webnovel

Chapter 5.3

เช้าวันต่อมา

"ไม่ได้ไปทำงานเหรอนับหนึ่ง"

เสียงไร้อารมณ์ของพี่ออสตินดังขึ้นเมื่อเห็นผมเดินขยี้ตาหัวฟูเป็นรังนกเข้ามาในห้องครัว ยกมือขึ้นปิดปากหาวเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าหงึกหงักให้พี่เขา

"พรุ่งนี้จะไปจีนแล้ว วันนี้พัก" ตอบอย่างสะลึมสะลือแล้วเดินไปหาน้ำเย็นดื่ม

"อย่าโหมงานมากล่ะ" เอ่ยเตือนพลางปัดไอแพดดูข่าวหุ้นไปด้วย

"พี่กลับมาเมื่อไร" จำได้ว่าเมื่อวานยังอยู่สิงคโปร์ไม่ใช่เหรอ

"ถึงบ้านตอนตีห้า เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปบรูไนต่อ"

เหอะๆ ว่าแต่ผมบ้างาน

คนนี้สิธุรกิจรัดตัวของจริง

"ไปทำอะไรบรูไน" คลับคล้ายคลับคลาว่าพี่เขาไม่ได้ไปลงทุนที่ประเทศนี้นะ

"ได้แผนที่สมบัติมาอันหนึ่ง ไนน์อยากไป" อ้อ ตามใจเมียนี่เอง

ผมร้องอ้อเบาๆ แล้วดื่มน้ำไปอึกหนึ่งก่อนถามต่อ "แล้วไนน์ไปไหน นอนอยู่เหรอ"

"แกะถุงช้อปปิ้งอยู่ห้องโถง เดินผ่านมาไม่เห็นเหรอ"

สงสัยผมยังไม่ตื่นเต็มตาดีเลยมองไม่เห็นอะไรรอบตัวนักดังนั้นจึงส่ายหัวแล้วเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารเพื่อรอให้พ่อบ้านยกอาหารเช้ามาให้ ท่าทางมึนๆ งงๆ เงียบขรึมของผมทำให้พี่ชายคนโตละสายตาจากไอแพดมาใส่ใจผม

"มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า" เสียงทุ้มถามอย่างนุ่มนวล

"มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย" ผมถอนหายใจแล้วโลงศีรษะไปมาเบาๆ "ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร"

"ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกพี่นะ" พี่ออสตินว่าทิ้งท้ายแล้วกลับไปดูข่าวหุ้นต่อ

ผมมองเขาเล็กน้อยแล้วค่อยๆ ดึงสายตากลับมาดูอาหารเช้าง่ายๆ ที่พ่อบ้านเพิ่งยกมือเสิร์ฟ เริ่มต้นหยิบขนมปังมากินก่อนแล้วค่อยกินข้าวผัดช้าๆ ไม่รีบร้อนเพราะตอนนี้เพิ่งแปดโมง

เก้าบอกว่าควินซ์นัดร้านสปาวันนี้สิบโมงและอยู่ยาวยันหกโมงเย็น ผมคิดว่าหลังกินข้าวเสร็จอีกสักพักไปอาบน้ำแล้วเก้าโมงครึ่งค่อยออกจากบ้านก็คงเป็นเวลาพอเหมาะพอดีแน่ๆ

ในระหว่างกินข้าวพี่ออสตินหันมากำชับเรื่องไปอยู่จีนสามสี่รอบและย้ำว่าถ้ามีปัญหายุ่งยากให้บอกเขาทันที มีคนแปลกๆ น่าสงสัยหรือบริษัทมีปัญหาก็ต้องบอก ผมพยักหน้าตกปากรับคำไปแบบบงงๆ

"จริงสิ นับสองล่ะ" เมื่อวานได้ยินว่าจะไปเชียงใหม่ อย่าบอกนะว่าออกจากบ้านไปแล้ว

"ออกไปตั้งแต่หกโมง พี่ว่าจะถามอยู่ว่านับไปไหน" พี่ออสตินหน้ามุ่ย "หนีเที่ยวอีกแล้วสินะ"

"พวกพี่ตามใจไม่ให้น้องทำงาน น้องก็ต้องเที่ยวเล่น" อยู่บ้านเฉยๆ เบื่อแย่แถมนับสองเป็นพวกอยู่ไม่นิ่งด้วย

"ทำงานแล้วนับจะเหนื่อย ไม่เอาไม่ให้ทำ"

ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมนับสองยังคงว่างงานนะครับ มีพี่ชายแบบนี้คงได้นั่งๆ นอนๆ ไปตลอดชีวิตแต่แล้วยังไง? พวกผมรวย มีเงินให้น้องถลุงเล่นไปอีกสิบชาติ

ผมนั่งคุยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบของพี่ออสตินในช่วงที่เขาไปสิงคโปร์ คุยได้สักพักก็มีคนเดินเข้ามาใหม่พร้อมทักทายผมด้วยน้ำเสียงสดใสร่าเริงเป็นเอกลักษณ์

"พี่นับหนึ่ง! ไนน์มีของมาฝากด้วยนะ!" เด็กหนุ่มผมดำใบหน้าพิมพ์เดียวกับไอ้เก้าเป๊ะฉีกยิ้มให้ผมและยื่นถุงของฝากสามสี่อันให้ผม "มีของพี่ควินซ์ด้วยนะ! ฝากเอาไปให้ด้วยนะครับ"

นัยน์ตาของผมเป็นประกายระยิบระยับทันทีเมื่อจู่ๆ ก็มีข้ออ้างชั้นดีในการไปเจอหน้าควินซ์แล้ว ถ้ามีของฝากไป ควินซ์น่าจะยอมเจอหน้าผมง่ายขึ้น คิดแผนการในหัวอย่างรวดเร็วแล้วยิ้มออกมาจนไนน์ถึงกับชะงัก

ปกติผมไม่ค่อยยิ้มนัก พอเห็นผมยิ้ม น้องเขาคงแปลกใจ...

"ขอบคุณ" ผมรีบกลับรอยยิ้มแล้วเอ่ยขอบคุณยื่นมือไปรับถุงของฝากด้วยใบหน้าเรียบเฉย

"เดี๋ยวถ้าที่บรูไนมีอะไรน่าสนใจจะเอามาฝากนะครับ" ไนน์ว่าอย่างกระตือรือร้นแล้วหันไปคุยกับพี่ออสติน "ไนน์ขึ้นไปนอนก่อนนะ ง่วงมาก วันนี้เค้าจะกลับบ้านใหญ่ เอาของให้ฝากหม้ามี้ จะไปด้วยกันมั้ย"

"ไป" พี่ออสตินตอบเบาๆ "ไปเยี่ยมคุณแม่หน่อยก็ดี มีของจะให้แม่ด้วย"

"ออสตินนี่เอาใจผู้ใหญ่เก่งจริงๆ จุ๊บบบบ"

"อย่ามาทำตัวรุ่มร่ามแถวนี้" เอ่ยห้ามอย่างไม่จริงจัง

ผมมองคู่รักตรงหน้าแล้วก็ได้แต่คิด...ไปโชว์กันไกลๆ ได้มั้ย

เห็นใจคนโสดด้วย!

เจอบรรยากาศหวานชื่นของคนมีคู่แบบนี้แล้วยิ่งทำให้ผมต้องเร่งจีบควินซ์ให้ติด คอยดูนะ ถ้าผมมีเมียเมื่อไรจะสวีทเช้าสวีทเย็นเลย! กินข้าวต่อไม่ไหวเพราะเลี่ยนความรักของสองคนตรงหน้า

จึงวางช้อนวางส้อมแล้วลุกขึ้นเดินกลับห้องไปอาบน้ำเตรียมตัวออกไปข้างนอก ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวร่วมชั่วโมงก็เป็นอันเรียบร้อย ก่อนออกจากบ้านไม่ลืมที่จะหยิบของฝากที่ไนน์ให้มาติดมือไปด้วย

"มีแต่น้ำหอมแล้วก็น้ำหอมรึไงเนี่ย" เปิดดูถุงสองใบที่เต็มไปด้วยขวดน้ำหอมแล้วบ่นงึมงำ "ซื้อโรงงานผลิตน้ำหอมให้เลยดีมั้ยนะ"

ช่างเถอะ ก่อนจะไปซื้อโรงงานน้ำหอม ผมต้องไปพูดกับควินซ์ให้เข้าใจก่อน

เอาถุงใส่น้ำหอมวางตรงเบาะข้างๆ แล้วหันมาขับรถ ในระหว่างขับรถก็ลองโทรหาควินซ์ โทรติดนะแต่ไม่มีคนรับก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ สงสัยยังโกรธอยู่แน่เลย

ปกติควินซ์ไม่เคยโกรธผมข้ามวันเลยนะ

คงโกรธจริงๆ เข้าแล้ว

"ควินซ์ คือกู กูขอโทษ"

"อันที่จริง... กูไม่ได้หมายความแบบนั้น"

"เลิกเป็นเพื่อนในความหมายกูคือเรามาเป็น เป็นคนรักกันต่างหาก!"

"กูชอบมึงจริงๆ นะควินซ์ กู กูไม่รู้ว่ากูชอบมึงตอนไหน"

"แต่กูคงชอบมึงมานานแล้วแต่กูโง่เองที่ไม่รู้ตัว.... เว้ย! กูกำลังพูดบ้าอะไรอยู่วะเนี่ย!"

ผมอดไม่ได้ที่จะทึ้งเส้นผมตัวเองด้วยความเครียด ตอนนี้ผมติดไฟแดงอยู่และกำลังซักซ้อมหาคำพูดดีๆ จริงใจเพื่อไปบอกควินซ์แต่ทำไมพูดไปพูดมามันดูพิกลแถมยังตะกุกตะกักอีก

หรือจะพูดแบบ...

"ควินซ์... ผมชอบคุณจริงๆ นะ"

"ชอบคุณจนจะเป็นบ้าแล้ว"

แหวะ จะอ้วก ไม่เอา ไม่ดี

ผมส่ายหัวไปมาย่นคิ้วเข้าหากันอย่างปวดหัว

ทำไมสารภาพรักมันยากจังวะ