ดวงใจ...เจ้าเฟยหลง
ตอนที่ 2.....คำขอที่ถูกปฏิเสธ
ภาพของหญิงสาวกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ศาลากลางน้ำกลางสวนเล็กๆทำให้แม่ทัพหนุ่มหยุดการเคลื่อนไหว เป็นภาพที่ชวนมองและมีแรงดึงดูดบางอย่าง มันทำให้ผู้ที่กำลังจะออกไปตรวจดูความเรียบร้อยของเหล่าทหารต้องเปลี่ยนเส้นทางเดินไปหานางแทน
"ปรัชญาขงจื้อ เจ้าอ่านหนังสือพวกนี้ด้วยรึ" เสียงห้าวที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้เฉินลู่เหลียนตกใจเล็กน้อย สาวใช้คนงามลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนที่จะหันไปทางต้นเสียงช้าๆ
"ท่านแม่ทัพ"
"ใช่ เจ้าคิดว่าเป็นใครล่ะ"
"ข้าไม่คิดว่าท่านจะมาเดินเล่นที่สวนเจ้าค่ะ" แม่ทัพหนุ่มยิ้มที่มุมปากน้อย ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งด้วยท่าทางที่สง่างาม
"ทำไมล่ะ เจ้าไม่อยากพบข้าหรอกรึ ว่าแต่ข้าคิดไม่ถึงเลยนะว่าสาวใช้อย่างเจ้าจะอ่านหนังสือพวกนี้ด้วย " เฉินลู่เหลียนส่ายหน้าช้าๆก่อนที่จะตอบ
"สาวใช้อ่านหนังสือเพื่อประดับความรู้ไม่ได้หรือเจ้าคะ"
"ก็ได้ แต่ก็แปลกหน่อยเพราะส่วนมากข้าเห็นบรรดาสตรีมักชอบทำงานเย็บปักถักร้อย หรือไม่ก็สนใจเรื่องความสวยความงามมากกว่า จะว่าไปบรรดาหญิงสาวที่นอกด่านจะชอบจับอาวุธด้วย" เจ้าเฟยหลงอธิบายเสียงเรียบ ใบหน้านั้นยังคงนิ่งสนิทไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆออกมายามที่พูดแต่สาวตานั้นจับต้องใบหน้าหวานของคู่สนทนาไม่วางตา
"บรรดาสตรีหน้าด่านต้องจับอาวุธก็เพราะบางครั้งสถานการณ์บังคับเรื่องบางเรื่องการกระทำของผู้คนล้วนมีบริบทแตกต่างกันออกไป และการที่สาวใช้จะอ่านหนังสือคงไม่ใช่เรื่องแปลกเจ้าค่ะ" แม่ทัพหนุ่มไหวไหล่ช้าๆ
"รู้ไหมว่าข้าคิดอะไร"
"ข้าไม่ทราบว่าท่านคิดอะไรเจ้าค่ะ"
"ข้าคิดว่าบางทีการที่เจ้ามานั่งอ่านหนังสือในสวนแบบนี้เพราะต้องการจะมานั่งรอพบข้า" เฉินลู่เหลียนเบิกตากว้างตกใจกับคำพูดนั้นมากพอสมควร
"ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น และไม่มีวันทำแบบที่ท่านคิด ถ้าข้ารู้ว่าท่านจะผ่านมาทางนี้ข้าจะไม่มานั่งอ่านหนังสือที่นี่เป็นอันขาดเจ้าค่ะ" สาวใช้คนงามตอบอย่างรวดเร็ว นางไม่คิดเลยว่าจะต้องมาตอบคำถามอะไรแบบนี้และคิดไม่ถึงด้วยว่าแม่ทัพใหญ่อย่างบุรุษตรงหน้าจะเอ่ยวาจาที่ไม่น่าฟัง
"เจ้าไม่อยากพบข้าหรอกรึ" แม่ทัพหนุ่มถามต่อ
"ข้าไม่มีเรื่องจำเป็นอะไรที่จะต้องพบท่านเจ้าค่ะ"
"บางทีเจ้าอาจจะเขินจนปฏิเสธ"
"ข้าพูดความจริงเจ้าค่ะ ข้าไม่มีเรื่องจำเป็นอะไรที่จะต้องพบท่าน"
"ปกติสตรีทุกนางเมื่อเจอข้าแล้วครั้งหนึ่งก็ย่อมอยากจะเจออีกครั้ง แต่เจ้ากลับทำตัวห่างเหิน"
"ท่านเป็นแขกของนายท่านและฮูหยิน และข้าก็เป็นเพียงแค่สาวใช้ ดังนั้นจึงไม่ควรที่จะทำเรื่องแบบที่ท่านว่า" เฉินลู่เหลียน พยายามตอบให้สั้นที่สุด "ท่านแม่ทัพอาจจะอยากอยู่เพียงลำพัง ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ" แม่ทัพหนุ่มคว้าแขนของอีกฝ่ายเอาไว้เมื่อเห็นว่านางกำลังจะเดินหนี การกระทำแบบนั้นทำให้เฉินลู่เหลียนหันมามองสบตาผู้ที่จับแขนของตนด้วยความไม่พอใจ
"ท่านแม่ทัพโปรดปล่อยแขนของข้าด้วยเจ้าค่ะ"
"ทำไมเจ้าถึงต้องหวงเนื้อหวงตัวขนาดนี้"
"สิ่งที่สำคัญของสตรีคือเกียรติยศ และท่านไม่ควรทำให้นางเสื่อมเสีย"
"ข้าแค่จับแขนของเจ้าเพียงเท่านั้น" เจ้าเฟยหลงย้อนแต่ทว่ายังไม่ยอมปล่อยมือของตนเองออกจากแขนของนาง
"เพียงเท่านี้ก็มากเกินไปแล้วเจ้าค่ะ โปรดปล่อยข้า"
"รู้ไหมว่าข้าชอบเจ้านะ ชอบมาก ข้าไม่เคยชอบสตรีนางไหนตั้งแต่พบกันครั้งแรกมาก่อนเลย แต่กับเจ้าเป็นคนแรก"
"ท่านแม่ทัพปล่อยแขนข้าเจ้าค่ะ"
"เจ้าไม่อยากอยู่ใกล้ๆข้าหรือไง" คราวนี้น้ำเสียงของแม่ทัพหนุ่มเข้มขึ้น
"เจ้าค่ะ" สาวใช้คนงามบอกตามตรงและพยายามแกะมือของอีกฝ่ายออกจากแขนของตน ทว่ามันยากกว่าที่คิด
"ทำไมถึงไม่อยากอยู่ใกล้ข้า ข้ามีอะไรน่ารังเกียจอย่างนั้นรึ จงใช้สายตามองข้าให้ทั่วแล้วบอกมาสิว่าข้ามีส่วนไหนในร่างกายที่น่ารังเกียจ" แม่ทัพหนุ่มถามเสียงเข้ม ที่เห็นว่าแม่สาวใช้นางนี้ทำราวกับว่าตนเป็นสิ่งที่น่าขยะแขยง แถมยังพูดจาห่างเหินอีกต่างหาก ตั้งแต่โตมาจนเป็นแม่ทัพไม่เคยมีสตรีนางไหนปฏิบัติกับเขาเช่นนี้มาก่อน
เฉินลู่เหลียนถอนหายใจและมองสบตาอีกฝ่ายเมื่อถูกถาม ดูเหมือนว่าเขากำลังโกรธนางอยู่เพราะแววตานั้นดุดันมากกว่าเมื่อสักครู่
"ร่างกายของท่านแม่ทัพไม่มีสิ่งใดที่น่ารังเกียจเจ้าค่ะ ข้าตอบท่านแล้ว โปรดปล่อยแขนข้าเถอะเจ้าค่ะ ใครผ่านไปผ่านมาเห็นมันจะดูไม่ดี"
"ถ้าข้าไม่ปล่อยล่ะ" เจ้าเฟยหลงถามกลับ คราวนี้น้ำเสียงและแววตาของเขาไม่ได้ดุดันเหมือนเมื่อสักครู่ แต่สามารถทำให้คนฟังรู้สึกเย็นไปถึงขั้วหัวใจ
"ท่านแม่ทัพ" เฉินลู่เหลียนพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากอุ้งมือของอีกฝ่าย การดิ้นรนของนางทำให้สายตาคมเหลือบไปเห็นจี้หยกสลักสีขาวที่นางสวมคล้องคอไว้โดยบังเอิญ หยกนั้นเป็นหยกสีขาวแกะสลักเป็นตัวหนังสือคำว่า เยว่ ที่แปลว่าพระจันทร์ รอบๆตัวอักษรมีการสลักภาพรูปของดวงจันทร์และก้อนเมฆอยู่ด้วย มือหนาปล่อยขากแขนของสาวใช้คนงามและเอื้อมไปจับจี้หยกชิ้นนั้นแทน
"ท่านแม่ทัพ" เฉินลู่เหลียนหยุดการเคลื่อนไหวเมื่อเขาทำแบบนั้น รู้สึกไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
"หยกนี่เจ้าได้มาอย่างไร" คำถามนั้นทำให้คนฟังแปลกใจ
"ย่าของข้าให้มา"
"ย่าของเข้าอย่างนั้นรึ" แม่ทัพหนุ่มทวนคำ แต่ก่อนที่เจ้าเฟยหลงจะถามอะไรต่อแม่สาวใช้คนงามก็เบี่ยงตัวหลบ และขยับตัวออกไปให้ห่างจากรัศมีการจับกุมของเขาด้วยความรวดเร็ว
"ท่านไม่ควรทำแบบนี้กับสตรีไม่ว่านางผู้นั้นจะเป็นใคร ท่านเป็นแม่ทัพใหญ่ ควรที่จะสำรวมมากกว่านี้ การกระทำขงท่านทำให้ความเกรงขามหายไป ความทะนงตัวที่ดูเหมือนจะมากไปของท่านทำให้ท่านไม่น่าเลื่อมใส และข้าก็ไม่ใช้บรรดาสตรีที่ท่านเคยพบ หญิงหลายนางอาจจะชื่นชมท่าน แต่การกระทำของท่านที่ทำกับข้าในวันนี้นั้นทำให้ข้าแน่ใจว่าข้าไม่มีวันชื่นชมท่านได้เหมือนพวกนาง" พูดจบเฉินลู่เหลียนก็เดินจากไปทันที ปล่อยให้แม่ทัพหนุ่มยืนมองตามไปด้วยสายตาครุ่นคิดและอยากเอาชนะไปพร้อมๆกัน
------------------------+
ภาพของแม่สาวใช้คนงามแต่มีท่าทางหยิ่งนางนั้นยังคงติดตาและเริ่มจะตรึงในหัวใจ ท่าทางบวกกับเสียงของนางผู้นั้นทำให้สัญชาติญาณของผู้ล่าในตัวของท่านอ๋องนักรบตื่นขึ้น ในเมื่อนางผู้นั้นทำตัวราวกับกระต่ายน้อยที่แสนจะตื่นกลัว แถมท่านเจ้าเมืองกับภรรยาก็ดูเหมือนว่าจะช่วยกันแม่กระต่ายน้อยตนนั้นให้ห่างจากตนเสียด้วย ดังนั้นเขาก็จะทำตัวเป็นเป็นผู้ล่าที่เหนือกว่าเสียน่าจะดี อีกอย่างเรื่องของจี้หยกที่นางสวมอยู่ก็น่าสนใจ จี้หยกขาวสลักชิ้นนั้นเป็นของมีค่ามาก ไม่น่าจะมาอยู่กับสาวใช้อย่างเฉินลู่เหลียนได้ ดูเหมือนว่าเขาจะต้องสืบเกี่ยวกับที่มาที่ไปของหยกชิ้นนั้นเสียแล้ว
ท่านเจ้าเมืองละสายตาจากหนังสือตรงหน้าและรีบลุกจากเก้าอี้เพื่อตรงเข้าไปหาชายหนุ่มที่เดินเข้ามาในห้องทำงานของตน เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอยู่พอสมควรเพราะไม่คิดว่าท่านอ๋องแม่ทัพจะเข้ามาหาตนถึงห้องทำงานแทนที่จะเตรียมตัวเดินทางไปเมืองหลวงเหมือนนายทหารคนอื่นๆ แต่จะว่าไป ท่านอ๋องแม่ทัพผู้นี้ก็ได้ชื่อว่าเป็นคนที่จับทางไม่ค่อยถูกนัก เสียงลือเสียงเล่าอ้างว่ากันว่าเพราะความที่ทำตัวให้ผู้อื่นเดาทางหรือจับทางไม่ถูก ทำให้เขาสามารถรบเอาชนะศัตรูได้
"ข้ามีเรื่องที่จะต้องพูดกับท่านเสียหน่อยท่านเจ้าเมือง" เสียงของแม่ทัพหนุ่มทำให้ท่านเจ้าเมืองหลุดออกจากห้วงความคิดของตน
"ท่านแม่ทัพมีอะไรให้ข้ารับใช้หรือขอรับ"
"ข้ามีเรื่องที่จะขอท่านสักเรื่อง"
"ขอเชิญท่านแม่ทัพเอ่ยออกมาเถิดขอรับ ถ้าเป็นเรื่องที่ข้าสามารถจัดการให้ได้ ข้าจะทำให้ท่านแม่ทัพทันทีขอรับ" ท่านเจ้าเมืองให้คำมั่น และคำพูดนั้นทำให้ผู้ฟังยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก
"เรื่องที่ข้าจะขอท่านเป็นเรื่องที่ท่านสามารถทำได้อย่างแน่นอน"
"เชิญท่านแม่ทัพบอกความต้องการมาเลยขอรับ"
"ข้าจะขอสาวใช้ของท่าน" ท่านเจ้าเมืองมองสบตาผู้พูดนิ่ง รู้สึกได้ถึงความเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย
"สาวใช้หรือขอรับ"
"ใช่"
"ท่านแม่ทัพอยากจะได้สาวใช้ของข้าไปทำไมหรือขอรับ"
"ข้าต้องเดินทางอีกไกลกว่าจะถึงเมืองหลวง ระหว่างทางข้าต้องการให้มีคนดูแลข้าไปด้วย"
"ถ้าอย่างนั้นข้าจะจัดสาวใช้ที่เต็มใจเดินทางไปกับท่านแม่ทัพให้นะขอรับ" ท่านเจ้าเมืองรับคำ แต่ไม่สบายใจ คงไม่มีสาวใช้นางไหนอยากจะเดินทางไกลๆและระหว่างทางก็ใช่ว่าจะสบายๆไปกับกองทัพแน่ๆ
"ท่านไม่ต้องไปหาสาวใช้ที่ไหนหรอกเพราะข้ามีคนที่หมายตาไว้แล้ว"
"ท่านต้องการให้สาวใช้นางใดติดตามไปรับใช้หรือขอรับ" ท่านเจ้าเมืองถาม
"แม่สาวใช้ที่ชื่อว่าลู่เหลียน แม่ดอกบัวหยกของท่าน" คำพูดนั้นทำเอาผู้ที่ฟังจบเซไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาตรงๆแบบนี้
"ลู่เหลียนหรือขอรับ"
"ใช่ ข้าต้องการสาวใช้นางนั้น"
"ถ้าเป็นลู่เหลียนข้าเกรงว่าจะไม่ได้ขอรับ" ท่านเจ้าเมืองตอบพยายามซ่อนความไม่พอใจเอาไว้ข้างใน แม่ทัพหนุ่มเลิกคิ้วแปลกใจไม่คิดว่าตนจะถูกปฏิเสธ
"แสดงว่าท่านจะปฏิเสธอย่างนั้นหรือ" เจ้าเฟยหลงถามย้ำ
"ลู่เหลียนเป็นสาวใช้ประจำตัวของภรรยาข้าน้อย อีกทั้งนางยังรักและเอ็นดูลู่เหลียนเหมือนลูกเหมือนหลาน ดังนั้นข้าคิดว่าภรรยาของข้าคงไม่ยอม"
"ท่านเป็นชายนะท่านเจ้าเมือง และชายย่อมมีอำนาจมากกว่าหญิง ข้าเชื่อว่าเพียงแต่ท่านออกคำสั่งฮูหยินของท่านจะยินยอมโดยไม่พูดอะไรสักคำ" ท่านเจ้าเมืองส่ายหน้าช้าๆไม่เห็นด้วย จริงอยู่ที่ชายนั้นเป็นใหญ่ในบ้าน แต่สำหรับท่านแล้วภรรยาคือเพื่อคู่คิด คือมิตรร่วมทางดังนั้นไม่ควรที่จะทำอะไรที่เป็นการหักหาญน้ำใจ และเมื่อคิดถึงสิ่งที่แม่ทัพหนุ่มตรงหน้าขอแล้วเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก
"แต่ว่า"
"เอาเป็นว่าท่านลองถามภรรยาก่อนก็ได้นะ ข้าเชื่อว่านางจะยอม และถ้าท่านถามแล้วข้าก็พร้อมที่จะยอมรับผลของมัน" ท่านเจ้าเมืองถอนหายใจแต่ก็จำต้องทำตามอย่าเสียมิได้
---------------+
"ลู่เหลียนรึ ไม่ได้ค่ะ ข้าให้ลู่เหลียนไม่ได้ ท่านพี่ก็ทราบ" ฮูหยินท่านเจ้าเมืองส่ายหน้าทันทีที่สามีพูดจบ
"ข้าก็บอกเขาไปแล้วว่าเจ้าไม่ยอมแน่ แต่ดูเหมือนเขาอยากได้ลู่เหลียนเหลือเกิน"
"ข้าจะไม่ยอมให้ลู่เหลียนไปเป็นนางบำเรอของผู้ใดเด็ดขาด ถึงแม้ว่าท่านแม่ทัพจะยังไม่ได้แต่งงาน แต่การที่เขาขอแบบนั้นมีเจตนาเดียวคือต้องการให้ลู่เหลียนเป็นผู้หญิงของเขา"
"ลู่เหลียน เจ้าจะว่าอย่างไร" ท่านเจ้าเมืองหันมาถามสาวใช้ที่ยืนนิ่งฟังอยู่เงียบๆ อยากรู้เหมือนกันว่านางมีความเห็นอย่างไร จะยอมหรือไม่ยอมไปกับท่านแม่ทัพผู้นั้น
"ข้าไม่ต้องการติดตามท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ ข้าอยากจะรับใช้ ดูแล ปรนนิบัติฮูหยินและท่านเจ้าเมืองไปตลอดชีวิต" คำตอบของสาวใช้ทำให้ฮูหยินปลื้มใจ ลู่เหลียนเป็นคนกตัญญูและใฝ่ดี นางเป็นห่วงท่านและสามีเสมอ
"ท่านพี่ ท่านทราบดีว่าข้าคิดอย่างไร อีกทั้งก่อนที่ย่าของลู่เหลียนจะตายข้าได้ให้สัญญากับนางไว้ว่าข้าจะดูแลนางอย่างดี จะไม่บังคับหรือทำอะไรที่นางไม่เต็มใจ ดังนั้นข้าจะต้องทำตามสัญญา" ฮูหยินท่านเจ้าเมืองบอกกับสามี นางรู้จักกับย่าของเฉินลู่เหลียนเป็นอย่างดี ก่อนที่เสียหญิงชราผู้นั้นได้ขอร้องให้ท่านดูแลหลานสาวเพียงคนเดียวต่อ และขอร้องให้รักและเอ็นดูนางเท่าที่จะทำได้
"ข้ารู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร" ท่านเจ้าเมืองมองสบตาภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของตนด้วยความเข้าใจ เฉินลู่เหลียนน้ำตาคลอเมื่อฟังจบ ท่านเจ้าเมืองและฮูหยินดีต่อนางเหลือเกิน
--------------------+
แม่ทัพหนุ่มหน้าบึ้งแทบจะทันทีเมื่อได้ฟังคำตอบที่แสนจะน่าผิดหวัง ไม่คิดเลยว่าเจ้าเมืองชรากับภรรยา รวมทั้งแม่สาวใช้นางนั้นจะกล้าปฏิเสธคำขอร้องของตน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะลั่นวาจาเอาไว้แล้วว่าจะยอมรับการตัดสินใจของคนพวกนี้
"ข้าไม่คิดเลยว่าท่านปฏิเสธคำขอของข้า"
"โปรดอภัยให้ข้าและภรรยารวมทั้งลู่เหลียนด้วยเถิดขอรับท่านแม่ทัพ" ท่านเจ้าเมืองโค้งคำนับด้วยความนอบน้อม
"เอาเถอะในเมื่อข้าพูดไปแล้วว่าจะยอมรับการตัดสินใจของพวกท่านข้าก็ต้องทำตามในสิ่งที่ข้าพูดออกไป แต่ข้าจะไม่ลืมเลยว่า พวกท่านปฏิเสธข้าอย่างไร้เยื่อใย" เจ้าเฟยหลงพูดเสียงเครียด รู้สึกเสียหน้าเป็นที่สุด ไม่เคยมีผู้ใดปฏิเสธคำขอของเขาและแน่นอนว่าเรื่อมันจะไม่จบแค่นี้แน่นอน
การสร้างสรรค์งานเป็นเรื่องยาก ส่งกําลังใจให้กันด้วยนะ!
การสร้างสรรค์งานเป็นเรื่องยาก ส่งกําลังใจให้กันด้วยนะ!