webnovel

0313 คทาแห่งองค์จักรพรรดิ

ตอนที่ 313 คทาแห่งองค์จักรพรรดิ 

ภายในห้องจัดเลี้ยง เสียงดนตรีบรรเลงเริ่มดังขึ้น

ผู้คนกินดื่ม เต้นรำ และหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน

งานเลี้ยงปาร์ตี้เต้นรำ เคล้าคลอไปกับบรรยากาศที่แสนอบอุ่นและร่าเริง ส่งผลให้ทุกคนดื่มด่ำไปกับมัน

กู่ฉิงซานเติมเหล้าจนเต็มแก้วแล้วผลักมันไปให้นายทหารหนุ่ม

ทั้งสองชนแก้วและยกขึ้นดื่มอีกครั้ง

“รู้สึกว่าช่วงนี้ฝ่าบาทจะมีความสุขมากกว่าปกตินะ” กู่ฉิงซานกล่าว

นายทหารหนุ่มปลดกระดุมบนปกคอเสื้อ จึงค่อยหายใจหายได้สะดวกขึ้น และเริ่มกล่าว “ใช่แล้วล่ะ วันก่อนที่จะกลับมาในวัง พระองค์ก็เสด็จออกไปล่าสัตว์ในภูเขาตามปกติ แล้วก็ล่าเหยื่อมาได้มากซะด้วย”

 “ตั้งแต่นั้นมา อารมณ์ของฝ่าบาทก็ดีขึ้นมากเลยทีเดียว”

 กู่ฉิงซานยิ้ม “แล้วนายได้ไปกับเขาหรือเปล่า?”

 นายทหารเอ่ยปากด้วยความไม่สบายใจ “ในระหว่างการล่า ฝ่าบาทจะไม่ยอมให้พวกเราติดตามไป ทรงตรัสว่าผู้คนจำนวนมากเกินไป มันจะเป็นเรื่องง่ายในการล่าเหยื่อ และทำให้ไม่สนุก”

 กู่ฉิงซาน “แสดงว่าฝ่าบาทออกไปล่าสัตว์โดยไม่มีผู้ติดตามไปใช่ไหม?”

 “ไม่เสมอไปหรอก มีเพียงแค่เมื่อวานซืนที่ท่านไม่ยินยอมให้พวกเราติดตามไปด้วย”

 “ท่านคงกะจะล่าจนหนำใจเลยสินะ” กู่ฉิงซานกล่าว

 “ใช่ ท่านกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่บนใบหน้าเลยล่ะ”

 กู่ฉิงซานจมลงสู่ห้วงความคิดของเขา

 “ฮึ! คุณไม่คิดเดิมพันต่อสู้กับเขา แต่ดันมาเลือกที่จะพูดคุยกันแทนเนี่ยนะ?” เสียงของหญิงสาวดังขึ้น

 ทั้งสองหันไปตามเสียง และพบว่าเป็นเจ้าหญิง

 เจ้าหญิงหันไปจ้องนายทหารหนุ่มด้วยแววตาโกรธเคือง ก่อนจะเชิดหน้าและหันหลังวิ่งจากไป

 “โทษทีนะ คงต้องขอตัวก่อนแล้วล่ะ” นายทหารหนุ่มกล่าว

 “ไปเถอะ” กู่ฉิงซานโบกมือ ไม่คิดรั้งตัวเขาไว้อีก 

แล้วนายทหารหนุ่มก็รีบวิ่งตามเจ้าหญิงไปทันที 

“ออกล่าคนเดียว...” กู่ฉิงซานบ่นงึมงำเบาๆ 

ตามคำบอกใบ้ของจักรพรรดินีเวโรน่า องค์จักรพรรดิดูจะแตกต่างไปจากเมื่อก่อน

 และเวโรน่าก็ใช้เวลาตลอดทั้งค่ำคืนเพื่อป้องกันตัวเองจากเขา

 เพราะถ้าหากองค์จักรพรรดิตระหนักได้ว่าเธอเห็นถึงความผิดปกติ เธอย่อมต้องถูกเขาฆ่าปิดปากเป็นแน่

 ปัญหาคือช่วงที่ออกไปล่าสัตว์

 กู่ฉิงซานนั่งอยู่คนเดียวในมุมเล็กๆ และยกเหล้าขึ้นมาจิบอีกเล็กน้อย

 แต่พอหญิงสูงศักดิ์คนหนึ่งมาขอให้เขาร่วมเต้นรำด้วย เจ้าตัวก็มิได้ปฏิเสธ

 คนดังบางคนเอ่ยทักทายเขา และกู่ฉิงซานก็พูดคุยกับอีกฝ่าย สนทนากันเกี่ยวกับหัวข้อที่น่าสนใจ

 เขาผสานหลอมรวมเข้ากับงานเลี้ยงในสังคมชั้นสูงแห่งสาธารณรัฐฟูซีได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 และกำลังเฝ้ารอให้งานเลี้ยงจบลงอย่างเงียบๆ

 กลางดึก

 เมื่อสิ้นเสียงเพลงบรรเลง งานเลี้ยงก็ได้มาถึงจุดสิ้นสุด

 หลายคนเมามาย และถูกนำตัวไปยังห้องพัก

 กู่ฉิงซานก็แยกตัวไปยังห้องพักที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ให้

 เขายืนนิ่งอยู่ในห้อง ปลดปล่อยจิตสัมผัสเทวะออกมา กวาดไปตลอดทั่วทั้งวัง

 กวาดผ่านเหล่าขุนนางหนุ่มสาวที่ยังคงพูดคุยและดื่มกินกันในห้องขนาดเล็ก

 นายทหารหนุ่มกับเจ้าหญิงก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน

 ทั้งสองเปี่ยมไปด้วยพลังงานที่เหลือล้น เพลิดเพลินไปกับช่วงวัยที่ยังเยาว์อยู่

 แต่กู่ฉิงซานก็กวาดจิตสัมผัสเทวะผ่านไปอย่างรวดเร็ว มิคิดสนใจใดๆ กับพวกเขา

 ภายในห้องประชุมวัง เต็มไปด้วยแสงสว่างไสว

 แม้ว่านี่จะเป็นยามดึก แต่องค์จักรพรรดิก็ยังคงสนทนาอยู่กับคนสนิทหลายคนบนบัลลังก์ 

จิตสัมผัสเทวะกวาดเลยมาจนถึงห้องหมากรุก และเกมก็ยังคงดำเนินต่อไป 

จักรพรรดินีทิ้งไพ่ลง “ห้าตง” 

หญิงสูงศักดิ์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “น็อค! ไพ่ห้าตง” 

จักรพรรดินี “วันนี้ข้าไม่คิดเลยว่าจะพ่ายแพ้ยับเยินขนาดนี้”

 ในตอนนั้นเอง เสียงของกู่ฉิงซานก็เอ่ยออกมา

 จักรพรรดินีผลักชุดไพ่ของเธอ ลุกขึ้นยืนและเอ่ยว่า “ข้าชักจะหิวซะแล้วซี พวกเจ้าช่วยออกไปดูหน่อยจะได้ไหมว่าในครัวยังมีอะไรน่าสนใจหลงเหลืออยู่บ้างหรือเปล่า หยิบฉวยบางสิ่งมาตั้งโต๊ะกินร่วมกัน แล้วจากนั้นค่อยกลับมาเล่นกันต่อตลอดทั้งคืนก็ได้”

 “ขอบพระคุณฝ่าบาท” สามหญิงสูงศักดิ์ยืนขึ้น คารวะน้อมรับด้วยความยินดี

 เดิมทีแล้วเรื่องนี้ นับว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่สมควรจะให้สาวใช้ออกไปนำมันมา

 แต่หากจักรพรรดินีเป็นคนเอ่ยปากว่าให้ทั้งสามช่วยไปเลือกอาหารในค่ำให้เธอแล้วร่วมรับประทานด้วยกัน ทั้งหมดย่อมตอบรับ เพราะนั่นอาจหมายถึงความสนิทชิดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น

 นอกจากนี้แม้จะเล่นไพ่นกกระจอกด้วยกัน แต่พวกเธอก็รู้สถานะของตัวเองดี และมิคิดปฏิเสธที่จะเป็นการแสดงถึงการละเลยมารยาท

 สามหญิงสูงศักดิ์ถูกนำทางไปโดยสาวใช้

 “พวกเจ้าก็เหมือนกัน ช่วยออกไปก่อน ข้าอยากจะอยู่เงียบๆ สักพัก” จักรพรรดินีเอ่ยสั่ง

 สาวใช้บางส่วนที่ยังเหลืออยู่ค่อยๆ ถอยออกไป

 ห้องหมากรุกกลับคืนสู่ความเงียบงัน

 แล้วเสียงของกู่ฉิงซานก็ปรากฏขึ้น

 “ฝ่าบาท ตอนนี้ช่วยบอกถึงรายละเอียดแบบเฉพาะเจาะจงให้กระหม่อมฟังได้หรือไม่”

 จักรพรรดินีเอ่ยปากกล่าวกับอากาศที่ว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว “สองวันก่อน องค์จักรพรรดิออกไปล่าสัตว์คนเดียว ทว่าหลังจากกลับมาแล้ว เขากลับแตกต่างจากเดิมราวกับเป็นคนละคน” 

“ข้าสามารถตระหนักได้ทันทีว่าเขาผิดแผกไป แม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บ หรือพลังอำนาจจะยังคงเดิม แต่ข้าคิดว่ามันไม่ใช่อยู่ดี” 

“แล้วเขารู้หรือยังว่าท่านตระหนักถึงความผิดปกตินี้แล้ว” 

“ข้าแสร้งแสดงทำตัวตามปกติ และยังมิได้ทำอะไรผิดสังเกตหรือแตกต่างไปจากเดิม” 

“แต่ในช่วงหลังๆมานี้ คำพูดและการกระทำของเขา ก็เริ่มที่จะแตกต่างไปจากเดิมมากขึ้นเรื่อยๆ ข้าเลยมั่นใจแล้วว่ามันจะต้องมีปัญหาเกิดขึ้นตามมาแน่ๆ”

 “แม้ว่าเขาจะยังยินดีที่จะปล่อยให้ข้าออกมาเล่นไพ่ แต่นั่นก็เพราะข้ายังไม่ค้นพบความลับใดๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับเขา ข้าจึงยังสามารถอยู่ด้วยกันกับเขาอย่างสงบสุขได้ชั่วคราว”

 “อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขได้ชั่วคราว? ท่านคิดว่าเขาจะฆ่าท่านอย่างนั้นหรือ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

 สีหน้าของจักรพรรดินีเผยถึงการตัดสินใจแน่วแน่ ปากเอ่ยกล่าว “เมื่อเขาเตรียมทุกอย่างพร้อมโดยสมบูรณ์ เขาจักต้องสังหารข้าอย่างแน่นอน”

 “เพราะเหตุใด?”

 “เพราะข้าเป็นคนที่หนุนหมอนอยู่ข้างกายเขา ล่วงรู้ความลับมากมาย และหนึ่งในความลับที่ว่านั่นเป็นถึงจุดอ่อนเดียวที่เขามี”

 “ฟังจากที่กล่าวมา ท่านกำลังจะบอกว่าตนเองมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันกับเขาใช่หรือเปล่า?”

 “ใช่ ข้าเพียงแค่อยากจะรักษาสาธารณรัฐให้มันคง แต่เขากลับต้องการมากกว่านั้น”

 จักรพรรดินีกล่าวต่อ “ข้าจักต้องต่อต้านความทะเยอทะยานของเขา”

 แต่แล้วจู่ๆ กู่ฉิงซานก็เอ่ยออกมาอย่างฉับพลัน “ว่าแต่ท่านรู้ไหมว่ามงกุฎของฟูซีอยู่ที่ไหน?”

 จักรพรรดินีชะงักงัน และกล่าว “มงกุฎราชวงศ์มีอยู่สามชิ้น เจ้ากำลังกล่าวถึงชิ้นใดกันล่ะ?”

 “ชิ้นที่ตรงกลางฝังไว้ด้วยอัญมณีจากจักรวาล”

 “มงกุฎราชวงศ์และคทาขององค์จักรพรรดิทั้งหมดถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบโดยข้า ดังนั้นย่อมเป็นธรรมดาที่ข้าจะทราบ”

 “พอดีว่าผมต้องการอัญมณีบนมงกุฎที่ว่านั่น ท่านช่วยไปนำมันมาจะได้หรือไม่ เมื่อได้มันมาแล้วพวกเราจะหนีไปทันที”

 “เจ้าสามารถช่วยข้าได้หรือ?” จักรพรรดินีเอ่ยถาม 

ท่าทีของเธอบัดนี้แลดูสงบมาก “แม้ข้าจะเคยได้ยินแอนนาพูดถึงเกี่ยวกับพลังอันลึกลับของเจ้า แต่เจ้าคงทำมันมิได้หรอก อย่าพยายามช่วยข้าเลย มันไม่ง่ายดายถึงเพียงนั้น” 

“มิฉะนั้น หากเจ้าพลาดพลั้ง นั่นหมายถึงความตาย”

 “ทำไมท่านถึงดูห่วงใยเกี่ยวกับชีวิตของผมถึงขนาดนี้?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

 “เพราะหากไร้ซึ่งความหวังใดๆ แล้ว เช่นนั้นขอแค่ความปรารถนาเดียวก็พอ นั่นคือขอให้ข้าเป็นคนสุดท้ายที่จะต้องตายลง”

 จักรพรรดินีบัดนี้แลดูสงบ สงบมาก ทั้งคนทั้งร่างเธอเต็มไปด้วยวุฒิภาวะความเป็นผู้ใหญ่

 “ทำไมกัน?”

 “ถ้าหากเจ้าตายไป มันจะเกี่ยวโยงถึงผลกระทบร้ายแรงต่อแอนนา เวลานี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอ และห้วงอารมณ์ของเธอไม่สมควรจะมีสิ่งใดเข้าไปแทรกแซง” จักรพรรดินีกล่าว

 “เธอคือความหวังสุดท้ายของเรา...ของตระกูลเมดิซี”

 “ดังนั้นถ้าหากเจ้ายังไม่มั่นใจ อย่าได้กังวลถึงชีวิตและความตายของข้า จงลอบหาโอกาสหนีออกไป และบอกความจริงให้แอนนาทราบในภายหลัง”

 กู่ฉิงซานบังเกิดความรู้สึกเคารพลึกต่ออีกฝ่ายขึ้นมาอย่างเงียบๆ

 “ไม่ต้องกังวลไป ตราบใดที่ผมต้องการจะช่วยท่าน ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถมาหยุดได้” เขากล่าว

 ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงกระซิบอันแผ่วเบาดังขึ้นจากด้านนอก

 “เข้ามาสิ”

 สองสาวใช้เปิดประตูเข้ามา โค้งกายคำนับและกล่าว “อาหารมื้อค่ำได้ถูกจัดเตรียมเอาไว้แล้ว นายหญิงทั้งสามกำลังเฝ้ารอท่านอยู่เจ้าค่ะ”

 จักรพรรดินีกล่าว “ตอนนี้ข้ารู้สึกไม่ค่อยหิวแล้ว ให้พวกนางกินกันไปก่อน และหลังจากกินเสร็จก็กลับมาเล่นไพ่กันต่อ”

 “เจ้าค่ะ”

 สองสาวใช้หันมามองหน้ากันวูบหนึ่ง และถอยออกจากประตูไป 

จักรพรรดินีลุกขึ้นยืนอยู่สักพัก ก่อนจะเดินออกจากประตูตามไปเช่นกัน 

เธอก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงห้องสุดท้ายของทางเดิน 

“ถอยไปซะ” จักรพรรดินีกล่าว

 “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” สององครักษ์กล่าว

 พวกเขาโค้งกายคำนับอย่างระมัดระวัง เดินจากไปพร้อมกับปิดประตูลง

 จักรพรรดินียื่นมือไปบนกำแพง และทำการเปิดช่องลับ

 มงกุฎแห่งราชวงศ์ฟูซีที่ถูกฝังไว้ด้วยเลือดของตะวันและจันทราวางอยู่เงียบๆในช่องลับดังกล่าว

 ข้างๆ มงกุฎ เป็นคทาจักรพรรดิ

 จักรพรรดินีมองไปยังคทาด้วยความตกใจ พร้อมกับบังเกิดร่องรอยของความหวาดกลัวขึ้นในแววตาของเธอ

 คทาจักรพรรดิถูกหล่อขึ้นด้วยทองคำบริสุทธิ์ โดยมีหัวมนุษย์ถูกแกะสลักอยู่บนยอด และสีหน้าบนหัวก็กำลังแสดงออกถึงการเฝ้ามองมายังวิสัยทัศน์ตรงหน้า

 มันคือศีรษะของผู้ก่อตั้งจักรวรรดิฟูซี

 เมื่อจักรพรรดิผู้ก่อตั้งสิ้นพระชนม์ลง เขาร้องขอให้รวมหัวกะโหลกศีรษะตน หลอมเข้ากับส่วนยอดของคทา และชุบซ้ำด้วยทองคำ แกะสลักเป็นคทาเพื่อส่งต่อไปยังองค์จักรพรรดิแห่งฟูซีสืบต่อไป

 ความหมายของมันก็คือ แม้ว่าเขาจะเสียชีวิตลงไปแล้ว แต่ก็ยังคงเฝ้าจับตาดูลูกหลานของตนอยู่ว่าพวกเขามีคุณสมบัติเหมาะที่จะเป็นราชาผู้ครองแผ่นดินหรือไม่

 เวลานี้ ทองคำบริสุทธิ์ยังคงอยู่ แต่...ศีรษะของผู้ก่อตั้งฟูซีกลับหายไป!

 “ท่านพอจะทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

 “ไม่เลย ข้าไม่รู้” จักรพรรดินีกล่าว

 “ใช่ว่าเป็นองค์จักรพรรดินำมันออกไปแต่ไม่ได้บอกท่านหรือเปล่า?”

 “ข้าได้รับหน้าที่จัดระเบียบสิ่งของเหล่านี้ให้แด่เขาเสมอมา แต่...”

 จักรพรรดินีพยายามควบคุมอารมณ์ของตนเอง และหยิบมงกุฎออกมา

 เธอพยายามที่จะไม่เหลือบสายตามองไปยังคทา 

หลังจากทั้งหมดนี้ เรื่องราวมันแปลกมากเกินไป 

ทำไมกัน? ทำไมถึงไม่หยิบเอาไปทั้งคทา แต่กลับเอาไปแค่เพียงกะโหลกศีรษะขององค์จักรพรรดิผู้ก่อตั้งประเทศ!?

………………..………………..