webnovel

1137 แม่ทัพอิสระ

ตอนที่ 1137 แม่ทัพอิสระ

ศีรษะของเสือร่างใหญ่ตกลงบนพื้นก่อนกลิ้งไปไกลสองสามเมตร

กู่ฉิงซานเก็บหอกปีศาจแดงก่อนประสานมือไปทางความว่างเปล่าแล้วกล่าวว่า “แม่ทัพของหอสังเกตการณ์ที่สิบห้าทางตะวันตกเฉียงใต้ กู่ฉิงซาน มารายงานแล้ว”

ความว่างเปล่าขยับ

ศีรษะของเสือหายไปทันที จากนั้น เสียงต่ำได้ตะโกนขึ้นมาว่า “เข้ามา”

กู่ฉิงซานก้าวไปข้างหน้าก่อนเข้าสู่วงเวท

เขาเห็นว่าค่ายทหารนี้มีผู้ฝึกยุทธ์อยู่ทุกหนแห่ง ทุกคนสวมชุดเกราะศึก สีหน้าเคร่งขรึม

ผู้ฝึกยุทธ์บังคับให้กฎเกณฑ์จำนวนมากตะโกนเสียงดังขณะรีบสั่งการให้กลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ยืนอยู่บนวงเวทเคลื่อนย้ายพริบตาเพื่ออพยพจากที่นี่ไปแนวหลัง

เมื่อกู่ฉิงซานเดินเข้ามา เขาเห็นผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากสวมชุดหน่วยสอดแนมกำลังตรวจสอบศีรษะของเสืออยู่

“ได้รับการตรวจสอบแล้ว เป็นราชาเสือกินวิญญาณจริงด้วย” หน่วยสอดแนมคนหนึ่งยืนขึ้นก่อนอธิบาย

แม่ทัพคนหนึ่งได้ยินเช่นนั้นเผยรอยยิ้มออกมาแล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ! ข้าได้ยินมาว่าการบุกทะลวงของหัวหน้ากู่เหมือนกับการกินดื่มทั่วไป แต่ไม่ยักรู้ว่าวันนี้หัวหน้ากู่ออกไปบุกทะลวงด้วย ไม่อย่างนั้นข้าไม่ส่งหน่วยสอดแนมไปตามร่องรอยของราชาเสือหรอก”

กู่ฉิงซานประสานมือแล้วกล่าวอย่างสงบว่า “ชางยูลี่และไป่จั่วอาจจะตายแล้ว”

รอยยิ้มของแม่ทัพหายไป แววตาของเขาเผยความเศร้าโศก

ทุกคนเงียบ

กู่ฉิงซานมองทุกคนที่อยู่รอบข้าง พวกเขาได้รับบาดเจ็บ อาวุธไม่ได้อยู่ในมือ จิตใจเหนื่อยล้า

ดูท่านี่จะเป็นค่ายสุดท้ายที่รับหน้าที่พากองทัพแนวหน้ากลับแนวหลัง

แผ่นหยกปรากฏขึ้นในมือของแม่ทัพ

ขณะมอง เขาอ่านรายละเอียดในนั้น “หัวหน้ากู่ สถานการณ์ทางทหารนั้นเร่งด่วน ดังนั้นข้าจะสรุปเรื่องราวให้กระชับ”

“รบกวนด้วย” กู่ฉิงซานกล่าว

แม่ทัพกล่าวว่า “เช้านี้ มีข่าวจากภาคพื้นดินว่ามีกองกำลังสังเกตการณ์ทำการบุกอย่างหนักหน่วงจนก้าวข้ามภัยพิบัติได้สำเร็จ เขาได้รับการเลื่อนขั้นให้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับนภายามค่ำ แต่น่าเสียดาย พวกข้าไม่มีเวลาตรวจสอบจนกระทั่งแนวหน้าถูกทำลายจนสิ้น”

กู่ฉิงซานยังคงฟังเงียบ ๆ

แม่ทัพพึมพำว่า “ระดับนภายามค่ำ…ช่างเถอะ ตอนนี้ข้าจะให้ทางเลือกเจ้าสามทาง”

“อย่างแรก ถอยตามแผนเดิม กลับไปแนวหลัง รอจนกว่าการตรวจสอบทหารจะเสร็จสิ้น จากนั้นก็รับคำสั่งหลังได้รับการแต่งตั้ง”

“สอง การตรวจสอบและแต่งตั้งการเกณฑ์ทหารอย่างเป็นทางการ รอจนกว่าสถานการณ์การต่อสู้จะมั่นคง จากนั้นข้าจะมอบหมายกลุ่มคนให้กับเจ้าโดยเฉพาะ แต่งตั้งให้เจ้าเป็นนายพลชั่วคราวเพื่อนำกองทัพเข้าสู่การต่อสู้”

“สาม เพราะเจ้าสามารถฆ่าราชาเสือกินวิญญาณได้เพียงลำพัง แถมยังเป็นผู้ใช้ดาบ เกรงว่าการให้กองกำลังกับเจ้าจะเป็นการลดทอนพลังการต่อสู้ เพราะอย่างนั้นข้าจะมอบหมายให้เจ้าไปอยู่ค่ายทหารสอดแนม เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเพื่อเข้าสู่แนวหน้าอีกครั้ง สำรวจเป้าหมายของศัตรูและหาโอกาสลอบสังหารสัตว์ประหลาดทรงพลังเหล่านั้น”

กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักพัก จากนั้นประสานมือแล้วกล่าวว่า “ข้าน้อยเต็มใจเข้าค่ายทหารสอดแนม”

…ในแผนของกู่ฉิงซาน เขาควรจะตรงไปหาอาจารย์ แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว

ในความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่นี้ เขาจึงอยู่แนวหน้า หากถลำลึกเข้าไป เขาจะต้องได้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการต่อสู้แห่งขุนเขาเซียวหมีอย่างแน่นอน

นี่นับว่าง่ายกว่าการควานหาทั่วโลก

กู่ฉิงซานเป็นผู้ที่ช่ำชองในสงครามเช่นกัน แต่ปัญหาคือหลังจากสืบทอดเศษเสี้ยวโลกมานับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะวิชาดาบ รากฐานการฝึกฝน วิชาและหกวิถี เขาจึงก้าวหน้าในการ “รู้แจ้ง” ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้ ทันทีที่เขาเข้าสู่สภาพการ “รู้แจ้ง” เป็นการง่ายที่จะเพิกเฉยต่อเรื่องภายนอกได้ง่ายยิ่งขึ้น

แบบนี้ไม่เหมาะที่จะดูแลทั้งกลุ่ม

ถ้างั้นอยู่คนเดียวดีกว่า

แม่ทัพเห็นเขาแสดงจุดยืนเช่นนี้จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกว่า “ก็ได้ เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ในยุคนี้ การพัฒนาพลังไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร การกล้าเข้าแนวศัตรูเพียงลำพังต่างหากนับว่าน่าชื่นชม!”

กู่ฉิงซานกล่าวต่อว่า “ข้ามีหนึ่งเงื่อนไข”

แม่ทัพถามว่า “เงื่อนไขอะไร”

กู่ฉิงซานตอบว่า “ข้าต้องการเสบียง ดูท่าแล้วต้องใช้เสบียงมากเลยล่ะ”

แม่ทัพขมวดคิ้วก่อนเผยรอยยิ้มออกมาแล้วกล่าวว่า “นี่มันเงื่อนไขตรงไหนกัน ผู้ฝึกยุทธ์ระดับนภายามค่ำควรมีเสบียงทหารระดับสูงอยู่กับตัว แถวเจ้ายังไปแนวหน้าเพียงลำพังอีก ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบแบบไหน แม่ทัพผู้นี้จะต้องจัดหาสิ่งที่เจ้าต้องการให้อย่างแน่นอน”

“…มานี่สิ รับเหรียญของข้าไป”

ไม่ช้า เหรียญสีดำปรากฏตรงหน้าแม่ทัพ

แม่ทัพเขียนคำสั่งทหารด้วยหมึกสีแดงลงไปก่อนส่งให้กู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานรับมาดูก่อนเห็นตัวอักษรเขียนว่า “แม่ทัพอิสระ”

เกิดความโกลาหลในทุกคน

ตอนนี้กู่ฉิงซานเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระแล้ว

ถึงแม้แม่ทัพอิสระจะเป็นอันดับต่ำสุดในบรรดาแม่ทัพ แต่ก็นับว่าเป็นการบอกลาการเป็นระดับตัวหมาก

ในเวลาเดียวกัน สีหน้าของกู่ฉิงซานพลันเปลี่ยนไป

ท่ามกลางทะเลแห่งความตระหนักรู้ ตัวตนแผ่นหยกที่ขุนเขาเซียวหมีมอบให้เขาสั่นไหวเล็กน้อยก่อนเกิดการเปลี่ยนแปลง

ชิ้นส่วนข้อมูลพุ่งออกจากแผ่นหยกก่อนกระจายไปตามทะเลแห่งความตระหนักรู้

กู่ฉิงซานพลันเข้าใจ

ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์เซียวหมียื่นมือเข้าช่วยผู้ฝึกยุทธ์เพื่อให้ตั้งตัวในโลกนี้ได้

เทียบกับเขาตอนเข้ามาครั้งแรก เขาสามารถควบคุมทรัพยากรได้มากขึ้นเพื่อระดมพลังได้ส่วนหนึ่ง

การเปลี่ยนแปลงตัวตนนี้มีความหมายว่าเขาได้รับการยอมรับจากขุนเขาเซียวหมีแล้ว

แม่ทัพสะบัดมือ

“ไปได้แล้วะ กลับไปแนวหน้าหลังจากรับเสบียงแล้ว ฆ่าสัตว์ประหลาดตามทางให้มากแล้วรายงานข่าวคราวมาด้วย”

“รับทราบ”

กู่ฉิงซานประสานมือก่อนถอยกลับมา

เจ้าหน้าที่ยุทโธปกรณ์นำตัวเขาไป ตามอันดับแม่ทัพอิสระแล้ว เขาจะได้ค่ายกลสองชุด ยันต์หนึ่งชุด สมุนไพรห้าขวด เกราะศึกสองชุด เหรียญทองแดงโบราณจำนวนหนึ่งและหินวิญญาณในจำนวนที่สอดคล้องกัน

“มีเท่านี้หรือ” กู่ฉิงซานถาม

นายทหารตอบอย่างระแวดระวังว่า “อา ขอรับ ทั้งหมดนี้คือของดีในสมรภูมิ พวกมันคือเสบียงชุดสุดท้ายของที่นี่ ท่านต้องการอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า”

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ข้าไม่ใช่คนไม่รู้จักพอ แต่มีสิ่งที่ข้าไม่ต้องการอยู่ ข้าอยากเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นน่ะ”

นายทหารยิ้มแล้วกล่าวว่า “ได้อยู่แล้ว ตราบที่แม่ทัพกู่ยินดีจ่ายตามราคา พวกเรายังมีอาวุธโจมตีชั้นดีสองชิ้น รับประกันเลยว่าพลังของมันน่าประทับใจมาก แม่ทัพสามารถแลกเปลี่ยนได้หนึ่งชิ้น”

กู่ฉิงซานส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้าอยากเปลี่ยนเป็นวัตถุดิบกับอุปกรณ์ทำอาหารน่ะ”

“เดี๋ยวนะ วัตถุดิบหรือ”

นายทหารประหลาดใจด้วยความสงสัยว่าฟังผิดไปหรือเปล่า

ด้วยคำขออันแรงกล้าของกู่ฉิงซาน นายทหารเก็บยันต์และค่ายกลทั้งหมดไปก่อนมอบวัตถุดิบทำอาหารวิญญาณจำนวนมากพร้อมอุปกรณ์การทำอาหาร

ทุกสิ่งพร้อมแล้ว

“ขอบคุณที่ยืดหยุ่นให้”

กู่ฉิงซานพึงพอใจก่อนประสานมือ

นายทหารประสานมือเช่นกัน เขาเปิดปากและปิดปากอยู่สองครั้งโดยไม่พูดอะไร

เขาปาดเหงื่อจากหน้าผากขณะมองกู่ฉิงซานจากไป

ราตรีมืดมิด

ตอนนี้หิมะหยุดตกแล้ว คลื่นความเย็นยะเยือกพัดผ่านสวรรค์และปฐพีอย่างช้า ๆ

ขณะพุ่งไปข้างหน้า กู่ฉิงซานเอามือแตะหน้าตัวเอง

มีน้ำแข็งติดอยู่

โล่วิญญาณไม่สามารถขวางกั้นความเย็นธรรมชาติของสวรรค์และปฐพีได้ นี่เป็นครั้งแรกที่กู่ฉิงซานพบเจอสถานการณ์เช่นนี้

ที่นี่ ดาบพิภพไม่สามารถตัดขาดปฐพีด้วยพละกำลังทั้งหมดได้

ต้นกำเนิดของขุนเขาศักดิ์สิทธิ์นี้ช่างกว้างใหญ่และทำลายล้างไม่ได้

…ดังนั้นกฎเกณฑ์แห่งสวรรค์และปฐพีของที่นี่จึงทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ

อีกด้าน ในโลกเก้าร้อยล้านชั้นแห่งความว่างเปล่า แหล่งกำเนิดพลังของแต่ละโลกไม่มากก็น้อย ไม่ได้ห่างชั้นกันมากนัก

นั่นเพราะเทคโนโลยีที่ถูกใช้โดยเผ่าพันธุ์เทพเพื่อสร้างโลกนั้นยังคงเสถียรภาพอยู่

เมื่อเปรียบดูแล้ว ความคิดหนึ่งพลันผุดขึ้นในใจของกู่ฉิงซาน

ก่อนเขาขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ เขารู้สึกว่าโลกในขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ถูกเชื่อมโยง

หรือว่า…

มีปัญหาใหญ่ในกระบวนการเชื่อมโยงโลกเหล่านี้

กู่ฉิงซานพลันหยุดคิดก่อนร่ายวิชาเพื่อปกปิดลมหายใจของตัวเอง

เขาทะยานขึ้นกิ่งไม้สูง หยิบค่ายกลออกมาเพื่อติดตั้งค่ายกลล่องหน

…กู่ฉิงซานปลุกความรู้สูงสุดของอารยธรรมผู้ฝึกยุทธ์ขึ้นมามากมาย ช่วงนี้เขาพัฒนาขึ้นมาก ประสิทธิผลจึงเกินกว่าที่ผู้ฝึกยุทธ์เหล่านั้นจะจินตนาการ

เขาอยู่บนกิ่งไม้เงียบ ๆ ไม่ขยับไปไหน

วินาทีต่อมา ดาบบินสามเล่มปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า

กู่ฉิงซานส่งสัญญาณอย่างระมัดระวัง

ดาบบินสามเล่มยังคงไม่ขยับเพื่อปกป้องรอบข้างเขาเอาไว้

หลังจากรอสักพัก

มีการสั่นสะเทือนเล็กน้อยจากพื้น

ทางข้างหน้าไกลออกไป กระแสน้ำไร้ขอบเขตพัดเข้ามา

กระแสน้ำนี่ราวกับสึนามิน่าสะพรึง แต่ความเร็วมีแต่จะเพิ่มขึ้น

…ทะเลหัวกะโหลก

หัวกะโหลกนับไม่ถ้วนถูกบีบอัด กลิ้งและกลืนกินทุกสิ่งที่อยู่ตามทาง

คิก ๆๆๆๆๆ !

พวกมันพุ่งผ่านพื้นที่เท้าของกู่ฉิงซานไป เสียงดังอึกทึก เพียงได้ยินก็ทำเอาหนังศีรษะด้าน

กู่ฉิงซานก้มมองหัวกะโหลกพร้อมกับที่ไม้เท้าราชาภูตผีจองจำในทะเลแห่งความตระหนักรู้สั่นไหว

ราชาภูตผีสั่นสะท้านเล็กน้อยแต่ยังเฉยชา

…ไม่มีวิญญาณคนตาย

สิ่งเหล่านี้คืออะไร

กู่ฉิงซานส่ายหน้าก่อนมองไกลออกไป

ในราตรีมืดมิด ขุนเขาที่อยู่ไกลออกไปกว้างใหญ่ แม้จะใช้จิตเทพก็มองเห็นได้เพียงหนึ่งถึงสองลูกเท่านั้น

แต่เมื่อมองทะเลหัวกะโหลกค่อย ๆ ถาโถมไปทั่วยอดเขา แรงสั่นสะเทือนยิ่งมายิ่งมาก ไม่มีทีท่าว่าจะหมดสิ้น

นี่เป็นภาพที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม้กระทั่งในขุมนรกที่สิบแปด กู่ฉิงซานก็ไม่เคยเห็นทะเลหัวกะโหลกมาก่อน

“ประตูปีศาจ…”

กู่ฉิงซานพึมพำก่อนหยิบชุดเกราะแม่ทัพอิสระออกมาสวมบนร่างกาย

เขาเพิ่งสวมชุดเกราะเข้าไป แต่ราวกับสัมผัสอะไรได้ เขาพลันหันไปมองทางหนึ่ง

เขาเห็นเปลวเพลิงสีเขียวพุ่งขึ้นท้องนภามาจากทางค่ายทหาร

ในทางนั้น ปฐพีกลายเป็นภาพมายา

ในเวลาเดียวกัน ภาพมายาจากอีกโลกปรากฏขึ้น มันคงอยู่หลายอึดใจ

กู่ฉิงซานหรี่ตาอยู่สักพัก

ในโลกมายานั่น เขาเห็นสัตว์ประหลาดชั่วร้ายทั้งหมดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

ทันใดนั้น ภาพมายาของสองโลกกะพริบสลับกัน โลกมายาได้หายไป

ที่ตำแหน่งค่ายทหาร ต้นไม้และหิมะทั้งหมดหายไปสิ้น

ใบหน้าของกู่ฉิงซานพลันเปลี่ยนไป

เขาเคยเห็นสิ่งนี้

ตอนสู้กับเศษเสี้ยวยมโลก ประตูสีแดงเคยใช้วิชาหนึ่ง…วัฏจักรแห่งความเป็นความตาย

ตอนนี้เหมือนกับตอนนั้นเลย

หรือว่าค่ายทหารทั้งหมดถูกส่งไปยมโลกแล้ว

ไม่

ไม่ใช่

ฝั่งตรงข้ามไม่ใช่ยมโลกเลย!

“หืม มีปลาหลุดแหมาได้หรือเนี่ย”

เสียงหมองหม่นดังขึ้น

กรงเล็บขนาดยักษ์ยื่นออกมาจากทะเลหัวกะโหลกก่อนทะลวงใส่ค่ายกลแล้วคว้ากู่ฉิงซานเอาไว้

..............................