ตอนที่ 1265 เรือเหาะเคลื่อนลงมา
ห้องเงียบสงัด
ซานไห่ชีเสียจ้องกู่ฉิงซานใกล้ ๆ ราวกับพยายามควานหาความจริงจากสีหน้าของเขา
“เจ้าเต็มใจจะยืนข้างพวกข้าจริง ๆ หรือ”
นางอดที่จะถามอีกครั้งไม่ได้
“ง่ายมากที่จะตัดสินใจ ยังไงเสีย พวกมันก็เกือบฆ่าข้าเหมือนกัน” กู่ฉิงซานกล่าว
ซานไห่ชีเสียจำได้ถึงความยากลำบากในการสังหารสัตว์ประหลาดในตอนนั้นจนอดที่จะกล่าวออกมาไม่ได้ว่า “พวกข้าวางแผนมาหลายปี พยายามสุดความสามารถที่จะเตรียมวิชาลับขึ้นมา สุดท้ายก็ฆ่าสัตว์ประหลาดได้ในอึดใจเดียว… แต่เจ้าฆ่านักบุญได้ยังไงกัน”
กู่ฉิงซานส่งสัญญาณสองครั้งตรงหน้าอกแล้วเขียนอย่างเบามือ “ข้าปักดาบตัวเองเข้าไปสองเล่ม พอมันเข้ามาแทนที่ มันก็ถูกแทงจนตาย”
ซานไห่ชีเสียตกตะลึง
กลายเป็นว่า…
มันเรียบง่ายปานนี้เลยหรือ
นางเอื้อมมือไปคว้าชุดของกู่ฉิงซาน
“จะ… เจ้าจะทำอะไร” กู่ฉิงซานเอามือจับชุดตัวเองว่าขณะถามด้วยน้ำเสียงระแวดระวัง
ซานไห่ชีเสียตอบว่า “ดาบของเจ้าคือสิ่งประดิษฐ์วิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดในหุบเหว… หากเจ้าแทงตัวเองด้วยดาบพิภพจริง ๆ บาดแผลคงไม่หายเร็วขนาดนั้น ข้าต้องการให้เจ้าพิสูจน์ว่าไม่ได้โกหก ทำแบบนั้นข้าถึงจะเชื่อเจ้า!”
กู่ฉิงซานไม่ทำตามขณะกำชุดไว้แน่นแล้วกล่าวว่า “เรื่องอะไร เจ้ามาขอให้ข้าช่วยแท้ ๆ แล้วตอนนี้จะมาฉีกชุดข้าอีกหรือ”
ซานไห่ชีเสียยืนกรานว่า “ข้ากลัวการถูกหลอกเกินไป โปรดมอบเหตุผลที่ข้าจะเชื่อเจ้าด้วย ขอแค่เจ้ายอมให้ข้าฉีกมัน ข้าก็จะยอมให้เจ้าร่วมสู้ในอนาคตอย่างแน่นอน!”
“ไม่ได้…”
แต่เสียง “แควก” ดังขึ้น
ชุดของกู่ฉิงซานถูกซานไห่ชีเสียฉีกขาด เผยให้เห็นโลหิตและบาดแผลบนหน้าอกของเขา
ซานไห่ชีเสียหยิบกระดิ่งสีม่วงออกมา ขณะสั่น นางท่องคาถา “ด้วยตราโลหิต ช่วงเวลาสงครามจงปรากฏขึ้นอีกครั้ง!”
แสงและเงาโลหิตปรากฏขึ้นจากอากาศบางขณะสร้างกระบวนการที่กู่ฉิงซานเอาดาบพิภพและดาบขุนเขาศักดิ์สิทธิ์หกภพแทงตัวเองในตอนนั้น
แสงและเงาเหล่านี้หายไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากซานไห่ชีเสียได้ดู นางยังสับสนเล็กน้อยขณะพึมพำกับตัวเองว่า
“มันยังไหลอยู่… ดูท่าตอนบาดแผลกำลังได้รับการรักษา มันจะถูกฉีกจนสาหัสอีกครั้ง”
นางพลันนึกบางอย่างขึ้นมาได้
ตอนสัตว์ประหลาดวันสิ้นโลกโจมตีสำนักซานไห่ เขาลุกขึ้นแล้วสังหารสัตว์ประหลาดด้วยกำปั้น
ในตอนนั้นบาดแผลของเขาไม่ได้รับการรักษา…
ซานไห่ชีเสียกัดริมฝีปากล่างแล้วกล่าวว่า “ข้าขอโทษด้วย นับจากวันนี้ไป ข้าจะไม่สงสัยในตัวเจ้าอีก”
กู่ฉิงซานประสบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายในชีวิต แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกผู้หญิงฉีกชุด เขาไม่รู้ว่าจะต้องพูดอย่างไร
เขามองผู้หญิงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ผู้หญิงก้มศีรษะ หางตาเปียกชื้นเล็กน้อย
เอาล่ะ เห็นได้ชัดว่าเจ้าฉีกชุดข้า แล้วจะมาเสียใจทำไม
เขาไม่กล้าบันดาลโทสะ ดังนั้นจึงโบกมือแล้วนำชุดใหม่มาสวม เขาควบคุมน้ำเสียงแล้วกล่าวอย่างจนใจว่า “ที่จริง เจ้ารู้ว่าข้าเป็นใคร ข้าก็รู้เช่นกันว่าเจ้าเป็นใคร แค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว ยังไงเสีย พวกเราจะเผยตัวตนให้สัตว์ประหลาดทำรู้ไม่ได้”
ขณะพูด เขาค่อย ๆ กลายเป็นรูปลักษณ์มายาจนกลับมาเป็นหลี่ซานหลางอีกครั้ง
หลังจากเข้าสู่ภาพมายาวันสิ้นโลกนี้ อายุของหลี่ซานหลางเพิ่มขึ้นมาอีกหลายปีทันที เขาดูเหมือนจะอายุสิบเก้าถึงยี่สิบปี
…มีเพียงอายุช่วงนี้เท่านั้นที่สามารถรับใช้ในฐานะยามเฝ้าประตูได้
กู่ฉิงซานนึกบางอย่างขึ้นมาได้ก่อนถามว่า “ในเมื่อเจ้าฆ่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นไปแล้ว ตอนนี้เจ้าจะสู้ยังไงล่ะ”
ท่าทีของซานไห่ชีเสียเปลี่ยนไป นางตอบตามตรงว่า “ข้าได้รับมรดกทั้งหมดของมันมา แต่ยังไม่สามารถปลดปล่อยพลังทั้งหมดของมรดกออกมาได้”
“อืม เหมือนกับข้าสินะ” กู่ฉิงซานพยักหน้า
เขาหยิบชิ้นส่วนกระดูกออกมาก่อนหมุนเล่นบนฝ่ามือ
…นี่คือชิ้นส่วนกระดูกที่จ้าวเฉียงมอบให้เขาในตอนแรก มันบันทึกวิชาหมัดจำนวนมากเอาไว้
บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม แถวหิ่งห้อยผุดขึ้นมา
“การจะทำความเข้าใจวิชาหมัดทั้งหมดบนชิ้นส่วนกระดูกนี้ต้องใช้พลังวิญญาณทั้งสิ้นหนึ่งแสนห้าพันแต้ม ท่านเต็มใจจ่ายหรือไม่”
“เต็มใจจ่าย” กู่ฉิงซานตอบ
กระแสความร้อนปรากฏขึ้นจากชิ้นส่วนกระดูก มันไหลไปตามนิ้วของเขาก่อนมุ่งตรงสู่ทะเลแห่งความตระหนักรู้
“ปู้โจว” คือสกิลเทพที่ต้องใช้พลังวิญญาณจึงจะใช้ได้ ในการต่อสู้ครั้งต่อไป กู่ฉิงซานไม่สามารถใช้มันทั้งหมดได้ เขายังต้องเรียนรู้วิชาหมัดพื้นฐานบางส่วนอีก
ซานไห่ชีเสียถามว่า “กู่ฉิงซาน ตอนนี้พวกเราควรทำยังไง”
กู่ฉิงซานชำเลืองมองหน้าต่างระบบเทพสงคราม
แถวตัวอักษรโลหิตขนาดเล็กอยู่ที่มุมหนึ่งของหน้าต่างระบบ
“ยังเหลืออีกเจ็ดนาทีก่อนวันสิ้นโลกมาถึง”
เจ็ดนาทีสุดท้าย
…แต่ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าวันสิ้นโลกหน้าตาเป็นอย่างไร
กู่ฉิงซานยืนขึ้นแล้วตอบว่า “วันสิ้นโลกกำลังมา พวกเราต้องดูว่าวันสิ้นโลกเป็นแบบไหนก่อนถึงจะสามารถตัดสินใจได้ว่าควรทำยังไง”
ซานไห่ชีเสียครุ่นคิดสักพักก่อนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
พวกเขาสองคนเดินออกจากห้องขณะเดินไปตามทางอาณานิคม
ตอนนี้ ราตรีมืดมิด สายลมเย็นเยือกผสานเข้ากับเกล็ดหิมะ
นอกจากเจ้าหน้าที่และยามที่ทำหน้าที่ตอนกลางคืน ไม่มีใครอยู่ตามท้องถนน
“ช้าก่อน!”
ใครบางคนตะโกน
เมื่อทั้งสองหันไปดู พวกเขาเห็นกลุ่มยามที่กำลังตรวจตราที่เลี้ยวมาจากมุมถนนสายหนึ่ง
“เจ้าหน้าที่อาวุโสซานไห่ชีเสียและก็… ยามหลี่ซานหลาง พวกเจ้ามาช้านะ ไปไหนกันมาหรือ” นายทหารชั้นสัญญาบัตรเข้ามาถามด้วยความประหลาดใจ
ถ้าแบบนี้ กู่ฉิงซานก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะตอบ
ซานไห่ชีเสียคือเจ้าหน้าที่อาวุโส นางจึงตัดสินใจว่าจะพูดอะไร
“ระวังด้วยล่ะ จำไว้ว่าเจ้าไม่สามารถทำอะไรที่ขัดกับตัวตนของตัวเองได้” กู่ฉิงซานกระซิบอย่างแผ่วเบา
ซานไห่ชีเสียเข้าใจดี
ท้องนภาเย็นเยือก ราตรีมืดมิด อะไรคือเหตุผลที่ควรค่าจะนำมาอธิบายในเรื่องนี้
ซานไห่ชีเสียจับมือกู่ฉิงซานเอาไว้แล้วตอบว่า “ไม่มีตาหรือไง พวกเรารักกัน”
กลุ่มยามทั้งหมดตกตะลึง
ใช่แล้ว
นอกจากคนที่รักกัน จะทมีใครออกมาในวันที่อากาศหนาวแบบนี้
กุหลาบในกองทัพ!
แล้วเป็นเจ้ากับหลี่ซานหลางได้อย่างไร!
เมื่อทุกคนอกหัก ซานไห่ชีเสียดึงกู่ฉิงซานก่อนหันหลังแล้วจากไป
“พวกเราไปไหนกันดี” ซานไห่ชีเสียถาม
กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักพัก
เพราเหตุการณ์วันสิ้นโลกนี้มีชื่อว่า “การล่มสลายของเมืองราชวงศ์” ถ้างั้น…
“พวกเราจะมุ่งหน้าไปทางประตูเมือง หากวันสิ้นโลกถล่มเมือง พวกเราก็มีเวลาจะรับมือมันเหลือเฟือ!” กู่ฉิงซานตอบ
“ได้”
“ปิดบังลมหายใจ อย่าให้สัตว์ประหลาดตรวจพบพวกเรา ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะพบพวกมัน”
“เข้าใจแล้ว”
ไม่ช้าทั้งสองก็มาถึงประตูเมือง
บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม แถวหิ่งห้อยใหม่ปรากฏขึ้น
“เวลาหมดแล้ว วันสิ้นโลกกำลังมา”
มันมาแล้วหรือ
ที่ไหนกัน
กู่ฉิงซานมองรอบข้าง
ในสายลมและหิมะ นอกจากประตูโลหะขนาดใหญ่แล้ว มีเพียงยามเท่านั้นที่ทำหน้าที่อยู่
ทันใดนั้น กู่ฉิงซานเงยหน้าขึ้นทันที
เขาเห็นยักษ์อยู่บนท้องนภาอันมืดมิด
นั่นคือเรือ!
เรือโบราณที่มีโครงสร้างเป็นไม้!
ด้วยจิตเทพของกู่ฉิงซาน เป็นไปไม่ได้ที่จะทะลวงชั้นป้องกันของเรือเข้าไปได้
หากมองด้วยตาเปล่าจะเห็นว่าเงาที่ชั้นบนของเรือคล้ายกับมีบางสิ่งอยู่
เรือแล่นผ่านท้องนภาก่อนเคลื่อนลงไปทางเมืองราชวงศ์ราวกับอุกกาบาต
โหม่ง! โหม่ง! โหม่ง!
บนหอระฆัง ระฆังที่เป็นสัญญาณแจ้งเตือนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซานไห่ชีเสียเปลี่ยนสีหน้าแล้วกล่าวว่า “มันกำลังมาหาฝั่งพวกเรา!”
“ไม่ต้องห่วง มันน่าจะเคลื่อนลงมาจนอยู่ห่างหลายร้อยเมตรเท่านั้น” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างสงบ
เขาตรวจสอบถุงมือเหล็กกล้าเป็นครั้งสุดท้าย
ซานไห่ชีเสียถือระฆังสีม่วงในมือขณะรออย่างอดทน
ตูม!
เรือกระแทกกับถนนที่ห่างจากเมืองไปหลายร้อยเมตรจนเกิดเสียงดังสนั่น ขุนเขาสั่นสะเทือน
สายลมและทรายถาโถม ธุลีกระจายทุกหนแห่ง
“มันเป็นเรือได้ยังไง” กู่ฉิงซานอดที่จะพึมพำกับตัวเองไม่ได้
ซานไห่ชีเสียตอบว่า “อย่าประมาท พวกเราเห็นวันสิ้นโลกมากมายในถ้ำหมื่นอสูร พวกที่สามารถปรากฏเป็นวัตถุจริงขึ้นมาได้มักจะเป็นวันสิ้นโลกที่สร้างปัญหาได้มากพอสมควร”
นางดึงแขนเสื้อของกู่ฉิงซานแล้วกล่าวว่า “ตอนนี้พวกเราต้องหนี”
“หนีไม่ได้” กู่ฉิงซานยิ้มขมขื่น
ซานไห่ชีเสียตกตะลึง
ทันใดนั้น เสียงแตรดังมาจากกำแพงเมือง
เรียกรวมพล
เจ้าหน้าที่และทหารทั้งหมดจะต้องหยุดพักผ่อนทันทีเพื่อเตรียมรวมตัวรับคำสั่ง!
กู่ฉิงซานและซานไห่ชีเสียถูกจำกัดด้วยสถานะทหาร พวกเขาต้องมาที่นี่ตามคำสั่งทหาร ไม่สามารถหลบหนีได้
ทันทีที่ขัดกฎนี้จะเท่ากับว่าได้กระทำสิ่งที่ขัดกับตัวตนตัวเองจนถูกโยนเข้าใส่วันสิ้นโลกโดยตรง
ผู้ส่งสารรีบวิ่งมาถ่ายทอดคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตามทาง
เขาเห็นซานไห่ชีเสียก่อนกล่าวทันทีว่า “ท่านรองผู้บัญชาการกองทหารผู้วิเศษ โปรดรายงานที่ศูนย์บัญชาการเดี๋ยวนี้เลย!”
ซานไห่ชีเสียชำเลืองมองกู่ฉิงซาน
“ข้าคือทหาร เกรงว่านี่จะเป็นข้อบกพร่องใหญ่หลวงที่สุดของพวกเรา” นางส่งกระแสจิตมาหากู่ฉิงซาน
…ทหารต้องเชื่อฟังคำสั่ง
“นี่คือสิ่งที่ไม่สามารถขัดขืนได้ เจ้าไปก่อนเถอะ พวกเราค่อยติดต่อกันทีหลัง” กู่ฉิงซานกล่าวผ่านกระแสจิต
“ได้ เจ้าระวังตัวด้วย”
ซานไห่ชีเสียหันหลังแล้วจากไป
ตอนนี้ เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานป้องกันประตูเมืองมาถึงแล้วเช่นกัน
เจ้าหน้าที่มองกู่ฉิงซานผู้ยืนอยู่กับที่แล้วกล่าวว่า “มากับข้า พวกเราต้องรวมกลุ่มที่มากประสบการณ์เพื่อสืบหาว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“ขอรับ” กู่ฉิงซานกล่าว
เขามองที่ที่เรือเหาะเคลื่อนลงไป
หมอกสีดำกำลังพวยพุ่งขึ้นสู่อากาศธาตุ ปกคลุมพื้นที่จนมิด มันกำลังขยายไปทุกทิศทางอย่างช้า ๆ
เจ้าหน้าที่สาวเท้าเดินมาข้างหน้าเพื่อตามหายามที่มีประสบการณ์การต่อสู้เหลือล้นเพื่อตั้งกลุ่มต่อสู้ขึ้นมา
สายตาของเจ้าหน้าที่กวาดผ่านใบหน้าของเหล่าทหาร
“ข้าจำได้ว่าหลี่ซานหลางและหวังเสี่ยวอีเคยทำงานสอดแนมมาก่อน ดังนั้นพวกเจ้าสองคนไปด้านหน้า พวกข้าอยู่ด้านหลัง ทุกคนตามมา!”
“ขอรับ!” ทุกคนขานรับ
กู่ฉิงซานลอบถอนหายใจ
…หากยอมรับคำสั่งก็มีแต่ต้องตรวจสอบมันเท่านั้น; แต่ถ้าไม่ยอมรับคำสั่งก็จะถูกโยนออกไปทันที
ไปสำรวจก่อนแล้วกัน
เขาและทหารอีกคนมองหน้ากันก่อนรีบไปทางที่เรือเหาะเคลื่อนลงไป
ไม่ช้า หมอกสีดำหนากลืนกินร่างของพวกเขาทั้งสองเข้าไป
………………………………………………….