webnovel

เพราะห่วง

ผมยืนอาบน้ำใต้ฝักบัวอย่างยาวนานเหมือนทุกครั้งที่ต้องการใช้ความคิด และเมื่อทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนหน้านี้ตอนคุยกันที่โต๊ะอาหาร ผมคงต้องยอมรับว่ายังทำหน้าที่คนกลางได้ไม่ดีนัก ไม่สามารถไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างพ่อผมกับลูกชายผมได้ อาจเป็นเพราะผมกำลังตกใจที่เห็นทั้งคุณราเชนทร์และเจ้าเรนโต้เถียงกันอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกในชีวิต ปกติแล้วเค้าทั้งสองคนจะเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย คู่ขัดแย้งของทั้งคู่น่าจะเป็นผมมากกว่า

ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องของการเมืองจะทำให้คนพูดน้อยทั้งสองคนเปลี่ยนบุคลิกไปได้ในชั่วขณะ

เจ้าเรนมันคงนึกไม่ถึงว่าแค่เรื่องโพสต์การ์ตูนจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ คือตอนที่คุณตำรวจเขาวางแผ่นกระดาษพวกนั้นแผ่ลงบนโต๊ะ ผมถึงกับสะดุ้ง หันไปมองพ่อก็พบว่าพ่อมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะกลับมานิ่งเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

ทำไมผมจะจำลายเส้นพวกนั้นไม่ได้ มองปราดเดียวก็รู้ ลูกชายผมเขาคงไม่รู้หรอกว่าผมแอบติดตามการ์ตูนออนไลน์ของเขาอยู่ ก็ผมชอบอ่านการ์ตูนนี่นะ พวกเราชอบอ่านการ์ตูนกันทั้งบ้าน และผมก็แน่ใจว่าพ่อก็ตามอ่านการ์ตูนของเจ้าเรนเช่นกัน ซึ่งคงเหมือนกับผมที่ไล่ตามอ่านทุกเรื่องทุกบทที่เป็นฝีมือของเจ้าเรน

ต้องยอมรับว่าลูกชายผมเขามีพรสวรรค์ด้านนี้จริงๆ คงเป็นเพราะยีนศิลปะจากแม่ผมส่วนหนึ่ง การอ่านการ์ตูนอย่างจริงจังของครอบครัวอีกส่วนหนึ่ง และการขยันหมั่นฝึกฝนด้วยตัวเองของเจ้าเรนอีกส่วนหนึ่ง ลายเส้นการ์ตูนของเรนมีเอกลักษณ์และสร้างสรรค์มาก ผมเคยคุยเรื่องนี้กับคุณลิน เธอเองก็บอกว่าเป็นลายเส้นที่ละเอียดและคมอย่างหาตัวจับยาก ฝีมือระดับมืออาชีพเลยทีเดียว

จะว่าภูมิใจในตัวลูกก็แสนจะภูมิใจ แต่ตอนนี้ชักหนักใจมากกว่า เฮ้อ…

หลังจากยืนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนเนื้อตัวเริ่มจะเปื่อยจากการยืนแช่น้ำ ผมก็พันผ้าเช็ดตัวออกจากห้องน้ำมาเพื่อที่จะเจอกับข้อความของคุณลินที่เธอส่งมาหาก่อนหน้านี้

'คุยกับเรนแล้วเป็นไงบ้างคะ เซนทำตัวเป็นคุณพ่อใจร้ายหรือเปล่า'

ผมยิ้มให้กับข้อความของคนตาโต รู้ว่าคุณลินเขาเป็นคนใจอ่อนขี้สงสาร เห็นสีหน้าร้อนรนของเธอวันนี้แล้วก็อดขำไม่ได้ เหมือนคุณป้าเขาจะเป็นเดือดเป็นร้อนพยายามปกป้องเด็กๆสุดชีวิต คงคิดว่าเจ้าเรนไร้เดียงสาใสซื่อบริสุทธิ์สิท่า ประมาทเจ้าเด็กนี่เกินไปแล้วคร้าบคุณป้า

แล้วผมก็พิมพ์ตอบกลับไป

'ผมว่าเจ้าหนุ่มน้อยนี่ดูจะเป็นฝ่ายใจร้ายกับผมและพ่อมากกว่านะครับ'

เฮ้อ พอภาพตาโตๆอ้อนๆลอยมาในหัว ผมก็คิดถึงเจ้าตัวเค้าจังเลย

ตั้งแต่ที่คุณป้าเขาพยายามมาง้อผมอย่างเป็นเรื่องเป็นราว โลกของผมก็สดใส มีเธออยู่ใกล้ๆคอยแอบส่งสายตาทะเล้นๆคอยแอบยิ้มหวานๆให้ แม้เราจะยังไม่เคยมีเวลาได้อยู่กันสองต่อสองในที่ส่วนตัวเหมือนเมื่อครั้งอยู่ที่บาหลี แต่แค่นี้ผมก็พอใจมากแล้ว

เราอาจจะข้ามขั้นเรื่องการพัฒนาความสัมพันธ์ไปนิดนึงโดยที่ยังไม่เคยบอกความในใจกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แต่ผมมีใจที่มั่นคงซะขนาดนี้ คุณป้าเธอก็น่าจะดูออกและเข้าใจ

งั้นโทรไปถึงดีกว่า หุ หุ

แต่เดี๋ยว เอ… หรือผมควรจะไปหาเจ้าเรนก่อนดี ผมยังรู้สึกไม่สบายใจนัก เป็นห่วงความรู้สึกของลูก อยากจะคุยกับเจ้าเรนอย่างเปิดอกตามประสาพ่อลูกวัยใกล้เคียงกันอีกสักที ในตอนนี้การปรับความเข้าใจกับลูกน่าจะเป็นเรื่องเร่งด่วนกว่า

เมื่อคิดได้ดังนั้นหลังจากแต่งตัวเสร็จผมจึงตัดสินใจเดินไปเคาะประตูห้องนอนของเจ้าลูกชายตัวดี น่าจะยังไม่นอนหรอกนะ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เงียบ… ไม่มีเสียงตอบกลับมา

"เรน นอนแล้วเหรอลูก" ผมถามไปเบาๆ เคาะประตูไปอีกสองสามที

"…" ยังคงมีแต่ความเงียบที่ดังออกมา

นี่มันกี่โมงแล้วเนี่ย ทำไมวันนี้เจ้าเรนหลับเร็ว ผมลองหมุนลูกบิดประตูดูเล่นๆ เฮ้ย ไม่ได้ล็อกแฮะ โอเค ในเมื่อถามแล้วไม่ตอบก็ขออนุญาตแอบเข้าห้องหน่อยละกันนะครับคุณลูก

แต่ผมก็ต้องแปลกใจเมื่อเดินเข้าไปแล้วไม่พบเจ้าตัวแสบอยู่ในห้อง ประตูห้องน้ำก็เปิดกว้างอยู่ เหลือบตาไปดูนาฬิกาที่หัวเตียงของลูกชาย

เกือบสี่ทุ่มแล้ว… ลูกไปไหน?

หรือเจ้าเรนจะไปคุยกับคุณปู่ ผมคิดว่าลูกน่าจะไม่สบายใจนักที่ทะเลาะกับปู่ เขาสองคนรักกันแค่ไหนผมรู้ดี

ผมเดินไปเคาะประตูห้องพ่อ ก็ปรากฏว่าเจ้าเรนไม่ได้อยู่ที่นั่น

"หรือเจ้าเรนจะไปคุยกับคุณมะพร้าว" พ่อเขาแนะนำมา ทำให้ผมต้องเดินไปเคาะประตูห้องคุณมะพร้าว

"คุณเรนไม่ได้มาหาผมเลยครับ" และคำตอบจากคุณมะพร้าวทำให้เรารู้ว่าเจ้าเรนก็ไม่ได้อยู่กับมะพร้าวด้วย

ตอนนี้ผู้สูงวัยสองคนเริ่มมีอาการกระวนกระวายกันขึ้นมาแล้ว ผมรีบลงบันไดมาชั้นล่างแล้วเดินหาลูกไปทั่ว มองออกไปนอกบ้านก็พบแต่ความมืดและความว่างเปล่า แต่แล้วเมื่อเปิดประตูบ้านชะโงกหน้าไปที่โรงรถก็รู้ทันทีว่าเจ้าเด็กน้อยทำเรื่องยุ่งเข้าเสียแล้ว

จักรยานคู่ใจของลูกชายผมก็หายไปด้วย!

"คุณเรน! โธ่! ขี่จักรยานออกไปไหนดึกๆดื่นๆครับเนี่ย" เสียงของคุณมะพร้าวดังขึ้นข้างๆผม ใบหน้าคล้ำผอมหน้านั้นซีดเผือด ท่าทางนั้นร้อนอกร้อนใจ ผมรู้ว่าเจ้าเรนเป็นแก้วตาดวงใจของคุณมะพร้าวมากแค่ไหน

"คุณท่านบอกว่าพวกคุณทะเลาะกัน" เสียงนั้นเริ่มมีอาการหอบเหนื่อย

"ใจเย็นครับคุณมะพร้าว เรนมันอาจจะแค่ออกไปขี่จักรยานสูดอากาศเล่น" ผมเดาไปเรื่อยเปื่อย

ซึ่งเอาเข้าจริงผมยังไม่ได้รู้สึกร้อนอกร้อนใจเรื่องที่เจ้าเรนหายไปดึกๆแบบนี้ เพราะผมรู้ว่าลูกดูแลตัวเองได้ ถ้าจะเป็นห่วงก็น่าจะเป็นเรื่องของการขี่จักรยานในตอนกลางคืนมากกว่า

"แต่มันดึกแล้ว ผมเป็นห่วง" น้ำเสียงนั้นเริ่มหอบขึ้นเรื่อยๆ ผมชักรู้สึกใจไม่ดีกับอาการของคุณมะพร้าว

"คุณมะพร้าวไปนั่งรอที่ห้องรับแขกกับพ่อดีกว่าครับ" ผมแตะหลังผู้สูงวัยพาออกเดินจากโรงรถกลับเข้ามบ้าน

แต่ไม่ทันเสียแล้ว ร่างผอมนั้นทรุดลงไปกับพื้นอย่างรวดเร็วโดยที่ผมไม่ทันคว้าตัวแกไว้ได้…

"บ้านหลังนี้แหละค่ะ บ้านของแม่เล็กกับคิว"

ลิสายืนยันเมื่อเรามายืนอยู่หน้าบ้านไม้หลังเล็กในตรอกแคบๆนั่น

ผมมองไปรอบๆบริเวณแถวนั้นด้วยความรู้สึกแปลกๆในใจ เจ้าเรนมีชีวิตอีกด้านหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย ไม่ต้องนับไปถึงว่านี่คือบ้านเพื่อนสนิทของลูกชาย แต่แค่ลูกผมเคยเฉียดกรายมาถิ่นนี้ได้ยังไง ผมยังงง

บ้านไม้เก่าคร่ำคร่าโย้เย้ยกพื้นเตี้ยๆ ปลูกแออัดยัดเยียดปะปนไปกับบ้านหลังอื่นๆจนแทบไม่เหลือพื้นที่ว่าง ทางเดินที่ลาดคอนกรีตผุๆพังๆน้ำขังเฉอะแฉะ ทองหล่อบ้านผมและคลองเตยบ้านของเพื่อนลูกมีแค่สุขุมวิทกับพระรามสี่คั่นกลาง แต่สภาพต่างกันลิบ ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่าลูกชายของผมมาคลุกคลีกับสังคมที่เอ่อ ไม่ใช่สังคมปกติของเรา เด็กโรงเรียนนานาชาติกับเด็กโรงเรียนเทศบาลเป็นเพื่อนสนิทกันได้จริงๆหรือนี่

หรือมิตรภาพในความเหลื่อมล้ำจะมีอยู่จริง

ผมเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าทำไมลูกชายของผมถึงสนใจเรื่องการเมือง…

เมื่อกี้หลังจากที่รู้ว่าลูกคงจะไม่กลับบ้านคืนนี้แน่แล้ว ผมจึงพยายามโทรเข้ามือถือของเจ้าเด็กน้อย ซึ่งก็แน่นอนไม่มีเสียงตอบรับ ก็กำลังหนีออกจากบ้านนี่นะ คงไม่น่าจะรับโทรศัพท์หรอก

พ่อผมเขาร้อนใจมาก บอกให้ผมออกตามหาหลานชายสุดที่รักโดยด่วน อารมณ์โกรธหลานเมื่อหัวค่ำหายเป็นปลิดทิ้ง ลูกชายผมมันรู้จุดอ่อนตรงนี้ของปู่ดี ว่าปู่รักยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด แต่ผมก็จนใจไม่รู้จะไปตามลูกได้ที่ไหน รู้สึกอยากตบหัวตัวเองที่ไม่รู้จักเพื่อนที่โรงเรียนของเจ้าเรนสักคน

แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่ามีสาวน้อยคนหนึ่งต้องรู้จักชีวิตของเจ้าเรนที่โรงเรียนดีกว่าผมแน่ๆ …ลิสา

ผมจึงโทรศัพท์ถึงคุณลิน แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ลิสารู้จักเจ้าเรนมากกว่าผม หลานของคุณลินมั่นใจมากว่ารู้ที่กบดานของลูกชายผมแน่ๆ

ระหว่างนั่งมาในรถขณะที่น้าสาวซึ่งเป็นคนขับกำลังตีโพยตีพายโทษตัวเองว่าเป็นต้นกำเนิดของเรื่องทั้งหมด คนเป็นหลานสาวกลับนั่งนิ่งๆเก็บอาการได้มากกว่า แม้ผมจะพยายามซักไซ้ถึงที่ไปที่มาว่าเด็กๆมารู้จักกันได้อย่างไร เพราะลิสาบอกว่าเพื่อนคนนี้ของเรนไม่ใช่เพื่อนที่โรงเรียน แต่ลิสาก็ไม่ยอมปริปาก บอกแต่ว่าให้ผมไปถามเจ้าเรนเอง ลิสามีหน้าที่แค่พาผมมาหาเจ้าเรนเท่านั้น

แล้วเราก็มายืนอยู่ตรงหน้าบ้านหลังนี้ด้วยกันดึกดื่นๆ ผมและคุณลินมองหน้ากันด้วยอาการมึนงง หลานสาวของคุณลินและลูกชายของผมมีความลับต่อพวกเราอย่างคาดไม่ถึง

"ทำไมลิสาไม่เคยเล่าให้น้าฟังเลยว่าเอ่อ…มีบ้านเพื่อนอยู่แถวนี้" คุณลินเธอพยายามถามเด็กน้อยด้วยอาการปกติที่สุด แต่ผมรู้ว่าในใจของเธอคงมีแต่ความสงสัยแปลกใจไม่ต่างจากผม

"ก็ลิสาสัญญากับเรนไว้ว่าจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เรนบอกว่าคุณปู่ไม่อยากให้คบเพื่อนต่างโรงเรียน"

ผมสะอึกไปกับคำตอบนั้น พ่อผมเขาคงกลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยสินะ

"แล้วลิสามาที่นี่บ่อยไหม" คนเป็นน้ายังพยายามจะรู้เรื่องของหลานสาว

"ก็…" แต่คนเป็นหลานสาวยังลังเลที่จะเล่า

เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นลิสาอึกอักไม่กล้าสบตาทั้งผมและคุณลิน ปกติลิสาเป็นเด็กมั่นใจ กล้าคิดกล้าพูด นี่เธอคงรับปากกับเจ้าเรนไว้จริงๆ

"เอาเถอะครับ ไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลัง ตอนนี้เอาตัวเจ้าเรนกลับไปก่อน"

ผมตัดบท ไว้ให้น้าหลานเขาไปซักไซ้กันเองที่บ้าน ผมก้าวขึ้นบันไดเตี้ยๆนั่นขึ้นไปยืนอยู่ชานบ้านแคบๆ แล้วเอื้อมมือไปเคาะประตูไม้บานเล็ก ได้ยินเสียงเหมือนคนพูดคุยกันข้างใน สักพักประตูก็ถูกเปิดออกมาอย่างช้าๆ

"มา… เอ่อ… มา…มาหาใครคะ อะ…อ้าวหนูลิสา"

หญิงวัยกลางคนที่โผล่หน้าออกมามีอาการตะกุกตะกัก ก่อนจะหันไปเห็นลิสาซึ่งยืนรออยู่กับคุณลินที่ข้างล่างของบันได

"สวัสดีค่ะแม่เล็ก เรนมาที่นี่หรือป่าวคะ"

หลานสาวของคุณลินเดินขึ้นบันไดมาแล้วยกมือขึ้นไหว้ผู้หญิงตรงหน้า พลางพยายามชะโงกหน้าเข้าไปข้างในบ้าน ท่าทางลิสาดูสนิทสนมกับผู้หญิงคนนี้ไม่น้อย

ผมแอบมองตามเข้าไปบ้าง แต่ก็ไม่เห็นอะไรนักเนื่องจากตัวเจ้าของบ้านยืนบังประตูอยู่ สังเกตได้แต่ว่าในบ้านมีแสงไฟสลัวๆ หันหน้าไปหาคุณลิน พบว่านัยน์ตากลมโตนั่นกำลังจ้องมองไปที่หลานสาวและฉายแววสงสัยเต็มที่

"เอ่อ…" หญิงที่ลิสาเรียกว่าแม่เล็กมีท่าทางอึดอัดใจ

"นี่น้าลินของหนูค่ะ แล้วนี่ก็น้าเซนคุณพ่อของเรน"

"สวัสดีครับ" ผมยกมือไหว้เจ้าของบ้าน พร้อมๆกับที่คุณลินก็ไหว้ด้วย

หญิงเจ้าของบ้านถึงกับชะงักไป รีบยกมือขึ้นรับไหว้ด้วยท่าทางเก้กังๆ สีหน้านั้นมีแวววิตกกังวล หันรีหันขวาง

"คือ…"

"ขอผมเข้าไปคุยกับลูกหน่อยได้ไหมครับ" อึกอักมีพิรุธขนาดนี้ล่ะก็ เจ้าเรนอยู่ในบ้านหลังเล็กนี่แน่นอน

แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ขยับตัว เสียงห้าวๆกวนประสาทก็ดังขึ้นข้างหลังหญิงที่ชื่อแม่เล็ก ทำให้เธอต้องเบี่ยงตัวถอยกลับเข้าไปในบ้าน

"พ่อมาทำไมฮะ"

แล้วเจ้าหนุ่มน้อยหน้าหล่อก็โผล่หน้าออกมาพร้อมกับเด็กหนุ่มอีกคน นั่นคงเป็นเพื่อนสนิทสิท่า

"อ้าว ป้าลินก็มาด้วย หวัดดีฮะ เออ ไอ้คิว นี่พ่อเราเอง นั่นป้าลินน้าของลิสา" ลูกชายผมบอกเพื่อนพร้อมๆกับที่เด็กชื่อคิวยกมือไหว้ผมกับคุณลิน แล้วร้องทักลิสา

"อ้าว ลิสา"

"ไง… คิว แล้วนี่ไอซ์อยู่ด้วยหรือเปล่าเนี่ย"

"ไอซ์ก็อยู่ มันเพิ่งมาเมื่อกี้ เฮ้ย ไอ้ไอซ์ ออกมาไหว้พ่อของเรนกับน้าของลิสาเร็ว "

ห้ะ ยังมีอีกเหรอ สรุปเพื่อนนอกโรงเรียนของเจ้าเรนเค้ามีกี่คนกันแน่ แล้วลิสารู้จักกี่คน

ผมหันไปมองหน้าคุณลิน ใบหน้านั้นชัดเจนมากว่าคืนนี้น่าจะต้องมีเรื่องคุยกับลิสายาวเลย

และหลังจากเพื่อนเจ้าเรนทั้งสองคนออกมาสวัสดีผมกับคุณลินแล้ว ทุกคนก็พากันกลับเข้าไปในบ้าน เหลือแต่เจ้าเรนเผชิญหน้ากับผมและคุณลินตามลำพัง

"พ่อจะมารับผมกลับบ้านเหรอ คืนนี้ผมยังไม่อยากกลับ ฝากบอกปู่ด้วยฮะว่าเดี๋ยวผมสบายใจเมื่อไหร่ผมจะกลับเอง"

ดูคุณเรนเค้าพูด น่าหมั่นไส้กว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ลูกใครวะครับเนี่ย

"ป่าว ไม่ได้มารับกลับบ้าน จะมารับไปโรงพยาบาล" ผมตอบกลับด้วยสีหน้าปกติ

"โรงพยาบาล? ไปทำไมฮะที่โรงพยาบาล" คิ้วคมๆนั่นเลิกขึ้นอย่างฉงน เจ้าเด็กน้อยคงไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบที่เหนือความคาดหมาย

"มารับไปเยี่ยมคุณมะพร้าว ตอนนี้คุณมะพร้าวอยู่ที่โรงพยาบาล"

"ห้ะ" ผมเห็นหน้าลูกซีดเผือด "คุณมะพร้าวเป็นอะไรฮะ"

"ก็พอรู้ว่าคนบางคนหนีออกจากบ้านในตอนดึกๆ คุณมะพร้าวเขาก็ความดันขึ้น ตอนนี้คุณปู่ก็อยู่เฝ้าคุณมะพร้าวที่โรงพยาบาล" ผมทำเสียงปกติมาก

ไงล่ะเด็กน้อย เริ่มรู้สึกผิดขึ้นบ้างหรือยัง

"จริงเหรอพ่อ" เจ้าเด็กตัวปัญหาหน้าตาร้อนรน "งั้นไปกันเดี๋ยวนี้เลยฮะพ่อ เดี๋ยวผมไปเอาเป้ก่อน"

ว่าแล้วลูกชายผมก็หันหลังกลับเข้าบ้านหลังเล็กนั่นไปอย่างรวดเร็ว ผมรู้ดีว่าเจ้าเรนอาจจะพยศกับผมกับพ่อได้อย่างไม่กลัวเกรง แต่กับคุณมะพร้าวแล้วลูกชายผมยอมทุกอย่าง ดูเหมือนครอบครัวผมจะรักคุณมะพร้าวมากกว่ารักกันเองเสียอีก

คือหลังจากที่คุณมะพร้าวทรุดล้มลงเมื่อรู้ว่าเจ้าเรนออกจากบ้านมาดึกๆดื่นๆ ผมกับพ่อก็รีบขับรถพาคุณมะพร้าวส่งโรงพยาบาลใกล้บ้านทันที จากการตรวจเบื้องต้น หมอให้ความเห็นว่าคุณมะพร้าวเป็นแค่หน้ามืดความดันขึ้นสูงผิดปกติ แต่ต้องนอนโรงพยาบาลรอเช็กละเอียดอีกที พอค่อยโล่งใจขึ้นพ่อจึงบอกให้ผมรีบออกตามหาตัวเจ้าเรน เพราะไม่อยากให้คุณมะพร้าวไม่สบายใจ ผมจึงโทรหาคุณลิน แล้วเธอกับลิสาก็ขับรถออกมารับผมที่โรงพยาบาลเพื่อมาตามหาเจ้าเรนกันที่นี่

นี่ถ้าไม่เกิดเรื่องโต้เถียงกันขึ้นที่บ้านในวันนี้ ผมอาจไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่าลูกกำลังใช้ชีวิตอยู่ในสังคมคู่ขนานแบบนี้ ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าลูกชายจะมีสังคมอีกสังคมหนึ่งซึ่งแตกต่างไปจากสังคมที่เราอยู่

"เอ่อ ฉันต้องขอโทษคุณด้วยที่ไม่ได้โทรไปบอกว่าเรนมาที่นี่"

คุณเล็กซึ่งเป็นเจ้าของบ้านโผล่หน้ามาอีกที สีหน้าซีดเผือด "คือ เรนเขากำลังไม่สบายใจ"

"ไม่เป็นไรครับ ผมต่างหากที่ต้องขอโทษคุณเล็กที่ลูกชายของผมมารบกวน"

ผมยิ้มให้เธอ นี่หรือคือแม่ของเพื่อนสนิทของลูกชายของผม ช่างแตกต่างไปจากบรรดาแม่ๆที่ผมเห็นที่หน้าประตูโรงเรียนขณะที่ผมขี่จักรยานไปส่งลูกเมื่อเช้า

หรือมองดูใกล้ๆนี่ก็ได้ เทียบกับคนที่กำลังยืนตาโตด้วยความสงสัยอยู่ตรงนี้ คุณลิน…น้าสาวของเพื่อนสนิทอีกคนของลูกชายผม ผู้หญิงสองคนที่มีลูกหลานวัยเดียวกัน แต่ชีวิตความเป็นอยู่และท่าทางการแต่งกายที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ภาพชีวิตวัยรุ่นในอดีตของผมย้อนกลับขึ้นมาเตือนความทรงจำอีกครั้ง ใช่ว่าในชีวิตผมจะไม่เคยสัมผัสกับสังคมแบบนี้ ใจหนึ่งผมก็รู้สึกดีที่ลูกชายวัยรุ่นได้มีโอกาสเรียนรู้สังคมที่หลากหลาย แต่อีกใจหนึ่งผมก็เริ่มหนักใจ เจ้าเรนในวัยนี้ก็คือผมในตอนนั้น วัยที่กำลังเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ วัยที่กำลังอยากรู้และอยากลอง วัยที่กล้าและบ้าบิ่น

หากลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นตามที่เขาว่าจริงๆ ผมจะทำอย่างไร…