ตอนที่ 1264 เจ้าช่วยข้าที
กู่ฉิงซานยกมือขึ้นแล้วกดลงไปอย่างอ่อนโยนก่อนกล่าวว่า “เงียบ ๆ หน่อย”
ยังไงเสีย นี่คืออาณานิคมของนายทหาร ดังนั้นเป็นการดีกว่าที่จะไม่สร้างปัญหาขึ้นมา
ซานไห่ชีเสียเข้าใจก่อนลดเสียงลงแล้วรีบกล่าวว่า
“เป็นไปไม่ได้ เจ้าเป็นใครกัน แต่ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร เจ้าไม่มีทางฆ่านักบุญสงครามได้หรอก”
มีสีหน้าลังเลปรากฏขึ้นมา นางคิดไม่ออกว่าควรทำอะไรอยู่พักใหญ่
โดนมองออกหมดเลย
อีกฝ่ายรู้ว่านางทำอะไรบ้าง
ถ้าอีกฝ่ายคือนักบุญสงครามที่สังหารภรรยาตัวเอง นางจะต้องถูกถลกหนังทั้งเป็น ทรมานอย่างหนักหน่วงก่อนถูกสังหารในท้ายที่สุด
ด้วยพละกำลังของนักบุญสงคราม นางไม่มีที่ว่างให้ขัดขืนแม้แต่นิดเดียว
แต่ถ้าเขาบอกว่าไม่ใช่นักบุญสงคราม เป็นเพียงมนุษย์ผู้สังหารนักบุญสงครามล่ะ
นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่!
กู่ฉิงซานยิ้มแล้วถามว่า “เจ้าก็ฆ่าสัตว์ประหลาดที่อยากเข้ามาแทนที่ไม่ใช่หรือ ทำไมเจ้าทำได้แต่ข้าทำไม่ได้ล่ะ”
ซานไห่ชีเสียมองเขาก่อนยอมรับอย่างใจกว้างว่า “ข้าทำได้เพราะเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าพันธุ์ทั่วถ้ำหมื่นอสูร ข้ารวบรวมพละกำลังทั้งหมดจนถึงขั้นสละชีพของท่านพ่อจึงมีโอกาสซุ่มโจมตีผู้รุกราน”
กู่ฉิงซานเห็นกระบวนการทั้งหมดจากความทรงจำของนางแล้ว ตอนนี้เขาจึงกล่าวว่า “เจ้าสังเกตเห็นมันมานานแล้ว แต่น่าเสียดายที่สัตว์ประหลาดเหล่านี้แข็งแกร่งเกินไป ไม่อย่างนั้นเจ้าคงไม่ต้องเสียมากขนาดนี้หรอก”
หลายพันปีก่อน ยอดฝีมือบางส่วนของเผ่าพันธุ์มนุษย์ตระหนักถึงการยึดครองบ้านเกิด แต่เพราะพวกเขาไม่ใช่คู่มือแต่อย่างใด จึงทำได้เพียงทนแบกรับไว้เงียบ ๆ ขณะมองรอบด้านเพื่อหาทางรับมือกับสัตว์ประหลาด
พวกเขาล้มเหลวหลายครั้ง
มีเพียงครั้งนี้ที่ใช้ประโยชน์จากโซ่ตรวนเหตุและผลของพ่อลูกอย่างการสละชีวิตและวิญญาณของพ่อซานไห่ชีเสียกับยอดฝีมือรุ่นเก่าจึงจะใช้วิชาเหตุและผลเพื่อสังหารสัตว์ประหลาดได้สำเร็จ
เทพของซานไห่ชีเสียจริงจังยิ่งขณะกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า
“ข้าเป็นเพียงคนเดียวที่ฆ่าสัตว์ประหลาดผู้ช่วงชิงบ้านเกิดได้สำเร็จ ทั่วทั้งถ้ำหมื่นอสูร โชคชะตาของทั้งเผ่าพันธุ์ตกอยู่กับข้า”
นางมองกู่ฉิงซานแล้วกล่าวต่อว่า “โปรดบอกข้ามา เจ้าเป็นใคร เจ้าฆ่านักบุญสงครามนั่นได้ยังไง”
กู่ฉิงซานยังคงนิ่ง
ในความว่างเปล่าด้านหลังของเขา ดาบยาวสองเล่มปรากฏขึ้นอย่างเงียบงันก่อนหายไปทันที
ดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพ
ซานไห่ชีเสียเห็นดาบสองเล่มนี้จนรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย
นางเผยสีหน้าครุ่นคิดก่อนพึมพำว่า “ดาบเล่มนี้… ช่างคุ้นเคยนัก…”
หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ นางจำได้ว่ามีคนลอบเข้าไปในสำนักพร้อมดาบยาวเล่มนี้ในมือ
ซานไห่ชีเสียสงบลงก่อนถามเสียงอ่อนว่า
ดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพ… เจ้าคือกู่ฉิงซานหรือ
“ข้าเอง” กู่ฉิงซานตอบ
กู่ฉิงซานเคยเดินทางข้ามเวลาไปยุคโบราณเพื่อต่อสู้กับสามเทพจนได้รับดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพ
ถ้าหากเป็นเขา ย่อมเป็นไปได้ที่จะสังหารนักบุญสงคราม
แต่ว่า
เสียงของซานไห่ชีเสียดังขึ้น “เจ้าทำอะไรกับหลี่ชิวซาน ได้ทำร้ายเขาหรือเปล่า”
กู่ฉิงซานลอบพยักหน้าก่อนตอบอย่างร่าเริงว่า “หลี่ชิวซานคือข้ามาตั้งแต่แรกแล้ว”
“เจ้ากลายเป็นหลี่ชิวซานแล้วเข้าสำนักซานไห่ของพวกข้างั้นหรือ”
“ใช่”
กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักพัก เขาเล่าเรื่องที่ตนช่วยนายน้อยเฟยอวี่บนสมรภูมิ รวมถึงเรื่องที่มาถ้ำหมื่นอสูรโดยไม่ได้ตั้งใจ
ซานไห่ชีเสียถามด้วยสีหน้าแปลกประหลาดว่า “หรือก็คือ เดิมเจ้าตั้งใจจะไปเป็นคนของโลกวิญญาณชั่วร้ายเพื่อลอบเข้าไปในโลกวิญญาณชั่วร้ายงั้นหรือ”
กู่ฉิงซานถอนหายใจออกมา “ใช่แล้ว ใครจะนึกล่ะว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น ข้าก็ปวดหัวเหมือนกัน”
“เช่นนั้นตอนนี้เจ้าจะทำอะไรล่ะ” ซานไห่ชีเสียถาม
กู่ฉิงซานตอบช้า ๆ ว่า “สุสานนี้มีความลับที่เกี่ยวข้องและลึกล้ำมากมาย คนจากโลกวิญญาณชั่วร้ายมาที่นี่เช่นกัน ข้าอยากได้เทวภัณฑ์เขตแดนหกวิถีนั่น แน่นอนว่าข้าจะทนยืนดูอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ ตอนนี้ขอบอกไว้เลยว่าข้าอยู่ข้างเจ้า”
ซานไห่ชีเสียจ้องเข้าไปในตาของเขาแล้วกล่าวว่า “ข้าเคยได้ยินมาว่าผู้ฝึกยุทธ์บำเพ็ญเพียรเพื่อฝืนชะตา โชคของสวรรค์และปฐพีกลับกลายเป็นของใช้ส่วนตัว เช่นนั้นในสายตาของเจ้า สัตว์ประหลาดพวกนั้นก็แค่พยายามมีชีวิตรอดน่ะสิ อย่ามาหลอกพวกข้าจะดีกว่า”
กู่ฉิงซานหัวเราะแล้วตอบว่า “เจ้าอาจจะเคยได้ยินเรื่องของผู้ฝึกยุทธ์มามากมาย แต่ก็เรื่องที่ทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับพวกข้าอยู่มากโข”
“ข้าอยากฟังอย่างละเอียด” ซานไห่ชีเสียกล่าว
กู่ฉิงซานพิงเก้าอี้แล้วกล่าวว่า “พวกข้าผู้ฝึกยุทธ์คือคนธรรมดาเช่นกัน แต่ในกระบวนการของการทะลวงวิญญาณ ทวยเทพมักเล่นงานพวกข้าด้วยสายฟ้าฟาดเสมอ หากไม่ตายด้วยสายฟ้าฟาด พวกเขาก็จะใช้ภัยพิบัติอื่นเพื่อมาทดสอบพวกข้า ทำให้ต้องขัดขืนอยู่ตลอด นี่คือสิ่งที่เจ้าบอกว่าฝืนชะตา”
“ข้าว่าใครก็ตามที่มาที่นี่ย่อมมาเพื่อฝืนชะตาทั้งนั้น”
ซานไห่ชีเสียถามว่า “เจ้าจะบอกว่าไม่ได้รู้สึกสงสารสัตว์ประหลาดเหล่านั้นเลยหรือ”
กู่ฉิงซานถอนหายใจแล้วตอบว่า “นี่คือจุดจบของยุคสมัย ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะอยู่รอด แต่พวกมันสามารถทำได้ดีกว่านั้น”
ซานไห่ชีเสียสับสนแล้วพึมพำว่า “เจ้าหมายความว่า”
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “พวกมันสามารถสนทนากับเจ้าตรง ๆ เพื่อทำข้อตกลงอย่างตรงไปตรงมาได้”
ซานไห่ชีเสียกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้อตกลงหรือ พวกข้าไม่ยอมยกร่างกายให้หรอกนะ”
กู่ฉิงซานโบกมือเพื่อขัดนางแล้วกล่าวว่า “ไม่ใช่ให้เจ้ายอมจำนน แต่พวกมันสามารถมอบมรดกและพละกำลังเพื่อช่วยให้แข็งแกร่งขึ้นได้ จากนั้นเจ้าค่อยไปเลือกอาชญากรชั่วร้ายจากทั่วทุกหนแห่งเพื่อเป็นร่างให้กับพวกมันก็ได้”
กู่ฉิงซานกล่าวต่อ
“แบบนี้ พวกมันก็มีอิสระจากผนึกสุดท้ายของวันสิ้นโลกเช่นกัน เจ้าก็ได้รับการสืบทอด ในเวลาเดียวกัน ผู้ที่กระทำชั่วก็จะถูกลงโทษ หากทุกสิ่งดำเนินไปเช่นนี้ สังคมก็จะเกิดการพัฒนา ผู้คนจะมีความสุข ชีวิตการงานก็ราบรื่น เกิดความสามัคคีระหว่างมนุษย์และสัตว์ประหลาดจนร่วมมือกันสู้กับสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่สามารถรับมือได้ ไม่ต้องมาหลอกล่อด้วยการอาศัยประโยชน์จากความปรารถนาที่จะแข็งแกร่งขึ้นจนใช้มรดกเพื่อหาโอกาสฉกฉวยร่างกายมาครอง เจ้าคิดว่าไง”
หลังจากครุ่นคิด กู่ฉิงซานออกความเห็นเพิ่มว่า “ไม่มีเหตุผล เล่ห์เหลี่ยมมากเกินไป”
ซานไห่ชีเสียประหลาดใจ
โลกมันเคยมีเหตุผลตั้งแต่เมื่อไหร่
ในยุคสมัยบ้าคลั่งคราวที่แล้ว ใครบ้างที่มีเหตุผล
นางถามกับตัวเองที่ผ่านบททดสอบและความลำบากนับไม่ถ้วน พบเห็นอันตรายในโลกมากมาย แต่คาดไม่ถึง กู่ฉิงซานจะพูดอะไรแบบนี้
แต่เมื่อนางมาคิดดูแล้ว คนธรรมดาจะทำอย่างผู้ใช้ดาบคนนี้ทำได้อย่างไร คนที่มีพละกำลังอาจจะมีความคิดแตกต่างจากคนอื่น ๆ อยู่แล้วก็ได้
ถ้าเขาเต็มใจช่วย…
ซานไห่ชีเสียครุ่นคิดแล้วพลันถามว่า “นักดาบนิรันดร์กู่ เจ้าฆ่านักบุญสงครามแล้วแต่ไม่ได้ไป เจ้าวางแผนจะทำอะไรนอกจากรับมือกับวิญญาณชั่วร้าย”
กู่ฉิงซานตอบว่า “ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า พูดง่าย ๆ คือข้าไม่ใช่ศัตรูของเจ้า”
ซานไห่ชีเสียถามทันทีว่า “แสดงว่าเจ้าอยู่ข้างพวกข้าสินะ ถ้าพวกข้าต่อสู้กับสัตว์ประหลาดแล้วแพ้พวกมันขึ้นมา เจ้าจะลงมือเพื่อพวกข้าเผ่าพันธุ์ถ้ำหมื่นอสูรหรือไม่”
ก่อนที่นางจะทันกล่าวจบ นางคุกเข่าลงอีกครั้งตรงหน้ากู่ฉิงซานแล้วคว้ามือข้างหนึ่งเอาไว้ก่อนกล่าวว่า “ข้าคือคนที่จัดการสัตว์ประหลาดได้ แต่ข้าทำได้เพียงปกป้องตัวเองเท่านั้น ข้าไม่สามารถปกป้องคนของสำนักได้”
“ข้าทำได้เพียงเฝ้ามองสหายเต๋าหวังชุ่น ถ้ำทะเลตะวันตกและเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมดในถ้ำหมื่นอสูรที่ย่างก้าวสู่หุบเหวทีละขั้น สำหรับพวกเขามีเพียงชะตากรรมเดียวเท่านั้น นั่นก็คือถูกโยนเข้าหาวันสิ้นโลกโดยสัตว์ประหลาดก่อนโดนยึดร่าง”
ซานไห่ชีเสียหลั่งน้ำตาเงียบ ๆ จมูกฟึดฟัดแล้วกล่าวต่อว่า “ข้าพยายามสามารถแล้ว แต่การจะลงมือคนเดียวนั้นมันช่างยากเหลือเกิน ข้าทำไม่ได้จริง ๆ ”
“กู่ฉิงซาน ถ้าเจ้าสามารถฆ่านักบุญสงครามได้ จะต้องมีทางต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเหล่านี้ได้แน่ ข้าขอร้องล่ะ เจ้าช่วยข้าที!”
มีความโดดเดี่ยวและสิ้นหวังบนใบหน้างดงามของนาง เศษเสี้ยวความหวังช่างน้อยนิด
นางคว้ามือของกู่ฉิงซานเอาไว้มั่นขณะรอคำตอบ
กู่ฉิงซานมองนาง สติหลุดไปสักพักจนถึงขั้นลืมไปว่าเขาพูดอะไร
ทวยเทพดังกล่าวช่างคุ้นเคยนัก เป็นความคุ้นเคยที่ยากจะลืมเลือน
เสียงลมหายใจหลายครั้งอันแผ่วเบาปรากฏขึ้นจากส่วนลึกของความทรงจำอีกครั้ง
“ใครกำลังมา”
“ใครจะมาเอาดาบเล่มนี้”
ตอนราชาอมตะกำลังจะตาย ใบหน้าของเขาสิ้นหวัง ดวงตาหลั่งโลหิตและน้ำตา เขาชูดาบขึ้นขณะมองรอบข้าง
ไม่ใช่แค่ราชาอมตะเท่านั้น
ผู้ฝึกยุทธ์เหล่านั้นที่ต่อสู้บนสมรภูมิ อดีตสหายร่วมรบที่เคียงบ่าเคียงไหล่…
ที่ช่วงเวลาสุดท้ายของพวกเขา มันคือเทพองค์เดียวกัน
ในช่วงเวลาอันยาวนาน เผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่เพียงแค่เผชิญหน้ากับการรุกรานครั้งสุดท้ายเท่านั้น แต่ยังเผชิญหน้ากับแผนการของสัตว์ประหลาดทรงพลังจำนวนมากอีกด้วย
ในยุคโบราณ วิญญาณกรีดร้องเคยควบคุมเผ่าพันธุ์เทพและสัตว์ประหลาดโบราณ รวมถึงบังคับให้มนุษย์ช่วยหลอมดาบศักดิ์สิทธิ์กับดาบพิภพขึ้นมา
แต่ตอนนี้ สัตว์ประหลาดในสุสานเหล่านั้นแย่งชิงร่างมนุษย์โดยตรงเพื่อหลีกเลี่ยงวันสิ้นโลก
ความเป็นความตายของเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่ได้อยู่ในความคิดพวกมันแม้แต่นิดเดียว
ประวัติศาสตร์การอยู่รอดของเผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นบทเพลงน่าเวทนาที่เต็มไปด้วยโลหิตและน้ำตาเสมอ
เมื่อไหร่ถึงจะสามารถเปลี่ยนสถานการณ์นี้ได้
คนเหล่านั้นจะได้รับการคุ้มกันอย่างไร
ด้วยเหตุผลบางอย่าง กู่ฉิงซานจำสิ่งที่เซี่ยกูหงกล่าวตอบรับเขาเป็นศิษย์ในยุคโบราณที่ตำหนักสวรรค์เมฆาวิเวกได้
“…เด็กอย่างเจ้าหายากนัก วันนี้ข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์ หวังว่าเจ้าจะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในสักวันเพื่อคอยปราบความอยุติธรรมให้กับเผ่าพันธุ์มนุษย์”
เมื่อคิดย้อนกลับไปถึงฉากนั้น ในความว่างเปล่าด้านหลังกู่ฉิงซาน ดาบยาวปรากฏขึ้นเงียบ ๆ
ดาบเสียงคลื่น
ดาบขุนเขาศักดิ์สิทธิ์หกภพ
ดาบศักดิ์สิทธิ์
ดาบพิภพ
ดาบสี่เล่มลอยขึ้นในความว่างเปล่าด้านหลังของเขาเงียบ ๆ ขณะส่งเสียงพร้อมกัน
กู่ฉิงซานกลับมามีสติขณะมองซานไห่ชีเสีย
เขามองตรงเข้าในไปดวงตาของนางแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “มีความอยุติธรรมมากมายในโลก ข้าคือนักดาบ หากที่ใดมีความอยุติธรรม ข้าจะชักดาบออกมาเพื่อแก้ไข”
………………………………………….