ตอนที่ 242 รางวัลของเกม
ขณะที่หลายคนกำลังสนทนากัน สมองควอนตัมของกู่ฉิงซานก็ส่องสว่างขึ้น
ตามมาด้วยเสียงของเทพธิดากงเจิ้ง “ใต้เท้า ระบบการคำนวณเสร็จสมบูรณ์แล้ว เกมสตาร์การ์เดี้ยนรุ่นทดสอบพร้อมใช้งานแล้ว ”
“เริ่มทำการผลิตได้เลย” กู่ฉิงซานกล่าว
หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
กำไลเงินสองเส้นก็ถูกส่งลงมายังวิลล่าบนยอดเขา และปรากฏสู่สายตาของทุกผู้คน
กู่ฉิงซานสวมกำไลลงบนข้อมือตน อีกหนึ่งโยนไปให้เย่เฟย์หยู
“เริ่มเปิดใช้งานระบบสตาร์การ์เดี้ยน” เขากล่าว
ตัวกำไลส่องสว่างขึ้นทันที
“พวกเราจะเริ่มสาธิตกันตั้งแต่ต้น” กู่ฉิงซานกล่าว
“รับทราบแล้วใต้เท้า” เสียงของเทพธิดาขานรับ “ถ้าอย่างนั้นมาเริ่มกันเลย...สวัสดีผู้เล่นหน้าใหม่ มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยคุณได้บ้าง?”
“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ทำการเข้าสู่ระบบ เพราะฉะนั้นช่วยให้คำแนะนำกับฉันด้วย”
“เข้าใจแล้ว อย่างนั้นคำถามแรก...ก่อนที่จะเข้าร่วมเกมคุณเคยเป็นมืออาชีพใช่หรือไม่?”
“ฉันแค่พึ่งจะเริ่มก้าวเข้าสู่วิถีหวูเต๋า”
“เช่นนั้นระบบจะขอเริ่มทดสอบศักยภาพของคุณ โดยอ้างอิงจากเพลงหมัดของนักสู้หวูเต๋าระดับหนึ่งดาว ใต้เท้าโปรดทำการเรียนรู้อย่างช้าๆ หากมีตรงไหนไม่เข้าใจ โปรดอย่าลังเลที่จะเอ่ยถามฉัน”
กู่ฉิงซานแสดงการโจมตีด้วยชุดเพลงหมัดขั้นพื้นฐานออกไปแบบมั่วๆ อย่างจงใจ
ติ๊ง!
“ใต้เท้า ชุดเพลงหมัดที่คุณแสดงออกมาผิดเกือบทั้งหมด โปรดดูตัวอย่างที่ถูกต้องบนจอม่านแสง”
กู่ฉิงซานชิงกล่าวตัดหน้า “เอาล่ะพอแค่นั้น เริ่มอีกหนึ่งการทดสอบ ตอนนี้ตรงหน้าฉัน ห่างออกไปห้าร้อยเมตร มีผีดิบกินคนอยู่ และฉันไม่สามารถเอาชนะมันได้ จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ที่นี่…ร้องขอให้ระบบทำการช่วยเหลือ!”
“ภารกิจร้องขอความช่วยเหลือได้ถูกส่งออกไปแล้ว โปรดเฝ้ารอด้วยความอุ่นใจ อย่าพึ่งส่งเสียงดังหรือทำอะไรกระโตกกระตากจนศัตรูจับสังเกตได้”
กำไลบนข้อมือของเย่เฟย์หยูเปล่งแสงฉับพลัน
“คุณได้รับภารกิจฉุกเฉิน”
“จากการพิจารณา ค้นพบว่าใต้เท้ามีความแข็งแกร่งมากพอที่จะสามารถบรรลุภารกิจนี้ได้ คำร้องขอนี้ถึงถูกส่งมา และหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ คุณจะได้รับเหรียญตราแห่งเสรีภาพประจำรัฐบาลกลางเป็นรางวัล...ต้องการยอมรับภารกิจหรือไม่?”
เย่เฟย์เผยท่าทีสนใจมากยิ่งกว่าเดิม เขาตกปากรับคำ “ฉันยอมรับ”
ทันใดนั้นก็บังเกิดเสียงคำรามสนั่นดังออกมาจากตัวกำไล
พร้อมกับร่างของเย่เฟย์หยูที่หายวับไปจากในตำแหน่งเดิมที่เขายืนอยู่ และมาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งเบื้องหน้ากู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานกล่าว “ภารกิจช่วยเหลือเสร็จสิ้นแล้ว ขอบคุณมากนะระบบ”
ระบบตอบรับ “ผู้เล่น เย่เฟย์หยู บรรลุภารกิจช่วยเหลือเสร็จสมบูรณ์ ได้รับเหรียญตราแห่งเสรีภาพประจำรัฐบาลกลาง โปรดเตรียมตัวรับมอบของรางวัล”
วิ้ง!
บนกำไลข้อมือปรากฏแสงสว่างวาบ ตามด้วยแถบข้อความเล็กๆ ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา
“พลังงานหมด กรุณาชาร์จพลังงานเพิ่มเติมด้วย” เมื่อแถบข้อความนี้ปรากฏขึ้น แสงจากตัวกำไลก็ค่อยๆ สลัวลงและจางหายไป
“ยอดเยี่ยม นี่มันยอดเยี่ยมไปเลย!” เหลียวฮังปรบมือ
“แต่ในส่วนด้านตัวกักเก็บพลังงานมันยังเป็นปัญหาใหญ่อยู่เลยไม่ใช่รึไง?” ซางหยิงฮ่าวกล่าว
“ผายลมเถอะ! แกมันไม่เข้าใจ” เหลียวฮังกล่าว “การจัมป์คนน่ะ มันจำเป็นต้องการพลังงานจำนวนมาก หากไม่ใช่ภารกิจช่วยเหลือ ด้วยพลังงานที่กักเก็บเอาไว้ในกำไล ก็เพียงพอแล้วที่จะสามารถใช้งานมันได้เป็นเวลานาน”
“ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าภายใต้สถานการณ์ปกติ พวกเราจะไม่สามารถทำการจัมป์ผู้คนได้ใช่ไหม” ซางหยิงฮ่าวถาม
“ใช่แล้วล่ะ” กู่ฉิงซานตอบ “ไม่เพียงแต่มันจะเป็นปัญหาในด้านพลังงาน แต่ยังเป็นเพราะมีเพียงมืออาชีพที่แข็งแกร่งเท่านั้น ที่จะสามารถต้านทานและไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ต่อการจัมป์ได้ และอีกอย่าง ถ้าทุกคนจัมป์ได้ แล้วเกิดเล่นสนุกอยากจัมป์ไปมาซะเฉยๆ มันอาจจะเกิดผลกระทบที่คาดไม่ถึงกับมิติและเวลาก็เป็นได้”
“เพราะฉะนั้น...” เขาตบไหล่ของเย่เฟย์หยูและกล่าว “จะมีเพียง GM เท่านั้นที่จะสามารถทำการจัมป์ได้”
“แล้วถ้าเกิดสถานการณ์แบบเมื่อกี้ขึ้นมาจริงๆ ล่ะ?” ซางหยิงฮ่าวเอ่ยถาม
“ระบบก็จะทำการค้นหาผู้เล่นที่อยู่ใกล้เคียงโดยตรง แล้วส่งคำร้องขอภารกิจช่วยเหลือให้แก่เขา” เหลียวฮังกล่าว “แกต้องเข้าใจนะ นี่มันก็แค่ระบบ ไม่ใช่พระเจ้า”
ซางหยิงฮ่าวพยักหน้าอย่างเงียบๆ
จู่ๆ เหลียวฮังก็หัวเราะออกมาและกล่าว “ดูเหมือนว่าพวกเรากำลังก้าวเดินไปบนเส้นทางแห่งความสำเร็จ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์...”
“พวกเราจะต้องรีบทำเวลาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้สตาร์การ์เดี้ยน เปิดตัวในระบบออนไลน์สักที จะได้ใช้มันงัดกับเกมแห่งชีวิตนิรันดร์” ซางหยิงฮ่าวกล่าว
“ส่วนฉัน…มีข้อเสนอเล็กๆ น้อยๆ” เย่เฟย์หยูกล่าวออกมา
“พูดมาสิ”
“เกมทั่วๆ ไป ตอนแรกที่ล็อกอินเข้าไป มันจะมีให้เลือกอาชีพก่อนเป็นอันดับแรก แล้วทำไมพวกเราถึงไม่มีล่ะ” เขาเอ่ยถาม
“ก็มืออาชีพส่วนใหญ่น่ะ จะสามารถปลุกพลังของตัวเอง และรับรู้ถึงสายต่อสู้ของตัวเองมาเรียบร้อยแล้วจากการฝึกฝนยังไงล่ะ พวกเขาไม่จำเป็นต้องทำการเลือกอาชีพอีกหรอก” ซางหยิงฮ่าวกล่าว
กู่ฉิงซาน “แต่สำหรับบุคคลทั่วไป ที่จำเป็นต้องให้พัฒนาขึ้นมาเป็นมืออาชีพ และเพื่อให้บุคคลธรรมดากลายเป็นมืออาชีพ ก็จำเป็นต้องใช้น้ำยาผสานยีนเป็นตัวกระตุ้น”
“สาธารณรัฐฟูซีมีเทคโนโลยีผสานยีนธาตุทั้งห้า จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์มีเทคโนโลยีผสานยีนเทียนซวน และรัฐบาลกลางของพวกเรามีเทคโนโลยีผสานยีนนักสู้หวูเต๋า ด้วยสามเทคโนโลยีเหล่านี้ มีโอกาสที่จะทำให้คนธรรมดากลายเป็นมืออาชีพได้”
“และน้ำยาปลุกเทียนซวนที่มีความบริสุทธิ์ในระดับทั่วๆ ไป ก็น่าจะสามารถทำได้โดยการเจือจางสูตรในมือของพวกเรา”
“ส่วนน้ำยาเสริมศักยภาพนักสู้หวูเต๋า ย่อมสามารถทำได้อย่างไม่มีข้อสงสัย”
“สิ่งเดียวที่ยังขาดหายไปในตอนนี้ก็คือ สูตรยากระตุ้นธาตุทั้งห้า แต่ฉันคิดว่าใช้แค่สูตรน้ำยากระตุ้นธาตุทั้งห้าในระดับความบริสุทธิ์ทั่วๆ ไปก็น่าจะเพียงพอแล้ว”
“อีกนัยหนึ่งก็คือ สิ่งต่อไปที่พวกเราจะต้องมุ่งความสนใจก็คือน้ำยากระตุ้นธาตุทั้งห้าใช่ไหม?”
“ใช่แล้วล่ะ ถ้าได้สูตรยากระตุ้นธาตุทั้งห้ามา พวกเราก็จะสามารถทำให้คนธรรมดาทุกคนเลือกอาชีพก่อนเล่นเกมได้”
‘ดูเหมือนว่ามันจะถึงเวลาแล้วที่ฉันต้องไปเยี่ยมสาธารณรัฐฟูซี เพราะไม่ว่ายังไง องค์จักรพรรดิยังคงเฝ้ารอฉันและแอนนาให้กลับไปหาเขาอยู่แล้ว’...ในหัวใจของกู่ฉิงซานแอบกล่าวอย่างลับๆ
เขาเอ่ยเสริม “นอกเหนือจากนี้ เรายังต้องปรับปรุงเส้นทางการพัฒนาตนเองในสายที่ต่างออกไปอีก ไว้ให้สำหรับคนที่แม้ว่าจะใช้น้ำยาแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นมืออาชีพได้”
“แต่สำหรับตัวเกม ก็ยังมีอีกหนึ่งในปัญหาใหญ่ที่สุดก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขอยู่ดี” เย่เฟย์หยูกล่าว
“ปัญหาอะไรอีกล่ะ?” หลายคนหันไปมองเขา
“ก็ทางฝั่งเกมแห่งชีวิตนิรันดร์น่ะสิ หลังจากที่ได้ผู้ชนะ มันก็ใจกว้าง แจกรางวัลไปตั้งมากมาย”
“อ่า ว่าต่อสิ”
เย่เฟย์หยูกล่าวด้วยความกังวล “แต่ทางฝั่งเกมของพวกเรา ถึงจะสามารถช่วยให้คนทั่วไปพัฒนาขึ้นมาเป็นมืออาชีพได้ อาจจะช่วยให้ผู้คนสามารถเริ่มฝึกฝนได้ แต่มันไม่มีกลไกในส่วนของรางวัลตอบแทนที่น่าตื่นตาตื่นใจเลยน่ะสิ”
เขาผายมือออกและกล่าว “แล้วพวกเราพอจะมีรางวัลอะไรไปกระตุ้นพวกเขาได้บ้างไหม?”
เหลียวฮังนิ่งไป ก่อนจะยกมือขึ้นเกาหัว “เออ ฉันก็ลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลย ก็ฉันมันนักวิทยาศาสตร์นี่หว่า ไม่ใช่นักออกแบบเกม ใครมันจะไปทันนึกได้”
ซางหยิงฮ่าวขบคิดและกล่าว “หรือว่าจะให้เป็นแต้มเครดิตกับพวกเขาดี?”
“แล้วนายจะไปเอาเงินตั้งมากมายขนาดนั้นมาจากที่ไหน?” เย่เฟย์หยูถาม
“ไม่ พวกเราจะไม่ให้แต้มเครดิต” กู่ฉิงซานกล่าวขึ้นอย่างกะทันหัน
หลายคนหันไปมองเขา
“แล้วถ้าอย่างนั้นนายจะทำยังไง?” เย่เฟย์หยูเริ่มจี้ถาม
เห็นแค่เพียงกู่ฉิงซานที่นิ่งเงียบ ไม่เอ่ยปากตอบไปชั่วเวลาหนึ่ง ดูเหมือนว่าอารมณ์อันหลากหลายกำลังตีกันไปมาในสมองของเขาอยู่
แต่แล้วรอยยิ้มบางๆ ก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้าเขา
เมื่อครู่ กู่ฉิงซานได้เปิดหน้าต่างระบบเทพสงคราม แล้วจ้องมองไปยังเวลาในโถแก้วนาฬิกาทรายอย่างรอบคอบ
เนื่องเพราะเขาบรรลุภารกิจ ‘การสู้รบขั้นแตกหัก (ครึ่งแรก)’ ดังนั้นระบบจึงให้รางวัลเป็นการใช้เวลาพักผ่อนในโลกจริงอยู่หลายวัน
แต่ในตอนนี้ อีกไม่ถึงหนึ่งวันเต็มเข้าก็จะต้องกลับเข้าสู่โลกแห่งผู้ฝึกยุทธแล้ว
กู่ฉิงซานกำลังขบคิดเกี่ยวกับในเรื่องของรางวัล ว่าถ้าหากเขาเอาพวกสิ่งที่อยู่ในโลกแห่งผู้ฝึกยุทธอย่างเช่น ค่ายกล อาวุธ ชุดเกราะ เม็ดยารักษา อาหารวิญญาณ หญ้าวิญญาณ สมบัติมนตรา ยันต์ กระทั่งศิลาวิญญาณ เทคนิคปราณปรับแต่ง เทคนิคฝึกฝน เทคนิคมนตราของผู้ใช้ธาตุทั้งห้า ศาสตร์ลับ เพลงหมัด วิชามีด และเทคนิคดาบ มาเป็นของรางวัลแล้วล่ะก็…
ไม่ล่ะ แค่ตอนแรกไม่จำเป็นต้องยกมาทั้งหมดนี้ก็ได้ เอาแค่วิชาจิ๊บจ๊อยอย่าง เทคนิคปราณปรับแต่งมาเป็นรางวัล ก็น่าจะเพียงพอที่จะทำให้โลกจริงทั้งใบตกอยู่ในความบ้าคลั่งแล้ว!
พลังวิญญาณคือช่องโหว่ของโลกใบนี้ และยังไม่มีใครรู้วิธีการว่าจะสามารถใช้งานมันได้อย่างไร
หากวันหนึ่งเหล่ามืออาชีพสามารถเรียนรู้ที่จะดูดซับพลังวิญญาณของพวกเขาได้ด้วยตัวเอง พวกเขาก็จะค้นพบว่าภายใต้การสนับสนุนของพลังวิญญาณ มันจะช่วยส่งเสริมอำนาจของเทคนิคต่อสู้ที่พวกเขามีได้อย่างมหาศาล
และด้วยการยกระดับพื้นฐานขอบเขตวรยุทธ พวกเขาก็จะได้พบกับความน่าเหลือเชื่ออื่นๆ ของการใช้งานพลังวิญญาณอีกตามมาเป็นทอดๆ
ตัวอย่างง่ายๆ ก็เช่น เสริมพลังให้กายหยาบ สามารถชำระรากวิญญาณและสะสมพลังในการยกระดับเทคนิคเทียนซวนได้
ตัวอย่างที่ซับซ้อนยิ่งกว่าก็เช่น สามารถเปิดเส้นทางการฝึกฝนใหม่ๆ ของนักสู้หวูเต๋าได้ สามารถประดิษฐ์คิดค้นเทคนิคมนตราใหม่ๆ ของธาตุทั้งห้า เปลี่ยนรูปแบบการใช้งานเทคนิคเทียนซวนใหม่
ในระดับที่สูงยิ่งกว่านี้ ก็จะเป็นพวกอารยธรรมที่เกิดจากความก้าวหน้าด้วยน้ำมือมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็น เทคนิคทำนายชะตา วางค่ายกล หลอมอาวุธ กลั่นเม็ดยา สร้างยันต์ และปรุงอาหารวิญญาณ
ดังนั้น แม้กระทั่งเทคนิคฝึกยุทธที่ง่ายดายที่สุดอย่าง เทคนิคปราณปรับแต่ง ก็ยังนับว่าเป็นประตูบานใหญ่
ประตูบานใหญ่ที่จะเปิดให้ผู้คนก้าวเข้าสู่โลกใบใหม่ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนในประวัติศาสตร์
“สำหรับปัญหานี้ ฉันจะเป็นคนคิดวิธีแก้มันเอง” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างแผ่วเบา “แต่ขอสัญญาเลยล่ะ ว่ามันจะต้องทำให้ผู้คนตกอยู่ในความบ้าคลั่งอย่างแน่นอน”
เช้าวันต่อมา
เมื่อทุกคนรวมตัวกันรับประทานอาหารเช้า จู่ๆ เสียงของเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ก็ดังขึ้น
บังเกิดเสียงชราภาพดังกังวานขึ้นในจิตใจของทุกผู้คน
“เหล่ามวลมนุษย์แห่งโลกใบนี้เอ๋ย”
“วันสิ้นโลกได้มาถึงแล้ว พร้อมทั้งภัยพิบัติที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่รู้จบ โชคชะตาของพวกเจ้าเปรียบดั่งมดตัวน้อยๆ ที่กำลังจะถูกน้ำท่วม และไม่อาจได้รับซึ่งอิสรภาพ”
“แล้วเจ้าต้องการจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตนหรือไม่เล่า?”
“ดิ้นรนต่อสู้กับโชคชะตา เปลี่ยนตนเองให้กลายเป็นเพชฌฆาต ก้าวเดินไปยังเบื้องหน้า มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอดได้”
“หากเจ้าต้องการที่จะครอบครองชีวิตอันเป็นนิรันดร์ จงเข้าร่วมการแข่งขันท้าทาย และเมื่อสามารถพิชิตชัยได้ เจ้าก็จะได้มีชีวิตนิรันดร์!”
กู่ฉิงซานเอ่ยถาม “นับจากครั้งก่อน นี่มันผ่านมานานแค่ไหนแล้ว?”
“สิบชั่วโมง” เทพธิดาตอบ
“ดูเหมือนทางฝั่งเกมแห่งชีวิตนิรันดร์จะกำลังร้อนรนไม่น้อยเลยสินะ”
....................................................