webnovel

0314 การตายของถังจุน

ตอนที่ 314 การตายของถังจุน

 จิตสัมผัสเทวะของกู่ฉิงซานกวาดลงไปยังคทาทอง

 รอยแยกที่เชื่อมต่อระหว่างแท่งคทากับศีรษะนั้นแบนราบและเรียบเนียน บ่งบอกว่าถูกตัดออกไปอย่างพิถีพิถันด้วยอาวุธมีคม

 แต่ขโมยที่ไหนกันเล่าจะยอมทิ้งคทาทองทั้งแท่งอันแสนมีค่า แล้วนำไปเพียงแค่ศีรษะของคนตาย?

 ความรู้สึกไม่ดีก่อบังเกิดขึ้นในจิตใจของกู่ฉิงซาน มันหนักขึ้น หนักขึ้นเรื่อยๆ

 แม้ว่าองค์จักรพรรดิจะเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งมาก แต่การรักษาความปลอดภัยในวังก็ยังคงถือว่าแน่นหนามากเช่นกัน

 คุณย่อมไม่อาจลอบเข้ามาในวังได้ เว้นเสียแต่ว่าคุณจะเฝ้าสังเกตการณ์วังจากภายนอกอย่างถี่ถ้วนเสียก่อน

 คนที่ลอบเข้ามา จะต้องคุ้นเคยกับรูปแบบการรักษาการในพระราชวังทั้งหมด หลบเลี่ยงองค์จักรพรรดิผู้แสนจะน่าเกรงขาม และต้องรู้ด้วยว่าจักรพรรดินีเก็บของล้ำค่าเหล่านี้ไว้ที่ไหน

 ในบรรดาเหล่าตัวตนผู้ทรงอำนาจและยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกทั้งหลาย ใครกัน? ใครที่ยอมทุ่มเทพยายามใช้เวลาเฝ้าสังเกตอยู่นาน เพื่อที่จะขโมยศีรษะของผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐฟูซี?

 กู่ฉิงซานถอนหายใจออกมา

 เรื่องนี้ดูเหมือนว่าจะไม่แค่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างองค์จักรพรรดิและจักรพรรดินีซะแล้ว

 ดังนั้น กู่ฉิงซานจึงตัดสินใจแล้วว่าจะก้าวเข้ามามีส่วนร่วมกับเรื่องนี้

 “ฝ่าบาท ช่วงเวลานี้องค์จักรพรรดิกำลังหารืออยู่กับเหล่ารัฐมนตรีในห้องประชุม ขอท่านโปรดนำมงกุฎนี้ ไปวางบนโต๊ะตัวใหญ่ภายในห้องด้วย” กู่ฉิงซานกล่าว

 “เข้าใจแล้ว ข้าจะจัดการเดี๋ยวนี้ล่ะ”

 จักรพรรดินีแม้จะแปลกใจอยู่บ้างกับคำขอนี้ แต่เธอก็ยังตอบรับอย่างว่าง่าย

 เธอใช้สองมือถือมงกุฎเอาไว้ และเดินออกมาจากประตู

 “ใครก็ได้ มาคุ้มกันที” จักรพรรดินีสั่ง

 สององครักษ์วังส่งสัญญาณมือ

 จากนั้นท่ามกลางความเงียบ ก็ปรากฏร่างขององครักษ์เพิ่มขึ้นมาอีกสิบแปดคนขึ้นมาอย่างเงียบๆ

 องครักษ์ทั้งยี่สิบคนติดตามจักรพรรดินีไปยังสถานที่ที่องค์จักรพรรดิประทับอยู่

 ภายในห้องประชุม

 องค์จักรพรรดิแห่งฟูซีกำลังยืนอยู่ท่ามกลางวงสนทนาระหว่างเจ้าหน้าที่คนสนิทหลายคน

 ประตูถูกเปิดออก

 องค์จักรพรรดินีเดินถือมงกุฎเข้ามา 

“นี่มันอะไรกัน?” ดวงตาขององค์จักรพรรดิหรี่แคบลง ปากเอ่ยถาม 

จักรพรรดินีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าเกรงว่าท่านจะลืมเลือนไปว่า ในวันนี้พรุ่งนี้ท่านจะต้องพบเจอกับแขกผู้มีเกียรติจากจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์และรัฐบาลกลาง โปรดอย่าได้ลืมที่จะสวมใส่มันในวันพรุ่ง” 

องค์จักรพรรดิพอได้ยิน รอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของเขา และกล่าว “เจ้านี่ช่างรู้จักใส่ใจดีเสียจริงๆ” 

จักรพรรดินีวางมงกุฎลงบนโต๊ะด้านหลังองค์จักรพรรดิและกล่าว “เช่นนั้นข้าขอตัวกลับไปเล่นไพ่ก่อนล่ะ”

 “ไปเถิด”

 จักรพรรดินีโค้งกายคำนับ บิดเอวผินตัวเดินออกจากห้องประชุมไปอย่างสง่างาม

 องค์จักรพรรดิทอดพระเนตร มองตามแผ่นหลังของเธอ ห้วงสตินึกคิดขาดหายไปช่วงหนึ่ง

 “เอ...เมื่อครู่พวกเราพูดกันถึงไหนแล้วนะ?” เขาเอ่ยถาม

 “ฝ่าบาท เมื่อครู่พวกเรากำลังพูดคุยกันถึงเรื่องการส่งเหล่ารัฐมนตรีอาวุโสและข้าราชบริพารอีกหลายคนเข้ามาพบกับฝ่าบาทที่นี่” หนึ่งในนั้นเอ่ย

 “อ่อ...ปล่อยให้ทุกคนเข้ามาได้เลย ข้าต้องการที่จะพบพวกเขา” องค์จักรพรรดิกล่าวรับคำ

 มงกุฎถูกวางทิ้งไว้อยู่บนโต๊ะเบื้องหลังเขาอย่างเงียบๆ พร้อมด้วยตราประทับที่วางอยู่ข้างๆ

 เวลาไหลผ่านไปอย่างช้าๆ

 ท่ามกลางแสงสลัวยามค่ำคืน

 ในที่สุดองค์จักรพรรดิก็จบเรื่องหารือของเขา

 รัฐมนตรีหลายคนขอตัว เดินจากไป

 องค์จักรพรรดิยืนอยู่คนเดียวเงียบๆ ขบคิดเกี่ยวกับเรื่องบางอย่างในหัวใจของเขา

 บนโต๊ะเบื้องหลัง จิตสัมผัสเทวะของกู่ฉิงซานกวาดลงมาอย่างอ่อนโยน

 และในวินาทีต่อมา ตราประทับก็หายไปอย่างฉับพลัน

 พร้อมด้วยร่างของกู่ฉิงซานที่ปรากฏขึ้นในตำแหน่งเดิมของมัน

 สกิลเทวะ ร่างเงาแทนที่!

 ‘คุณสามารถแลกเปลี่ยนตำแหน่งของคุณกับสิ่งที่อยู่ภายในขอบเขตพิสัยจิตสัมผัสเทวะได้’

 กู่ฉิงซานยืนอยู่บนโต๊ะ

 เขายื่นมือออกไป

 มงกุฎลอยขึ้นอย่างอ่อนโยน และตกลงในมือของเขา

 ขณะที่อีกหนึ่งมือคว้าจับไปในความว่างเปล่าและดาบพิภพก็ตกลงในมือของเขา

 กู่ฉิงซานถือมงกุฎในมือข้างหนึ่ง ขณะอีกข้างกำดาบ ยืนนิ่งอยู่บนโต๊ะใหญ่อย่างเงียบๆ 

เขายังมิได้ส่งเสียงหรือเคลื่อนไหวใดๆ ที่ทำก็แค่เพียงจดจ้อง มองลงไปยังแผ่นหลังขององค์จักรพรรดิอย่างเงียบๆ 

หนึ่งลมหายใจ

 สองลมหายใจ

 สามลมหายใจ

 ทว่าองค์จักรพรรดิก็ยังไม่มีท่าทีตอบสนอง

 แววตาของกู่ฉิงซานแปลกไปเล็กน้อย

 นั่นเพราะแม้ว่าเขาจะได้ปกปิดกลิ่นอายของตนไว้แล้วเล็กน้อย แต่องค์จักรพรรดิก็ไม่สมควรที่จะไร้ประสิทธิภาพถึงเพียงนี้

 องค์จักรพรรดิน่ะเป็นถึงมืออาชีพขั้นห้า เป็นตัวตนที่น่าสะพรึงและครอบครองพลังอันยิ่งใหญ่ แต่เวลานี้ เขากลับไม่ตระหนักถึงการมาเยือนของกู่ฉิงซานเลย

 ชายที่แข็งแกร่ง สมควรจะสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวรอบตัวเขา

 เพราะนั่นคือการระมัดระวังตัวขั้นพื้นฐานที่สุด

 ทว่าองค์จักรพรรดิที่ยืนอยู่ตรงกันข้ามกับกู่ฉิงซานในเวลานี้ ดูราวกับเป็นคนที่ไร้ซึ่งประสบการณ์ต่อสู้ ไม่มีแม้กระทั่งความระมัดระวังตัวขั้นพื้นฐาน

 ในหัวใจของกู่ฉิงซานวูบไหว และทันใดนั้นเขาก็พลันตระหนักได้ถึงบางสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้

 ‘จ้าวสมุทรหลี่ตงหยวนถูกฟาดตบจนปลิวหายไปโดยดาบของเขา’

 จ้าวสมุทรคือยอดนายพลของกองทัพเรือแห่งรัฐบาลกลาง ถึงแม้จะไม่อาจเทียบเปรียบได้กับองค์จักรพรรดิแห่งฟูซีก็ตามที

 แต่ทว่าพวกเขาทั้งสอง หนึ่งกลับไม่ทันสามารถตระหนักได้ถึงกระบวนท่าดาบ อีกหนึ่งไม่อาจสัมผัสถึงการปรากฏตัวของผู้อื่นจากเบื้องหลัง

 นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่?

 นี่มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับวันสิ้นโลกหรือภัยพิบัติใดๆ แล้ว

 เพราะไม่มีภัยพิบัติใด จะสามารถเปลี่ยนคนให้กลายเป็นเช่นนี้ได้!

 กู่ฉิงซานจ้องมองไปยังองค์จักรพรรดิ และรู้สึกว่ามีเงาที่มองไม่เห็นอยู่ในจิตใจของเขา...เงาที่มิอาจลบเลือนออกไปได้

 ตลอดช่วงสองชีวิต เขาไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องบ้าอะไรแบบนี้มาก่อนเลย

 ในชีวิตก่อนหน้า พลังงานส่วนใหญ่ของเขาล้วนอุทิศและทุ่มสมาธิอยู่แต่กับโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ กว่าตัวเขาจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับคนอื่นๆ มันก็ผ่านเลยไปร่วมครึ่งปีแล้ว

 ต่อมา เขาก็ได้ขึ้นนำสมาพันธ์แห่งชาติเข้าต่อสู้ในฐานะผู้บัญชาการ และวุ่นอยู่แต่กับการนำกำลังต่อสู้ทุกวี่วัน แม้ว่าเขาจะมีติดต่อกับนักการเมืองระดับสูงอยู่บ้าง แต่มันก็มิได้ทั่วถึง

 และในช่วงเวลาที่ว่า เท่าที่กู่ฉิงซานจดจำได้ ก็ไม่มีอะไรผิดปกติกับพวกตัวตนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์นี่นา

 หลังจากนั้น เมื่อภัยพิบัติเยือกแข็งปรากฏขึ้น ช่วงสุดท้ายของวันสิ้นโลกก็ได้มาถึง 

แล้วในชีวิตนี้เล่า? เรื่องราวในตอนนี้ สุดท้ายแล้วเป็นใครกันที่คอยบงการทุกสิ่ง? 

ในตอนนั้นเอง อุปกรณ์สื่อสารของกู่ฉิงซานก็สั่นเล็กน้อย 

ร่างกายขององค์จักรพรรดิเริ่มขยับไหว 

แม้ว่าเขาจะประมาทเพียงใด แต่เขาก็ยังเป็นถึงมืออาชีพอันทรงพลังในขั้นห้า! ในที่สุดเจ้าตัวก็เริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดปกติแล้ว 

อย่างไรก็ตาม มันดูเหมือนว่าจะสายเกินไป 

ร่างของกู่ฉิงซานได้หายไปจากโต๊ะ และเสี้ยวพริบตาก็ปรากฏขึ้นเบื้องหลังองค์จักรพรรดิ 

ย่นระยะเหลือเพียงหนึ่งนิ้ว! 

กู่ฉิงซานยกดาบขึ้น และสะบัดมันเบาๆ 

และดาบพิภพก็ดูราวกับว่าจะตระหนักดีถึงความตั้งใจของเขา มันยับยั้งพลังลงอยู่ในจุดที่พอเหมาะพอดิบพอดี 

องค์จักรพรรดิล้มลง และสิ้นสติไป 

กู่ฉิงซานหยิบอุปกรณ์สื่อสารของเขาขึ้นมา 

“มีเรื่องอะไร?” เขาเอ่ยถาม 

“ถังจุนล่ะ! มันเป็นเรื่องของถังจุน! ฉันคิดว่าการตายของเขาไม่เพียงแต่เป็นการถูกฆาตกรรม แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องบอกแก!” เหลียวฮังกล่าวพลางหอบหายใจ 

“ว่ามาสิ” กู่ฉิงซานกล่าว 

“ถังจุนได้จัดเตรียมร่างโคลนไว้สำหรับประธานาธิบดี เพื่อช่วยให้ประธานาธิบดีสามารถรอดพ้นจากการลอบสังหาร แต่จู่ๆ เขาก็กลับถูกลักพาตัวไปโดยสาธารณรัฐฟูซี!” 

ในหัวใจของกู่ฉิงซานเต้นครึกโครม 

ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง! 

ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมท่านประธานาธิบดีถึงไม่เคยตายลงเลย หลังจากที่ถูกลอบสังหารมาแล้วหลายครั้งหลายครา 

นั่นเพราะที่ตายแทนเขา มันล้วนแล้วแต่เป็นร่างโคลน! 

ปรากฏว่าจริงๆ แล้ว ท่านประธานาธิบดีได้ใช้วิธีนี้ในการต่อสู้กับเก้าตระกูลใหญ่! 

“แล้วลักษณะหรือคุณสมบัติที่พวกร่างโคลนต้องมีมันคืออะไร?” กู่ฉิงซานเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว 

“ความทรงจำไง! ส่วนที่ยากที่สุดในการโคลนมนุษย์ก็คือการโคลนความทรงจำ! ชิ้นส่วนความทรงจำของพวกเขาจะต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน!” เหลียวฮังกล่าว 

กู่ฉิงซานไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยที่จะวางมือลงบนหัวขององค์จักรพรรดิ 

วิชาลับ ค้นวิญญาณ! 

เป็นเวลานาน กว่ากู่ฉิงซานจะถอนมือของเขากลับคืน 

เขายืนโง่งมอยู่ตรงนั้น แม้จักรพรรดินีจะเปิดประตูเข้ามา เขาก็ยังมิได้ตอบสนองใดๆ 

จักรพรรดินีจ้องมองไปยังองค์จักรพรรดิที่กำลังหมดสติด้วยความงงงวย 

“ง่ายดายถึงเพียงนี้?” จักรพรรดินีเอ่ยถาม 

กู่ฉิงซานพยักหน้าและกล่าว “ท่านลองมองอย่างใกล้ชิดดูสิ ว่ารูปลักษณ์ของเขาเหมือนกับองค์จักรพรรดิหรือไม่?” 

จักรพรรดินีก้มลงมอง และทำการตรวจสอบอย่างเป็นเรื่องเป็นราวอยู่ครู่หนึ่ง 

จักรพรรดินีกล่าวเสียงกระซิบ “เขาดูเหมือนกับพระองค์จริงๆ แต่ข้าคิดว่าเขามิใช่” 

กู่ฉิงซานเข้าใจดี 

เพราะเมื่อครู่เขาก็ได้ใช้วิชาค้นวิญญาณไปแล้วเช่นกัน แต่กลับพบว่าความทรงจำขององค์จักรพรรดิช่างแสนเปราะบาง เพียงล้วงลึกสะกิดลงไป ชิ้นส่วนความทรงจำก็พังทลายลงทันที 

วิชาค้นวิญญาณน่ะมันเป็นอันตราย ผลพวงของมันง่ายต่อการสูญเสียสติปัญญาและกลายเป็นเพียงซากศพที่มีชีวิต 

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ หลังจากที่ทำการค้นวิญญาณครั้งนี้ไป องค์จักรพรรดิก็จะกลายเป็นเพียงคนบ้า 

กู่ฉิงซานยังไม่ได้รับข้อมูลอื่นใดที่เป็นประโยชน์เลย 

จักรพรรดินีตรวจสอบองค์จักรพรรดิอย่างระมัดระวัง แต่แล้วจู่ๆแสงสีเขียวก็เปล่งออกมาจากมือของเธอ 

เธอเป็นหญิงในตระกูลเมดิซี และเป็นผู้ที่สามารถปลดผนึกธาตุไม้จากธาตุทั้งห้าได้ 

เธอกดมือลงอย่างอ่อนโยนลงบนหน้าผาขององค์จักรพรรดิ 

“สติปัญญาได้ตายลงแล้ว มิอาจรักษาได้” จักรพรรดินีกล่าว 

ทั้งสองจมสู่ความเงียบ 

หนึ่งในมืออาชีพที่ทรงพลังที่สุดในโลก หัวเรือใหญ่แห่งสาธารณรัฐฟูซี พึ่งตกตายลงทั้งเป็น… 

เขาถูกโค่นลงอย่างง่ายดายและตกตายลงภายในห้องประชุมแห่งนี้ 

“มีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับความทรงจำขององค์จักรพรรดิ” กู่ฉิงซานเปิดฉากสนทนา 

“เป็นอย่างที่เจ้าพูด ในช่วงสองสามวันมานี้ ข้าก็สังเกตเห็นเช่นกันว่าเขาค่อนข้างขี้หลงขี้ลืม ย่ำแย่จนน่าใจหาย” จักรพรรดินีกล่าว 

“ท่านได้เรียกแพทย์มาพบเขาหรือยัง?” 

แม้คำตอบมันจะชัดเจนอยู่แล้ว แต่กู่ฉิงซานก็ยังคงเอ่ยถาม 

“พบแล้ว แต่พวกแพทย์ก็บอกว่าเขามิได้ผิดปกติใดๆ” จักรพรรดินีกล่าว 

“ที่ไม่พบความผิดปกติ บางทีอาจจะเป็นเพราะมันเกิดความผิดปกติขึ้นในระดับชั้นพันธุกรรมก็ได้นะ?” 

“ในแง่ของเทคโนโลยีพันธุศาสตร์ สาธารณรัฐฟูซีนับว่าว่างเปล่า ไร้ฝีมือโดยสมบูรณ์ บุคคลที่ชำนาญการด้านนี้มากที่สุดคือ ดร.ถังจุนแห่งรัฐบาลกลางของเจ้า” 

“ถังจุน...” 

กู่ฉิงซานถอนหายใจ เพราะเขามีคำตอบที่ชัดเจนอยู่ในหัวอยู่แล้ว 

ตั้งแต่ที่องค์จักรพรรดิแห่งฟูซีได้ใช้ร่างโคลนตัวเอง 

เช่นนั้น แล้วองค์จักรพรรดิตัวจริงไปอยู่ที่ไหนเสียเล่า?

………………..………………..