webnovel

พี่สาวผู้นั้นเป็นของข้า

“ข้อขอโอกาสอีกครั้ง ขอโอกาสกลับไปแก้ไขความผิดที่กระทำต่อนางอีกสักครั้ง” ชาติที่แล้วเพราะโง่เขลาเบาปัญญาหลงเชื่อคำพูดของคนชั่ว ทำให้เขาปฏิบัติตนไร้น้ำใจต่อนาง หากมีโอกาสอีกครั้งเขาจะรักถนอมนางเพียงผู้เดียว เขาคือ เจิ้นหลินเฟิง อดีตองค์ชายรัชทายาท เพราะพระมารดาหรืออดีตฮองเฮาต้องโทษและประหารทำให้เขาถูกถอดยศ กลายมาเป็นองค์ชายธรรมดา และถูกส่งมาอยู่เมืองหน้าด่านที่ทุรกันดาร จึงทำให้พบกับลู่ซีที่นั่น สตรีทึนทึกที่อายุเลยวัยปักปิ่นไปแล้วหลายปี หน้าตาธรรมดาไม่งดงาม ในคราแรกก็รังเกียจที่ต้องให้สตรีขี้เหร่ผู้นั้นสอนหนังสือ แต่เมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกลับพบว่าลู่ซีนั้นคือสตรีผู้มีจิตใจงดงามผู้หนึ่ง และมีอดีตเรื่องความรักที่เจ็บช้ำ นางเป็นพี่สาวแสนดีที่คอยปกป้องคุ้มครองเขายามถูกคนดูแคลน รู้ตัวอีกทีนางก็เป็นมิตรภาพที่เคียงข้างช่วยเหลือให้กำลังใจเขามาตลอด แต่เพราะมารู้ทีหลังว่าบิดาของนาง เป็นผู้ที่ทำให้พระมารดาเขาต้องถูกประหารและตัวเขาต้องโทษ จากมิตรภาพจึงกลายเป็นศัตรู และไม่ใช่ว่าที่อุ้มชูเลี้ยงดูเขาไว้ในตระกูลลู่ ก็เพราะหวังผลประโยชน์จากเขาในอนาคตหรอกหรือ เพื่อกลับคืนสู่ฐานะเดิมเจิ้นหลินเฟิงจึงหลอกใช้ หาผลประโยชน์จากลู่ซีและครอบครัว และแก้แค้นนาง ทำให้นางเจ็บช้ำน้ำใจถึงที่สุด จนกระทั่งช่วงเวลาสุดท้ายถึงรู้ว่าเขาทำพลาดไปแล้ว ข้าเจิ้นหลินเฟิง ขออ้อนวอนต่อเทพเจ้ามังกร ให้มีโอกาสอีกครั้งแก้ไขเรื่องผิดพลาดทั้งหมดนี่ด้วยเถอะ

Pum_Nanth · History
Not enough ratings
45 Chs

5 สตรีน่าเบื่อ

อีกหลายวันต่อมา เจิ้นหลินเฟิงต้องตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อมาทำภารกิจส่วนตัว ในช่วงแรก ๆ เขาก็อิดออดไม่ชินเท่าไหร่ แต่เพราะมีลู่ซีคอยสอนและชี้แนะทำให้เขาเริ่มปรับตัวได้ทีละน้อย

ทุก ๆ เช้าหญิงสาวจะมาหาเขาที่เรือน ปฏิบัติเหมือนกับว่าเขาเป็นน้องชาย

"เสี่ยวเฟิงตื่นได้แล้ว" ลู่ซีเปิดหน้าต่างขยับม่าน

วันนี้เป็นวันที่เขาต้องเริ่มไปเรียนวันแรก โดยมีองค์หญิงซวนผิงอี้แห่งแคว้นเว่ยและองค์ชายฟ่านอี้หยวนแห่งแคว้นอู่มาร่วมเรียนด้วย นางจึงมาปลุกเขาแต่เช้า

เรื่องเรียนหนังสือนางบอกเขาหมดแล้วว่าต้องเริ่มจากตรงไหนและเรียนอะไร ให้เขาเตรียมตัวไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

ทุกคนล้วนเป็นกำลังหลักในการพัฒนาบ้านเมืองในภายภาคหน้าทั้งสิ้น คนแคว้นอื่นได้ยินว่าลู่จวิ้นอ๋องเป็นปราชญ์ผู้ฉลาดหลักแหลม แต่ละแคว้นจึงพยายามส่งบุตรธิดามายังเมืองเหมิงจูก็เพื่อศึกษาหาความรู้จากลู่จวิ้นอ๋อง ซึ่งการรับศิษย์แต่ละครั้งนั้นก็ยากยิ่ง

ใครได้ร่ำเรียนด้วยนับว่ามีบุญสัมพันธ์ฟ้าได้กำหนดมาแล้ว

"ทำไมวันนี้ต้องตื่นเช้านัก" เด็กชายถาม

"วันนี้เจ้าต้องไปเรียนหนังสือ"

"ห๊า!! เรียนหนังสือ" เจิ้นหลินเฟิงได้ยินคำว่าเรียนหนังสือ เด็กชายก็ล้มตัวลงนอนอีกรอบ

"ถ้าอยากเป็นคนโง่ ก็จงนอนต่อไป" ลู่ซีพูดถึงขนาดนี้เขาก็ยังไม่ตื่นขึ้นมาอีก "ข้าได้ยินท่านพ่อพูดว่า องค์จักรพรรดิพูดเปรย ๆ ว่า หากวันใดที่เสี่ยวเฟิงสามารถตั้งใจเล่าเรียน สร้างความดีความชอบ บางที....." ลู่ซีแกล้งเดินออกจากห้อง "ไม่พูดแล้วดีกว่า"

"เดี๋ยวก่อนสิ ท่านจะเงียบแบบนี้ไม่ได้"

หญิงสาวหันไปยิ้มมุมปากแล้วแสร้งไม่รู้ไม่ชี้ สองขาเรียวเล็กของนางรีบก้าวอาด ๆ ออกจากเรือนของเจิ้นหลินเฟิงทันที

เพราะอยากฟังว่าเสด็จพ่อพูดอะไรต่อ เขาจึงรีบล้างหน้าแปรงฟันแต่งกายตามนางออกไป

เมื่อไปถึงห้องหนังสือ เขาพบว่าด้านในมีเด็กชายเด็กหญิงรุ่นราวคราวเดียวกับเขาอยู่สองคน เมื่อเห็นว่าท่านอานั่งเงียบไม่พูดจา เขาเกรงว่าจะโดนดุค่อย ๆ ก้าวไปนั่งโต๊ะหนังสือที่ยังว่างอยู่ ขนาดมันพอดีกับตัวเขาไม่ขาดไม่เกินเบาะรองนั่งก็นุ่มสบาย

ส่วนนางก็ไปนั่งฝนหมึกอยู่ข้างท่านอาเมื่อตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้

"มาก็สายยังจะส่งเสียงดังอีก" ฟ่านอี้หยวนค่อนแคะผู้มาใหม่

เจิ้นหลินเฟิงหันขวับไปทางต้นเสียง กำลังจะเอ่ยปากเถียงกลับ แต่สายตาลู่ซีที่ส่งมาปรามนั้นทำให้เขาต้องเงียบ

"เจ้าคือองค์ชายเจิ้นหลินเฟิงงั้นเหรอ" เด็กสาวหน้าตางดงามอีกคนเป็นฝ่ายสนทนากับเขาก่อน

ตั้งแต่วันที่ได้ยินว่าเจิ้นหลินเฟิงมาอยู่ที่เมืองเหมิงจู ซวนผิงอี้ก็รบเร้าพระบิดาให้ส่งนางมาเรียนหนังสือที่นี่ ได้ยินว่าองค์ชายผู้นั้นหล่อเหลางดงามราวกับรูปสลักหยก ผิวขาวประหนึ่งหิมะ เมื่อได้เห็นหัวใจของนางก็เต้นรัว อย่างควบคุมไม่ได้ เขาเป็นดังเช่นคำเล่าลือจริง ๆ

ท่วงท่ากิริยาของซวนผิงอี้งดงามแบบที่เขาไม่พบเห็นมาก่อน หญิงสาวที่เมืองหลวงที่เจิ้นหลินเฟิงเคยพบเจอล้วนแต่ยอดหญิงงาม แต่สตรีเหล่านั้นไม่มีผู้ใดเทียบสตรีตรงหน้าได้เลยสักนิด

"เจ้าคือ" เขาถามชื่อ

"ข้าซวนผิงอี้ มาจากแคว้นเว่ย เรียกว่าว่าผิงเอ๋อก็ได้" นางยิ้มพรายแจ่มใส่ให้เขา

แต่พอมองถัดไปเบื้องหลังของซวนผิงอี้กลับเป็นใบหน้าของลู่ซีที่แสนธรรมดาเรียกได้ว่าไม่เฉียดคำว่างดงามเลยสักนิด ยิ่งเปรียบเทียบกับซวนผิงอี้ยิ่งชัดเจน

ฟ่านอี้หยวนเห็นซวนผิงอี้เป็นฝ่ายเข้าหาเจิ้นหลินเฟิงก่อนก็ยิ่งไม่ชอบหน้าคนผู้นั้นมากขึ้นกว่าเดิม

ลู่เหิงเทารอจนบุตรสาวฝนหมึกได้ที่เขาจึงเริ่มทำการเรียนการสอน

แน่นอนว่าเมื่อหมดหน้าที่ของตนเล่า ลู่ซีก็ไม่รั้งอยู่ นางขึ้นไปห้องหนังสือชั้นสามเพื่ออ่านหนังสือใหม่ที่พี่ชายหามาให้ หากอ่านเสร็จก็จะจัดการจัดระเบียบเป็นหมวดหมู่

หนังสือในหล้านี้ ไม่มีเล่มไหนที่นางไม่เคยอ่าน ลู่ซีเชื่อว่าอย่างนั้น

ความรักประโลมโลกแบบชายหญิง ความเศร้าโศกเสียใจ ทั้งหมดนั่นนางได้สัมผัสมาแล้ว ชีวิตจริงนั้นเจ็บปวดกว่าในหนังสือมากมายนักลู่ซีคิดถึงเขา คิดถึงเขาสุดหัวใจ

หญิงสาวกระโดดเหยงเพื่อที่จะหยิบหนังสือที่อยู่บนชั้นด้านบนมาอ่าน แต่ทำอย่างไรก็นางก็เอื้อมไม่ถึง ขณะที่กำลังจะปีนขึ้นบนชั้นหนังสือ

ใครบางคนก็จับเอวคอดกิ่วและยกตัวนางให้สูงขึ้น

"พี่ซื่อหยวนท่านปล่อยข้าก่อน" นางตกใจ

"ก็เห็นว่าเจ้าหยิบหนังสือบนนั้นไม่ถึง" เขายิ้มกรุ้มกริ่ม

"ท่านหยิบให้ข้าก็ได้" นางโวยวาย

"ข้าจะไปรู้ได้อย่างรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าอยากอ่านเล่มไหน" อู๋ซื่อหยวนปล่อยนางลง

คนตัวเล็กตอนนี้จึงตกอยู่ในวงล้อมของเขา

ลู่ซียิ้มเขินอาย ชายหนุ่มจูงมือนางออกมาด้านนอก เขาคัดตำราส่วนนางอ่านหนังสือ เป็นภาพที่บ่าวไพร่เห็นจนชินตา

ตกบ่ายก็ถึงเวลาเลิกเรียน เด็กทั้งสามต่างมีอาการง่วงเหงาหาวนอน วันนี้เป็นวันแรกที่เริ่มเรียนพวกเขาคงยังปรับตัวไม่ได้ลู่เหิงเทาจึงให้พวกเขาไปพักผ่อนเที่ยวเล่นกันตามอัธยาศัย

"วันนี้พอแค่นี้พวกเจ้าไปพักผ่อนเถอะ" ลู่เหิงเทาบอกเด็กทั้งสาม

ทุกคนพอได้ยินเรื่องไปเที่ยวก็ตาลุกวาว

"ชวนพี่ซีซีไปด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ" เด็กสาวถาม

"ขึ้นอยู่กับนางว่าจะไปหรือไม่ ข้าก็บอกไม่ได้เช่นกัน" ลู่เหิงเทาบอกแก่ศิษย์ทั้งสาม

"จะชวนไปทำไม นางน่าเบื่อจะตาย" เจิ้นหลินเฟิงบ่น

"ข้าเห็นด้วย" ฟ่านอี้หยวนเห็นด้วยกับคำพูดของเจิ้นหลินเฟิง

ก่อนที่เขาจะมาฝากตัวเป็นศิษย์ของลู่จวิ้นอ๋อง เขามีโอกาสได้มาช่วยงานลู่ซี เพื่อแสดงความจริงใจ ความตั้งใจมาเรียนหนังสือกับลู่จวิ้นอ๋อง แต่วันทั้งวันสตรีผู้นั้นเอาแต่สั่งให้เขาอยู่ในห้องหนังสือ ไม่ทำความสะอาดก็เอาตำราเก่าเก็บออกมาตากแดด แค่นึกถึงช่วงเวลานั้น ฟ่านอี้หยวนก็ขนลุกแล้ว

แถมยังเป็นสตรีที่เรียกได้ว่า.....เอ่อ ไม่เฉียดเข้าใกล้คำว่าสวยเลยสักนิด มีดีแค่ฉลาดและเป็นชนชั้นสูงเท่านั้น เชื่อว่าหากเป็นสาวชาวบ้านทั่วไป นางคงเป็นได้แค่คนงานที่อยู่ระดับล่างสุดเท่านั้น

"ผิงเอ๋อ พวกเจ้าไปกันเถอะ ข้าจะไปที่โรงทาน" ลู่ซีลงมาได้ยินที่พวกเขาสนทนากันทั้งหมด เหตุใดนางจะไม่รู้ ว่าตนนั้นน่าเบื่อขนาดไหน

"พี่ซีซี" ผิงอี้ทำสีหน้าอ้อนวอน

"ถ้านางไม่ไปก็อย่าได้บังคับนางเลยผิงเอ๋อ" ฟ่านอี้หยวนพยายามขัดผิงอี้

"ข้าต้องไปค่ายทหารกับพี่ใหญ่ เจ้าไปเที่ยวกันเถอะ" ลู่ซีอดทนกับความไร้มารยาทของเด็กชายทั้งสอง

นางเข้าใจดี ไม่ว่าใครก็อยากใกล้ชิดกับคนงาม ให้นางไปด้วยจะเป็นการขวางหูขวางตาเปล่า ๆ ลู่ซียังคงมีใบหน้าเปื้อนยิ้มเหมือนเช่นทุกครั้ง นางพูดคุยกับพวเขาเสร็จก็ไม่ได้รั้งอยู่รีบออกจากห้องหนังสือไปที่โรงเลี้ยงม้าทันท