webnovel

บทที่ 25 อดีต 10

บทที่ 25

อดีต 10

"หลันเอ๋อร์!!!"ชิงหลงเรียกชื่อร่างเล็กตรงหน้าเสียงดังด้วยความตกใจ ร่างบางตรงหน้ามองเขาด้วยสายตาใสซื่อ แล้วยังถามว่าเขาเป็นใครทำเหมือนคนไม่รู้จักกัน หรือการฟื้นคืนของหลันเอ๋อร์จะจำอะไรก่อนหน้านี้ไม่ได้นะ

"ข้าชื่อหลันเอ๋อร์รึขอรับ แล้วท่านละชื่ออะไร"ร่างบางตรงหน้าชิงหลงทำท่าทางตื่นเต้นเมื่อรู้ชื่อตนเอง แล้วถามชื่อเขาต่ออย่างฉงนสงสัย

"ข้าชื่อชิงหลง เป็นคนรักของเจ้า หลันเอ๋อร์"ชิงหลงพูดออกมาน้ำเสียงอ่อนโยน สิ่งที่บอกไปเพื่อทดสอบคนตรงหน้าว่าจำอะไรไม่ได้จริงๆ

"จริงเหรออ….เจ้าคือคนรักของข้างั้นเหรอ แล้วคนรักคืออะไร"ร่างเล็กมองเขาด้วยด้วยความฉงน แล้วเอียงคอถามด้วยดวงหน้าใสซื่อ

"คนรัก…เอ่อ…คนรักก็คือชีวิตเจ้าเป็นของข้า ชีวิตข้าก็เป็นของเจ้า เราสองคนเป็นส่วนนึงของชีวิตกันและกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน อยู่ด้วยกันจนหัวขาวแก่เฒ่าอย่างไรเล่า…"ชิงหลงพยายามอธิบายด้วยเสียงอ่อนโยน แต่หัวใจกลับเต้นแรงแทบทะลุอกออกมาอย่างลุ้นระทึกกับอาการที่นิ่งไปของคนตรงหน้าหลังจากฟังเขาอธิบาย

"อ่าาา….แล้วทำไมข้าจำอะไรไม่ได้เลยละ จำไม่ได้แม้แต่ว่าข้าชื่อกระไร เจ้าเป็นใคร พ่อแม่ข้าชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไร ทำไมข้าถึงจำอะไรไม่ได้เลยละ"ร่างเล็กที่ฟังเขาพูดด้วยท่าทางคิดหนัก นิ่งเงียบไปสักพัก ก็เริ่มพูดเสียงสั่นเครือเศร้าสร้อยขึ้นมา

"หลันเอ๋อร์…เจ้าใจเย็นก่อนนะ เจ้าแค่ไม่สบาย ข้าพาเจ้ามารักษาที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์นี่คงทำให้ความทรงจำเจ้าหายไปชั่วคราวนะ ไม่นานเจ้าก็จะจำได้ ตอนนี้เจ้าอย่าเศร้าเสียใจไปเลย เจ้ายังมีข้านี่ไง"ชิงหลงที่เห็นความเศร้าในดวงตาสวยคู่นั้นก็อดไม่ได้ที่จะขยับตัวเข้าไปใกล้ร่างเล็กและรั้งร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดไม่ได้ พรางลูบหัวอย่างอ่อนโยนด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติราวกับเคยทำบ่อยจนเป็นเรื่องธรรมดา จากที่ดูท่าทางเขาคิดว่าหลันเอ๋อร์คงจะจำอะไรไม่ได้จริงๆ นี้ถือเป็นเรื่องที่ดี

"อือ…งั้นข้าจะไม่คิดมาก รอเวลาเดี๋ยวข้าก็คงจะจำได้เองแหละ ว่าแต่เจ้าเป็นคนรักของข้าจริงเหรอ"

"จริงสิ ข้า..ชิงหลง เป็นคนรักของเจ้า..อี้หลัน"ชิงหลงที่กอดปลอบร่างบางอยู่พูดคุยกับร่างเล็กอย่างมีความสุข

"นี่ข้ามีคนรักที่หล่อเหลาเช่นนี้ได้ยังไงนะ ชิงหลงทั้งดูดี หน้าตาหล่อเหลาคมคาย มีประกายรอบตัวสูงส่ง หากไม่รู้ว่าท่านเป็นคนรักของข้า ข้าคงคิดว่าอยู่บนสรวงสวรรค์เป็นแน่ เพราะข้าเจอเทพบุตร ข้านี้ช่างโชคดีที่ลืมตาก็มีท่านอยู่ข้างกาย"คราวนี้ร่างเล็กในอ้อมกอดพูดด้วยน้ำเสียงสดใสไร้เดียงสา พูดชมเขาไม่หยุด

"หือ?...ข้ารูปงามขนาดนั้นเชียวรึ?"พูดจบชิงหลงจึงเหลือบหางตามองน้ำข้างตัว ก็เห็นใบหน้าเขาที่มีความเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อยเลย ใบหน้าคมมีสันกรามที่ชัดขึ้น คิ้วกระบี่ได้รูป เข้มขึ้นและโก่งสวยขึ้นกว่าเดิม ดวงตาเรียวรีคมเข้มกับนัยน์ตาสีดำสนิทราวกับความมืดในรัตติกาลดูมืดมนกว่าเดิมมากยามสบตากับเขา จมูกโด่งเป็นสัน กับริมฝีปากหนาแดงได้รูป จากปกติริมฝีปากชิงหลงจะไม่หนาไม่บางได้รูป เรียกได้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของชิงหลงเปลี่ยนไปมากพอสมควรจนแทบจะจำร่างเดิมไม่ได้ คงเป็นเพราะเขากำจัดจิตมารออกไปได้ ทำให้ร่างเทพเซียนนี่ปรากฏออกมา และจากที่ชิงหลงรู้ปรมาจารย์เวทย์ส่วนใหญ่เมื่อบำลุเป็นเทพเซียนด้วย ร่างจะมีเพียงแค่ประกายเทพเซียนเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ร่างกายภายนอกไม่เปลี่ยนแปลงเพราะพลังเวทย์แข็งแกร่งกว่าพลังยุทธ์หนึ่งขั้นเสมอ ต่อให้อยู่ระดับเดียวกันก็เถอะ ทำให้หลันเอ๋อร์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอกไป ดังนั้นก่อนหน้านี้เสี่ยวหู่คงจะมีอารมณ์โกรธมากเกินไปสินะถึงไม่ได้ทักท้วงเรื่องรูปลักษณ์ของเขาเลย

"ชิงหลงรูปงามดูดีที่สุดในสายตาข้า"ร่างบางพูดตามที่คิด

"หึหึหึหึ…เจ้าก็รูปงามและน่าเอ็นดูที่สุดในสายตาข้า..หลันเอ๋อร์"ชิงหลงพูดอย่างมีความสุข

ซึ่งอี้หลันที่ถูกรั้งร่างเข้าไปกอดในอกแกร่งก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น และมีความรู้สึกคุ้นเคยราวกับเคยมีคนโอบกอดเขาเช่นนี้ แม้จะสงสัยว่าร่างสูงใหญ่ที่บอกว่าเป็นคนรักของอี้หลันจะไม่น่าเชื่อเท่าไหร่ แต่ความรู้สึกอบอุ่นในใจนี้ก็เป็นเรื่องจริง ตอนที่รู้สึกตัวก็สัมผัสได้ว่ามีคนโอบกอดเขาอยู่จากด้านหลัง พอเขาผละตัวออกแล้วเห็นใบหน้าคนที่โอบกอดอยู่ก็ตกตะลึงไปแวบนึงเหมือนกัน คนอะไรหล่อเหลาราวกับเทพอันสูงส่ง แต่ตอนนั้นเขาคิดอะไรไม่ออกเลย ในหัวของอี้หลันขาวโพลนไปหมด ยังดีที่คนตรงหน้าทำเหมือนรู้จักเขา แถมยังเรียกเขาว่าหลันเอ๋อร์ เป็นคนรักของร่างสูงที่ชื่อชิงหลง ซึ่งพอเขาได้ฟังกลับไม่ได้ดีใจอะไรเลย เพราะเขาสับสนว่าทำไมในหัวเขาถึงไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับชิงหลงเลย และไม่มีความทรงจำอะไรในหัวเลย เขาเป็นใคร พ่อแม่เขาละเป็นใครกัน และชิงหลงคือคนรักของเขาจริงๆใช่หรือไม่ ทำไมเขาไม่มีความจำอะไรเลย ทำไมเขาถึงจำอะไรไม่ได้ พอถามชิงหลง ร่างสูงก็บอกเพียงว่าเขาป่วย แต่ที่เขาแน่ใจอย่างนึงคือใจดวงน้อยของเขาอุ่นวาบเสมอ เมื่ออยู่ในอ้อมกอดร่างสูง ถึงแม้จะมีความรู้สึกอึดอัดอยู่บ้างก็ตาม คงเป็นเพราะเขายังไม่ชินละมั้ง

"เช่นนั้นเราขึ้นจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์เถอะหลันเอ๋อร์ เจ้าแช่น้ำนานแล้ว เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้นะ.."

"อะ...เอ่อ..ชิงหลงข้าเดินเองได้"อี้หลันพูดอย่างตกใจที่ร่างสูงอุ้มตัวเขาลุกขึ้นแล้วเดินขึ้นฝั่งไป โดยที่เขายังไม่ทันได้ตั้งตัว

"เรียกข้าว่า พี่หลงเหมือนเดิมเถอะหลันเอ๋อร์"ร่างสูงพูดพร้อมวางเขาลงพื้นที่สะอาดไม่มีเศษหินและฝุ่นละออง ในขณะที่ร่างสูงยืนอยู่ตรงที่มีเศษหินกรวดสกปรก ปรนนิบัติราวเขาสูงส่งไม่ยอมให้แปดเปื้อน ส่วนตัวเองจะเป็นยังไงก็ช่าง นั้นยิ่งทำให้อี้หลันแน่ใจว่าร่างสูงคงจะเป็นคนรักของเขาจริงๆ เพราะถ้าไม่รักกันจะดูแลดีขนาดนี้ได้ยังไง เขาคงต้องทำใจให้ชินเร็วๆสินะ และรักษาตัวให้ความทรงจำทั้งหมดกลับมา จะได้ทำตัวถูก เวลาที่ร่างสูงเข้ามาใกล้ชิดกัน และตอนนี้ด้วยเสื้อผ้าหน้าผมที่เปียกปอนของเราทั้งคู่ รอบตัวไม่มีสัมภาระอะไรเลย จะทำยังไงดี เขาเห็นร่างสูงกำลังรวบรวมอะไรสักอย่างที่ฝ่ามือแลดูยุ่งยากไม่น้อย อยากตัวแห้งและเปลี่ยนชุดจัง อี้หลันคิดในหัว อยู่ๆตัวก็แห้งแล้วชุดที่เปียกปอนมีรอยขาดแหว่งก็เปลี่ยนเป็นชุดที่ประณีตสวยงามราวกับเขาไม่เคยตัวเปียกมาก่อน เขาอึ้งไปเลยที่เห็นแบบนั้น พอเงยหน้ามองพี่หลงก็เห็นอีกฝ่ายขมวดคิ้วเหมือนกำลังคิดอะไรไม่ตกสักอย่าง

"พี่หลง…เกิดอะไรขึ้นกับข้า พอข้าคิดว่าอยากตัวแห้งและเปลี่ยนชุด ตัวข้าก็แห้งและชุดที่ใส่ก็เหมือนกับเสกมา เพราะอยู่ๆชุดนี้ก็อยู่บนร่างข้าแล้ว มันคืออะไรกันแน่"เขาไม่เข้าใจเลยถามพี่หลงไป

"หลันเอ๋อร์..เป็นผู้ใช้เวทย์ที่แค่คิดในหัวก็เหมือนกับร่ายคาถาแล้ว ดังนั้นพอหลันเอ๋อร์คิดอยากตัวแห้ง อยากเปลี่ยนชุด พลังเวทย์ในตัวหลันเอ๋อร์ก็ทำงานเหมือนเดิมนั้นเอง ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีนะ ที่หลันเอ๋อร์สามารถใช้เวทย์ได้เหมือนเดิมเลย"ร่างสูงอธิบายอย่างใจเย็นให้เขาฟัง

"เช่นนั้นหรือขอรับพี่หลง"เขาถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

"เป็นเช่นนั้นสิหลันเอ๋อร์ พี่จะโกหกเจ้าทำไม"พี่หลงพูดพร้อมส่งยิ้มมาให้เขา เขาจึงทดลองคิดให้ตัวพี่หลงแห้งและเปลี่ยนชุดที่เหมาะสมให้ร่างสูง ซึ่งร่างสูงก็ตัวแห้งและชุดเปลี่ยนตามที่เขาคิดเลย

"หู้ยยยย…เป็นอย่างที่คิดเลย คิดอยากได้อะไรก็ได้ เป็นผู้ใช้เวทย์นี้ดีจริงๆเลยนะขอรับพี่หลง"เขาที่ตื่นเต้นราวกับได้พบเจอของเล่นที่ไม่เคยเห็น ทั้งที่มันอยู่ในตัวเขาแท้ๆ แต่เขาก็ดีใจอยู่ดีต่อให้จำอะไรไม่ได้ก็ตาม

"อืม…พี่ดีใจที่หลันเอ๋อร์มีความสุข"ถึงพี่หลงจะพูดแบบนั้น แต่เขากลับสัมผัสได้ถึงความกังวลอะไรบางอย่างในดวงตาคมเข้มนั้นที่มองมาทางเขา

"เป็นอะไรรึเปล่าขอรับพี่หลง"

"อ่อ...เปล่าจ้ะ พี่แค่กังวลเกี่ยวกับบ้านของเรานะ"

"บ้านของเรา…บ้านของเราทำไมรึขอรับพี่หลง"เขาที่ถามพี่หลงถึงความกังวลในดวงตานั้นว่าจะเป็นเรื่องอะไร ที่แท้ก็เรื่องที่บ้าน บ้านของเรา บ้านของเราคืออะไร คือที่ไหน

"บ้านของเราก็คือพรรคมังกรนิลเพลิงอย่างไรเล่า"

"พรรคมังกรนิลเพลิง…พรรคมังกรนิลเพลิงรึขอรับ"เขารู้สึกคุ้นกับชื่อนี้มาก เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน แต่ก็ไม่น่าแปลกอะไรเพราะพี่หลงบอกเองว่าที่นั้นคือบ้านของเรา เขาจะคุ้นก็ไม่แปลก

"ใช่ พรรคมังกรนิลเพลิง ที่นั้นคือบ้านของเรา เรากลับบ้านกันเถอะ แต่ที่นั้นเพิ่งจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น คงจะต้องให้หลันเอ๋อร์อยู่แต่ในตำหนักสักพัก ส่วนพี่จะจัดระเบียบในพรรคใหม่ซะก่อน หลังจากนั้นหลันเอ๋อร์จะเดินเล่นไปมาที่ใดก็ได้ในพรรค"

"อ่อ..ได้ขอรับ ข้าเชื่อฟังพี่หลง"เขาที่ฟังพี่หลงอธิบายให้ฟังก้ตอบรับให้อีกฝ่ายสบายใจ

"เก่งมาก…เด็กดี"พี่หลงพูดเสร็จแล้วเดินเข้ามาจรดจุมพิตที่หน้าผากเขา แล้วจับข้อมือเขาพาเดินออกมาหน้าปากถ้ำ จากนั้นพี่หลงก็ผิวปากเรียกอะไรสักอย่าง จนเงาขนาดใหญ่ทาบทับอยู่เหนือหัวเขาและพี่หลง พอเขาเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นมังกรทองขนาดใหญ่ที่เกล็ดสีทองนั้นเปล่งประกายเรืองรองโดดเด่นออกมาทั้งตัว จนเขาเองยังแสบตาเมื่อมองไปนานๆ

"มาเถอะหลันเอ๋อร์ กลับบ้านกันเถอะนี้ใกล้มืดค่ำกันแล้ว"พี่หลงที่ดึงข้อมือเขาให้เดินตามไปแล้วอุ้มเขาลอยขึ้นมาบนหลังมังกร จากนั้นวางเขาให้ยืนอยู่เบื้องหน้าที่พี่หลงโอบเอวเขาอยู่เบื้องหลัง จากนั้นผิวปากมังกรทองก็ค่อยๆลอยสูงขึ้นแล้วบินไปในท้องฟ้าที่มีแสงสีส้มรำไรของดวงอาทิตย์ที่จะลับขอบฟ้า ลอยมาสักพักก็ถึงเขาลูกนึงที่มีบ้านเรือนมากมายเต็มทั้งภูเขา เมื่อคนในภูเขาเห็นมังกรทองนี้ก็เริ่มทำสัญญาณอะไรสักอย่าง เขาเพิ่งรู้ว่ามันคือการสั่นระฆังก็ตอนบินมาเกือบถึงยอดเขาเพราะตอนนี้เสียงระฆังดังไปทั้งภูเขาและบริเวณข้างเคียง มังกรทองบินจนถึงจุดสูงสุดของเขาลูกนี้ที่เป็นบริเวณลานกว้างและตำหนักมากมายรายล้อมลานนี้ มังกรทองลงจอดยังลานกว้างอย่างพอดิบพอดีเหมือนทำเป็นปกติ เขาที่ยังตั้งสติไม่ทันก็โดนพี่หลงอุ้มแล้วลอยตัวลงยืนที่พื้นลานกว้าง จากนั้นมังกรทองก็บินหายแวบไป

"นายน้อย…นายน้อยกลับมาแล้ววว…"

"นายท่านชิงหลง…ท่านกลับมาแล้ว ขอบคุณพระเจ้าทุกพระองค์ที่ส่งนายท่านกลับมา"

"นายน้อย…นายน้อยชิงหลงจริงๆรึขอรับ"

"ใบหน้าและรูปลักษณ์นายน้อยไม่เหมือนเดิม แต่ท่านหวงหลงมังกรทองที่เป็นสัตว์เทพในพันธะของนายน้อยเป็นมังกรตัวเมื่อกี้แน่นอน ต่างเพียงรัศมีเทพเซียนที่ออกมา แสดงว่านายน้อยบำลุเป็นเทพเซียนแล้วสินะ ถึงได้มีร่างเทพเซียนเช่นนี้"

"โอ้…นายน้อยช่างเก่งกาจ หายไปไม่นานก็กลับมาพร้อมประกายเทพเซียนแล้ว"

คนมากมายทั้งผู้หญิงผู้ชายต่างวิ่งเข้ามายังลานกว้างนี้พร้อมทั้งร้องห่มร้องไห้และส่งเสียงเรียกพี่หลง ทุกคนต่างแสดงออกว่าดีใจมากที่พี่หลงกลับมา เหมือนทุกคนเจอเรื่องที่หวาดกลัวและหวาดผวามาก หาคนที่เป็นที่พึ่งทางใจไม่มี พอเจอหน้าพี่หลงก็เหมือนเจอเทพที่มาประทานพรช่วยเหลืออย่างไรอย่างนั้น

"ใช่…ข้าคือชิงหลง…ข้ากลับมาแล้ว"ร่างสูงพูดออกไปเพื่อเรียกสติที่เตลิดไปของทุกคนรอบตัว ทำให้ตอนนี้ทุกคนเริ่มได้สติ ขยับตัวออกไปสามก้าวแล้วคุกเข่าก้มหัวลงโขกพื้นเพื่อคำนับแล้วกล่าวชื่อพี่หลงออกมาเสียงดัง

"คารวะนายน้อยชิงหลง…คารวะนายน้อยชิงหลง….คารวะนายน้อยชิงหลง…"กล่าวสามครั้งเหมือนบูชาเทพเจ้าเลย เขามองไปอย่างสงสัยในการกระทำของทุกคนเบื้องหน้า สงสัยว่าเขาต้องทำมั้ย เขาจึงหันหน้าสงสัยไปหาพี่หลง

"เจ้าไม่ต้องทำอะไรแบบนี้หรอกหลันเอ๋อร์"พี่หลงคงเห็นสายตาเขาจึงห้ามความคิดเขาไว้แค่นั้น

"เอ่อ…นายน้อยขอรับ…คนข้างกายนายน้อย คือผู้ใดรึขอรับ"เสียงของผู้อาวุโสคนนึงที่ยังคุกเข่าอยู่เอ่ยถามขึ้น

"นี่คืออี้หลัน…เป็นคนรักของข้า ขอให้ทุกคนที่เคารพข้า เคารพหลันเอ๋อร์ยิ่งกว่า แล้วดูแลหลันเอ๋อร์ให้ดี ดีกว่าดูแลข้า เพราะหลันเอ๋อร์จะเป็นฮูหยินของข้า เป็นนายหญิงของพวกเจ้า…"พี่หลงหันกลับไปบอกทุกคนเสียงเข้ม เขาที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวใจเต้นแรงแล้วหันมองหน้าด้านข้างพี่หลงอย่างรวดเร็ว

"คารวะนายหญิงอี้หลัน…คารวะนายหญิงอี้หลัน….คารวะนายหญิงอี้หลัน"เมื่อจบประโยคพี่หลงทุกคนก็ก้มหัวโขกพื้นแล้วคำนับเขาสามครั้งเหมือนตอนพี่หลงเลย

"จิ้งหลิว…จิ้งหลัน เจ้าพานายหญิงไปพักที่ตำหนักบุปผา ส่วนผู้อาวุโส ข้าขอเชิญไปประชุมที่ท้องพระโรงสักหน่อยเถิด ข้าอยากทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดตอนที่ข้าไม่อยู่พรรค ส่วนคนอื่นๆแยกย้ายไปทำหน้าที่ตนเอง"พี่หลงหันไปเรียกสาวใช้สองคนมาพาตัวเขาไปตำหนักบุปผาที่ว่า ส่วนประโยคหลังหันไปพูดกับผู้อาวุโสสี่ห้าคนและคนั้งหมดที่ยังคุกเข่ารอรับคำสั่งอยู่ เขาที่โดนสาวรับใช้ประคองแขนซ้ายขวาเดินห่างออกมาเรื่อยๆจนลับร่างสูง เขาก็เข้าสู่สวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่มีดอกไม้สวยนานาชนิดกำลังผลิบานและเล่นแสงจากโคมไฟรอบสวน ถึงความมืดจะรอบตัว แต่บรรยากาศในสวนดอกไม้นี้ยังคงงดงาม กลิ่นหอมของเล่ามวลบุปผาทำให้เขานึกออกรางๆว่าเขาเคยอยู่เรือนที่มีมวลบุปผารายล้อมเรือนเช่นกันกับที่นี่ แถมกลิ่นหอมของบุปผายังทำให้เขานอนหลับสบายไปทั้งคืนด้วย เมื่อมาหยุดยืนที่หน้าตำหนักใหญ่กลางสวน ก็เห็นตัวเรือนที่เต็มไปด้วยของงามล้ำค่าทั้งเรือน และเรือนนี้ยังใหญ่พอที่จะแยกเป็นห้องหับต่างๆได้อย่างสบาย สาวรับใช้ทั้งสองคนเดินพาเขามาที่ห้องนอนใหญ่ ในห้องมีของถูกจัดเตรียมไว้อย่างเรียบร้อยแล้ว เขาจึงเดินไปนั่งที่โต๊ะน้ำชา สาวใช้เห็นจึงรินชาร้อนๆหอมกรุ่นให้เขา

"พวกเจ้าสองคน ใครชื่ออะไรบ้างนะ ข้าจำไม่ได้"เขาที่นั่งชิบชาอยู่เอ่ยถามขึ้นแล้วมองทั้งสองคนชัดๆ

"ข้าน้อยจิ้งหลิวเจ้าค่ะนายหญิง"

"ข้าน้อยจิ้งหลันเจ้าค่ะนายหญิง"สาวใช้คนแรกท่าทางทะมัดทะแมง หน้าตาดูดีน่ารัก รูปร่างปราดเปรียว ส่วนคนที่สองท่าทางอ่อนหวาน หน้าตาหมดจดงดงาม รูปร่างสะโอดสะอง ทั้งคู่เอ่ยแนะนำตัวเสร็จก็ก้มตัวลงทำความเคารพเขาทันที

"พวกเจ้าลุกขึ้นเถอะ ไม่ต้องมากพิธีขนาดนั้นก็ได้ แล้วก็เรียกข้าอี้หลันก็พอ เรียกนายหญิงมันแปลกๆยังไงชอบกล"เขาพูดพร้อมกับรั้งทั้งสองคนให้ลุกขึ้น ซึ่งพอทั้งคู่ได้ยินที่เขาพูดก็หันหน้าไปสบตาเพื่อปรึกษากัน

"หากนายน้อยทราบ พวกข้าน้อยอาจโดนลงโทษได้นะเจ้าค่ะนายหญิง"คนชื่อจิ้งหลิวเอ่ยบอกเขาอย่างกล้าๆกลัวๆ

"เรื่องนั้นเดี่ยวข้ารับผิดชอบเอง พวกเจ้าไม่ต้องห่วงไป เรียกอย่างที่ข้าบอกเถอะ"

"เจ้าค่ะท่านอี้หลัน"ค่อยสบายใจขึ้นหน่อย

"นี่ก็มืดค่ำแล้ว ท่านอี้หลันจะให้ตั้งสำรับเลยมั้ยเจ้าค่ะ"จิ้งหลิวเอ่ยกับเขาอย่างนอบน้อม

"แล้วนายน้อยพวกเจ้าจะมารับพร้อมข้ามั้ย เขาจะกลับมาเมื่อไหร่"เขาถามถึงพี่หลงทันที

"ปกตินายน้อยหาลือกับเหล่าผู้อาวุโสค่อยข้างนานเจ้าค่ะ และที่ท้องพระโรงคงมีการจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มให้กับผู้ที่เข้าร่วมหาลือเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ท่านอี้หลันจะรอนายน้อยรึไม่เจ้าค่ะ"จิ้งหลันพูดขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆเพราะกลัวร่างบางที่มีใบหน้างดงามจะโกรธกริ้วเอาที่สู่รู้ หรือรู้เรื่องมากกว่าตนเอง

"อ่อ…อย่างนี้นี่เอง อืม..งั้นจัดสำรับมาเลยก็ได้"

"ท่านอี้หลันอยากทานอะไรเป็นพิเศษรึไม่เจ้าค่ะ รึว่าชอบไม่ชอบกระไรมั้ยเจ้าค่ะ"จิ้งหลันเมื่อเห็นร่างบางไม่ได้คิดมากจากที่นางบอก นางจึงเต็มใจที่จะรับใช้ร่างบางเต็มที่ เพราะเห็นสายตาของนายน้อยแล้วพวกนางก็รู้ได้ทันทีว่านี้คือดวงใจของพรรคมังกรนิลเพลิง ต้องดูแลปกป้องอย่างดี นายน้อยไม่เคยใกล้ชิดกับสตรีนางใดหรือแม้แต่บุรุษงาม ท่านอี้หลันเป็นคนแรกและคงเป็นคนเดียว ฉะนั้นพวกเขาต้องดูแลร่างบางให้ดี จากที่นางลองทดสอบ คนผู้นี้ไม่ได้มีจิตใจคับแคบ และเป็นกันเองไม่ถือเนื้อถือตัว แถมแววตายังใสซื่อบริสุทธิ์มาก ไม่รู้ว่าโดนนายน้อยหลอกมารึเปล่า

"ข้าก็ไม่รู้กัน โรงครัวมีอะไรกินบ้างละ ข้ากินได้ทุกอย่างแหละ พวกเจ้าจัดมากเถอะ"

"เจ้าค่ะ"จิ้งหลิวเป็นคนออกไปจัดสำรับอาหารมาให้เขา ปล่อยจิ้งหลันให้อยู่ดูแลเขาต่อ

"จิ้งหลัน…เจ้าไม่ต้องยืนมองข้ากินหรอก นั่งลงจิบชาสนทนารอสำรับอาหารเป็นเพื่อนข้าก็พอ"เขาทนเห็นคนยืนมองเขากินขนมต่อไม่ไหวเลยเรียกให้นั่งลงกินเป็นเพื่อนเขาแทนซะ

"เอ่อ…ไม่เหมาะกระมังเจ้าค่ะท่านอี้หลัน"

"ข้าบอกว่าเหมาะก็เหมาะสิ นั่งลง"เขาใช้เสียงเข้มข่มขู่ให้จิ้งหลันนั่งลงฝั่งตรงข้ามเขา

"มีเรื่องอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นรึเปล่านะ ข้าเห็นสีหน้าทุกคนเหมือนหวาดกลัวอะไรบางอย่าง"เขาถามอย่างตรงไปตรงมาทันที เพราะจากที่สังเกตจิ้งหลันค่อยข้างหัวหูฉลาดกว่าคนทั่วไป น่าจะรู้อะไรมาไม่น้อย

"เรียนท่านอี้หลัน เมื่อคืนวานเพิ่งเกิดเหตุนองเลือดทั่งทั้งลานมังกร งานจัดเลี้ยงเฉลิมฉลองตำแหน่งเจ้าสำนักพรรคมังกรนิลเพลิงคนใหม่ แต่กลับมีเหตุการณ์พระเจ้าลงโทษคนชั่วช้าทำให้เลือดชั่วล้างแดนมังกร คนที่แย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนักมาอย่างไม่ถูกต้องและผู้สมรู้ร่วมคิดต่างตายตกตามกัน ตายอย่างอนาจตัวไปทางหัวไปทาง ศพเกลื่อนไปทั้งลานมังกร พวกเราตรวจสอบก็พบว่าเป็นรอยจากดาบวิญญาณของนายน้อย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่แทนที่จะกลัวทุกคนกลับวางใจกับการรับใช้นายน้อย เพราะนายน้อยมีความสามารถในการเป็นเจ้าสำนักปกครองผู้คนได้ ไม่เหมือนคนผู้นั้นที่ตอนนี้ยังหาศพเจ้าสำนักคนก่อนไม่เจอ คนในพรรคจึงหวาดกลัวกัน แต่พอเห็นว่านายน้อยกลับมา ทุกคนเลยวางใจไม่กลัวอีกต่อไป เพราะประกายเทพเซียนจากร่างนายน้อยพวกข้าก็แน่ใจแล้วว่าชีวิตใต้ปกครองของนายน้อยจะไม่ลำบากและอดสูใจอย่างแน่น้อย"จิ้งหลันเล่าทุกอย่างให้นายเหนือหัวอีกคนฟัง เพราะเห็นว่าท่านอี้หลันเป็นถึงนายหญิงที่จะปกครองพวกเขาร่วมกับนายน้อย เรื่องพวกนี้จะรู้ไว้ก็ไม่น่าผิดอะไร

"อืม…อย่างนี้นี่เอง"เขาพรึมพรำออกมาเบาๆ เรื่องที่จิ้งหลันเล่ามาให้ฟังค่อนข้างหนักพอสมควร มิน่าพี่หลงถึงเครียด และเรื่องเมื่อคืนวานเกี่ยวข้องกับอาการป่วยของเขารึเปล่านะ ช่วงเวลาเหมือนจะใกล้เคียงกัน แต่เขาก็ประติดประต่ออะไรไม่ได้อยู่ดี คิดไม่ออก เลิกคิดดีกว่า เขาคิดถึงเรื่องที่จิ้งหลันเล่าจนอยู่แต่ในภวังค์ความคิดของตนเอง จนสำรับอาหารจัดขึ้นโต๊ะเรียบร้อยแล้วโดนสะกิดนั้นแหละ เขาถึงหลุดจากภวังค์จากนั้นเขาก็กินข้าวแล้วนั่งย่อยอาหารสักพัก จากนั้นไปอาบน้ำที่จิ้งหลันเตรียมไว้ให้ ตั้งแต่มาถึงเขายังไม่มีเรื่องลำบากใจเลย จะมีก็ตรงที่ทั้งสองคนช่วยเขาอาบน้ำ ขัดตัวแล้วใส่ชุดนอนให้เนี่ยแหละ เขาที่อายหน้าแดงจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ส่วนทั้งสองคนก็ตีหน้านิ่งไม่เขินไม่อาย มีแต่เขาเนี่ยที่เขินอาย ไม่ชินที่มีคนมาแตะเนื้อต้องตัวเห็นเนื้อหนังเท่าไหร่ ได้แต่ปลอบใจตัวเองให้ชินแล้วรับการปรนนิบัติไป เพราะหากปฏิเสธทั้งสองคนก็อ้างว่าจะโดนลงโทษ เขาเลยต้องกึ่งรับกึ่งสู้ในบางเรื่องเท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็นอนหลับไปอย่างไม่รู้ตัว ทั้งที่พยายามจะรอพี่หลงแล้วนะ แต่มันก็ดึกมากจนเขาข่มความง่วงไม่ไหวเลยนอนหลับไป โดยไม่รู้เลยว่าร่างสูงกลับมาตอนไหน

ของขวัญจากผู้อ่านคือกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ช่วยส่งกำลังใจให้ไรต์หน่อยนะ!

mmmintmintcreators' thoughts