ตอนที่ 3 ยุโรปโบราณ
เนี่ยเฉาเบิกตาโพลงด้วยความตกใจอีกครั้ง “?”
ว้อท?
เขาได้ยินอะไรไปนะ
พอเติมคำว่าโบราณข้างหลังยุโรป ความหมายก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
นั่นมันยุโรปในช่วงศตวรรษที่สิบสี่ถึงศตวรรษที่สิบหก เพราะการเคลื่อนไหวทางวัฒนธรรมครั้งหนึ่งทำให้เกิดบุคคลดังๆ จำนวนมากมายนับไม่ถ้วนในแต่ละวงการ เช่น วรรณกรรม ศิลปะ ดนตรี เป็นต้น ซึ่งยุโรปก็ได้กลับมารุ่งเรืองหลังจากที่เสื่อมโทรม
ราชวงศ์ในยุโรปมีจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่ไม่หลงเหลืออยู่แล้ว สิบราชวงศ์ที่ยังอยู่จนถึงปัจจุบันนี้มีประเทศวายนำมาเป็นอันดับแรก ขนบธรรมเนียมของแต่ละราชวงศ์ก็แตกต่างกัน
เอาแค่ท่านั่งธรรมดาๆ เขามองไม่เห็นออกเลยสักนิด ทำไมถึงบอกว่าใกล้เคียงกับมารยาทของราชวงศ์ในยุโรป
แต่เนี่ยเฉาไม่มีทางสงสัยคำพูดของฟู่อวิ๋นเซิน
เพราะคุณชายคนนี้เคยบอกเขาว่า หากต้องการเป็นคนเสเพลที่ประสบความสำเร็จ สิ่งที่ต้องมีก็คือ ทำตัวรอบรู้เข้าไว้
เนี่ยเฉารู้สึกว่าคำพูดนี้มันออกจะทะแม่งๆ แต่ก็คิดไม่ออกว่าแปลกตรงไหน เลยต้องน้อมรับคำสั่งสอนแบบงงๆ
คุณชายเสเพลอันดับหนึ่งของฮู่เฉิงรู้เรื่องมารยาทของราชวงศ์ในยุโรปไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไร แต่เด็กสาวของตระกูลอิ๋งที่มาจากบ้านนอกคนนี้?
อิ๋งจื่อจินลืมตา สีหน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย
เธอเปลี่ยนท่านั่ง เอามือเท้าคางด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย “เคยอ่านหนังสือแนวนั้นน่ะ”
ฟู่อวิ๋นเซินพิงพนัก ยิ้มพลางพูด “งานอดิเรกแบบนี้ดูแตกต่างดีนะ”
อิ๋งจื่อจินไม่ตอบอีกต่อไป
ช่วงเวลาสิบกว่านาทีอาหารก็ออกมาครบ
ภายในร้านฮั่นเก๋อไม่มีห้องส่วนตัว แต่ละโต๊ะจะมีม่านเขียวกั้นระหว่างกัน ข้างโต๊ะวางเตาเครื่องหอมที่ใส่ตามความชอบของลูกค้า
ด้านข้างยังมีสะพานหินธารน้ำไหลขนาดเล็ก ทำให้บรรยากาศออกแนวโบราณ
อิ๋งจื่อจินหันหน้าไปมอง ดวงตาวูบไหวเล็กน้อย
ดอกหอมหมื่นลี้ โรสแมรี่ ไม้กฤษณา ลาเวนเดอร์ ไม้จันทน์...ทั้งหมดเป็นสมุนไพรที่ช่วยให้ใจสงบ เห็นได้ชัดว่าตั้งใจเตรียมไว้
เพียงเวลาแค่ชั่วครู่เธอรู้สึกดีขึ้นมากทีเดียว อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง ครั้งแรกที่เธอมาโลกมนุษย์เป็นช่วงกลางศตวรรษที่สิบห้า เธอนึกไม่ถึงว่าตัวเองยังจะได้มายังโลกมนุษย์อีก ยังไงซะเดิมทีเธอก็เป็นคนที่ต้องตายมีชีวิตอยู่ได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
เนื่องจากบาดเจ็บสาหัสจนถึงขั้นดวงวิญญาณแหลกสลาย จิตรู้สำนึกของเธอจึงหลับใหลไปเกือบสิบเจ็ดปี วันนี้เพิ่งจะตื่นมาอย่างสิ้นเชิง หลังจากตื่นมาสถานการณ์ก็อนาจพอสมควร
อาการเลือดพร่องอย่างยาวนานทำให้ร่างนี้อ่อนแอมาก ถึงขนาดเรียกได้ว่าพรุนไปหมดทั้งตัว แค่ถูกแตะก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ได้
เธอต้องใช้สมุนไพรหยกศิลาจำนวนมากเพื่อปรับร่างกาย ฟื้นฟูเลือดลม
แต่เธอไม่มีเงิน
เมื่อก่อนเธอเคยเก็บทองไว้จำนวนไม่น้อยที่ยุโรป ผ่านมานานขนาดนี้ ธนาคารในอดีตน่าจะปิดกิจการไปแล้ว ไม่รู้ว่าทองของเธอยังอยู่ไหม
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วถามขึ้น “เมืองฮู่เฉิงมีสถานที่สนุกๆ ไหม”
“เยอะมาก” เนี่ยฉางถูกฤทธิ์สุราตีขึ้น จึงเรอออกมา
“คุณมาอยู่นานขนาดนี้แล้วไม่ได้ออกไปเที่ยวเลยเหรอ”
“คลังเลือดมีชีวิต น่าจะไม่มีอิสระหรอก” เนี่ยฉางจุกไปอีกครั้ง
“ดื่มนี่สิ” ฟู่อวิ๋นเซินยื่นน้ำพุทราลำไยให้หนึ่งชาม หลังจากเห็นเธอรับไปถึงพิงเก้าอี้ไม้ไผ่
“ในหนึ่งปีอิ๋งลู่เวยบาดเจ็บไปแล้วกี่ครั้ง”
เนี่ยเฉาอึ้งไปสักพัก ลองนับดู “ถ้านับแค่เข้าโรงพยาบาลก็ไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง”
พอพูดจำนวนนี้ออกไปแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังตกใจ
เรื่องที่อิ๋งลู่เวยเป็นโรคฮีโมฟีเลีย ทั้งเมืองฮู่เฉิงไม่มีใครรู้ ดังนั้นบรรดาคุณหนูคุณชายไฮโซต่างก็ปกป้องด้วยความระมัดระวัง
อีกทั้งเธอยังเป็นคู่หมั้นของเจียงมั่วหย่วน เก่งศิลปะทุกด้าน เป็นที่ชื่นชอบของสี่ตระกูลใหญ่
ไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้อง แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่ปล่อยให้เธอได้รับบาดเจ็บหลายครั้งขนาดนั้น
เนี่ยเฉาลองถาม “ลูกพี่ก็คงไม่ได้บริจาคเลือดไปเยอะขนาดนั้นใช่ไหม...”
พอพูดถึงตรงนี้กลับพูดไม่ออกอีก
บริจาคเลือดสิบกว่าครั้ง ใครจะทนไหว
อิ๋งจื่อจินค่อยๆ ดื่มน้ำพุทราลำไยจนหมด หรี่ตาหงส์ลงท่าทางกลับไม่ทุกข์ร้อน “ไม่น่าจะแค่นั้นมั้ง”
พลังชีวิตของร่างนี้ถูกใช้จนหมดตอนที่เธอฟื้นมาพอดี ตอนนี้ก็แค่พอฟื้นฟูกลับมาได้บ้าง แสดงให้เห็นว่าเสื่อมโทรมไปถึงขั้นไหนแล้ว
ภายในใจของเนี่ยเฉามีหลากหลายความรู้สึกปนเปกัน
สกุลอิ๋งรับเด็กสาวมาเลี้ยง บำรุงอย่างดี เพียงเพื่อเลือดแค่นั้นเลยเหรอ
ช่วงหลายปีมานี้พวกเขาเห็นด้านมืดของตระกูลใหญ่จนชินแล้ว ยังมีเรื่องที่สกปรกโสมมยิ่งกว่านี้อีก
เนี่ยเฉาถอนหายใจ เรียกบริกรมาพยายามเอาใจ “ลูกพี่กินเยอะๆ เลยนะ คุณชายเจ็ดพูดถูก ต้องบำรุงเลือดให้ดี”
อิ๋งจื่อจินมองจานตับหมูที่เธอกินหมดด้วยความยากลำบากได้ถูกเติมจนเต็มอีกครั้ง “...”
...
เวลานี้ประตูไม้แกะสลักของร้านฮั่นเก๋อได้ถูกเปิดออกอีกครั้ง เสียงฝีเท้าดังขึ้น มีคนเดินเข้ามาหลายคน
คนที่เดินนำมาเป็นผู้ชายรูปร่างสง่าผ่าเผย ใบหน้าของเขาเย็นชา หน้าตาเคร่งขรึม ต่อให้เป็นบริกรของร้านฮั่นเก๋อ ตอนที่เห็นคนที่มาเยือนก็ยังอดตกใจไม่ได้ ใบหน้านี้ คนทั้งเมืองฮู่เฉิงไม่มีใครไม่รู้จัก
ท่านสามตระกูลเจียง เจียงมั่วหย่วน ผู้สืบทอดอันดับหนึ่งของสี่ตระกูลใหญ่ รวมหน้าตา ฐานะ อำนาจ ไว้ในตัวคนคนเดียว ผู้ชายที่บรรดาคุณหนูไฮโซทั้งเมืองฮู่เฉิงต่างอยากแต่งงานด้วย
ผู้จัดการเดินเข้าไปพูดด้วยความนอบน้อม “ประธานเจียง โต๊ะที่ท่านจองไว้อยู่ทางนี้เชิญตามผมมาครับ” เจียงมั่วหย่วนพยักหน้าแล้วเดินเข้าไป
แต่ในขณะนั้นเอง เลขาที่เดินตามหลังกลับเดินเข้ามากระซิบ “ท่านสามคะ” พูดจบก็ชี้ไปหนึ่ง
เจียงมั่วหย่วนขมวดคิ้ว แต่ก็ยังคงหันไปตามทางที่เลขาชี้ ทันใดนั้นสายตาก็ขรึมลง
เด็กสาวที่รูปร่างผอมบางนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่ เห็นเพียงใบหน้าด้านข้าง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สีหน้าดูต่อต้านมาก ส่วนคนที่นั่งอยู่ข้างเธอ เขาเองก็รู้จัก ‘ฟู่อวิ๋นเซิน’ คุณชายเสเพลแห่งตระกูลฟู่ ชื่อเสียงไม่ได้แย่ธรรมดา
ส่งไปอยู่ต่างประเทศสามปี ดูท่าทางไม่ได้ก้าวหน้าขึ้นแม้แต่น้อย
ไม่รู้ว่านึกอะไรขึ้นได้ เจียงมั่วหย่วนขมวดคิ้วแน่นขึ้น สาวเท้าเดินเข้าไป คนด้านหลังที่มาด้วยหลายคนมองหน้ากัน คนพวกนี้เป็นลูกค้าของเจียงซื่อกรุ๊ป และก็ถือว่ารู้จักนิสัยของเจียงมั่วหย่วนดี
ท่านเจียงสามแห่งเมืองฮู่เฉิง แต่ไหนแต่ไรไม่เคยแสดงอารมณ์ให้เห็นไม่ว่าจะโกรธหรือดีใจ เรื่องอะไรที่ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปได้แบบนี้
“ท่านสามไปสั่งสอนเด็กที่ไม่เชื่อฟัง อีกเดี๋ยวกลับมาค่ะ” เลขาพูดเป็นเชิงขอโทษ “เชิญทุกท่านเข้าไปนั่งก่อนนะคะ”