ตอนที่ 220 ถึงที่หมาย
หลังจากที่คู่แขนยักษ์ที่ไม่ว่าใครเห็นเป็นต้องขนพองสยองเกล้าปรากฏขึ้น มันก็มิได้เคลื่อนไหวใดๆ เพียงแค่ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศอย่างเงียบๆ
เมื่อฮัทท์เห็นแบบนั้น เขาจึงเอ่ยปากอีกครั้ง “ตัวตนที่ชั่วร้าย สมควรถูกสวรรค์พิพากษา!”
มือยักษ์ยังคงนิ่งดังเดิม มิได้ขยับไหว
หลังจากที่ลองพยายามดูอีกนับครั้งไม่ถ้วน ฮัทท์ก็เริ่มงงขึ้นมาจริงๆ แล้ว
สถานการณ์นี่มันอะไรกัน? อย่าบอกนะว่าเทคนิคเทียนซวนเกิดความผิดพลาด?
เวลาผ่านไปเล็กน้อย
จู่ๆ สายตาของฮัทท์ก็เริ่มแปรเปลี่ยนไป
ดูเหมือนว่าเขาจะตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่างแล้ว
ทันใดนั้นเขาก็เหวี่ยงมือออกไป พร้อมยิงเปลวเพลิงสีขาวนวลตรงไปยังเบื้องหน้า
เปลวเพลิงสีนวลระเบิดเข้าใส่หินใหญ่
และพริบตาเดียว ส่วนหน้าของหินทั้งก้อนก็แหลกเป็นผง เผยถึงสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในปรากฏสู่เบื้องหน้าของฮัทท์
มันคือชุดเครื่องแบบทหารของรัฐบาลกลาง ที่ถูกจัดวางเอาไว้อย่างเรียบร้อย
และตรงตำแหน่งไหล่ของชุด มีกลุ่มก้อนแสงสีขาวเล็กๆ เปล่งประกายอยู่
กลุ่มก้อนแสงสีขาวเหล่านี้ ถูกห่อหุ้มด้วยพลังที่มองไม่เห็น ส่งผลให้คลื่นความผันผวนของมันเล็ดลอดออกมาได้เพียงแค่จางๆ เท่านั้น
ฮัทท์มองไปยังกลุ่มก้อนแสงสีขาว
ไม่ผิดแล้ว นี่คือสัญลักษณ์ของอีวาน
… แท้จริงแล้วเขาหลงกลมาตั้งแต่ต้นอย่างนั้นหรือนี่
ท่ามกลางป่าเขา จู่ๆ ก็ปรากฏเสียงคำรามด้วยความโกรธ ดังสะท้อนสะท้านไปทั่วทั้งสวรรค์และโลก
“ข้าจะฉีกทึ้งเจ้าเป็นชิ้นๆ! จะฉีกจะสับจนกว่าศพเจ้าจะแหลกเหลว!”
กู่ฉิงซานผู้ที่สามารถหลอกควายได้สบายใจจัง ไม่ได้ยินเสียงคำรามของสาวกศักดิ์สิทธิ์ฮัทท์
เขายังคงสับทั้งสองเท้าวิ่งไปยังตำแหน่งเป้าหมายอย่างรวดเร็ว
“แกต้องรีบหน่อยแล้วล่ะ ฉันเห็นสาวกศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆ เริ่มเคลื่อนไหวกันแล้ว”
เขาเอ่ยเสริม “แต่ก็ยังมีข่าวดีอยู่อีกอย่างนะ นั่นก็คือพระสันตะปาปายังคงอยู่ในวิหารศักดิ์สิทธิ์ และไม่ได้ลงไปสั่งการกองกำลังติดอาวุธของคริสตจักรด้วยตัวเอง”
“พระสันตะปาปาไม่มาสั่งการด้วยตัวเอง?” กู่ฉิงซานโล่งใจ ปากเอ่ยกล่าว “อย่างนั้นหวังว่าฝีเท้าของผมจะเร็วพอ ที่จะตรงไปถึงที่ตั้งของเครื่องจัมป์นะ”
“จำนวนของศัตรูที่เข้ามาสกัดกั้น จะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับความเร็วของแกแล้วล่ะ ส่วนเครื่องจัมป์ ถึงมันจะชาร์จพลังงานเต็มแล้ว แต่กว่าจะตั้งค่าและใช้งานได้ก็หลังจากนี้ไปอีกครึ่งชั่วโมง”
“ภายในครึ่งชั่วโมงหลังจากนี้ ไม่ว่ายังไงแกก็ต้องพร้อมที่จะทำการจัมป์”
“หลังจากที่มันส่งแกออกไป เครื่องจัมป์จะระเบิดตัวเองทันที!”
“ตกลง ผมเข้าใจเรื่องเวลาแล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว
“โธ่เว้ย!” จู่ๆ เหลียวฮังสบถด้วยหัวใจอันหนักอึ้งขึ้นมาอย่างกะทันหัน “พูดตามตรงเลยนะ พวกกองกำลังติดอาวุธของคริสตจักรมันลงมือรวดเร็วจริงๆ แป๊บเดียวพวกมันก็จัดเตรียมทัพไปดักรอแกตามจุดต่างๆ แล้ว ฉันกลัวจริงๆ ว่าแกจะหนีไม่พ้น”
“ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องดีนัก แต่หากจำเป็นจริงๆ ก็คงต้องเลือกที่จะฆ่า” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างไม่แยแส
เสียงของเย่เฟย์หยูดังออกมาทันที “ฉันพร้อมแล้ว ถ้าเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี ฉันจะไปช่วยนายเอง”
“นายมาไม่ได้ นายยังไม่แกร่งพอที่จะจัดการกับพวกสาวกศักดิ์สิทธิ์ เห็นพลังของเจ้าพวกที่ฉันพึ่งหลบหนีมันมา ก็พอจะรู้ตัวแล้วไม่ใช่เหรอ”
ปลายสายเงียบ
กู่ฉิงซานวิ่งมาไกลแล้ว จู่ๆ เขาก็บังเกิดความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาเล็กน้อย นั่นเพราะนี่ก็ผ่านมาสักพักแล้วแต่เทพธิดากงเจิ้งยังไม่ได้เอ่ยคำใดๆ ขึ้นมาเลย
เขาเอ่ยถาม “เทพธิดากงเจิ้ง คุณอยู่รึเปล่า?”
“ใต้เท้า โปรดรอสักครู่ ฉันกำลังแก้ปัญหาที่ยากยิ่งอยู่” เสียงของเทพธิดากงเจิ้งเอ่ยตอบ
“แก้ปัญหาอะไรอย่างนั้นเหรอ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
ทว่าเทพธิดามิได้ตอบกลับ
และนี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอไม่ตอบคำถามของกู่ฉิงซาน
อย่างไรก็ตาม ไม่นานนักสมองควอนตัมของกู่ฉิงซานก็ส่องสว่างวาบ และกระแสข้อมูลนับไม่ถ้วนก็ไหลบ่าผ่านหน้าจอราวกับธารน้ำตก
“ไฟร์วอลล์ทั้งหมดถูกถอดรหัสโดยสมบูรณ์ เริ่มการตรวจสอบระบบคำสั่งและการควบคุมระยะไกล ของกองกำลังติดอาวุธแห่งคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์”
น้ำเสียงของเทพธิดากงเจิ้งดังกึกก้อง มันแฝงไว้ซึ่งร่องรอยของความดุดัน
“การจัดเตรียมเสร็จสิ้น ตัวฉัน เทพธิดากงเจิ้ง เริ่มเข้าสู่โหมดสภาวะสงคราม!”
“สามารถเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดจากหน่วยของกรองของศัตรูได้อย่างสมบูรณ์ เริ่มทำการสร้างกลยุทธ์สงคราม”
“กลยุทธ์ที่มีอัตราความปลอดภัยสูงสุดที่จะใช้ในการมุ่งหน้าตรงไปเครื่องจัมป์คือ กลยุทธ์ที่เจ็ดร้อยสี่สิบเก้า”
“ทำการคัดเลือกกลยุทธ์ที่มีอัตราความสำเร็จสูงสุด กลยุทธ์ที่ผ่านเกณฑ์หนึ่งหมื่นสามร้อยสิบเก้าและหกร้อยยี่สิบแปด”
“จากกลยุทธ์ทั้งหมดสามล้านสองแสนหกหมื่นแปดพันสามร้อยสิบสี่ เริ่มทำการอนุมาน กลยุทธ์ที่มีอัตราความสำเร็จสูงที่สุดคือ กลยุทธ์หมายเลขสามร้อยสิบเก้า”
“เลือกกลยุทธ์สามร้อยสิบเก้า ทำการแสดงแผนที่แบบเรียลไทม์”
“เริ่มปฏิบัติการได้!”
บนจอสมองควอนตัม ภาพแผนที่ถูกฉายออกมา
และเสียงของเทพธิดากงเจิ้งก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ใต้เท้า จุดสีน้ำเงินหมายถึงตัวคุณ ส่วนเส้นสีเขียวหมายถึงถนนที่ปลอดภัย สี่เหลี่ยมสีแดงหมายถึงด่านตรวจของกองกำลังคริสตจักร และสีดำหมายถึงเจ็ดสาวกศักดิ์สิทธิ์”
“ตอนนี้ อันดับแรกขอให้ฉันได้ทำการแนะนำทิศทางสำหรับใต้เท้าตามความเหมาะสมของกลยุทธ์ก่อนก็แล้วกัน”
“กรุณาอ้อมไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อหลีกเลี่ยงสาวกศักดิ์สิทธิ์ และกองกำลังติดอาวุธแห่งคริสตจักรอีกกว่าสี่ร้อยคนด้วย”
“เข้าใจแล้ว”
ร่างของกู่ฉิงซานวูบไหว ขยับไปตามแผนที่แบบเรียลไทม์บนสมองควอนตัม ที่คอยทำการเปลี่ยนแปลงเส้นทางตลอดเวลา
“มุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง และหลังจากนั้นอีกหกนาที ขอให้หักมุมเลี้ยวไปทางซ้ายมือหนึ่งกิโลเมตร เพื่อหลีกเลี่ยงสาวกศักดิ์สิทธิ์ลำดับสอง” เทพธิดากล่าว
และกู่ฉิงซานก็ปฏิบัติตามที่เธอพูดอย่างเชื่อฟัง
“เหนือขึ้นไปราวๆ สองกิโลเมตร มีสิ่งกีดขวางและด่านตรวจอยู่บนถนน ห่างออกไปบนเนินเขาทางตอนใต้ มีกองกำลังเจ็ดร้อยคนดักซุ่มอยู่ โปรดหลีกเลี่ยงเส้นทางนั้น และให้ไปยังทางขวาถนนสายที่สองแทน”
ในที่สุด สองเท้าของกู่ฉิงซานก็ก้าวเข้าสู่เมืองหลวง เขาเร่งเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว ตรงไปยังตำแหน่งใกล้เคียงกับที่ตั้งของเครื่องจัมป์
ไม่รู้ว่านี่มันเป็นเพราะรสนิยมอันแปลกพิกลของเหลียวฮังหรือไม่ ที่ตำแหน่งของเครื่องจัมป์ดันตั้งอยู่ในโรงละครแห่งชาติประจำจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์
แถมในเวลานี้ ยังเป็นช่วงที่คณะละครสัตว์กำลังจัดแสดงอยู่ด้วย
ซึ่งคณะละครสัตว์จะทำการจัดแสดงขึ้นเดือนละครั้ง
ฝูงสัตว์ผลัดกันวิ่งขึ้นสู่เวที ตัวแล้วตัวเล่าโชว์กายกรรมในท่วงท่าที่ปกติสัตว์ชนิดเดียวกันกับพวกมันมิอาจกระทำได้ ดึงดูดให้ผู้ชมระเบิดเสียงอุทานออกมา
ตัวตลกหลายตัว หมายถึงตัวตลกจริงๆ กำลังทำท่าทางที่แลดูน่าขบขัน เพื่อหยอกล้อผู้ชมและทำให้พวกเขาหัวเราะ
กู่ฉิงซานเดินเข้าไปด้านหลังเวที พยายามหลบเลี่ยงสายตาผู้คนอย่างรีบร้อน ก่อนจะทิ้งไว้เพียงภาพติดตา วูบร่างไปยังเบื้องหน้า
“ผมเข้ามาแล้ว ตำแหน่งที่ตั้งแบบชัดเจนของมันล่ะ อยู่ที่ไหน?” กู่ฉิงซานเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว
“สามสิบปีที่แล้วสถานที่ที่มันถูกวางเอาไว้ ถูกสร้างขึ้นอย่างรอบคอบและพิถีพิถันโดยฉัน แต่มันนานเกินไปตอนนี้ฉันเลยไม่แน่ใจว่ามันตั้งอยู่ตรงไหนกันแน่”
“คุณตั้งเครื่องจัมป์เอาไว้ที่นี่ คุณไม่กลัวเหรอว่าถ้าพวกคณะละครสัตว์เลิกกิจการไป แล้วตัวอาคารถูกรื้อถอนมันจะถูกตรวจพบโดยเจ้าของใหม่?” กู่ฉิงซานที่ไฟแทบจะลนก้นอยู่แล้ว อดไม่ได้ที่จะกล่าวประชดประชันออกมา
“นี่มันเป็นคณะละครสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเชียวนา มันไม่มีทางล้มละลายได้หรอก แต่ถ้ามันล้มละลาย ฉันก็จะรับรู้และแก้ไขปัญหาที่ว่านั่นทันที โดยการกดระเบิดมันให้เป็นจุณ” เหลียวฮังกล่าว
“แล้วสรุปเครื่องจัมป์ถูกติดตั้งไว้ในห้องไหนกันแน่?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“เร่งจังเลย ตกลงๆ ขอนึกก่อนนะ มันอยู่ในห้องหมายเลขเจ็ดหลังจากเข้าไป ก็ดันประตูตู้ทางซ้ายมือซะ ผนังเบื้องหลังของมันนั่นแหละคือตำแหน่งที่ตั้งเครื่องจัมป์ล่ะ!”
น้ำเสียงของเหลียวฮังกลายเป็นสงบและมั่นคง ปากเอ่ยอย่างภาคภูมิ “ดูเหมือนว่าจะเกิดอะไรบางอย่างขึ้นข้างนอกนะคณะละครสัตว์นะ โอ้ ดูนั่นสิ กองกำลังคริสตจักรกำลังมาแล้ว แต่ดูจากเวลาแล้วพวกมันไม่น่าจะหยุดแกได้ทันนะ”
“ใช่แล้วล่ะ” เสียงของซางหยิงฮ่าวดังขึ้นตามมา “ก่อนที่พวกมันจะบุกมาถึงที่นี่ นายคงใช้งานเครื่องจัมป์เผ่นหายไปนานแล้ว”
“รีบกลับมาเร็วๆ ทุกอย่างจะได้จบลงซะที” แล้วก็ตามมาด้วยเสียงของแอนนา
เธอมิเคยเอ่ยปากด้วยโทนน้ำเสียงที่อ่อนโยนเช่นนี้มาก่อนเลย พอได้ฟังในหัวใจของกู่ฉิงซานก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างลับๆ
“ห้องหมายเลขเจ็ดสินะ…” สองเท้าเดินผ่านไปตามทางเดิน สองตาคอยมองเลขที่ติดอยู่บนประตู
ห้องเก็บของ ห้องพักฟื้นสัตว์ ห้องพัก ห้องอุปกรณ์ประกอบฉาก…
“เหลียวฮัง” กู่ฉิงซานกัดฟันกรอด เปล่งเสียงเล็ดลอดออกมาจากไรฟัน “ห้องหมายเลขเจ็ดมันห้องแต่งตัวของผู้หญิง!”
“ว่าไงนะ!” เหลียวฮังเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “นี่มันก็ตั้งหลายปีมาแล้ว มันยังเป็นห้องแต่งตัวเหมือนเดิมอยู่อีกเหรอ?”
“ปีกปัก”
บังเกิดเสียงแปลกๆ แทรกขึ้นในสมองควอนตัม
คล้ายกับเสียงของสิ่งมีชีวิตบางอย่างถูกทุบตี
และในที่สุดก็ตามมาด้วยเสียงของแอนนา “เคาะประตูก่อนค่อยเข้าไป เข้าใจไหม?”
“พอเข้าไปแล้ว ก็เปิดให้เครื่องจัมป์ทำงาน รีบหน่อยนะ” ซางหยิงฮ่าวกล่าวพลางกระแอมออกมา
จู่ๆ กู่ฉิงซานก็นึกได้ถึงบางสิ่ง เขาปล่อยจิตสัมผัสเทวะออกไปทางเวที
บนอัฒจันทร์ เต็มไปด้วยผู้ใหญ่ที่พาเด็กๆ มาดูละครสัตว์ แม้จะดูเหมือนว่าจะมีบางส่วนทยอยกันออกไปแล้วก็ตาม แต่จำนวนผู้คนที่ยังติดอยู่ภายในก็ยังเยอะอยู่ดี
กองทัพคริสตจักรรักษาการณ์ที่ประตูทางออก คอยกระจายกันตรวจตราฝูงชน
“เทพธิดากงเจิ้ง” กู่ฉิงซานกล่าว
“ฉันอยู่นี่ ใต้เท้าโปรดเร่งมือเร็วเข้า” เทพธิดากล่าว
“ระเบิดที่ถูกติดตั้งไว้บนเครื่องจัมป์ของเหลียวฮังมีอานุภาพมากขนาดไหน”
“อานุภาพสูงมาก แต่คุณไม่ต้องกังวลไป กองทัพคริสตจักรได้มาถึงแล้ว และกำลังเริ่มขับไล่ฝูงชนออกไป”
“จากที่คาดการณ์ เมื่อการเคลื่อนย้ายฝูงชนจบลง พวกเขาก็จะอยู่ห่างจากระยะของแรงระเบิดโดยสมบูรณ์”
พอได้ฟัง กู่ฉิงซานก็โล่งอก
เขาเอื้อมมือออกไปและเคาะประตู
“เชิญเข้ามาได้”
ปรากฏเสียงของผู้หญิงดังลอดออกมาจากข้างใน
กู่ฉิงซานเปิดประตู และเดินเข้าไป
แล้วจู่ๆ เสียงร้อนรนของซางหยิงฮ่าวก็ดังออกมาจากสมองควอนตัมในทันใด
“หายไปแล้ว! จู่ๆ พระสันตะปาปาก็หายตัวไปจากกล้องสังเกตการณ์ซะเฉยๆ เลย!”
“ฉันรู้แล้วล่ะ เพราะตอนนี้…เธอมาอยู่ตรงหน้าฉันนี่แหละ” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างเงียบๆ
............................................................