นเจ้านายมาจากกรุงเทพ ผมฝากมันโตยนะครับ"
พ่อของช่างโต้งเข้ามาทักทายสิปรางค์ขณะที่ทุกคนกำลังล้อมวงกันรับประทานอาหารกลางวันในงานหลังจากที่พิธีการต่างๆเสร็จสิ้นไป
"โต้งบ่ดีไปขี้คร้านนา ขยันๆน่อย แต่งงานแต่งการแล้ว คุณเจ้า ฝากโต้งโตยเน้ยเจ้า" แม่ของโต้งเสริมขึ้นมา แล้วหล่อนก็หันมายิ้มหวานให้คุณคนสวยที่เป็นเจ้านายของโต้ง
ผู้มาจากกรุงเทพได้ยินแบบนี้ก็เกิดสะท้อนใจขึ้นมาอีก หญิงสาวเริ่มหนักใจมากขึ้นกับภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมา คำฝากฝังที่พ่อแม่ของช่างโต้งมีให้กับหล่อน ทำให้หล่อนไม่สบายใจเอาเสียเลย หล่อนไม่สามารถจะรับปากท่านทั้งสองได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
สิปรางค์เริ่มสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่เคยมั่นอกมั่นใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไป หล่อนเริ่มจะไม่มั่นใจเสียแล้ว สิ่งที่หล่อนกำลังทำอยู่ขณะนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ มันกำลังจะทำให้ชีวิตของคนหลายๆคนที่นี่ลำบากหรือเปล่า
นี่เราจะทำอย่างไรดี ไม่น่าเลย เราไม่น่าเกิดความรู้สึกแบบนี้ขึ้นมาเลย…