อากาศของเหมิงจูแม้จะเย็นสบายตลอดทั้งปี แต่เวลานี้บนเตียงนอนลู่ซีกับเหงื่อแตกผลัก ร่างบอบบางราวกิ่งหลิวของนางดิ้นไปมาไม่สงบอยู่บนเตียง 'อย่าไป อย่าจากข้าไป' นางพึมพำเบา ๆ
สักพักคนตัวเล็กจึงตกใจตื่นจากฝันร้าย
เพราะเหตุนี้นางจึงไม่เคยให้บ่าวไพร่มาคอยปรนนิบัติในเวลานอนสักครั้ง เพราะกลัวว่าพวกเขาจะหวาดกลัวตกใจกับท่าทางเช่นนี้ของนาง
นี่ก็ผ่านมาสามปีแล้วแต่นางก็ยังไม่ลืมเขาสักที.. นางฝันร้ายเช่นนี้มาตลอดสามปี ฝันร้ายที่ไม่เคยลืมได้เสียที
ลมพัดพลิ้วไหวอ่อนโยน บุรุษหนุ่มควบอาชาสีดำเข้าประกบเคียงข้างสตรีตัวเล็กที่อยู่บนอาชาสีขาว เส้นผมสีดำที่มัดรวบไว้หลวม ๆ พลิ้วไหวไปกับสายลม คนตัวเล็กเมื่อเห็นเขาทำท่าจะเข้าใกล้ก็เร่งควบหนี
"เสี่ยวซี รอข้าก่อน" อู๋ซื่อหยวนตะโกนเรียกนาง
"ฝีมือควบม้าของท่านเป็นรองข้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน" ลู่ซีตะโกนเย้ยเขา
ในที่สุดอู๋ซื่อหยวนก็ตามทัน
"ช้าหน่อย" เขารีบเข้าไปฉุดบังเหียนม้าของคู่หมั้นสาว เพราะดูเหมือนว่ามันจะเร็วเกินไปแล้ว เกรงว่านางจะเกิดอันตราย
ลู่ซีทำหน้างอ อู๋ซื่อหยวนชอบเวลานางทำหน้างอง้ำ
"อย่าโกรธไปเลย ที่ข้าทำก็เพราะเป็นห่วงเจ้า"
"อ้อ งั้นเหรอ" นางกระโดดลงจากม้า อู๋ซื่อหยวนรีบตามไปทันที
ลู่ซีออกมานั่งที่ศาลาในสวน หากได้รับลมเย็น ๆ คงจะรู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง ส่วนคืนนี้นั้นท้องฟ้ามืดมิดไร้แสงสว่างจากหมู่ดาวหรือพระจันทร์
เมื่อหวนนึกถึงเรื่องราวในอดีต หัวใจของลู่ซีก็ปวดร้าว ยิ่งคิดถึงเขาและช่วงเวลาที่มีความสุขด้วยกันมากเท่าไหร่ นางยิ่งเจ็บปวดใจมากขึ้นเท่านั้น ดูเหมือนว่าอาการเจ็บปวดหัวใจจะเพิ่มขึ้นทุกวัน รักษาเช่นไรก็ไม่หาย
หรือว่ามันเป็นอาการทางใจไม่ใช่ทางกาย
เจิ้นหลินเฟิงที่นอนไม่หลับ ออกมารับลมเย็น ๆ ด้านนอกเช่นกัน เขาเห็นแสงจากตะเกียงในศาลาจึงเดินตามแสงนั่นมา
แต่เพราะไม่ระวังตัวบวกกับไม่ได้สวมรองเท้าถึงเท้าออกมาจากห้องจึงทำให้สะดุดเข้ากับก้อนหินก้อนหนึ่ง
"โอ๊ย" เด็กชายร้องเสียงหลง "ช่วยด้วย"
ลู่ซีได้ยินเสียงร้องเหมือนได้รับบาดเจ็บตามมาได้เสียงขอความช่วยเหลือ นางจึงปรี่เข้าไปยังต้นเสียงทันที
หญิงสาวหมุนตะเกียงไปมาพร้อมหาต้นเสียง
"ซีซี ทางนี้" เจิ้นหลินเฟิงเห็นลู่ซีก็ร้องเรียก
"เรียกข้าพี่ซีซีก่อน ข้าถึงจะไปช่วยเจ้า" นางยืนนิ่งกอดอก
คนเดียวที่กล้าเรียกชื่อเล่นนางนอกจากท่านพ่อและพี่ก็เป็นเขานั่นแหละ
"โอ๊ยเจ็บเหลือเกินนนนน" เจิ้นหลินเฟิงร้องดังกว่าเดิม ให้ตายอย่างไรก็ไม่ยอมเรียกนางว่าพี่
"งั้นปล่อยให้ตายไปเลยดีหรือไม่"
"ตายแน่ ๆ ข้าตายแน่ ๆ" สิ้นเสียงเขาก็แกล้งสลบคอพับคออ่อน
กระทั่งเขาเงียบไป หญิงสาวเห็นท่าไม่ดี จึงกระโดดทะยานไปยังจุดที่เขาอยู่ เพราะตรงบริเวณนั้นมืดมากทำให้มองเขาได้ไม่ชัดนัก ส่วนตะเกียงก็ไม่ได้นำติดมาเพราะรีบมาหาเขาเกินไป จึงทำให้นางไม่เห็นตอนเขาแอบยิ้ม
"เสี่ยวเฟิง" นางเขย่าตัวเขา "เจิ้นหลินเฟิง" นางเรียกชื่อเขาแต่ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น
ลู่ซีจึงอุ้มประคองและกระโดดทะยานกลับมานอนที่พื้นศาลา
พอมาถึงเด็กชายที่หลับอยู่เมื่อครู่ก็ดีดตัวขึ้นนั่งทันที
"เจ้า"
เขาทำท่าเยาะเย้ยนาง
"โตขนาดนี้แล้วยังให้เด็กอย่างข้าหลอกได้"
ลู่ซีทำได้เพียงถอนหายใจอย่างเอือมระอา พลันสายตาก็กวาดไปเห็นข้อเท้าบวมแดงของเด็กชาย
"ออกมาข้างนอกทำไมไม่ใส่รองเท้า" ลู่ซีย่อกายลงเพื่อดูข้อเท้า
เจิ้นหลินเฟิงทำหน้าเหวอเล็กน้อย แทนที่นางจะต่อปากต่อคำกับเขาดันถามเขาด้วยความเป็นห่วง เขาจึงสงบศึกกับนางชั่วคราว
"ลืมน่ะ ปกติจะมีคนคอยจัดการให้" เขาตอบตามความจริง
"รออยู่ตรงนี้ อย่าเดินไปเดินมา ข้าจะเตรียมผ้าประคบร้อนให้เจ้า"
สายตาจริงใจของสตรีหน้าตายผู้นั้น ทำเอาเขารู้สึกผิด เหตุใดนางจึงต้องห่วงใยคนอื่นขนาดนี้กัน
หายไปครู่ใหญ่ ก็กลับมาพร้อมอ่างน้ำอุ่น ผ้าแพรสีขาววางพาดเอาไว้ พร้อมกับห่อยาสมุนไพร ด้านหลังเป็นบ่าวรับใช้ผู้ชายอีกคนหนึ่ง
"เสี่ยวจู ท่านช่วยประคองคุณชายเจิ้นขึ้นนั่งหน่อย" นางขอความช่วยเหลือ
"ขอรับ"
เมื่อทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จบ่าวรับใช้ก็ไม่รั้งอยู่ ไปยืนแอบอยู่ด้านข้าง
หญิงสาวขยับกะละมังให้ตรงกับขาของเด็กชาย เจิ้นหลินเฟิงเห็นแล้วก็รีบหดขาหนี จะให้นางมาล้างเท้าให้เขาได้อย่างไรกัน
"ไม่ต้องกลัวว่าข้าจะล้างเท้าให้เจ้าหรอก แค่เพียงขยับกะละมังให้ เจ้าจะได้ล้างเท้าได้สะดวกเท่านั้น"
"ก็ดี"
แม้ลู่ซีจะหมั่นไส้เด็กคนนี้เท่าใด แต่นางก็พยายามอดทนอดกลั้นให้ถึงที่สุด ในใจก็ท่องแต่ประโยคที่ว่า 'เพราะเขาถูกตามใจ เพราะเขาถูกตามใจ เพราะเขาถูกตามใจมาแต่เด็ก'
ระหว่างที่เขาล้างเท้านางก็จัดเตรียมห่อประคบร้อน ท่าทีคล่องแคล่วของนางนั่นน่ามองนัก แม้จะไม่ได้สวยพิมพ์นิยมตามขนบ แต่ก็ดูสบายตาสบายใจไม่น้อย
"เสี่ยวเฟิง ล้างเสร็จแล้วก็ยกขาขึ้นมา" นางสั่งเขา ลู่ซีตบที่ตักของตัวเอง เพราะถ้าเป็นท่านี้นางจะสามารถประคบขาให้เขาได้ถนัด
"อ้อ" เจิ้นหลินเฟิงยกขาที่บาดเจ็บไปวางบนตักนาง
น้ำมันนวดประคบร้อนที่ลู่ซีจัดเตรียมเมื่อครู่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ เหมือนกลิ่นกายของนางไม่มีผิด ดูเหมือนนางจะใช้เครื่องหอมกลิ่นนั้นผสมกับน้ำมันนวด
ยามที่นางนวดข้อเท้าเขาอย่างแผ่วเบา มันผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก ทั้งกลิ่นหอมทั้งน้ำหนักมือ มันรู้สึกดีไปหมด
"อย่าหลับตรงนี้นะเจ้าเด็กน้อย" นางเอามือจิ้มหัวเจิ้นหลินเฟิงหนึ่งที
เด็กชายส่ายหัวเรียกสติ เพราะง่วงเกินไปเขาจึงเริ่มหาเรื่องคุยกับลู่ซี
"ท่านเอาใจใส่ทุกคนเช่นนี้ตลอดเลยหรือ"
ลู่ซีทำหน้าครุ่นคิด อันที่จริงนางก็ใส่ใจทุกคนที่ยากลำบาก ไม่ว่าใครก็แล้วแต่ ยิ่งเป็นคนรู้จักหรือคนในครอบครัว ยิ่งต้องใส่ใจ
"น่าจะเป็นเช่นนั้นละมั้ง" ใบหน้าของนางเจือยิ้มอ่อนโยน
"แม้กระทั่งคนที่เพิ่งรู้จักกันเพียงผิวเผินเช่นข้านะเหรอ"
นางเงยหน้าจากข้อเท้าของเจิ้นหลินเฟิง และพยักหน้าให้เขา
"พรุ่งนี้ก็เดินได้ปกติ ถ้าปวดก็อดทนหน่อย" นางยื่นยานวดให้เขา
เด็กชายรู้สึกไม่สบอารมณ์นิดหน่อย ที่รู้ว่านางดีกับทุกคนไม่ใช่เขาเพียงคนเดียว
"ไปนอนเถอะดึกมากแล้ว" นางบอกกับเด็กชาย ยามที่เขาทำหน้าหงิกงอลู่ซีอยากจะเอาน้ำสาดจริง ๆ เด็กอะไรไม่รู้จักมารยาทเอาเสียเลย
"แต่ข้าเดินไม่ไหว ให้ขี่หลังท่านไปได้หรือไม่" เขาออดอ้อน
ลู่ซีกลอกตาไปมา อายุแค่นี้แต่เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวนัก
"เสี่ยวจู" ลู่ซีเรียกบ่าวคนเมื่อครู่กลับเข้ามา
บ่าวชายแรงเยอะอุ้มเด็กชายจนตัวลอย เขาทำหน้าเหลอหลา พอหันไปดูสตรีขี้เหร่คนนั้น นางยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ ซ้ำยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อีกด้วย
ได้!!!
ฝากไว้ก่อนเถอะพี่สาวววววววว สายตาของเด็กชายอาฆาตแค้น