ตอนที่ 23 ข้าจะใช้เพียงนิ้วเดียว
แท้จริงแล้วที่เย่ฮานส่งเย่หยวนไปยังสำนักตันอู่เพียงเพราะแค่อยากให้เย่หยวนมีสหายที่เป็นระดับหัวกะทิและได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง
แม้เย่หยวนจะไม่ได้อะไรกลับมาเลย แต่อย่างน้อยๆ… ก็สามารถอ้างชื่อเสียงของเหล่าหัวกะทิเพื่อขู่ให้คนกลัวได้
ด้วยระดับพลังในตอนนี้ของเย่หยวน เขาสามารถใช้วรยุทธก้าวพริบตาได้ก็จริง แต่นั่นกลับไม่สามารถดึงประสิทธิภาพที่แท้จริงออกมาได้ทั้งหมด
แม้ว่าวรยุทธนี้จะเคยใช้ได้อย่างคล่องแคล่วในตอนที่อยู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์... แต่ในความเป็นจริง ตอนนี้แค่ควบคุมมันก็ยังลำบาก ดังนั้นก็ไม่ถือว่าสามารถใช้ได้อย่างสมบูรณ์
หลายวันที่ผ่านมา เย่หยวนได้พยายามนึกและลำดับเรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างคนเก่าอยู่ โดยอาศัยเหตุการณ์สำคัญต่างๆที่ผ่านมาและได้เจอกับความทรงจำในห้องเรียน เขาจึงพยายามนึกถึงสิ่งที่อาจารย์ในตันอู่สอนเขาในตอนนั้น... และหนึ่งในนั้นคือ วรยุทธก้าวพริบตา จึงทำให้เขานึกวรยุทธนี้ออก
แต่วรยุทธก้าวพริบตาที่เย่หยวนกำลังใช้อยู่ขณะนี้ ไม่ได้ลอกตามแบบในความทรงจำทั้งหมด เขาได้ประยุกต์เข้ากับวรยุทธก้าวพริบตาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เคยฝึกติดตัวด้วยความเข้าใจของตนเอง จึงทำให้วรยุทธก้าวพริบตาที่ใช้อยู่ขณะนี้ มันแข็งแกร่งกว่าที่อาจารย์ในสำนักตันอู่เคยสอนไม่รู้กี่เท่า
“ไม่น่าแปลกใจเลย ไฉนเจ้าถึงนำคนคุ้มกันมาเพียงเท่านี้... เพราะก้าวพริบตาของเจ้าช่างแกร่งกล้าและน่าประทับใจยิ่งนัก ดูเหมือนข้าจะประเมินเจ้าต่ำไป... ข้อมูลที่นายจ้างส่งมามันแตกต่างอย่างสิ้นเชิง”
โช่วหยินรู้ว่าวรยุทธก้าวพริบตาไม่ใช่วรยุทธลับประจำตระกูลแต่อย่างใด และก้าวพริบตาเป็นเพียงการเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสุดในช่วงเวลาและระยะสั่นๆ จึงทำให้วรยุทธนี้ไม่มีประโยชน์กับการลอบสังหารแต่อย่างใด นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาไม่ฝึกวรยุทธนี้
ระดับความเชี่ยวชาญในศิลปะการต่อสู้นั้นถูกแบ่งออกเป็นหลากหลายขั้น
ขั้นริเริ่ม ขั้นปฐพี ขั้นปฐพีกึกก้อง ขั้นสวรรค์ลือลั่น และขั้นหมื่นมายาเคียงฟ้าหรือก็คือขั้นสมบูรณ์แบบ
อย่างไรก็ตามโช่วหยินรู้ดีถึงกลไกของวรยุทธนี้ นั้นคือ การเคลื่อนที่เร็วจนมองไม่ทันและเกิดภาพซ่อน และอย่างน้อยๆความเชี่ยวชาญก็ต้องอยู่ในขั้นสวรรค์ลือลั่น ถึงจะสามารถเคลื่อนไหวเร็วจนเห็นภาพลวงตาได้แบบนี้ นี่แหละคือความน่ากลัวของความเชี่ยวชาญขั้นสวรรค์ลือลั่น
ตั้งแต่ที่เขาเป็นนักฆ่ามา เขาไม่เคยเจอผู้ใดที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเคลื่อนไหวขนาดนี้มาก่อน แถมฝ่ายตรงข้ามก็ยังเป็นเพียงอาณาจักรแก่นแท้แห่งปราณเท่านั้น แต่ภายใต้พลังอันน้อยนิดก็ยังมีความสามารถที่มีระดับความเชี่ยวชาญสูงถึงเพียงนี้
จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมเจ้าเด็กนี้ถึงกล้าเผชิญหน้ากับเขาแบบนี้ เพราะเจ้านี่มันมีของดีซ่อนอยู่
ในฐานะนักฆ่า โช่วหยินได้ฝึกฝนวรยุทธการเคลื่อนไหวมามากมายจนชำนาญ แม้จะได้ฝึกฝนมามากมาย… แต่ก็ยังขาดความเชี่ยวชาญอีกเล็กน้อยถึงจะกลายเป็นขั้นสวรรค์ลือลั่นได้
แม้จะยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่เขาก็คิดว่าระหว่างขั้นปฐพีกึกก้องกับขั้นสวรรค์ลือลั่น เขาเหลือเพียงจุดเล็กๆเพื่อข้ามมันไป ทว่าสำหรับระดับความเชี่ยวชาญในวรยุทธนั้น แต่ละระดับมันห่างยิ่งกว่าสวรรค์และพื้นโลกยิ่งนัก
ความหมายของขั้นสวรรค์ลือลั่น คือ... การฝึกฝนศิลปะการต่อสู้นั้นๆจนอยู่ในจุดสูงสุดและไม่สามารถหาจุดบกพร่องใดๆได้เลยแม้แต่น้อย ไม่เว้นแม้แต่... พวกสัตว์ประหลาด แม้จะมีสัญชาตญาณที่น่าทึ่งเพียงใด แต่ก็เป็นการยากที่จะฝึกจนสำเร็จขั้นสวรรค์ลือลั่น
และในส่วนของขั้นหมื่นมายาเคียงฟ้าหรือขั้นสมบูรณ์แบบ คือผู้ที่ฝึกฝนจนยืนอยู่บนจุดสุดยอดของศาสตร์นั้นๆ... และได้ต่อยอดสิ่งๆนั้นให้แกร่งและเหนือขั้นขึ้นไปอีก หรือบางคนอาจจะสร้างวรยุทธของตนขึ้นมาใหม่โดยการวิวัฒนาการจากศาสตร์แบบเก่าๆเป็นพื้นฐาน
แม้ผู้คนต่างต้องการสำเร็จขั้นหมื่นมายาเคียงฟ้าที่มหาโหดเกินกว่าจะฝึกสำเร็จ... จนเรียกได้ว่าการงมเข็มในมหาสมุทรนั้นยังง่ายกว่า นี่จึงเป็นเหตุผลว่า… ทำไมขั้นนี้ถึงชื่อว่า “มายา” เพราะขั้นนี้มันอาจไม่มีจริงก็เป็นได้ และโดยทั่วไปของการฝึกฝน... การฝึกจนถึงขั้นสวรรค์ลือลั่น ก็ถือเป็นความสำเร็จอันสูงสุดในชีวิตแล้ว
โช่วหยินค่อนข้างมั่นใจกับการเคลื่อนไหวของตนเอง แต่เขาก็ไม่ต้องการที่จะแพ้เศษโคลนตรงหน้าเขาอีกด้วย
“ถึงเจ้าจะเยินยอข้าสักเพียงใด อย่างไรเจ้าก็ตายอยู่ดี”
เย่หยวนพูดอย่างเลือดเย็น
“ฮ่าๆๆ เจ้านี่ชอบเล่นตลกกับข้าจริงๆ...”
จากนั้นโช่วหยินก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ฟ้าต่ำแผ่นดินสูงเจ้าคงหารู้จักไม่!”
“ข้ายอมรับว่าการเคลื่อนไหวของตัวข้านั้นด้อยกว่าเจ้า แต่ข้าไม่คิดว่าสองคนข้างๆเจ้าจะเคลื่อนไหวได้ชำนาญถึงขั้นสวรรค์ลือลั่นหรอก… จริงไหม?”
“ข้าอยากรู้จริงๆ… ว่าเศษโคลนระดับสามอย่างเจ้าจะปกป้องพรรคพวกจากการโจมตีของข้าได้รึไม่!”
เขานั้นชำนาญด้านการสังหารอย่างมาก รวมไปถึงทักษะการวิเคราะห์เป้าหมายก็เช่นกัน
หลังจากที่เย่หยวนหลบการโจมตีของเขาได้ เขาก็ได้พยายามหาวิธีอื่น... และเห็นได้ชัดว่าสองคนที่อยู่ข้างๆเย่หยวนคือจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุด!
ถังอวี่ยังพอทำเนา แต่ลู่เอ๋อนี่สิ... ในสถานการณ์เช่นนี้ นางไม่ต่างอะไรกับลูกแกะที่รอความตายในสายตาของโช่วหยิน
การเคลื่อนไหวของเจ้าเร็วนักใช่ไหม? งั้นขอดูหน่อยเถอะว่าจะรับมือกับข้าอย่างไรหากจะต้องปกป้องอีกสองคนไปด้วย?
แม้เย่หยวนจะได้ยินคำพูดเช่นนั้นไป แทนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปเป็นความร้อนใจ... แต่ไม่ใช่เลยสักนิด ใบหน้าของเขายังเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มอันเยือกเย็นอยู่
และในเสี้ยววินาทีนั้น... ทุกคนต่างตกตะลึงในทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง ตอนนี้มวลพลังปราณปริมาณมหาศาลพลันพวยพุ่งออกจากร่างกายของเย่หยวนอย่างบ้าคลั่ง!
จุดสูงสุดแห่งอาณาจักรแก่นแท้ลมปราณระดับสาม!
อาณาจักรแก่นแท้ลมปราณระดับสี่!
อาณาจักรแก่นแท้ลมปราณระดับห้า!
อาณาจักรแก่นแท้ลมปราณระดับหก!
ระดับพลังของเย่หยวนสูงจนก้าวข้ามระดับสามไปสู่ระดับสี่ และระดับสี่ไปยังระดับห้าอย่างรวดเร็ว... จนในที่สุดก็มาหยุดลงตรงที่ระดับหก
เมื่อโช่วหยินได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า เขาก็ตกใจเป็นอย่างมาก และตะลึงงันค้างแข็งซะจนไม่สามารถขยับแขนขาไปไหนได้เลย
“ปะปะ-เป็นไปไม่ได้!?” โช่วหยินค่อยๆสูดลมหายใจเข้าลึกๆด้วยความหวาดกลัว
จู่ๆเขาก็นึกถึงฉากตอนที่เย่หยวนกินยาในตอนนั้นทันทีจากนั้นก็พยายามนึกถึงความเป็นไปได้ หรืออาจจะเป็นผลของยาตัวนั้น?
แม้ว่าเขาจะเคยได้ยินว่ามียาบางชนิดที่เมื่อกินไปแล้วจะเพิ่มพลังได้ระยะหนึ่ง แต่เขาไม่เคยได้ยินเลยว่า… มียาที่เมื่อกินเข้าไปแล้วจะสามารถก้าวข้ามอาณาจักรได้แบบนี้ แถมมันยังเพิ่มขึ้นถึงสามระดับ!
สิ่งที่เกิดขึ้นมันเหนือความหมายของโช่วหยินไปมาก เมื่อเย่หยวนได้กินโอสถประหลาดนี้เข้าไป... ภารกิจนี้คงไม่ได้จบง่ายๆอย่างการหั่นผักซะแล้ว?
ถึงแม้ว่าจะเป็นอาณาจักรแก่นแท้แห่งปราณระดับหก ที่ด้อยกว่าระดับเจ็ด แต่… เย่หยวนมีวรยุทธก้าวพริบตาที่อยู่ในขั้นสวรรค์ลือลั่น ดังนั้นมันอาจมีความเป็นไปได้ว่า... เย่หยวนจะสามารถล้มเขาได้
โช่วหลินรู้สึกว่าทุกสิ่งที่เกิดคิดในวันนี้มันแปลกมาก และเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ได้สร้างความประหลาดใจมากมายแก่เขา เขาได้คิดย้อนไปถึงความรู้สึกแรกที่ได้รับภารกิจนี้มาทันที... ว่าทำไมเขาถึงได้ภารกิจที่แสนง่ายเช่นนี้ด้วย แต่ ณ ตอนนี้... เขากลับรู้สึกเสียใจอย่างมากที่ได้รับภารกิจนี้มา
แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะต้องจัดการภารกิจนี้ให้จงได้... มิเช่นนั้นมันอาจส่งผลเสียต่อฐานะนักฆ่าของตนในโม่ซานก็เป็นได้
หลังกลืนยาประหลาดลงไปพลังของเย่หยวนก็ได้พุ่งขึ้นอย่างมหาศาลและขณะนี้ก็ได้หยุดลงอยู่ที่ระดับหก ดังนั้นในความคิดของโช่วหยิน... คิดว่าตอนนี้แหละ คือโอกาสทองที่จะสังหารเย่หยวน
นั้นเป็นเพราะมันยังอยู่ในระดับที่โช่วหยินสามารถจัดการกับเย่หยวนได้อยู่
สายตาเพชรฆาตของโช่วหยินได้เปลี่ยนจากเย่หยวนเป็นลู่เอ๋อในทันที....
“ตายซะ!”
โช่วหยินได้พุ่งไปยังลู่เอ๋อด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี
มันเร็วจนไม่มีใครรู้สึกตัว... ลู่เอ๋อได้แต่ยืนอยู่นิ่งๆโดยไม่ตอบสนองอันใดเลย จนกระทั่งดาบได้อยู่ตรงหน้านาง
รอยยิ้มอันน่ากลัวของโช่วหยินเผยออกมาเมื่อได้เห็นใบหน้าอันงดงามของนางใกล้ๆ ก่อนที่จะวาดดาบลงไปยังคอของนาง
หึ... ขอดูหน่อยว่า เจ้าเศษโคลนจะทำหน้าอย่างไรเมื่อนางได้ตายลง ฮ่าๆ
แต่ในขณะที่ดาบของโช่วหยินจะถึงคอลู่เอ๋อ...
ชิ้งงงง!
ดาบที่อยู่ในมือของโช่วหยินได้กระเด็นออกไปพร้อมกับปรากฏสีหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ และจู่ๆเขาก็ถูกพลังบางอย่างอัดเข้าจนตัวเขาก็กระเด็นออกไปในทันที
ในเสี้ยววินาทีที่โช่วหยินกำลังเหวี้ยงดาบ เย่หยวนได้พุ่งตัวมารับลู่เอ๋อด้วยก้าวพริบตา
จากนั้นเย่หยวนก็ได้ใช้เพียงนิ้วเล็กๆผลักดาบนั้นออกไปแผ่วเบา เพียงแค่นั้นก็สามารถปัดการโจมตีและทำให้ดาบกระเด็นออกไปได้!
นี่คือ ดัชนีจิตเทพ!
เย่หยวนสามารถใช้ดัชนีจิตเทพได้แล้ว... หลังจากที่เพาะปลูกพลังอยู่หลายวัน จนในที่สุดดัชนีจิตเทพของเขาก็ได้อยู่ในขั้นริเริ่มไปเรียบร้อย
แม้จะเป็นขั้นริเริ่ม... แต่เมื่อใช้ร่วมกับพลังปราณที่สูงอย่างแก่นแท้แห่งปราณระดับหก ดังนั้นโช่วหยินจึงไม่สามารถทนต่อพลังนั้นได้
โช่วหยินได้นอนอยู่บนพื้น อ๊อค!... เขากระอักพ่นเลือดสดออกมาคำโต
เย่หยวนช้อนสายตาจับจ้องไปยังโช่วหยินที่นอนอยู่บนพื้น พร้อมพูดว่า
“ข้าจะใช้เพียงนิ้วเดียวเท่านั้น ไม่ว่าเจ้าจะหนีได้หรือไม่ก็ตาม... ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือเจ้าแล้ว”
ตอนนี้อวัยวะภายในของโช่วหยินได้รับบาดเจ็บ ราวกับว่าถูกของแข็งกระแทกอย่างแรง
เห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กนี้มันแกล้งปกปิดพลังเอาไว้... เพื่อให้ข้าตายใจ! เจ้านี้มันแข็งแกร่งเกินไป!
ตอนนี้เขาต้องการที่จะหนี!
โช่วหยินรู้ดีว่าหากปล่อยไปแบบนี้ เย่หยวนฆ่าเขาแน่นอน เห็นได้ชัดว่าเย่หยวนโกรธอย่างมากในตอนที่เขาพุ่งไปโจมตีลู่เอ๋อ
โช่วหยินได้ใช้แรงทั้งหมดที่มีในขณะนี้เพื่อหลบหนี เมื่อเขาเริ่มออกวิ่ง… เขาไม่เคยรู้สึกวิ่งได้เร็วขนาดนี้มาก่อนเลย ใช่แล้ว!... ในตอนนี้ การเคลื่อนที่ของเขามันได้ก้าวข้ามไปยังขั้นสวรรค์ลือลั่นแล้ว!
ฮ่าๆ... ช่างมีความสุขอะไรเช่นนี้!
ข้าสามารถหนีออกมาได้!
ขะ-ขะ-ข้าสามารถ...
โช่วหยินได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจและจากนั้นสติเขาก็ค่อยๆเลือนราง...
………………………