webnovel

ปฏิญญาค่าแค้น

หลินหลัน ทะลุมิติมาเกิดใหม่ในคราบของหญิงสาวชาวบ้านที่แสนลำบากยากจน แต่โชคยังดีที่ความสามารถด้านการแพทย์และประสบการณ์รักษาผู้คนที่สั่งสมมาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดนั้นติดตัวมาด้วย อีกทั้งครอบครัวในชาติภพนี้ก็ดีกับนางมิใช่น้อย กระนั้นเคราะห์ร้ายก็ยังคืบคลานเข้ามา เมื่อพี่ชายผู้เป็นที่พึ่งพาเดียวของนางนั้นใสซื่อจนไม่อาจตามทันเล่ห์กลของพี่สะใภ้ที่แสนโลภมาก สุดท้ายแล้วหลินหลันก็ถูกนางบีบบังคับให้ต้องออกเรือนแต่งงานไปเป็นนางบำเรอจนได้ ด้วยเหตุนี้นางจึงต้องดึงตัว หลี่ซิ่วฉาย ชายหนุ่มรูปงามผู้มีเบื้องหลังเป็นปริศนาในหมู่บ้านเข้ามาช่วยแก้สถานการณ์ ทั้งสองได้ตกลงทำสัญญาขึ้นมาหนึ่งฉบับ เขาช่วยนางให้หลุดพ้นจากการคลุมถุงชน ส่วนนางจะช่วยเขาแก้แค้นและทวงทุกสิ่งอย่างที่ถูกพรากไปกับคืนมาภายในระยะเวลาสามปี ทว่าแผนการช่วยเหลือเขาให้บรรลุเป้าหมายนั้นกลับไม่ง่ายดายอย่างที่คิดนี่สิ…

จื่ออี281 · ย้อนยุค
เรตติ้งไม่พอ
339 Chs

ตอนที่ 333 คำมั่นสัญญาของข้า

ตอนที่ 333 คำมั่นสัญญาของข้า

หลี่หมิงอวินกลับบ้าน เขามุ่งตรงเข้าสู่เรือนชั้นในอย่างเร่งรีบ ถึงขั้นที่บรรดาข้ารับใช้ทักทายเขา เขายังไม่สนใจ

“หลันเอ๋อร์...” หลี่หมิงอวินเรียกหาหลันเอ๋อร์ทันทีที่เข้าห้องไป

“ข้าอยู่นี่!” หลินหลันนั่งอยู่บนเตียงเตาของห้องรองทิศตะวันตก กำลังเรียนร้อยเครื่องประดับกับหรูอี้ ด้วยความว่างงานจนเบื่อหน่าย เห็นหรูอี้ร้อยดูค่อนข้างน่าสนใจดี จากเส้นไหมจำนวนหนึ่ง ก็ทำให้เปลี่ยนเป็นรูปแบบต่างๆ สิ่งนี้เพียงแค่รู้วิธีการก็น่าจะทำออกมาได้แล้ว ไม่เหมือนงานเย็บปักที่ต้องอาศัยทักษะงานฝีมือขั้นสูง

หลี่หมิงอวินเห็นหลินหลันอุ้มท้องอยู่แท้ๆ ยังจะทำงานเย็บปักถักร้อยอีก จึงกล่าวขึ้นด้วยความร้อนใจทันที “เหตุใดเจ้าถึงมาทำอะไรพวกนี้อยู่อีก หากเหน็ดเหนื่อยขึ้นมาจะทำอย่างไร” ไม่เพียงแค่เอื้อนเอ่ย เขายังแย่งเส้นไหมที่กำลังถักร้อยไปได้ครึ่งหนึ่งออกไปจากมือหลินหลันด้วย แล้วโยนมันกลับลงไปในตะกร้า

“นี่! เจ้าระวังหน่อยสิ! นั่นเป็นของที่ข้าทำขึ้นมาอย่างไม่ง่ายเลยนะ ถ้าเสียหายไปจะทำอย่างไร” หลินหลันโวยวายขึ้นมา เมื่อมองดูงานถักร้อยที่หลุดรุ่ยด้วยความเสียดาย

หลี่หมิงอวินหาได้สนใจนางที่กำลังโวยวายไม่ โดยหันไปกล่าวต่อหรูอี้ “เจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องจะพูดคุยกับนายหญิงเจ้า”

หรูอี้รีบเก็บข้าวของแล้วถอยออกไป

หลินหลันรู้ดีว่าเขาต้องการพูดคุยอะไร ก็เพราะรู้ว่าเขาจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ ใบหน้าบึ้งตึงนั่น คิ้วหนาที่ขมวดชนกันนั่น ราวกับว่าฟ้าจะถล่มทลายลงมา

หลี่หมิงอวินกวาดสายตามองบนเตียงเตา แล้วคว้าเอาหมอนใบนุ่มหนึ่งใบมารองไว้ด้านหลังหลินหลัน ให้นางเอนกายพิง แล้วถึงหย่อนตัวลงนั่งข้างกายนาง จับจ้องไปที่หน้าท้องของนาง หลังผ่านไปชั่วครู่ถึงได้เอ่ยปาก “ในนี้มีเด็กสองคนหรือ”

หลินหลันพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา “สองคน”

ดวงตาเขาเผยให้เห็นถึงความประหม่า “เจ้ามั่นใจหรือ”

หลินหลันพยักหน้าอีกครั้ง “รู้ตั้งแต่ตอนเดือนที่สามแล้ว”

หลี่หมิงอวินเม้มริมฝีปาก ยื่นมือออกไปลูบคลำท้องของหลินหลัน จากนั้นลุกขึ้น เดินวกไปวนมา ระหว่างเดินๆ ไปก็หยุดมองมาที่ท้องของหลันเอ๋อร์ ก่อนจะเดินต่อไปอยู่เช่นนั้น

หลินหลันเห็นท่าทางของเขาเสมือนทำอะไรไม่ถูก จึงหลุดหัวเราะแล้วกล่าว “เจ้าช่วยนั่งลงจะได้หรือไม่ เดินไปเดินมาจนข้าตาลายแล้ว”

หลี่หมิงอวินจึงรีบนั่งลงทันที สีหน้าท่าทางราวกับเผชิญหายนะครั้งใหญ่อยู่เบื้องหน้า “หลันเอ๋อร์ แล้วนี่จะทำอย่างไรกันดี”

หลินหลันชำเลืองตามองเขา “เจ้าจะกังวลอันใดหรือ หากเป็นคนอื่น รู้ว่าภรรยาตนเองตั้งครรภ์ลูกแฝด คงดีใจจนไปจุดประทัดแล้วกระมัง ก็มีแต่เจ้า ทำหน้าทำตาทุกข์ใจอยู่ได้”

หลี่หมิงอวินกล่าว “คลอดลูกคนเดียวก็อันตรายจะแย่แล้ว นี่ครั้งหนึ่งสองคน จะไม่ยิ่งอันตรายไปใหญ่หรือ ข้าไม่สนใจหรอกว่าจะเป็นลูกแฝดหรือไม่ใช่ลูกแฝด ข้าขอเพียงภรรยาของจ้าปลอดภัยเท่านั้น”

เขาไม่กล้าจินตนาการเลยว่าหากหลินหลันคลอดลำบาก เขาควรทำเช่นไรดี

สีหน้าของเขาที่วิตกกังวลจนเกินเยียวยานั่น มองดูแล้วทำให้หลินหลันใจอ่อน เอื้อมมือไปจับมือเขา แล้วนำมาวางบนหน้าท้องของตนเอง พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “หมิงอวิน เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าไม่เป็นไรหรอก ข้าและลูกๆ จะปลอดภัยแน่นอน ข้ารับประกัน”

หลี่หมิงอวินทำอะไรไม่ถูกจริงๆ เรื่องประเภทนี้ถึงเขาอยากช่วยเหลือก็ไม่อาจช่วยได้ เขาค่อยๆ โน้มตัวลง เคลื่อนใบหน้าไปแนบกับหน้าท้องของหลันเอ๋อร์ เขาตั้งหน้าตั้งตารอคอยลูกๆ ทั้งสองคนนี้อยู่เช่นกัน รอคอยที่จะได้กันอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาสี่คน แต่ว่า จะไม่เป็นไรจริงๆ ใช่หรือไม่ ตั้งแต่หลันเอ๋อร์ตั้งครรภ์ เขาก็คอยให้ความสำคัญเกี่ยวกับข่าวคราวทางด้านนี้เป็นพิเศษ เมื่อใดที่ได้ยินสหายร่วมงานท่านใดมีบุตรถือกำเนิด และปลอดภัยทั้งแม่ลูก เขาก็จะรู้สึกถึงความปลอดภัยของหลันเอ๋อร์เพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย หากได้ยินข่าวคราวที่ไม่ดี เขาก็จะกลัดกลุ้มจนนอนไม่หลับไปหลายวัน หลับตาลงก็จะฝันเห็นหลันเอ๋อร์ส่งเสียงร้องด้วยความทรมาน ร่างกายท่อนล่างเต็มไปด้วยโลหิต เขาไม่กล้าบอกกล่าวหลันเอ๋อร์เลยว่าเขาเป็นกังวลอย่างยิ่ง บางครั้งเขาคิดจริงๆ ว่า จะมีลูกหรือไม่มีก็ได้ทั้งนั้น เพียงแต่ไม่กล้าบอกกล่าวหลันเอ๋อร์ด้วยคำพูดเช่นนี้ เพราะหลันเอ๋อร์คงจะชักสีหน้าใส่เขาด้วยความขุ่นเคือง เมื่อก่อนมักคิดว่า เรื่องประเภทความรักระหว่างหนุ่มสาวที่มีให้กันอย่างลึกซึ้งจะไม่เกิดขึ้นกับตนเอง เพราะคิดว่าการเป็นเช่นนั้นมันไม่เอาไหนอย่างยิ่ง แต่ตอนนี้เขากลับกลายเป็นคนไม่เอาไหนที่ว่านี้เสียแล้ว

หลินหลันลูบผมของเขาอย่างเบามือ แล้วกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “หมิงอวิน ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงข้า ใจของข้าก็ไม่ต่างจากเจ้า เจ้าเป็นคนที่สำคัญมากที่สุดในชั่วชีวิตนี้ของข้า ข้าจะมีชีวิตที่ยาวนานเพื่อเจ้า อยู่กับเจ้าเพื่อมองดูลูกๆ ของเราเติบใหญ่ แต่งงานมีครอบครัว อยู่กับเจ้าไปจนแก่เฒ่า หมิงอวิน นี่เป็นคำมั่นสัญญาของข้า”

หลี่หมิงอวินเงยหน้าขึ้นอย่างซาบซึ้งใจ เผยให้เห็นดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำสีใสขึ้นมากะทันหัน อยู่กับหลันเอ๋อร์มานานเนเพียงนี้ นางไม่เคยเอื้อนเอ่ยคำพูดคำจาที่สะเทือนใจเช่นนี้มาก่อน แม้เขารับรู้ถึงหัวใจของนางมาโดยตลอด แต่ว่ารับรู้ กับได้ยินด้วยหูตนเอง มันเป็นคนละเรื่องกัน

“หลันเอ๋อร์ เช่นนั้นเจ้าจะต้องพูดคำไหนคำนั้น” หลี่หมิงอวินประคองใบหน้านาง จริงจังเสมือนเด็กน้อยที่ต้องการคำมั่นสัญญาจากผู้ปกครอง

หลินหลันอดประทับจุมพิตลงบนริมฝีปากเขาหนึ่งทีไม่ได้ แล้วกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “แน่นอน อย่าลืมไปสิว่า ตัวข้าเองก็เป็นหมอ ไม่ใช่หมอโกหกหลอกลวงเสียหน่อย!”

หลี่หมิงอวินถูกนางหยอกเย้าจนหัวเราะขึ้นมา แล้วบีบใบหน้ารูปไข่ที่จ้ำม่ำขึ้นเพราะตั้งครรภ์อย่างเอ็นดู

“ไม่ให้บีบแล้ว ถูกเจ้าบีบจนบวมหมดแล้ว” หลินหลันปัดมือเขาทิ้งขณะเผยสีหน้ายิ้มแย้ม

“บวมๆ สิถูกจะดูดี จ้ำม่ำ เนื้อเยอะๆ บีบแล้วนุ่มนิ่มสบายมือ” หลี่หมิงอวินหยอกเย้า

หลินหลันโน้มเข้าไปบีบใบหน้าเขา “เจ้าชอบให้บวมๆ ใช่หรือไม่! เช่นนั้นข้าจะช่วยเจ้าแล้วกัน”

ทั้งสองคนหยอกเย้ากันขึ้นมา หลี่หมิงอวินเกรงว่าจะไปโดนท้องของหลินหลัน จึงหลบหลีก ไม่กล้าออกแรง เมื่อถูกนางบีบใบหน้าแล้วส่ายไปมา จึงต้องรีบเอ่ยปากอ้อนวอน “พอแล้วๆ ข้ายอมแล้ว ข้ายอมแพ้แล้ว...”

หลินหลันถึงได้ปล่อยเขาแล้วเอนกายเข้าหาอ้อมกอดเขา หายใจเข้าออกอย่างเนิบช้า ก่อนเอ่ยปากถามขึ้น “ท่านยายมาเมืองหลวงแล้วหรือ”

หลี่หมิงอวินชะงักไปชั่ววูบ ว่าแล้วว่านางเฝิงจะต้องมาหา จึงนำคำพูดของท่านยายที่ให้เขาช่วยบอกกล่าวตลอดจนบทลงโทษที่มีต่อเยี่ยซินเอ๋อร์เล่าให้หลันเอ๋อร์ฟังในคราวเดียว

หลินหลันได้ฟังดังกล่าว จึงเป็นอันคลายความโกรธเกรี้ยวที่เคยอัดแน่นในจิตใจ “เยี่ยซินเอ๋อร์มั่นใจว่าพวกเจ้าใจไม่แข็งพอ ถึงได้กล้าทำสิ่งที่ไร้ยางอายโดยไม่แยแสใดๆ เพียงนี้ พอได้เผชิญหน้ากับเหล่าไท่ไทเยี่ยที่แข็งกร้าวเช่นนี้นางจึงจนตรอก เจ้าคอยดูเถอะ เยี่ยซินเอ๋อร์ไม่มีทางจากบ้านไปเป็นแม่ชีหรอก และก็ทำใจฆ่าตัวตายไม่ได้ด้วย นางจะต้องกลับเฟิงอานกับเหล่าไท่ไทเป็นแน่”

หลี่หมิงอวินกล่าว “ขืนนางไม่ปรับปรุงนิสัยนี้ ภายภาคหน้าคงต้องลำบากอีกเยอะ”

หลินหลันกล่าว “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ข้าว่าท่านยายก็ไม่ต้องหาครอบครัวแม่สามีให้นางอีกแล้วละ ไม่จำเป็นต้องนำหายนะไปให้คนอื่นเขา นอกเสียจากมีความแค้นกับตระกูลนั้น”

หลี่หมิงอวินหลุดหัวเราะ “อดกลั้นมาตั้งนานเพียงนี้ ในที่สุดก็ไม่จำเป็นต้องอดกลั้นแล้ว”

หลินหลันเม้มริมฝีปากอย่างไม่สะทกสะท้าน “ข้าไม่ได้เก็บนางมาใส่ใจอยู่แล้ว ต่อให้ท่านยายไม่ออกหน้าให้ การจะจัดการนางก็เป็นเรื่องง่ายดายเช่นกัน” หลินหลันชำเลืองมองหลี่หมิงอวินขณะเอ่ยและยิ้มอย่างมีนัยยะลึกซึ้ง “ใครหน้าไหนก็อย่าได้คิดที่จะขโมยสามีข้า เจ้าเป็นของข้า ของข้าผู้เดียวเท่านั้น”

หลี่หมิงอวินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นจะไม่แบ่งให้ลูกๆ ของพวกเราด้วยหรือ”

หลินหลันถลึงตาใส่เขา “ลูกเป็นคนละเรื่องกัน”

แม้ว่าหญิงชราเยี่ยกล่าวว่าจะมาเยี่ยมนางพรุ่งนี้ แต่หลินหลันคิดอยู่ว่า ผู้อาวุโสมาไกลเพื่อเรื่องของนางเป็นการเฉพาะ นางในฐานะเด็กรุ่นหลัง ตามเหตุและผลควรเป็นฝ่ายไปทักทายผู้อาวุโสก่อน ดังนั้น หลังรับประทานมื้อเย็นแล้ว จึงให้หมิงอวินไปจวนเยี่ยเป็นเพื่อนนาง

เมื่อไปถึงจวนเยี่ย หลินหลันถึงได้รับรู้ว่า ลุงใหญ่เยี่ยถูกลงโทษให้นั่งคุกเข่าในโถงบรรพบุรุษ จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมาเลย เยี่ยซินเอ๋อร์ก็ถูกกักบริเวณด้วยเช่นกัน ยามที่นางหวังเห็นหลินหลัน เผยให้เห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก อีกทั้งแววตานั่นยังดูซับซ้อนมากทีเดียวเชียว หลินหลันคร้านจะสนใจความรู้สึกของนางหวัง คาดว่าลึกๆ แล้วก็คงโกรธเคืองอยู่บ้างเช่นกันกระมัง!

หญิงชราเยี่ยได้ยินว่าหลินหลันและหมิงอวินมาเยือน จึงรีบให้คนเชิญทั้งสองมายังห้องของนาง

เห็นหลินหลันท้องใหญ่โต เคลื่อนไหวไม่สะดวกสบาย แล้วยังต้องการคารวะให้นางอีก หญิงชราเยี่ยจึงรีบห้าม แล้วบ่นตำหนิด้วยความเห็นใจ “เจ้ากำลังตั้งครรภ์ ไม่ต้องมากพิธีรีตองเหล่านี้ไปหรอก หมิงอวิน ยังไม่รีบประคองภรรยาเจ้ามานั่งลงอีก”

หลี่หมิงอวินประคองหลินหลันไปนั่งบนหัวเตียงเตาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นถอยออกมาสองฝีก้าว แล้วยกสองมือขึ้นคารวะ “หลันเอ๋อร์คารวะไม่สะดวก หลานจึงขอคารวะท่านยายแทนนางแล้วกันนะขอรับ”

หญิงชราเยี่ยกล่าวด้วยสีหน้าเบิกบาน “เอาละๆ เจ้าก็ทำเป็นพิธีรีตองไปได้ แม่โจวยังไม่รีบนำน้ำชามาอีก”

แม่โจวส่งเสียงขานรับอย่างสุขใจ แล้วหันไปสั่งการข้ารับใช้ให้ยกน้ำชามาให้

หญิงชราเยี่ยเผยรอยยิ้มขณะมองดูท้องของหลินหลัน นางรู้สึกปลาบปลื้มใจยิ่งนัก “หลันเอ๋อร์อา! ตอนนั้นข้าก็คิดอยู่ว่า ไม่แน่เจ้าคงได้กลายเป็นภรรยาของหลานชายข้าจริงๆ ผลสุดท้ายก็เป็นจริงเสียด้วย”

หลินหลันนึกถึงสัญญาข้อตกลงที่บังคับให้หญิงชราลงนามกับนาง อดเคอะเขินไม่ได้ จึงกล่าวด้วยความรู้สึกเขินอาย “ตอนนั้นหลันเอ๋อร์ยังเด็ก ไม่ประสีประสา ทำให้เหล่าไท่ไทหัวเราะเยาะเสียแล้วเจ้าค่ะ”

หญิงชราเยี่ยหัวเราะร่าแล้วกล่าว “เจ้าอย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย หากไม่ใช่เพราะเจ้าต้องการให้หญิงชราอย่างข้าผู้นี้ร่างสัญญาข้อตกลงให้เจ้าขึ้นมาให้จงได้ ข้าคงไม่ฝากความหวังไว้ที่เจ้าเพียงนั้น เจ้าเป็นคนฉลาด ทั้งยังรู้จักประมาณตน ยอดเยี่ยมมาก”

หลี่หมิงอวินไม่เคยรับรู้เรื่องสัญญาข้อตกลงดังกล่าว จึงเอ่ยขึ้นด้วยความงุนงง “สัญญาข้อตกลงอันใดหรือขอรับ”

หญิงชราเยี่ยและหลินหลันมองหน้ากันพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นจึงเอ่ยปากขึ้นโดยแฝงการหยอกล้อไว้เล็กน้อย “นี่เป็นความลับของพวกเราสองคน ไม่บอกกล่าวเจ้าหรอก”

หลี่หมิงอวินตะลึงงัน ท่านยายไม่เคยพูดจาเชิงหยอกล้อเช่นนี้มาก่อน แล้ววันนี้เป็นอะไรไป หรือว่านิสัยเปลี่ยนไปแล้ว?

หลินหลันยิ่งรู้สึกอับอายอยู่ภายในใจ

หญิงชราเยี่ยจับมือของหลินหลัน แล้วเริ่มจากเอ่ยถามนางถึงอาหารการกินอะไรทำนองนี้ หลินหลันไล่ตอบทีละคำถาม จากนั้นหญิงชราเยี่ยถึงทอดถอนหายใจออกมาด้วยความสบายใจ “ได้ยินแม่โจวกล่าวว่าเจ้าแพ้ท้องหนักมาก ข้าจึงเป็นกังวลใจ ตอนนี้ได้ยินเจ้าพูดเช่นนี้ ข้าก็วางใจแล้วละ ทว่า เจ้ายังต้องละเอียดรอบคอบเข้าไว้หน่อย ในเมื่อตั้งครรภ์ลูกแฝด แตกต่างไปจากสตรีตั้งครรภ์ทั่วไป ข้ามาเยือนครั้งนี้ ได้พาหมอตำแยที่ขึ้นชื่อมากที่สุดในเฟิงอานติดตามมาด้วย นางเคยมีประสบการณ์ทำคลอดเด็กแฝด อีกทั้งตัวเจ้าเองก็เป็นหมอ มีความคิดเห็นอันใด เจ้าค่อยชี้แนะนางอีกที เมื่อถึงเวลาจะได้ช่วยเหลือเจ้าได้อีกแรง”

หลี่หมิงอวินรู้สึกดีใจเป็นที่สุดเมื่อได้ยินดังกล่าว ไม่ทันให้หลันเอ๋อร์เอ่ยปาก เขาก็ลุกขึ้นแล้วกล่าวขอบคุณ “ท่านยายคิดอย่างรอบคอบเสมอเลยนะขอรับ หลานกำลังกลัดกลุ้มเรื่องนี้อยู่พอดีเชียวขอรับ!”

หญิงชราเยี่ยกล่าวยิ้มอย่างมีนัยนะแล้วกล่าว “ข้ามีหลานชายแค่เจ้าคนเดียว ไม่ช่วยคิดแทนเจ้า แล้วจะช่วยคิดแทนใครหรือ”

หลี่หมิงอวินยิ้มเล็กน้อย ขณะที่ภายในใจรู้สึกซาบซึ้งอย่างยิ่ง

หญิงชราเยี่ยหันกลับมาพูดคุยกับหลินหลันอีกครั้ง “หลานยาย เรื่องราวในครั้งนี้สร้างความลำบากใจให้เจ้าเสียแล้ว”

หลินหลันกล่าวด้วยความเกรงใจ “ทำให้ท่านยายต้องเหนื่อยไปด้วย หลานรู้สึกละอายแก่ใจจริงๆ เจ้าค่ะ”

“ไยถึงพูดเช่นนี้ละ เจ้ามีปัญหาใดก็นึกถึงยายได้เสมอ ยายจะดีใจอย่างยิ่ง ต่อให้ไม่มีปัญหานี้ ยายก็ต้องมาเยี่ยมเยียนพวกเจ้าด้วย มาดูเหลนของข้าเสียหน่อย” หญิงชราเยี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม หลังชะงักไปชั่วครู่ จึงกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ข้าจัดการปัญหาทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว อีกสองวันก็จะพาตัวนางกลับไป”

หลินหลันกล่าวด้วยสีหน้าตระหนกตกใจ “ท่านยายจะกลับไปไวเพียงนี้เลยหรือเจ้าคะ”

หญิงชราเยี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ง่ายเลยกว่ายายจะมาเยือกสักครั้ง จะอย่างไรก็ต้องอยู่รอจนเหลนของข้าลืมตาดูโลก และได้อุ้มสักหน่อยถึงดี”

แม่โจวกล่าวเสริม “เหล่าไท่ไทให้คนนำตัวเปี่ยวเสี่ยวเจี่ยะส่งกลับไปเฝิงอานก่อนเจ้าค่ะ ส่วนเหล่าไท่ไท่ยังอยู่ต่ออีกหลายเดือน อีกไม่กี่วัน เหล่าไท่เหยียก็จะตามมาด้วยเช่นกันเจ้าค่ะ”

หลินหลันและหลี่หมิงอวินพร้อมใจเอ่ยขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน “จริงหรือ เช่นนั้นก็ดีเยี่ยมไปเลย”