ตอนที่ 199 ลอบสังหาร
“ไปเถอะ ฉันจะรอนายอยู่ที่นี่แหละ”
แอนนาก้มหน้าลงจนผมสีเพลิงสลวยปกคลุมใบหน้าของเธอ
“สหาย นายจะต้องขึ้นไปบนเวทีภายในห้านาที” ซางหยิงฮ่าวเริ่มทำอะไรไม่ถูก เขาตะโกนเสียงดังกว่าเดิมเพราะเกรงว่าคนภายในอาจจะไม่ได้ยิน
“ถ้าอย่างนั้นเธอรอฉันอยู่ที่นี่ก่อนนะ” กู่ฉิงซานพูดกับแอนนา ก่อนจะรีบเปิดประตูเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เขาจากไป เงาๆ หนึ่งก็ลอดผ่านเข้ามาจากทางช่องประตู
เงาเปลี่ยนร่างกลายเป็นวอนฟอร์ด เขาเปิดปากถาม “ฝ่าบาท เรื่องคำร้องขอเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ฉันต้องอยู่กับเขา ส่วนคุณ ก็อาจจะต้องกลับไปยังจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์เพียงลำพัง” แอนนากล่าว
“อ้อ ที่แท้เป็นเช่นนี้ หา? อะไรนะฝ่าบาท ทรงตรัสอีกครั้งได้หรือไม่!?” วอนฟอร์ดรีบกล่าวจนเสียงเพี้ยน
“ฟอร์ด จงใช้กำลังทั้งหมดที่พอจะเหลืออยู่ปกป้องจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ ส่วนฉันต้องอยู่กับเขา” แอนนากล่าว
“ฝ่าบาท จริงอยู่ที่ว่าสายเลือดแท้จริงแห่งเมดิซีจะต้องดำเนินต่อไป แต่นี่มันจะไม่เร็วเกินไปหรือ พบกับเขาได้เพียงไม่นาน ท่านก็ริเริ่มวางแผนที่จะให้กำเนิดทายาทกับเขาเสียแล้ว?”
“ไอ้บ้าเอ๊ย! ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย รีบกลับไปจักรวรรดิเลยไป!”
อีกด้านหนึ่ง
กู่ฉิงซานกับซางหยิงฮ่าว กำลังเดินตรงไปที่ลิฟต์
“ใครเป็นคนที่กล่าวอภิปรายก่อนหน้าฉัน?” กู่ฉิงซานถาม
“เป็นท่านประธานาธิบดี เมื่อครู่เขาพึ่งพูดจบไป แต่ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย เลยกลับไปที่ห้องรับรองชั้นบนเพื่อพักผ่อนแล้ว” ซางหยิงฮ่าวกล่าว
“อย่างนั้นเหรอ?” กู่ฉิงซานเผยท่าทีแปลกไปเล็กน้อย
‘เกิดอะไรขึ้นกับท่านประธานาธิบดีหรือเปล่านะ?’ กู่ฉิงซานแอบคิด
“แล้วการอภิปรายในครั้งนี้ นายคิดจะพูดเรื่องอะไรอย่างนั้นเหรอ” ซางหยิงฮ่าวถาม
“ก็พวกเรื่องมีอสูรแห่งท้องทะเลจำนวนมากขึ้นมาบนแผ่นดิน ผีดิบนักฆ่าที่เริ่มจะแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ กับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ ที่เหลือก็ความเป็นจริงอีกสักสองสามข้อ” กู่ฉิงซานหยุดคิด ก่อนจะตอบกลับไป
“เอ่อ ดูเหมือนว่าฉันจะไม่ต้องกังวลแทนนายแล้วสิ พอดีว่าฉันเจอกับเพื่อนนักการเมืองที่รู้จักกันน่ะ แล้วดันไปสารภาพกับพวกเขาว่ายังนายเกร็งๆ อยู่นิดหน่อย พวกเขาเลยสัญญาว่าจะช่วยจัดการดูแลและให้เสียงสนับสนุนแก่นาย”
“ได้แบบนั้นก็ดีนะ”
ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินและพูดคุยกัน ทันใดนั้นเอง ฝีเท้าของทั้งสองก็พลันชะงักงัน สีหน้าแปรเปลี่ยนกลับกลายไป
พื้นตัวอาคารสั่นไหวเล็กน้อย
ตูม!
ทันทีที่พวกเขาหยุดเดิน ก็บังเกิดเสียงหนักทึบดังเข้ามาจากจุดที่ห่างไกลออกไป
เสียงนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นเพียงจุดเริ่มต้น
เพราะต่อมา ก็บังเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นด้านบนของตัวอาคารศูนย์การประชุมนานาชาติ
ราวกับรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่น่าหวั่นใจเกิดขึ้น ทุกคนในห้องประชุมต่างเริ่มส่งเสียงโหวกเหวกออกมา
“เกิดอะไรขึ้น? นั่นใช่เสียงกระสุนปืนรึเปล่า อย่าบอกนะว่ามันเป็นการลอบสังหาร?” ซางหยิงฮ่าวเริ่มมีท่าทีร้อนรน
“คิดว่าไม่ผิดพลาดแล้ว นายพอจะระบุได้ไหมว่าเมื่อกี้มันเป็นการโจมตีรูปแบบไหน?” กู่ฉิงซานกวาดจิตสัมผัสเทวะเพื่อสังเกตโดยรอบ เอ่ยถามอย่างรวดเร็ว
“ฟังจากเสียงของมัน ดูเหมือนจะเป็นปืนแม่เหล็กไฟฟ้าที่ปรับแต่งขยายช่วงพิสัยเป็นสองเท่า เมื่อเทียบกับพวกปืนเล็กยาวซุ่มยิงแบบดั้งเดิมแล้ว อำนาจการทำลายล้างของมันกลับน่าทึ่งยิ่งกว่ามาก” ซางหยิงฮ่าวกล่าว
“แสดงว่ามันอยู่ห่างจากพวกเราไปไกลโขเลยสินะ” กู่ฉิงซานกล่าว
ทั้งสองมองลอดออกไปทางนอกหน้าต่างที่เป็นกระจกบานใหญ่สูงจากพื้นขึ้นไปจรดเพดาน
มองไปยังหุ่นรบขับเคลื่อนหลายสิบลำที่ส่งเสียงไอพ่นคำรามลั่น วิ่งออกมาจากศูนย์ประชุม และมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางเดียวกัน
ตามมาด้วยกลุ่มทหารจำนวนมากที่ไม่ทราบว่าโผล่ออกมาจากที่ไหน ล้อมรอบศูนย์ประชุมอย่างหนาแน่น
เจ้าหน้าที่บางคนที่แฝงตัวเป็นคนธรรมถอดชุดไปรเวทออก เปลี่ยนกลับไปสวมชุดทหาร และวิ่งไล่ตามเกราะรบขับเคลื่อนเมื่อครู่ไปอย่างรวดเร็ว
และดูจากความว่องไวของพวกเขา มันไม่ด้อยไปกว่าเกราะรบขับเคลื่อนเลย
คนเหล่านี้เป็นมืออาชีพที่ทรงพลัง เป็นทหารหน่วยพิเศษที่มียศทางกองทัพที่สูงลิ่ว
เสียงกระหึ่มดังขึ้นบนท้องฟ้า
เรือรบประจัญบานระหว่างดวงดาวขนาดใหญ่ ผุดลงมาจากชั้นเมฆอย่างช้าๆ บินวนอยู่เหนือน่านฟ้าศูนย์ประชุม
ตามด้วยสามารถเหินเวหาประเภทจู่โจมร่อนลงมาจากเรือรบขนาดใหญ่ และบินออกไปในทิศทางเดียวกันอย่างรวดเร็ว
“เทพธิดากงเจิ้ง นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” กู่ฉิงซานถามเสียงทะมึน
“ท่านประธานาธิบดีถูกลอบสังหาร และทางการกำลังตามล่าตัวนักฆ่าอยู่” เทพธิดากล่าว
“อะไรนะ!” ซางหยิงฮ่าวเอ่ยเสียงแหบแห้ง
“แล้วท่านประธานาธิบดีเป็นอย่างไรบ้าง” กู่ฉิงซานรีบเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว
“สถานะยังไม่ชัดเจน เนื่องจากอุปกรณ์ตรวจสอบทั้งหมดในศูนย์ประชุมถูกรบกวนโดยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่แข็งแกร่ง ทำให้ฉันไม่สามารถทำการแจ้งเตือนได้ทันเวลา” เทพธิดากล่าว
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ท่านประธานาธิบดีอยู่ที่ไหน”
“ห้องรับรองชั้นบนสุด”
ทันใดนั้นเอง ภายนอกกระจกแก้วบานใหญ่ ก็ปรากฏร่างหนึ่งกระโดดขึ้นมา
การเคลื่อนไหวของคนคนนี้ช่างดูเบาหวิว ทว่ากลับทรงประสิทธิภาพ เขาเพียงย่ำลงบนกระจกแก้วอย่างแผ่วเบาเท่านั้น แต่ทั้งคนทั้งร่างกลับทะยานสูงขึ้นไปไกลลิบ
และมีดาบสั้นสองเล่ม เกาะกุมอยู่ในมือของเขา
เพียงชั่วเสี้ยวเวลาที่ชำเลืองมองด้วยความตกใจ ร่างของชายคนนี้ข้ามผ่านไปอีกชั้นหนึ่งแล้ว
“ไม่สามารถระบุสถานะของบุคคลเมื่อครู่ได้” เทพธิดากงเจิ้งกล่าวอย่างรวดเร็ว
เพล้ง!
ในวินาทีต่อมา ทั้งคนทั้งร่างของกู่ฉิงซานก็พุ่งกระแทกเข้ากับกระจกราวกระสุนปืนใหญ่ จนมันแตกร้าวเป็นชิ้นๆ
ธนูเย่หยูปรากฏขึ้นในมือของเขา
บรัช!
ลูกศรกว่าสิบดอกโค้งฉวัดเฉวียนอย่างไร้ทิศทาง ตัดผ่านอากาศแหวกว่ายออกไปทั่วท้องฟ้า
หลังจากที่กระแทกกระจกออกมา ทั้งคนทั้งร่างบัดนี้ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ กู่ฉิงซานเก็บธนูกลับคืน เอื้อมมือไปยังอากาศที่ว่างเปล่า คว้าจับดาบยาวที่ปรากฏออกมา กล้ามเนื้อทั้งร่างบิดเกร็งแน่น เหินอากาศทะยานขึ้นตามติดอีกฝ่ายไปทันที
“นั่นเขา...กำลังบินอยู่ใช่ไหม…” ซางหยิงฮ่าวที่ยังยืนนิ่งงัน ราวกับสูญเสียสตินึกคิดไปครู่ ในปากเอ่ยพึมพำ
เหนือขึ้นไปด้านบนของกู่ฉิงซาน ชายคนนั้นหันกลับมาพร้อมกับโบกสะบัดสองคมดาบในมือ ตัดทำลายศร ดอกแล้วดอกเล่า
แต่พลังอำนาจของลูกศรนั้นสูงล้ำเกินไป แม้ตัวเขาจะสามารถรับมือกับมันได้อย่างคล่องแคล่วฉับไวโดยสมบูรณ์ ทว่าแขนทั้งสองข้างของเขากลับสั่นสะท้าน เสียวซ่านจนด้านชา
และในเวลาที่ศรดอกสุดท้ายถูกทำลายลง กู่ฉิงซานก็มาถึงตัวเขาแล้ว
ดาบพิภพถูกฟาดฟัน กรีดผ่านอากาศด้วยท่วงท่าเรียบง่าย
ชายคนนั้นยื่นดาบสั้นทั้งสองออกไป กางไขว้กันเป็นรูปกากบาท หมายมั่นจะหยุดยั้งการจู่โจมของอีกฝ่าย ทว่าทั้งดาบทั้งคนกลับถูกคมดาบสะบั้นตัดผ่าน แยกร่างเป็นสองส่วนในดาบเดียว
หมอกเลือดปะทุสาดกระจายไปทั่ว ขณะที่ซากร่างของนักฆ่าร่วงตกลงไปในสองทิศทางที่ต่างกัน
“ใต้เท้าผู้ทรงเกียรติ ด้านบนทางซ้าย” เทพธิดากงเจิ้งกล่าว
กู่ฉิงซานเงยหน้าขึ้นมอง และเห็นว่ามีนักฆ่าอีกคนใช้อุปกรณ์บางอย่างสวมทับแขนขา และกำลังพยายามปีนขึ้นไปตามกระจก
กู่ฉิงซานเก็บดาบกลับคืน และคว้าจับคันธนูออกมา
ร้อยก้าวผ่านหยาง!
กังหันลม!
ยิงระเบิด!
ศรดอกนี้ราวกับกระสุนปืนใหญ่ มันระเบิดเข้าใส่ชายที่กำลังปีนกำแพงกระจก ผลพวงของมันส่งผลให้ทั้งคนทั้งกำแพงแตกเป็นชิ้นๆ
“ยังมีอีกไหม?” กู่ฉิงซานเอ่ยเสียงหม่น
“บริเวณภายนอกไม่มีแล้ว แต่ภายในยังมีอีกหนึ่ง และเขาใกล้ขึ้นไปถึงชั้นบนสุดแล้ว” เทพธิดากล่าว
กู่ฉิงซานกระโจนเข้าไปยังหน้าต่างบานที่ใกล้ที่สุด ที่พึ่งถูกลูกหลงจากอานุภาพของศรทำลายไป และเร่งสับฝีเท้าตรงไปยังชั้นบนสุดทันที
ยังพอที่จะทันเวลา!
เขากัดฟันกรอด สองเท้าวิ่งออกไปอย่างเต็มกำลัง
ร่างของกู่ฉิงซานบัดนี้พร่ามัวเห็นเพียงเงาสีเทาๆ พุ่งไปตามทางเท้า วนขึ้นไปตามบันไดอย่างรวดเร็ว ปลายแขนเสื้อทั้งสองของเขาที่ถูกพับอย่างเรียบร้อย บัดนี้กระพือไปมาอย่างว้าวุ่น ผู้คนตามทางเมื่อรู้สึกได้ถึงเงาสีเทาที่พุ่งผ่าน พอหันกลับมาพวกเขาก็ไม่พบแม้กระทั่งร่องรอยของมันแล้ว
“ไว้เครา สวมแว่นกันแดดสีดำ มีควันอะไรบางอย่างอยู่ในมือ คาดว่าน่าจะเป็นผู้ใช้เทคนิคเทียนซวน สวมแจ็คเก็ตสีเขียวลายทหาร กางเกงขายาวสีเทา รองเท้าหนังสือดำ ตอนนี้เขาอยู่บนชั้นที่สิบเอ็ด” เทพธิดากงเจิ้งอธิบายรายละเอียดนักฆ่า
กู่ฉิงซานรีบวิ่งขึ้นไปยังชั้นสิบเอ็ดของตัวอาคารอย่างเร่งร้อน
จิตสัมผัสเทวะถูกกวาดออกไป และทำการล็อกเป้านักฆ่าคนดังกล่าวเอาไว้ทันที
ชายคนนี้ คือนักฆ่าอันดับต้นๆ ทันทีรู้สึกได้ถึงตัวตนของกู่ฉิงซาน เขาก็สัมผัสได้ถึงภัยคุกคามในทันที
เขาหันไปมองรอบๆ อย่างรวดเร็ว สายตาสาดประกายดุดัน
และสิ่งที่ดึงดูดสายตาของเขาก็คือร่างที่กระโจนเข้ามาจากมุมสูง
รูปลักษณ์ของอีกฝ่ายยังดูเยาว์วัยนัก ใบหน้าเย็นชาเฉยเมย ทว่ากลับแลดูสงบและมุ่งมั่น ไร้ซึ่งประกายหรือกลิ่นอายแห่งความโหดร้ายปรากฏเล็ดลอดออกมาเลยแม้แต่น้อย
แต่นั่นกลับเป็นภาพสุดท้ายในสายตาของเขา...ภาพสุดท้ายในชีวิต!
บังเกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรงขึ้นมาฉับพลัน ในวิสัยทัศน์ปรากฏรอยเส้นตัดนับไม่ถ้วน และโลกทั้งใบก็จมลงสู่ความมืดมิด
เลือดสาดกระจายเบาๆ
กู่ฉิงซานสะบัดเศษเลือดบนดาบพิภพ
นักฆ่าถูกปราณดาบของเขาสับสะบั้นจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และเมื่อเจ้าตัวตกตายลง ฟองเย็นๆ บางอย่างที่ปกคลุมทั้งสองมือของเขาจึงค่อยสลายหายไปในอากาศ
เห็นได้ชัดว่าเขาถูกบังคับให้ต้องตกตายทันที ยังมิได้ทันเริ่มต้นใช้กระบวนท่าก็เสียชีวิตลงซะแล้ว
กู่ฉิงซานไม่ได้เหลือบแลชมผลงานของเขาเลย ปากเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว “ยังมีเหลืออยู่อีกไหม?”
“ขณะนี้ ฉันยังไม่ค้นพบนักฆ่าคนอื่นเพิ่มเติม” เทพธิดากล่าว
“ท่านประธานาธิบดี…” กู่ฉิงซานกุมดาบแน่น รีบวิ่งขึ้นไปยังชั้นบนสุดของตัวอาคารทันที
เมื่อเขามาถึง กลับพบกับเจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษหลายคนที่กำลังพยายามกระแทกประตูอยู่
“รีบๆ หน่อย เร็วๆ เข้า”
“ทุ่มเต็มกำลังเลย!”
“บ้าชิบมันจะทนทานเกินไปแล้ว!”
ทั้งหมดตะโกนโวยวาย
ประตูชั้นบนสุดปิดแนบสนิท และเนื่องจากนี่เป็นห้องรับรองที่ดีที่สุด มาตรการป้องกันจึงเข้มงวดมากที่สุดเช่นกัน ประตูถูกปิดตายลงอย่างหนาแน่น แต่ใครจะรู้บัดนี้มันกลับส่งผลลัพธ์ที่ตรงกันข้าม
ขณะนั้นเอง ทีมเจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษคนอื่นๆ และบุคลากรทางการแพทย์ก็ได้มาถึงแล้ว
ทุกคนมองหน้ากันและกัน ก่อนที่จะล็อกสายตาลงบนตัวของกู่ฉิงซานอย่างชัดเจน
สักพักหนึ่ง หลังจากที่เจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษได้รับข้อมูลเกี่ยวกับตัวตนของกู่ฉิงซาน แววตาของพวกเขาก็ผ่อนคลายลง
“รบกวนช่วยหลีกทางให้ผมหน่อย”
กู่ฉิงซานกุมดาบพิภพในกำมือ และกำลังจะเริ่มหวดมันออกไป แต่ทันใดนั้น สองมือของเขาก็ต้องชะงักลง
มีเสียงดังลอดออกมาจากภายในประตู
วินาทีต่อมา บานประตูก็เปิดออก
ประธานาธิบดีที่ไร้ซึ่งบาดแผลใดๆ ก้าวเดินออกมา สีหน้าของเขายังคงแลดูสงบ
“ท่านประธานาธิบดี!”
หัวหน้าหน่วยเจ้าหน้าที่ส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ทีมแพทย์รีบไปตรวจอาการทันที
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันสบายดี รีบไปจับตัวพวกคนร้ายโดยเร็วเถอะ” ประธานาธิบดีโบกมือและกล่าว
และประตูเบื้องหลังเขาก็ปิดลง
บุคลากรทางการแพทย์ไม่ยอมฟัง พวกเขายังคงเร่งรุดมาตรวจอาการ ชี้เครื่องมือแพทย์ขนาดเล็กลงบนตัวประธานาธิบดีและเพื่อเริ่มเก็บรวบรวมข้อมูลอาการ
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีต่อมา
“ท่านประธานาธิบดีไม่ได้รับบาดเจ็บ” บุคลากรทางการแพทย์ประกาศ
เขาไม่เป็นอะไร โชคดีจัง!
ความกังวลในหัวใจของทุกผู้คนได้คลายลง
กู่ฉิงซานถอนหายใจโล่งอก เก็บเม็ดยารักษากลับคืนลงไปในถุงสัมภาระ
ท่านประธานาธิบดีคือหนึ่งในไม่กี่คนที่กู่ฉิงซานให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก และเขาไม่ยินยอมที่จะให้เกิดเรื่องร้ายแรงใดๆ ขึ้นกับอีกฝ่าย
“ใต้เท้าผู้ทรงเกียรติ ท่านต้องการให้เราเข้าไปตรวจสอบและเก็บกวาดภายในหรือไม่?” เจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษเอ่ยถาม
“ไม่ต้องหรอก ก็มีแค่เพียงหน้าต่างที่แตกนั่นแหละ แต่ตอนนี้พอดีว่าฉันกำลังจัดการกับงานสำคัญบางอย่างอยู่ พวกคุณไม่สมควรที่จะเข้าไปในตอนนี้ เอาไว้เราค่อยกลับมาทำการตรวจสอบอีกครั้งในภายหลัง”
และจู่ๆ ใบหน้าของประธานาธิบดีก็เปลี่ยนเป็นขึงขัง ปากเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่างไรก็ตามนี่คือการประชุมระหว่างประเทศ แต่พวกมันกลับกล้าทำการลอบสังหาร ดังนั้นพวกคุณจะต้องลากตัวนักฆ่าพวกนี้มาให้ได้!”
“ทราบแล้วครับท่าน!” เจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษหลายคน กล่าวรับคำ
เจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษที่ตามมาเสริมอีกระลอก เมื่อเห็นว่าประธานาธิบดีปลอดภัยดี พวกเขาทั้งหมดก็ต่างพากันถอนหายใจโล่งอก
เจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษออกคำสั่งทันที ให้ทิ้งเจ้าหน้าที่ไว้จำนวนหนึ่งเพื่อคอยคุ้มกัน ส่วนที่เหลือก็แยกย้ายไปคุ้มกันเส้นทางสำคัญๆ ทางอื่น
ท่านประธานาธิบดีหันมามองกู่ฉิงซานและเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ฉิงซาน ขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องเป็นห่วง”
“ไม่เป็นไร ขอแค่ท่านสบายดีก็โอเคแล้ว”
ระหว่างกล่าว กู่ฉิงซานก็กวาดจิตสัมผัสเทวะลงไปยังร่างของอีกฝ่าย
ทุกอย่างเป็นปกติ ไร้ซึ่งบาดแผลใดๆ
กู่ฉิงซานลอบพยักหน้าอย่างลับๆ
“แต่ว่าพอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ฉันเกรงว่าการประชุมอย่างเป็นทางการในครั้งนี้บางทีอาจจะถูกระงับ…” ประธานาธิบดีกล่าวพลางขบคิด
เขาไตร่ตรองอยู่เล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นในทันใด “ ถ้าอย่างนั้นเรามาทำการประชุมอย่างไม่เป็นทางการกันจะดีไหม มีเธอ ฉัน จักรพรรดิแห่งฟูซี และตัวแทนจากจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์”
“ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ตราบใดที่ท่านเป็นคนจัดการ” กู่ฉิงซานกล่าว
“อย่างนั้นก็ดี อันดับแรกเธอก็ไปพักผ่อนก่อนเถอะ ส่วนกำหนดการฉันจะแจ้งให้เธอทราบในภายหลัง” ประธานาธิบดีกล่าว
กู่ฉิงซานพยักหน้า ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
เมื่อกู่ฉิงซานหายไปจากสายตา ประธานาธิบดีก็สั่งการโดยตรงไปยังหัวหน้าเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย
เจ้าหน้าที่หลายคนค่อนข้างแปลกใจ
เพราะท่านประธานาธิบดี ตามปกติแล้วมักจะคอยเอ่ยถามคำถามเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยอยู่บ่อยครั้ง อาจเนื่องด้วยเพราะท่านมิใช่ผู้ชำนาญการในสายนี้ แต่ในวันนี้กลับตรงกันข้าม เขากลับลงมือสั่งการด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม พอคิดดูอีกที นี่มันเป็นถึงการประชุมระดับนานาชาติที่จัดขึ้นในบ้านของตนเอง ภายใต้น่านฟ้าของรัฐบาลกลาง แต่ท่านประธานาธิบดีกลับถูกลอบสังหารในที่สาธารณะ!
ท่านประธานาธิบดีแน่นอนว่าย่อมจะต้องรู้สึกโกรธมาก และนั่นน่าจะเป็นเหตุผลเพียงพอที่ทำให้เขาลงมือเคลื่อนไหวด้วยตนเอง
เจ้าหน้าที่แยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ที่รับผิดชอบ พวกเขาทั้งหลายไม่คิดเอ่ยถามหรือหาเรื่องใส่ตัวใดๆ เพียงแค่ทำตามคำสั่งของท่านประธานาธิบดี และปฏิบัติงานที่ได้รับอย่างซื่อตรงก็เพียงพอแล้ว
จนกระทั่งหน้าทางเข้าหลงเหลือเจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษเพียงสองสามคนที่ถูกประจำการไว้คอยเฝ้าหน้าประตู ประธานาธิบดีจึงกลับเข้าห้องรับรองของตัวเองไป
และประตูก็ถูกปิดตายลงอีกครั้ง
............................................................