ตอนที่ 1138 มังกรคู่!
ทันทีที่กรงเล็บยักษ์เข้าใกล้ ดาบสองเล่มเข้าทักทายมัน
เทียบกับกรงเล็บยักษ์ที่เต็มไปด้วยเดือยกระดูกแล้ว ดาบของผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์สองเล่มบางราวกับเส้นผม
แต่ไม่ว่ากรงเล็บยักษ์จะแข็งแค่ไหน มันก็ไม่สามารถเข้าใกล้ได้
ในทะเลกะโหลก เสียงหนึ่งดังขึ้น
“คาดไม่ถึง ผู้ฝึกยุทธ์เผ่าพันธุ์มนุษย์ธรรมดาจะมีพละกำลังเช่นนั้น”
จิตสังหารบ้าคลั่งแผ่ออกมาจากใต้ทะเลกะโหลก
ร่างขนาดใหญ่น่าเกรงขามอันเลือนรางกำลังทุบทะเลกะโหลก คล้ายกับจะพุ่งเข้ามาทุกเมื่อ
“รีบร้อนจะฆ่าข้าขนาดนี้เชียวหรือ ไม่กลัวว่าจะฆ่าพวกตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจบ้างหรือไง” กู่ฉิงซานถาม
ร่างขนาดใหญ่นิ่งก่อนทวนโดยไม่รู้ตัวว่า “พวกตัวเองหรือ”
“ใช่สิ เจ้าโง่ ข้าไม่ทันสังเกตเห็นจนกระทั่งเมื่อครู่” กู่ฉิงซานตอบ น้ำเสียงค่อย ๆ เบาลง ในที่สุดก็กลายเป็นเสียงหยาบกร้านดุร้าย “ที่จริง การที่ข้ากลายเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์เช่นนี้เพื่อจะฝึกพลังเหนือธรรมชาติให้เชี่ยวชาญเท่านั้น”
เขานอนอยู่บนกิ่งไม้ ทั่วร่างค่อย ๆ ใหญ่ขึ้น
เพียงพริบตา เสือตัวซีดร่างผอมสูงสามเมตรและยาวราวเก้าเมตรปรากฏขึ้น
เสือร่างผอมปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง จิตสังหารทะยานขึ้นอย่างก้าวกระโดด
มันคำรามออกมา “กล้ามาลอบโจมตีแม่ทัพผู้นี้ คงอยากจะเล่นกับข้าใช่หรือไม่”
กรงเล็บกระดูกถอยทันที
มีคลื่นในทะเลกะโหลก
หลายสิ่งที่คล้ายกับจิตเทพกวาดผ่านเสือร่างผอมอยู่หลายครั้งก่อนถอยกลับมา
หลังจากนั้น มีเสียงประหลาดใจดังขึ้นก่อนถามว่า “ทำไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่”
เสือร่างผอมตอบว่า “ข้ามาโจมตีค่ายเผ่าสังหาร ระหว่างทางกลืนกินผู้ฝึกยุทธ์บางส่วนลงท้องไป”
เสือร่างผอมทำเช่นนี้จริง ๆ
เสียงหนึ่งพลันกล่าวว่า “ข้าก็ว่าทำไมเห็นศพมนุษย์อยู่ตามทาง สภาพน่าขยะแขยงของพวกมันที่ถูกกินไปกว่าครึ่งเป็นเพราะเจ้าเองสินะ พลังเหนือธรรมชาตินี้ช่างร้ายกาจจริง ๆ !”
ครืนนนน
ในทะเลกะโหลก ปีศาจขนาดใหญ่ปรากฏตัวขึ้นช้า ๆ
ใบหน้ามนุษย์ ร่างแมงป่อง หางกระดูก
ปีศาจจ้องเสือร่างผอมขณะกล่าวด้วยความกึ่งระแวดระวังกึ่งติดตลกว่า “ครั้งนี้ข้าพลาดเอง แต่ใครใช้ให้เจ้าเชี่ยวชาญพลังเหนือธรรมชาติที่ทรงพลังขนาดนั้นกันล่ะ อย่าโกรธเคืองกันเลย”
หลังจากนั้น สายตาของมันจับจ้องดาบบินสองเล่มอีกครั้ง
มันถามด้วยความลังเลว่า “เมื่อไหร่เจ้าจะ…”
เสือร่างผอมไม่รอให้มันกล่าวจบก่อนโยนดาบบินเล่มหนึ่งออกไป
ปีศาจหยิบดาบเสียงคลื่นขึ้นมาขณะดูอย่างละเอียด
ดาบเสียงคลื่นย่อมขัดขืนอย่างบ้าคลั่ง
“สหายแสนดี กลายเป็นว่ามีบางสิ่งผิดปกติกับวิญญาณ นี่คือเทวภัณฑ์ เจ้าถึงกับได้เทวภัณฑ์มา!” ปีศาจอดที่จะอุทานออกมาไม่ได้
เสือร่างผอมโยนดาบบินอีกเล่มให้
ปีศาจรับมันอย่างรวดเร็วก่อนดูใกล้ ๆ
นี่ก็คือเทวภัณฑ์เช่นกัน!
ราชาเสือกินวิญญาณนี่โชคดีชะมัด ถึงกับได้เทวภัณฑ์สองชิ้นในคราวเดียว!
ปีศาจมองเสือร่างผอม ในใจเกิดความอิจฉายิ่ง
เสือร่างผอมหมอบบนต้นไม้แล้วถามว่า “ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง”
ปีศาจถือดาบบินไว้มั่นแล้วตอบว่า “ไม่มีปัญหา เผ่าพันธุ์มนุษย์จะพังพินาศเมื่อถูกสัมผัส ค่ายสุดท้ายถูกพรากไปแล้ว ต่อไป พวกเราแค่บุกเข้าไปเท่านั้น”
เสือร่างผอมกำลังจะพูดต่อ แต่เสียงผู้หญิงพลันดังมาจากทะเลแห่งความตระหนักรู้
“นายท่าน อยู่หรือเปล่า”
หัวใจของเสือร่างผอมสั่นสะท้าน
นี่คือเสียงของฉานนู่
ฉานนู่คือดาบของเขา เป็นธรรมดาที่จะมีความสามารถสื่อสารทางวิญญาณ
แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ไกลกันเกินไป ตามปกติแล้วไม่น่าจะสื่อสารกันได้
เว้นแต่นางจะใช้วิชาหรือสมบัติพิเศษเพื่อให้สามารถสื่อสารได้
ภายใต้สถานการณ์ปกติ ฉานนู่จะไม่ทำแบบนี้
เพราะนางรู้ว่ากู่ฉิงซานเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันตรายมาบ่อย ทำให้จิตใจไม่วอกแวก
หรือก็คือ นางต้องเผชิญหน้ากับปัญหาทางฝั่งนั้นแน่ ๆ ไม่อย่างนั้น ฉานนู่ไม่มีทางมารบกวนง่าย ๆ แบบนี้แน่!
เพียงพริบตา ความคิดทั้งหมดวูบไหวในจิตใจของกู่ฉิงซาน
ดาบศักดิ์สิทธิ์ซ่อนในทะเลแห่งความตระหนักรู้ของกู่ฉิงซาน น้ำเสียงประหลาดใจของลั่วปิงหลีดังขึ้น “ฉานนู่ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เป็นยังไงบ้าง”
ฉานนู่ตอบว่า “ปิงหลี ไว้คุยทีหลัง ข้ามีสิ่งสำคัญที่ต้องบอกนายท่านก่อน”
กู่ฉิงซานรีบตอบว่า “ฉานนู่ เกิดอะไรขึ้น มีอะไรผิดปกติหรือ”
ฉานนู่ตอบอย่างวิตกว่า “นายท่าน บางสิ่งเกิดขึ้นที่ฝั่งพวกข้า ลอร่ามีสมบัติพิเศษที่ทำให้ข้าติดต่อกับท่านได้”
“เทพแห่งความโกลาหล วิญญาณกรีดร้อง พบว่าพวกเราทุกคนรวมตัวในอาณาจักรหนามโดยไม่เคลื่อนไหวใด ๆ เพราะอย่างนั้นมันจึงเปลี่ยนใจก่อนกลับมาจากอดีต”
“เหล่าต้าได้รับข้อมูลจากหุบเหวมาว่าวิญญาณกรีดร้องร่วมมือกับมังกรมารและเทพแห่งชีวิตเพื่อนำกองทัพแห่งความโกลาหลกลับมายังช่วงเวลาของพวกเราในเที่ยงวันนี้”
“พวกมันกำลังมาอาณาจักรหนามเพื่อโอบล้อมโจมตีพวกเรา!”
กู่ฉิงซานกล่าวทันทีว่า “อีกเดี๋ยวจะกลับไปหาพวกเจ้า”
เสียงของเขาหายไป
มีเพียงทางเดียวที่จะกลับอดีตและหลีกเลี่ยงวิญญาณกรีดร้อง มังกรมารกับเทพแห่งชีวิต นั่นก็คือใช้พลังของสามเหรียญร่วมกับของบางอย่าง
แต่เสี่ยวซีหมดแรงและหลับอยู่ ในมือของลอร่าก็มีเพียงต้นไม้หนามโบราณเท่านั้น
ทั้งสามเหรียญอยู่ที่นี่
ทุกคนที่อยากกลับอดีตต้องใช้พลังของทูตสวรรค์แห่งบาปตัวน้อยของกู่ฉิงซาน รวมถึงบัญญัติราชามารที่อยู่กับเขาและพลังของผู้ส่งสารแห่งบาป
ถ้าเขาไม่กลับไป ทุกอย่างจะเปล่าประโยชน์
กู่ฉิงซานรีบถามว่า “มีใครอยู่อาณาจักรหนามบ้าง”
ฉานนู่ตอบว่า “แบร์รี่และเสี่ยวเมียวนำคนกลุ่มใหญ่มา แอนนาก็อยู่ และก็เหล่าต้า จางหยิงห่าว เย่เฟยหลีกับลอร่า”
“นายท่าน ท่านจะสามารถกลับมาได้เมื่อไหร่”
เสียงของนางพลันสั่นคลอน
มีเสียงรบกวนของกระแสไฟฟ้าดังขึ้น
ซซซ่า!
เขาได้ยินเสียงอุทานของลอร่าอย่างแผ่วเบา
“มันจบแล้ว ระยะห่างไกลเกินไป สิ่งนี้ทำงานเกินพิกัดจนพังไปแล้ว!”
เสียงหยุดทันที
การเชื่อมต่อในทะเลแห่งความตระหนักรู้พังทลาย
กู่ฉิงซานตกตะลึง
ตอนนี้ ปีศาจที่ปรากฏตัวจากทะเลกะโหลกยังคงพูดไม่หยุด
“แม่ทัพเสือร่างผอม ครั้งนี้ข้ารับหน้าที่ในส่วนของแนวหน้า เจ้าจะมากับข้าหรือจะไปเล่นสนุกเพียงคนเดียว”
กู่ฉิงซานมองมัน
วิญญาณกรีดร้อง เทพแห่งชีวิตและมังกรมาร
บัดซบ!
พวกลอร่าไม่สามารถรับมือสามสิ่งนี้ได้แน่ ๆ !
แต่ตอนนี้เขากำลังก้าวข้ามภัยพิบัติอยู่ หากไปตอนนี้จะถือว่าการก้าวข้ามภัยพิบัติราชาแห่งอิสรภาพเป็นอันล้มเหลว เป็นไปได้สูงว่าอาจารย์จะได้รับผลกระทบไปด้วย
ไม่มีใครเคยรอดจากภัยพิบัติขุนเขาเซียวหมีมาหลายพันปีแล้ว
อาจารย์จะเผชิญกับสถานการณ์ที่อันตรายมากขึ้นโดยไม่มีใครช่วย
เขาจะปล่อยไปได้อย่างไร
“หน้าต่างระบบเทพสงคราม ข้าสามารถใช้สามเหรียญเพื่อกลับมาช่วงเวลานี้ได้หรือไม่” กู่ฉิงซานกระซิบถาม
หน้าต่างระบบเทพสงครามตอบว่า “ไม่ สถานที่ที่ขุนเขาเซียวหมีตั้งอยู่ไม่ได้เป็นของช่วงมิติและเวลาทั่วไป นี่คือภัยพิบัติของผู้ฝึกยุทธ์ ข้องเกี่ยวกับความลับของรากฐานผู้ฝึกยุทธ์ มีการคุ้มกันเข้มงวด ทันทีที่ท่านออกไป ท่านจะไม่สามารถกลับเข้ามาในนี้ได้อีก”
กู่ฉิงซานถอนหายใจ
เขามองปีศาจเบื้องล่างก่อนกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ไปด้วยกัน”
ทันทีที่สิ้นเสียง ดาบบินในมือของปีศาจระเบิดเปลวเพลิงออกมา ดาบเล่มหนึ่งฟันกรงเล็บ ส่วนอีกเล่มฟันคอของมัน
ศีรษะของมันลอยขึ้นท้องนภาก่อนตกลงบนพื้นดังปัง
ดาบสองเล่มบินกลับมาอยู่ข้างเสือร่างผอม
หอกสีแดงทะลวงเข้าใส่ร่างของปีศาจอย่างรุนแรง
ทันใดนั้น ภาพมายาพุ่งออกมาจนกลายเป็นผุยผงแล้วหายไปในความว่างเปล่า
พลังกำราบมาร!
ในทะเลกะโหลกไกลออกไป เสียงคำรามที่สั่นสะเทือนโลกดังขึ้น “ใครกัน! ใครกล้ามาฆ่ากองหน้าของข้า!”
เสือร่างผอมเงียบก่อนค่อย ๆ กลับคืนสู่ร่างมนุษย์
เสียงของดาบพิภพดังขึ้นราวกับขุนเขา “ท่านไม่ได้วางแผนจะลอบไปอยู่ฝั่งศัตรูเพื่อค่อย ๆ ฟังข้อมูลหรอกหรือ ทำไมจู่ ๆ ถึงลงมืออีกแล้วล่ะ”
กู่ฉิงซานตอบว่า “มันช้าเกินไปน่ะ”
เสียงของลั่วปิงหลี ดังขึ้นขณะอธิบายคร่าว ๆ
ดาบพิภพถอนหายใจออกมา “ถ้าเป็นเที่ยงวันนี้…มันก็สายเกินไปจริง ๆ ท่านต้องตัดสินใจเดี๋ยวนี้”
หลังจากพูดจบ เกิดความเงียบระหว่างดาบสองเล่ม
ฝั่งหนึ่งคืออาจารย์ที่กำลังก้าวข้ามภัยพิบัติ อีกฝั่งคือสหายมากมาย ทั้งสองฝั่งต่างตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายยิ่ง
กู่ฉิงซานไม่มีทางอื่นนอกจากเลือกที่จะยอมแพ้
“อาจารย์รับข้าเข้าสำนักร้อยบุปผาตอนตกอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด คอยสอนสั่งและดูแลข้าเป็นอย่างดีราวกับสมาชิกครอบครัว หากปล่อยให้นางอยู่ที่นี่เพียงลำพัง ข้าคงทำใจไม่ได้” กู่ฉิงซานกล่าว
ดาบพิภพกล่าวว่า “ถ้างั้นพวกเราก็ก้าวข้ามภัยพิบัติก่อน”
“ไม่” กู่ฉิงซานกล่าวช้า ๆ “หากข้าไม่กลับไป พวกลอร่าอาจจะเหลือทางเดียว แต่พวกเขาจะหนีไปไหนได้ ตอนนี้หุบเหวเผชิญสงครามกับโลกคู่ขนาน พวกเขายุ่งกับการรับมืออีกฝ่าย ต่อให้ไป หุบเหวก็น่าจะถูกทำลายในพริบตา”
“แถมหุบเหวก็ไม่มีที่ให้ซ่อน พวกเขาไม่มีทางขัดขืนสามเทพได้อย่างแน่นอน”
“ถ้างั้นพวกเราต้องกลับไปหรือ” ลั่วปิงหลีถามอย่างระแวดระวัง
กู่ฉิงซานไม่พูดพักใหญ่
ไม่ช้า
เขาพลันยิ้มเยาะออกมาแล้วกล่าวว่า “ข้าเข้าใจความจริงนานแล้ว คาดไม่ถึง วันนี้ยังจะต้องมาปวดหัวกับเรื่องพวกนี้อีก”
“ความจริงอะไร” ดาบพิภพถาม
กู่ฉิงซานตอบว่า “ในวันสิ้นโลก ความอ่อนแอหมายถึงความเวทนา”
หลังจากพูดจบ เขากระตุ้นพลังทันที มีเงามายาสองร่างปรากฏขึ้นจากข้างหลัง
เงาสีดำคือพลังมังกรมาร
เงาสีฟ้าคือพลังมังกรฟ้า
เงาสองร่างเคลื่อนไหวไปมาโดยไม่รู้ว่าความเหนื่อยล้าคืออะไร
ลั่วปิงหลีพลันระแวดระวัง “กู่ฉิงซาน เจ้าทำอะไรน่ะ! นี่มันเป็นไปไม่ได้หรอกนะ!”
กู่ฉิงซานนึกถึงหอกปีศาจแดงแล้วกล่าวว่า “ข้าเดาว่า ไม่ว่าปีศาจบนขุนเขาเซียวหมีจะแข็งแกร่งขนาดไหน มันก็ไม่มีทางเกินระดับขุนเขาเซียวหมีได้ ไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครสามารถช่วยภัยพิบัติในครั้งนี้ได้”
“หรือก็คือ พลังของสองมังกรน่าจะมาพอในการคลี่คลายทุกสิ่ง”
เพิ่งสิ้นเสียงได้ไม่ทันไร เงาสีดำและเงาสีฟ้าปะทะใส่ร่างของกู่ฉิงซานพร้อมกัน
แถวตัวอักษรน่าหวาดกลัวปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงครามอย่างรวดเร็ว
“คำเตือนฉุกเฉิน!”
“ท่านเพิ่งเร่งความเร็วการดูดกลืนพลังมังกรมารและพลังมังกรฟ้า”
“พลังของเผ่ามังกรมากเกินไป ทำให้เป็นภาระกับร่างกายและวิญญาณของท่านยิ่งนัก”
“ท่านต้องทนรับแรงกระแทกอันเจ็บปวดยิ่งกว่าดาบนับพันทิ่มแทง พลังนี้น่าตกตะลึงกว่าที่ขีดจำกัดของมนุษย์จะสามารถต้านทานได้”
“ถึงแม้ท่านจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับนภายามค่ำ แต่เมื่อเจอการทรมานแบบนี้อาจทำให้ถึงตายได้ทันที!”
กู่ฉิงซานพลันแผดเสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความโกรธและความเจ็บปวดออกมา
“อ้ากกกกกก!”
ฟู่
พายุแรงกล้าเคลื่อนลงมาจากท้องนภาก่อนพัดมาที่เขา จากนั้นกระจายออกทุกทิศทางโดยมีเขาเป็นศูนย์กลางอย่างรวดเร็ว
หัวกะโหลกปลิวไปพร้อมกับหิมะจนเกิดเสียงกรอบแกรบ พื้นที่ว่างขนาดใหญ่ถูกเผยออกมา
ทะเลหัวกะโหลกสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่นี่ทันที
หลังจากนั้น หัวกะโหลกจำนวนมากไหลหลั่งเข้ามากองเป็นเนินอยู่ไม่ไกลจากกู่ฉิงซานนัก
เงาขนาดใหญ่แหวกว่ายจากส่วนลึกของทะเลกะโหลกอย่างรวดเร็วก่อนปีนขึ้นมาบนขุนเขาหัวกะโหลก
แมงป่อง
แมงป่องยักษ์สีซีดปกคลุมไปด้วยหนามและมีใบหน้าเป็นมนุษย์
มันมองกู่ฉิงซานแล้วกล่าวว่า “นี่เจ้า…”
บางสิ่งวูบไหวผ่านไปเพื่อขัดขวางมัน
หากอยู่เวลาวินาทีนี้ไว้ ทุกคนจะมองเห็นลำแสงดาบยักษ์สิบสายกลายเป็นแสงและเงาก่อนกระแทกใส่ปีศาจโดยตรง
ตูม!!!
ปีศาจยังไม่ทันพูดจบประโยค ขุนเขาหัวกะโหลกทั้งลูกถูกลบหายทันที
ประกายดาบเจิดจ้าหลอมรวมเป็นหนึ่ง มันก้าวข้ามทะเลหัวกะโหลกและโครงกระดูกกว้างใหญ่ มันพุ่งไปไกลจนสุดสายตา
ดาบลับ ดาบเหล็กเหิงเจียง!
ทางเลือกสวรรค์ โจมตีเก้าครั้ง!
กู่ฉิงซานกัดฟันจนกระทั่งโลหิตสีแดงค่อย ๆ ไหลออกจากปาก จากนั้นเขาแผดเสียงกรีดร้องใส่ท้องนภาเพื่อระบายความเจ็บปวดสุดแสนในร่างกายกับทะเลแห่งความตระหนักรู้
“อ้ากกกกก!”
แสงสีฟ้าและเงาสีดำพลันหายไปจากเขาก่อนกลายเป็นพายุแรงกล้า
เมื่อเวลาผ่านไป สายลมแรงกล้ากลายเป็นพายุโหมกระหน่ำขณะพัดทะเลหัวกะโหลกถอยกลับไป
หัวกะโหลกกับโครงกระดูกกระแทกกับคลื่นหัวกะโหลกที่อยู่ด้านหลังก่อนกลายเป็นกำแพงกระดูกสีขาว
หัวกะโหลกทั้งหมดมองกู่ฉิงซานและยังคงเงียบ
ตัวอักษรสีโลหิตปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงครามอย่างรวดเร็ว
“กู่ฉิงซาน ท่านกำลังจะตาย ท่านต้องหยุดเดี๋ยวนี้!”
กู่ฉิงซานกระอักโลหิตออกจากปาก เขายืนขึ้นแล้วกล่าวว่า “นับจากนี้ จะไม่มีการพูดจาไร้สาระอีกแล้ว”
เขาขยับก่อนฟาดเข้าใส่กำแพงกระดูก!
..............................