ตอนที่ 1134 ฆ้องธรรม
ขุนเขาเซียวหมีสีเทาเข้มตั้งตระหง่านไกลออกไป
เซี่ยเต้าหลิงหันมากล่าวกับผู้ฝึกยุทธ์ว่า “หากพวกเจ้าเต็มใจก็จงก้าวข้ามภัยพิบัติกับข้า ถ้าพวกเจ้ารักตัวกลัวตาย โปรดกลับไปเดี๋ยวนี้เลย”
ทุกคนมองนาง นางมองพวกเขา เกิดความลังเลสักพัก
ชายชราคนหนึ่งพลันถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ใช่ ขุนเขาเซียวหมีถูกทำลายเกือบหมดแล้ว ภัยพิบัติครั้งนี้อันตรายเกินไป ในฐานะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสูงสุดของระดับนภายามค่ำ ชายชรายังอยากใช้ชีวิตยาวนานอีกสักหน่อย คงดีกว่าที่จะขอรอดูอีกสักปีว่าอนาคตจะดีกว่านี้หรือเปล่า”
หลังจากพูดจบ ชายชราขยับมือร่ายวิชาย้อนกลับพลังวิญญาณเพื่อทะลวงจุดตันเถียน
พรวด…
หลังจากกระอักโลหิตออกมา ร่างของชายชราค่อย ๆ หายไปจากโลกใบนี้
หลังจากนั้น ผู้ฝึกยุทธ์อีกสองคนเลือกถอยเพื่อหลีกเลี่ยงจากภัยพิบัติดังกล่าว
คนที่เหลือไม่ขยับ
กู่ฉิงซานนับ
หากรวมอาจารย์กับเขาแล้ว เหลือทั้งสิ้นสิบคน
ผู้ฝึกยุทธ์เก้าคนอยู่จุดสูงสุดของระดับนภายามค่ำ
กับผู้ฝึกยุทธ์อีกคนที่อยู่ระดับราชาแห่งอิสรภาพ
พลังนี้ กู่ฉิงซานเคยเห็นเพียงคนเดียวในชั่วชีวิตที่ผ่านมา
“ไปเถอะ”
เซี่ยเต้าหลิงพุ่งขึ้นไปก่อนกวาดผ่านขุนเขาเซียวหมี
กู่ฉิงซานขยับ
อีกแปดคนตามติด
หลังจากเหาะมาได้ราวสิบห้านาที ในที่สุดทุกคนมาถึงตีนเขาเซียวหมี
จิตของกู่ฉิงซานขยับขณะกระตุ้นพลังของโลกในดวงตาเพื่อสังเกตขุนเขาอย่างเงียบงัน
…เมื่อมองขุนเขาศักดิ์สิทธิ์จากที่นี่ มันให้ความรู้สึกต่างออกไป
ขุนเขานี้คล้ายกับขุนเขาธรรม เขาไม่อาจมองเห็นได้ว่าอะไรอยู่บนภูเขา
แต่หากใช้พลังของโลกเพื่อสัมผัส เขาจะพบว่ามีแหล่งกำเนิดพลังโลกกับกฎเกณฑ์แห่งสวรรค์และปฐพีไม่มีสิ้นสุดซ่อนอยู่ในขุนเขา
ทันใดนั้น มันดูเหมือนกับโลกใบใหญ่ แต่หากสัมผัสดี ๆ มันจะให้ความรู้สึกโปร่งแสงกับทุกคน
“แปลกแหะ…” กู่ฉิงซานพึมพำ
ทุกคนหันมองมาที่เขา
“ไม่มีอะไร” กู่ฉิงซานหัวเราะ “ตอนนี้พวกเราควรทำยังไงดี”
“ผู้ส่งสารจะเลือกพวกเราขึ้นไป” เซี่ยเต้าหลิงชี้ไปที่ข้างหน้า
ที่ตีนเขาสีเทา หลุมพลันแตกร้าว
ลิงแสมออกมาก่อนตะโกนใส่กลุ่มคนว่า “สถานการณ์ยิ่งมากยิ่งแย่ มาช่วยเร็ว”
“สถานการณ์อะไร” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งถามอย่างอาจหาญ
ลิงแสมถอนหายใจแล้วตอบว่า “ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์กำลังเร่งความเร็วจนใกล้เข้าสู่การสูญพันธุ์แล้ว เกรงว่าครั้งนี้จะเหลือโชคอีกไม่มากแล้ว”
ทุกคนเงียบ
ทันใดนั้น ผู้ฝึกยุทธ์หญิงคนหนึ่งกระอักโลหิตออกมา ร่างของนางค่อย ๆ หายไปจากที่ที่เคยอยู่
ถอยไปอีกหนึ่ง
ตอนนี้เหลือเก้าคน
ลิงแสมเการ่างกายแล้วถามอย่างสับสนว่า “ทำไมถึงหนีไปคนหนึ่งล่ะ”
มันส่ายหน้าก่อนยกฆ้องกับค้อนขึ้น
“เคาะฆ้องแล้วเจ้าจะถูกส่งขึ้นเขา”
“ฆ้องธรรมจะสุ่มมอบชื่อให้พวกเจ้า หลังจากรับชื่อที่ได้มาแล้ว ในท้ายที่สุดพวกเจ้าจะถูกโยนไปตามมุมต่าง ๆ ของขุนเขาศักดิ์สิทธิ์”
“ใครจะไปก่อน”
กลุ่มคนมองฆ้องในมือของลิงแสม
…ใช่แล้ว ตามบันทึกของภัยพิบัติในอดีต เมื่อเข้าสู่ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ในตอนแรก ทุกคนจะถูกจับแยกกัน
“ข้าจะไปก่อน”
เซี่ยเต้าหลิงรับฆ้องกับค้อนไปก่อนชำเลืองมองกู่ฉิงซานแล้วกล่าวว่า
“ข้าไปก่อนล่ะ”
กู่ฉิงซานพยักหน้าเล็กน้อยแล้วตอบว่า “อาจารย์ ระวังตัวด้วย ข้าจะตามหาท่านหลังจากเข้าไป”
เซี่ยเต้าหลิงชูฆ้องขึ้นก่อนเคาะมันเบา ๆ
เสียงหนึ่งพลันดังมาจากฆ้องธรรม “เซี่ยเต้าหลิง ครั้งนี้ข้าขอมอบชื่อ: สามปราชญ์แห่งโลกา”
“สามปราชญ์แห่งโลกาคือชื่อที่สามารถได้รับเฉพาะเซียนผู้เป็นที่นับถือจากคนนับพัน ดูจากชื่อกับนิสัยแล้ว ข้าขอตัดสินว่า…”
“เซี่ยเต้าหลิง เข้าสู่สถานที่: เมืองโบราณเทียนเซียน”
ชั้นแสงวิญญาณพุ่งออกมาจากร่างของเซี่ยเต้าหลิง นางหายไปพร้อมกับเสียง “ฟิ่ว”
ทุกคนให้กำลังใจ
“เซี่ยเต้าหลิงช่างน่านับถือจริง ๆ ”
“ถึงกับได้ไปเมืองโบราณเทียนเซียน!”
“ใช่ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเลย”
“ดูท่าครั้งนี้จะเป็นโอกาสที่พลาดไม่ได้จริง ๆ ”
…เซี่ยเต้าหลิงเริ่มต้นได้ดี
ตามบันทึกประวัติศาสตร์ เมืองโบราณเทียนเซียนคือสถานที่มั่งคั่งที่สุดที่ตีนเขาเซียวหมี มีมรดกและสมบัตินับไม่ถ้วน เมืองโบราณถูกห้อมล้อมโดยพลังเวทมนตร์ป้องกันแน่นหนาทรงพลัง เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการอยู่อาศัย
กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักพักก่อนถามหน้าต่างระบบเทพสงครามอย่างแผ่วเบาว่า “ชื่อใหม่…มันเป็นแค่ชื่อจริง ๆ หรือ”
“เป็นที่ยอมรับจากกฎเกณฑ์แห่งสวรรค์และปฐพี เป็นที่ยอมรับจากทุกสรรพสิ่ง นั่นคือฉายาและยังเป็นชื่อใหม่อีกด้วย” หน้าต่างระบบเทพสงครามตอบ
พลังวิญญาณถูกหักไปสองร้อยแต้มทันที
ตอนนี้กู่ฉิงซานคือชายมั่งคั่ง มีพลังวิญญาณหกล้านแต้ม เขาจึงเพียงแค่ชำเลืองมอง
ถ้าหากเป็นชื่อฉายา เขาก็มีชื่อฉายาทรงพลังมากมาย อาทิ ราชาภูตผีแห่งยมโลก แม่ทัพเทพ ดาราอัคคีเทพสงครามและนักฆ่ามังกรในยุคโบราณ
…แต่เขาเพิ่งสังหารมังกรฟ้าไป ฉายา “นักฆ่ามังกรในยุคโบราณ” ในตอนนี้จึงน่าจะเปลี่ยนไปแล้ว
เขากำลังครุ่นคิด สายตาเหลือบเห็นลิงแสมถือฆ้องและค้อนก่อนมองมาที่ทุกคน “เอาล่ะ คนต่อไป”
ผู้ฝึกยุทธ์วัยกลางคนรับฆ้องพร้อมเผยรอยยิ้มออกมา
ผู้ฝึกยุทธ์วัยกลางคนกล่าวว่า “สหายเต๋ากู่และทุกท่าน ถึงข้าจะไม่มีพรสวรรค์ แต่ก็มั่นใจในเรื่องชื่อเสียงและสิ่งที่ตัวเองทำ ข้าน่าจะสามารถไปเมืองโบราณเทียนเซียนได้เหมือนกัน ดังนั้นข้าขอไปก่อนเพื่อตามติดจ้าวสำนักเซี่ย ส่งข้าได้เลย”
กู่ฉิงซานพยักหน้าเมื่อคิดตาม “ถ้างั้นเจ้าไปก่อนเลย”
ผู้ฝึกยุทธ์วัยกลางคนหยิบค้อนมาฟาดใส่ฆ้อง
ฆ้องธรรมส่งเสียงทันที “จางหย่งจือ ครั้งนี้ข้าขอเปลี่ยนชื่อเจ้าเป็น: ปรมาจารย์หมอปราชญ์”
“ปรมาจารย์หมอปราชญ์คือชื่อที่สามารถได้รับเฉพาะผู้ฝึกยุทธ์ที่มีโลกอยู่ในจิตใจและยังสามารถได้รับเฉพาะเซียนผู้เป็นที่นับถือจากคนนับพัน ดูจากชื่อกับนิสัยแล้ว ข้าขอตัดสินว่า…”
“จางหย่งจือ เข้าสู่สถานที่: เมืองโบราณเทียนเซียน”
ทุกคนปรบมือ
จางหย่งจือประสานมือเล็กน้อยก่อนถูกเคลื่อนย้ายพริบตาทันที
กู่ฉิงซานรู้สึกวางใจเล็กน้อย
คนคนนี้ช่ำชองวิชารักษา เขายังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับนภายามค่ำอีกด้วย แถมวิธีการโจมตีก็ไม่ได้แย่ การที่สามารถได้รับฉายาเช่นนั้นมาได้ ตัวตนของเขาย่อมไม่ธรรมดา
น่าจะเป็นผู้ช่วยที่ดี
ตอนนี้ ลิงแสมชูฆ้องและค้อนอีกครั้งขณะมองกลุ่มคน
ผู้หญิงที่มีใบหน้างดงามแต่อารมณ์ขุ่นมัวเดินไปหยิบค้อนแล้วเคาะฆ้องอย่างแผ่วเบา
ฆ้องธรรมส่งเสียงทันที “วังยาหยุน ครั้งนี้ข้าขอเปลี่ยนชื่อเจ้าเป็น: นางฟ้าที่ถูกเนรเทศ”
“นางฟ้าที่ถูกเนรเทศคือชื่อของผู้สร้างสวรรค์และปฐพี มันคือชื่อที่สามารถได้รับเฉพาะผู้ฝึกยุทธ์หญิงผู้เป็นที่โปรดปรานจากทุกสรรพสิ่ง ดูจากชื่อกับนิสัยแล้ว ข้าขอตัดสินว่า…”
“วังยาหยุน เข้าสู่สถานที่: ทะเลสาบสารท”
ผู้ฝึกยุทธืหญิงพยักหน้าให้ทุกคนแล้วกล่าวว่า “สหายทุกท่าน ไว้เจอกันข้างใน”
นางถูกปกคลุมด้วยกลิ่นอายก่อนหายไปทันที
ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวว่า “ทะเลสาบสารท…เป็นชื่อที่ดี แต่มันอยู่ใกล้กับป้อมปราการป้องกันอันตรายกับหอสังเกตการณ์ไปหน่อยนะ”
ผู้ฝึกยุทธ์อีกคนกล่าวว่า “ไม่สำคัญหรอก นี่ก็แค่สถานที่อยู่อาศัย ไม่ต้องคิดอะไรมาก”
“อืม นั่นสิ” ผู้ฝึกยุทธ์กล่าว
ตอนนี้ กู่ฉิงซานออกมารับฆ้องจากลิงแสม
ผู้ฝึกยุทธ์ที่เหลือมองเขาพร้อมกัน ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจ
…อาจารย์ของเขาคือ “สามปราชญ์แห่งโลกา” ดังนั้นในฐานะผู้ใช้ดาบยิ่งใหญ่ระดับนภายามค่ำ ชื่อของเขาจะต้องไม่แย่อย่างแน่นอน
กู่ฉิงซานประสานมือให้ทุกคนแล้วกล่าวว่า “ทุกท่าน ไว้เจอกันตอนเข้าไปข้างใน”
เขาหยิบค้อนแล้วตีฆ้องอย่างแผ่วเบา
ฆ้องธรรมส่งเสียงทันที “กู่ฉิงซาน ครั้งนี้ข้าขอเปลี่ยนชื่อเจ้าเป็น: แมวลายตัวใหญ่”
“แมวลายตัวใหญ่คือ…”
ฆ้องธรรมไม่สามารถกล่าวอะไรได้อีก
แมวลายตัวใหญ่
นี่… คือชื่อที่เป็นที่ยอมรับจากกฎเกณฑ์แห่งสวรรค์และปฐพีหรือ
ในชีวิตของฆ้องธรรม มันไม่เคยเผชิญหน้ากับชื่อนี้มาก่อน
แล้วมันจะอธิบายชื่อนี้ได้อย่างไร
กู่ฉิงซานตกตะลึงเล็กน้อยเช่นกัน
ตอนกลายร่างเป็นแมวมันก็ผ่านมานานแล้วไม่ใช่หรือ
ทำไมถึงไม่ได้รับฉายานักฆ่ามังกรล่ะ
หรือฉายาเทพสงครามก็ได้
ได้อย่างไร…
เขามองเหล่าผู้ฝึกยุทธ์
ผู้ฝึกยุทธ์มองเขาด้วยสายตาที่ยากจะอธิบาย
ตอนนี้ ฆ้องธรรมไม่คิดให้มากความอีกต่อไปก่อนประกาศทันทีว่า
“กู่ฉิงซาน เข้าสู่สถานที่: หอสังเกตการณ์แนวหน้า”
พวกเขาเห็นแสงวิญญาณปกคลุมกู่ฉิงซานก่อนหายไปจากสายตาของทุกคน
..............................