webnovel

0221 พระสันตะปาปา

ตอนที่ 221 พระสันตะปาปา

ภายในห้องแต่งตัว สุภาพสตรีที่ดูสง่างามนั่งอยู่ใจกลางห้อง

เธอสวมชุดคลุมยาวสีขาว บนใบหน้ามีชั้นผ้าบางๆ คอยปกปิดมันเอาไว้ เหนือศีรษะปรากฏวงแหวนศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังเปล่งประกายระยิบระยับและคู่ปีกที่เต็มไปด้วยแสงบริสุทธิ์อยู่ด้านหลังเธอ

เธอเป็นหนึ่งในผู้ปกครองที่มีอิทธิพลและทรงพลังมากที่สุดในโลกใบนี้ เป็นมืออาชีพที่ทรงอำนาจที่สุด เป็นตำนานที่สุด และเป็นการดำรงอยู่ที่ลึกลับที่สุดเช่นกัน

พระสันตะปาปาแห่งคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์

ขณะนี้ เธอกำลังก้มลงมองไพ่สามใบในมือของเธอ ปากเอ่ยกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “เขาจะจะจากไปพร้อมกับสิ่งล้ำค่า ปลุกคนตายให้ฟื้นคืนจากการหลับลึก และจะนำความตายมาสู่คริสตจักร”

ด้วยคำพูดของเธอ ทันใดนั้นไพ่แห่งชะตากรรมก็ลอยขึ้นไปกลางอากาศที่ว่างเปล่า และถูกเผาไหม้เป็นเถ้าถ่านอย่างรวดเร็ว

พระสันตะปาปามองดูฉากนี้ และเอ่ยอย่างอ่อนโยน “แต่ก็นับว่าโชคดีจริงๆ ที่โชคชะตาจะได้รับการแก้ไขลงได้ในท้ายที่สุด”

กู่ฉิงซานเหลือบมองไปยังสมองควอนตัมของเขา เอ่ยถามเสียงกระซิบ “เจ้าสิ่งนั้นเตรียมการถึงไหนแล้ว?”

“ถึงเวลาแล้ว! ได้เวลาพอดี!” น้ำเสียงกระวนกระวายของแอนนาดังออกมาจากสมองควอนตัม

“เครื่องพร้อมใช้งานแล้วใต้เท้า” เทพธิดากงเจิ้งเอ่ยเสริม

“หืม? นั่นเจ้ากำลังพูดอยู่กับใครกัน?” พระสันตะปาปามองมายังเขา

“สหายน่ะครับ เขากำลังจะไปเช่ารถขับมารับพอดี” กู่ฉิงซานกล่าว

พระสันตะปาปาขมวดคิ้วเล็กน้อย “อย่าเอ่ยถึงเรื่องไร้สาระ อันดับแรกช่วยกรุณาแนะนำตัวเองก่อน ถ้ายังไม่อยากอายุสั้น”

กู่ฉิงซานปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง ลากเก้าอี้มานั่งตรงข้ามกับพระสันตะปาปา

“ยินดีที่ได้รู้จัก ผมคือทหารชั้นหนึ่งแห่งสถานเอกอัครราชทูตสหพันธรัฐรัฐบาลกลางประจำจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ จางเหรินเจี๋ย”

“แล้วเจ้าเอาอะไรออกไปจากห้องจัดแสดง?” พระสันตะปาปาถาม

“ภาพขององค์หญิงแอนนากับพระบิดาของเธอ” กู่ฉิงซานตอบ

“ความซื่อสัตย์นับว่าเป็นคุณธรรมประจำตัวที่ดีของผู้คน หวังว่าเจ้าจะเก็บรักษามันไว้สืบต่อไป เพราะการโป้ปด มักจะตามติดมาด้วยความทุกข์ทรมานอันไม่น่าที่จะจดจำ” พระสันตะปาปากล่าว

เธอกำลังจะเอ่ยถามคำประโยคต่อไป ทว่าจู่ๆ กู่ฉิงซานกลับเอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน “ผมมีคำถาม คำถามที่อยากจะเอ่ยถามต่อท่านพระสันตะปาปาที่เคารพแบบต่อหน้า”

พระสันตะปาปานิ่งไป ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “กระทั่งความกล้าหาญก็มีไม่น้อยเลย บางทีข้าคงจะต้องบอกให้เจ้ารู้ตัวเสียหน่อยแล้วกระมัง ว่าตนเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน”

“ไม่ๆๆ ท่านที่เคารพ คำถามนี้สำคัญมากจริงๆ”

กู่ฉิงซานกลืนน้ำลายลงคอเสียงดังอึก และเอ่ยกล่าว “ปัญหานี้ได้ซ่อนลึกอยู่ในก้นบึ้งของจิตใจผม จำเป็นต้องพูดออกมา หากท่านสามารถตอบคำของผมได้ ผมก็จะบอกความจริงทั้งหมดแก่ท่านเช่นกัน”

เขาเอ่ยต่อ “ผมจะบอกท่านถึงแผนปฏิบัติการ บุคลากร และวัตถุประสงค์ของพวกเรา”

“ผมจะไม่เอ่ยคำลวงใดๆ แก่ท่าน พระสันตะปาปา”

“ถ้าท่านจะช่วยให้ผมหลบหนีออกจากรัฐบาลกลางและลี้ภัยมาอาศัยอยู่ในจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ ผมก็จะน้อมรับโดยไม่คิดขออะไรเพิ่มเติมอีก”

“หรือท่านต้องการจะให้ผมเป็นสายลับ และแฝงตัวกลับเข้าไปในรัฐบาลกลางต่อไปก็ได้ ผมจะทำตามที่ท่านร้องขอมาอย่างแน่นอน”

“อย่างไรก็ตาม โปรดตอบคำถามของผมก่อน นี่คือคำขอเดียวของผม”

“…จะได้หรือไม่?”

พอพระสันตะปาปาโดนยิงคำถามใส่รัวๆ เธอก็ยกมือขึ้นบอกให้อีกฝ่ายหยุดก่อนชั่วคราว

ตอบกลับไปเพียงแค่คำถามเดียว ทว่าผลประโยชน์ที่ได้รับกลับคืน ไม่เพียงแต่จะได้รู้ถึงจุดประสงค์ของรัฐบาลกลาง แต่ยังได้รับหมากดีๆ มาไว้บนกระดานทางฝั่งตนอีกด้วยโดยไม่ต้องเปลืองแรง

แต่ถ้าเขาโกหก ผลพวงที่จะตามมาคือเธอจะทรมานเขาทุกวิถีทาง

พระสันตะปาปาพิจารณาเล็กน้อย และสามารถตัดสินใจเลือกได้อย่างง่ายดาย

“นับจากนี้ไปในอนาคต หากเจ้าให้สัตย์ว่าจะซื่อตรงต่อคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ ข้าก็จะตอบคำถามของเจ้า”

กู่ฉิงซานเรียบเรียงคำพูดแล้วเอ่ยถามออกมา “เพราะอะไร ทำไมท่านถึงไม่เคยต่อต้านวันสิ้นโลก?”

“ไม่ว่าจะเป็นอสูรแห่งท้องทะเล ผีดิบนักฆ่า หรือเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ ทุกประเทศได้ออกแถลงการณ์ร่วมมือกันแล้ว กระทั่งองค์จักรพรรดิแห่งฟูซีและเทพนักสู้แห่งรัฐบาลกลางก็ยังเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยตัวเอง นำทัพออกไปกำจัดผีดิบนักฆ่า แต่ทำไมจึงมีเพียงท่านที่ไม่คิดทำอะไรเลย?”

“นั่นเลยเป็นเหตุผลให้จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้ ได้ถูกกดดันจนถอยร่นมายืนอยู่บนปากเหวแห่งการล่มสลาย… หลังจากที่คริสตจักรเข้ายึดอำนาจ พวกท่านกลับไม่คิดจะทำอะไรเลยนี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?”

พระสันตะปาปาไม่คาดคิดว่า คำถามที่จะต้องตอบจะเป็นคำถามนี้ เธอจ้องมองมายังกู่ฉิงซานด้วยความคาดไม่ถึง

“จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์มิใช่มาตุภูมิของเจ้านี่ เหตุใดจึงต้องมาสนใจด้วย?”

“อะไรที่มันเกี่ยวข้องกับความอยู่รอดของโลกใบนี้ ผมสนใจมันทั้งนั้นแหละ”

“เพราะเหตุใด?”

“เพราะหากโลกได้ถูกทำลายลง ทุกชีวิตทั้งหมดก็จะไม่สามารถหลบหนีไปจากชะตากรรมแห่งความตายได้ ไม่ว่าจะท่านหรือผม ก็เหมือนๆ กัน”

“เมื่อต้องเผชิญกับวันสิ้นโลก แม้บางคนที่อ่อนแอจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ ทว่าคนที่มีพลังสมควรจะเปลี่ยนมัน” กู่ฉิงซานกล่าวต่อ “และท่านก็เป็นหนึ่งในคนที่มีพลังที่ว่า”

พระสันตะปาปาประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม เธอแบ่งสมาธิออกเป็นสองส่วน หนึ่งจ้องมองกู่ฉิงซาน อีกหนึ่งขบคิดกับตนเอง “ทุกช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย ข้าย่อมคุ้นเคยกับมันดี ข้ารู้ว่าสักวันหนึ่ง จิตใจของมนุษย์จะต้องแหลกสลาย สูญสิ้นเหตุและผลไป เอาแต่หวาดกลัวความตาย สุดท้ายจึงนำมาสู่ภัยพิบัติที่มิอาจหลีกเลี่ยง”

“พวกเขาจะสร้างกองกำลัง เข่นฆ่าผู้อ่อนแอ ข่มเหงผู้หญิง ปล้นทรัพยากรทั้งหมดที่ต้องการอย่างบ้าคลั่ง ย่ำยีผู้อื่น ซึ่งนี่มันเลวร้ายยิ่งกว่าภัยพิบัติเสียอีก และเมื่อคนอื่นที่ว่านั่นตกตายลง พวกเขาก็จะฉกชิงทุกสิ่งอย่างที่อีกฝ่ายครอบครองไป”

“มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ยโส ขี้อิจฉา ใจร้อน สันหลังยาว โลภ เต็มไปด้วยตัณหา และตะกละตะกลาม ตามร่างกายติดตรึงไปด้วยบาปมหันต์และความชั่วร้ายอันไร้ที่สิ้นสุด พวกมันไม่ควรค่าแก่การให้ข้าลงมือช่วยเหลือ”

“แต่ท่านก็เป็นมนุษย์” กู่ฉิงซานกล่าว

“ทว่าข้ามิใช่มนุษย์ประเภทที่เป็นสิ่งมีชีวิตต่ำต้อย ตัวข้าไร้มลทิน ไม่ติดตรึงไปด้วยบาปอันชั่วร้าย” พระสันตะปาปากล่าว

กู่ฉิงซานเงียบ

“แล้วความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในที่แห่งนี้เล่า” เขาเอ่ยปากในที่สุด “ในเมื่อท่านเกลียดชังทุกสิ่งอย่าง เหตุใดจึงสังหารองค์ราชาและยึดอำนาจจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์กัน?”

“ดูเหมือนว่าข้าจะตอบคำถามหนึ่งครบแล้วนะ”

“แต่เจ้ายังไม่ตอบข้าเลย”

“บางเรื่องมดต่ำต้อยเช่นเจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะต้องรู้” กระแสเสียงของพระสันตะปาปาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ “ข้าสิ้นความสนใจในตัวเจ้าแล้ว ตอนนี้ก็บอกวัตถุประสงค์ของภารกิจที่ว่านั่นมาซะที จงอย่ารอให้อารมณ์ของข้าขุ่นมัวไปมากกว่านี้เลย”

กู่ฉิงซานยื่นมือออกไปคว้าจับอากาศที่ว่างเปล่า

ดาบพิภพปรากฏขึ้นในมือของเขา

“โห? นี่ดูจะไม่เหมือนกับที่ตกลงกันไว้นะ” พระสันตะปาปาส่ายหัวด้วยความเสียใจ “ดูท่าเจ้าจำเป็นต้องเห็นนรกก่อนจึงจะคุยกันรู้เรื่องสินะ”

“ผมเคยเห็นนรกมาเยอะแล้ว บางทีอาจจะมากยิ่งกว่าท่านซะอีก” กู่ฉิงซานกล่าว

และทั้งคนทั้งร่างก็หายวับไป

“หืม?” พระสันตะปาปาส่งเสียงประหลาดใจ

โดยไม่ต้องรีรอ ดาบปรากฏออกมาจากชั้นอากาศบางๆ จากแรกเริ่มที่อยู่ห่างกันราวๆ หนึ่งเมตร บัดนี้อยู่ห่างออกไปไม่ถึงหนึ่งนิ้ว

และในวินาทีเดียวกัน เจ็ดแขนสีทองแดงก็ผุดออกมาจากชั้นอากาศที่บางเบา หวดเข้าขวางกั้นใบดาบพิภพเอาไว้อย่างทันท่วงที

ปง!

เสียงอู่อี้หม่นทึบจากแรงกระแทกที่หนักกว่าหกหมื่นจิน กดทับลงบนเจ็ดแขนทองแดง ส่งคลื่นอัดอากาศกวาดกระจายไปทั่ว

ทว่าแขนทองแดงทั้งเจ็ดกลับไม่แม้แต่จะเขยื้อน

ทันใดนั้นดาบพิภพก็ถูกชักกลับคืน ก่อนจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นภาพติดตานับหลายสิบเล่ม สับสะบั้นลงมาทั้งสูงต่ำกว้างยาว เสี้ยวพริบตาก็ปรากฏขึ้นมาแล้วกว่าเจ็ดสิบเอ็ดดาบ

แต่เมื่อใดก็ตามที่คมดาบกำลังจะสับเข้าใส่พระสันตะปาปา แขนทองแดงก็จะวูบออกไปต้านรับมันไปเสียทุกครั้ง

ท่ามกลางความว่างเปล่า แขนทองแดงเริ่มปรากฏจำนวนถี่รัวมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมันปรากฏขึ้นพร้อมกันในทีเดียวกว่าร้อยแขน!

พวกมันฉีกอากาศเข้าปะทะต่อต้านกระบวนท่าดาบของกู่ฉิงซานอย่างเต็มกำลัง

เมื่อใดก็ตามที่กู่ฉิงซานชักดาบกลับคืน แขนทองแดงเหล่านั้นก็จะหุบกลับไปซ่อนในความว่างเปล่าดังเดิม

“เป็นกระบวนท่าดาบที่ดี แต่ช่างน่าเสียดายที่มันอ่อนแอเกินไป”

พระสันตะปาปายังคงนั่งอยู่ในตำแหน่งเดิมโดยไร้ซึ่งรอยขีดข่วน ขณะเดียวกันก็เอ่ยพิจารณาถึงวิชาดาบของกู่ฉิงซาน

ทันใดนั้นเอง ไพ่ใบหนึ่งก็ผุดออกมาจากความว่างเปล่าเบื้องหน้าพระสันตะปาปา

ยามที่ไพ่ใบนี้ปรากฏขึ้น หัวใจของเธอก็เริ่มเต้นระรัว ราวกับว่าไพ่ใบนี้กำลังบ่งบอกเธอถึงบางสิ่งบางอย่าง

พระสันตะปาปายื่นมือออกไปรับมัน ไตร่ตรองเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าอย่างช้าๆ

เธอเงยหน้าขึ้นไปมองกู่ฉิงซานที่ยังคงระดมคมดาบเข้าใส่ ปากเอ่ยกล่าว “ในกายของเจ้าเต็มไปด้วยบาปหนาอันลึกล้ำ และสาวกศักดิ์สิทธิ์ของข้าก็ต้องการที่จะชำระมันให้บริสุทธิ์”

“ขอจงเฝ้ารอสักครู่ ฮัทท์กำลังจะมามอบบทลงโทษทั้งสามร้อยประการให้แก่เจ้า ถึงเวลานั้นเจ้าอาจจะเข้าใจถึงสถานการณ์ของตัวเองมากขึ้นก็เป็นได้”

“และหลังจากนั้น ไว้ข้าค่อยมาสอบปากคำเจ้าอีกครั้งในภายหลังก็แล้วกัน”

...........................................................