webnovel

1135 กำหราบมาร

ตอนที่ 1135 กำราบมาร

ราตรีเย็นเยียบ

พายุหิมะพัดโหม

หอสังเกตการณ์แนวหน้า

กู่ฉิงซานปรากฏตัวขึ้นจากอากาศบาง

เขาเห็นชุดเกราะมาตรฐานแต่ล้าหลังอยู่บนพื้น นอกนั้นไม่มีอะไร

กู่ฉิงซานนั่งยอง ๆ อยู่บนหินเย็นเยือกขณะมองออกไปนอกหอสังเกตการณ์

ระหว่างภูเขาสูงตระหง่านและสันเขา ไฟสัญญาณที่สาดส่องเป็นระยะดับลงช้า ๆ มีเพียงควันสีดำที่ไม่ต่างจากสีท้องฟ้ายามค่ำลอยขึ้นไปตามสายลม

ระหว่างสวรรค์และปฐพี มีเพียงเสียงสายลมพัดหวีดหวิว

กลิ่นโลหิตอ่อน ๆ ลอยมาตามลม จากนั้นหายไปอย่างรวดเร็ว

โฮก…

หลังจากนั้น ราวกับมีใครบางคนกำลังตรวจสอบ แต่เมื่อกู่ฉิงซานปล่อยจิตเทพเพื่อตรวจสอบ กลับไม่พบอะไร

…ดูท่ามันจะอยู่ไกลจากที่ที่เขาอยู่

กู่ฉิงซานตัดใจ

ความว่างเปล่าพลันขยับ

แผ่นหยกปรากฏตรงหน้ากู่ฉิงซาน

จิตเทพของกู่ฉิงซานทะลวงเข้าไปในแผ่นหยกก่อนเข้าใจทุกสิ่งอย่างรวดเร็ว

…เมื่อผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนเข้าสู่การก้าวข้ามภัยพิบัติขุนเขาเซียนหมี กฎเกณฑ์ของขุนเขาเซียนหมีจะสร้างแผ่นยกขึ้นมาเองเพื่อมอบให้กับผู้ที่มาก้าวข้ามภัยพิบัติ

หลังจากผู้ที่มาก้าวข้ามภัยพิบัติได้รับแผ่นหยกแล้ว พวกเขาจะมีตัวตนอยู่ในขุนเขาเซียวหมี ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็ได้รู้เรื่องง่าย ๆ เรื่องหนึ่ง

ไฟสัญญาณถูกจุดขึ้นในตอนค่ำ

ครึ่งชั่วโมงก่อน แนวหน้าพ่ายแพ้ยับเยิน

ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว หอสังเกตการณ์สูญเสียการทำงาน

ในที่สุดคำสั่งถอยก็ถูกถ่ายทอดออกมา

กู่ฉิงซานคือผู้พิทักษ์ของหอสังเกตการณ์ ตำแหน่งในกองทัพคือหัวหน้า เขาจึงต้องคุ้มกันหอสังเกตการณ์เอาไว้ให้มั่น ห้ามออกไปไหนหากไม่มีคำสั่ง

…แต่ตอนนี้คำสั่งถูกถ่ายทอดมาแล้ว เขาสามารถหนีได้

หลังจากได้รับข้อมูลทั้งหมดแล้ว กู่ฉิงซานถอนหายใจอย่างแผ่วเบา

เขาได้รับฉายา “แมวลายตัวใหญ่” จากนั้นก็ถูกส่งมาที่นี่

การปรนนิบัตินี้ไม่สามารถเทียบกับผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นได้

…เป็นแมวแล้วยังไง แมวก็ต้องมีสิทธิ์แบบแมว ๆ ไม่ใช่หรือ

ทันใดนั้น กู่ฉิงซานสัมผัสถึงมันได้ก่อนจะคว้าเข้าไปในความว่างเปล่าจนได้โล่หลากสีสันมา

โล่ส่งเสียงอย่างแผ่วเบาก่อนแสงสว่างค่อย ๆ ลดลง

แถวคำพูดปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม

“ ‘คำสาปพันธสัญญาหุบเหว’ ของผู้พิทักษ์ทุกสิ่งใช้งานไม่ได้”

“โปรดทราบ นับจากนี้ไป ท่านจะไม่สามารถใช้ ‘คำสาปพันธสัญญาหุบเหว’ ในขุนเขาเซียวหมีได้”

กู่ฉิงซานอดที่จะถามไม่ได้ว่า “ทำไมล่ะ”

หน้าต่างระบบเทพสงครามตอบว่า “ในภัยพิบัติขุนเขาเซียวหมีและภัยพิบัติราชาแห่งอิสรภาพ ผู้ฝึกยุทธ์ต้องเผชิญหน้าความลับที่แท้จริงของตัวตนตัวเอง ดังนั้นขุนเขาเซียวหมีจึงห้ามใช้วิชาอัญเชิญของฝั่งหุบเหว ทำให้มันไม่สามารถเข้าร่วมในครั้งนี้ได้”

“ความลับของตัวตน มันคืออะไรล่ะนั่น” กู่ฉิงซานถาม

“เกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านต้องสำรวจด้วยตัวเอง” หน้าต่างระบบเทพสงครามตอบ

พลังวิญญาณสี่ร้อยแต้มหายไป

กู่ฉิงซานขมวดคิ้วก่อนเก็บโล่ผู้พิทักษ์ทุกสิ่งไว้ในความว่างเปล่า

ช่างมันเถอะ ถึงจะไม่สามารถอัญเชิญสัตว์ประหลาดหุบเหวได้ แต่อย่างน้อยพลังป้องกันของโล่ก็ไม่ได้ถูกลดทอน

ทันใดนั้น เสียงคำรามของสัตว์ประหลาดดังมาจากไกล ๆ

สายลมพัดโหมกระหน่ำ

กู่ฉิงซานมองจากหอสังเกตการณ์

มันช่างยุ่งเหยิง

คนอื่นรีบร้อนจากไป เหลือเพียงเขาคนเดียว

กู่ฉิงซานไม่ลังเลอีกต่อไปก่อนหยิบชุดเกราะเกล็ดหนาบนพื้นมาสวมเข้ากับร่างกาย

…การสวมชุดเกราะไว้กับตัวดีกว่าไม่มีอะไรเลย

แถวหิ่งห้อยพลันปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม

“ท่านได้รับชุดเกราะศึกของทหารแนวหน้า (เก่า ได้รับความเสียหายครึ่งหนึ่ง)”

“ชุดเกราะศึกของทหารแนวหน้า: นี่คือชุดเกราะศึกธรรมดา สามารถป้องกันอาวุธเย็นเยือกได้ในระดับหนึ่ง”

กู่ฉิงซานยื่นมือออกไปเพื่อถือดาบพิภพ ร่างกายขยับก่อนพุ่งเข้าไปในความมืด

มืดมิด

เย็นเยียบ

ทั่วโลกถูกปกคลุมด้วยหิมะ

กู่ฉิงซานเหาะข้ามดินแดนรกร้างเพียงลำพัง

ตอนนี้อยู่ในช่วงสงคราม หลังจากพ่ายแพ้ในการต่อสู้ เขาต้องระวังเล็กน้อยด้วยการไม่เหาะบนท้องนภาบ่อยจนเกินไป

…แต่พวกเขาแพ้ในการต่อสู้ได้อย่างไร ใครคือศัตรู คนฝั่งเขาอยู่ที่ไหน คำถามเหล่านี้ไม่มีคำตอบ

แผ่นหยกเพียงให้ตัวตนและคำอธิบายพื้นฐานที่สุด ไม่ได้บอกอะไรมากไปกว่านั้น

กู่ฉิงซานมองรอบข้างขณะพุ่งไปข้างหน้า

สายลมและหิมะรุนแรงจนไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ตามทาง

“ดาบพิภพ” กู่ฉิงซานกระซิบ

“ข้าอยู่นี่แล้ว”

“เจ้ารู้สึกหรือเปล่าว่าโลกใบนี้เหมือนจะต่างจากโลกที่พวกเราเคยเดินทางมาก่อนในอดีต”

“…ก็ไม่นะ” ดาบพิภพตอบ

กู่ฉิงซานตวัดดาบพิภพก่อนฟันใสปฐพีอย่างรุนแรง

ปัง!

เกิดเสียงหมองหม่นขึ้น

ปฐพีแยกออกจนเกิดเป็นหลุมขนาดเล็ก

“ตอนนี้ข้าสัมผัสได้แล้ว” ดาบพิภพกล่าว “กฎเกณฑ์ดั้งเดิมของโลกเกินกว่าที่จินตนาการเอาไว้ ดัง

นั้นข้าจึงไม่สามารถทำลายโลกนี้ได้”

ในอดีต ด้วยการฟันของกู่ฉิงซานเช่นนี้ ปฐพีจะต้องแตกเป็นเสี่ยง ๆ ไปแล้ว

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ใช่ ว่ากันว่าโลกบนขุนเขาเซียวหมีกำลังจะถูกทำลาย แต่โลกใต้เท้าพวกเรายังมั่นคงอยู่ มันออกจะแปลกนิดหน่อย…”

เขาพลันหยุดนิ่ง

เขารอสักพัก

ทันใดนั้น เสียงระแวดระวังดังขึ้นในความมืดข้างหน้า

“ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ”

กู่ฉิงซานประสานมือก่อนตอบว่า “หัวหน้าของหอสังเกตการณ์ที่สิบห้าทางตะวันตกเฉียงใต้ตอนล่าง กู่ฉิงซาน ได้รับคำสั่งให้อพยพ”

เสียงนั้นถามอีกว่า “ข้ารู้จักหอสังเกตการณ์ แต่ทำไมเจ้าถึงมาคนเดียวล่ะ พวกพ้องของเจ้าไปไหน”

กู่ฉิงซานตอบว่า “เพราะหน้าที่ต่อไปคือต้องบุกทะลวงน่ะ ส่วนพวกเขาต้องติดตามกองกำลังใหญ่ ทำให้ต้องถอยออกจากพื้นที่นี้”

ทันใดนั้น เสียงที่อ่อนกว่าเล็กน้อยดังขึ้น “สิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง คนที่หอสังเกตการณ์ไปแล้ว ข้าเห็นพวกเขาไปแนวหลังกับตา”

เสียงก่อนหน้านี้ผ่อนคลายลงก่อนกล่าวว่า “เป็นแบบนี้นี่เอง”

…ในฐานะพลทหารที่รับผิดชอบการบุกทะลวงเพียงอย่างเดียว การกระทำเช่นนี้นับว่าน่านับถือนัก

เขาเห็นมุมหนึ่งของความมืดเปิดออก เผยให้เห็นแสงสว่างข้างใน

ผู้ฝึกยุทธ์สองคนสวมชุดเกราะหนังมองรอบข้างอย่างระแวดระวัง

“เข้ามา หัวหน้ากู่”

ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีคันธนูยาวส่งสัญญาณ

กู่ฉิงซานมองรอบข้าง

เห็นได้ชัดว่าสองคนนี้เป็นหน่วยสอดแนมที่รับผิดชอบการสืบหาข้อมูลโดยเฉพาะ

กู่ฉิงซานเดินเข้าไปในวงเวท

วงเวทปิดทันที

ความมืดกลับมาปกคลุมถิ่นทุรกันดารอีกครั้ง

“พวกเจ้ากำลังพักอยู่หรือเปล่า” กู่ฉิงซานเดินมานั่งอยู่ข้างกองไฟก่อนเปิดปากถาม

ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีคันธนูอยู่ข้างหลังตอบว่า “ใช่ ข้าวิ่งไปมาเจ็ดแปดวัน ต่อสู้หลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถยื้อไว้ได้”

ทั้งสามคนประสานมือพร้อมกัน

“กู่ฉิงซาน”

“ชางยูลี่” ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีคันธนูอยู่ข้างหลังกล่าว

“ไป่จั่ว” ผู้ฝึกยุทธ์ถือมีดสั้นกล่าว

กู่ฉิงซานมองผู้ฝึกยุทธ์หนุ่ม

“อา ใช่ ชื่อนี้พ่อข้าตั้งให้น่ะ เขาคือผู้เชี่ยวชาญอาหารวิญญาณ เชี่ยวชาญของประเภทต้ม ตระกูลของข้าแซ่ไป่ เพราะงั้น…” ชายหนุ่มกล่าว

กู่ฉิงซานชื่นชม “ข้าเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว ที่จริง ที่บ้านเกิดข้าก็ทำอาหารวิญญาณเหมือนกัน”

ไป่จั่วแตะศีรษะของตัวเองแล้วกล่าวอย่างเขินอายว่า “ที่จริง เทียบกับการทำอาหารแล้ว ข้าคิดว่าตัวเองชอบการต่อสู้มากกว่า”

เขาแนะนำวิชาที่ทำให้ไฟร้อนแรงมากยิ่งขึ้น

ชางยูลี่หยิบหม้อออกมา ตั้งกองไฟก่อนเริ่มโยนวัตถุดิบลงไป

“อย่าคิดว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญอาหารวิญญาณ เขาคือนักดาบ… ที่ฆ่าปีศาจน่ะ”

ชางยูลี่ปรี่เข้ามาหากู่ฉิงซานก่อนแอบส่งสัญญาณ

กู่ฉิงซานเข้าใจ

มันคือการแสดงออกต่อหน้าคนรัก

เหอะ นี่แหละคือสิ่งที่วัยหนุ่มสาวเต็มใจทำ

กู่ฉิงซานยิ้มก่อนเอื้อมมือไปที่ถุงเก็บของ

มือของเขาหยุดนิ่ง

ถุงเก็บของว่างเปล่า

…ในโลกเทียนจู ของทั้งหมดได้ถูกมอบให้กับเศษเสี้ยวโลกเหล่านั้นไปแล้ว

ยาเม็ดสีเขียวเข้มเม็ดสุดท้ายถูกเขากินไปแล้วเช่นกัน

หากไม่นับดาบบินสามเล่ม เขาก็ไม่มีอะไรติดตัวเลย

การคลี่คลายเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ทำเอาหัวใจของกู่ฉิงซานดิ่งวูบ

เขานั่งอยู่กับที่ด้วยความเศร้าโศก ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร

ชางยูลี่และไป่จั่วต่างเป็นหน่วยสอดแนม สายตาของพวกเขาคมปลาบกว่าคนทั่วไป ไป่จั่วพลิกถุงเก็บของก่อนเพิ่มวัตถุดิบเข้าไป ชางยูลี่กล่าวอย่างอบอุ่นว่า “พี่กู่ โปรดทำอาหารให้พวกข้าที ถือว่าเป็นการเปิดหูเปิดตา”

กู่ฉิงซานลูบมือก่อนกล่าวอย่างเขินอายว่า “ถ้างั้นขอรบกวนหน่อยแล้ว ที่จริงข้าคุ้นเคยกับการทำอาหารเป็นอย่างดี ดังนั้นข้าน่าจะช่วยได้”

ดวงตาของชางยูลี่ทอประกายแล้วกล่าวว่า “จะว่าไปแล้ว เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเคยทำอาหารวิญญาณมาก่อน ถ้างั้นข้าจะพยายามเพื่อเจ้าก็แล้วกัน”

กู่ฉิงซานวางหม้อ ท่วงท่าของเขาเปลี่ยนไป “อย่าห่วงไปเลย พวกเราจะเริ่มกินข้าวเย็นกันภายในครึ่งชั่วโมง”

ชางยูลี่และไป่จั่วพยักหน้าก่อนพักผ่อน

…เป็นความจริงที่ผู้ฝึกยุทธ์สามารถอดอาหารได้เป็นเวลานาน

แต่สิ่งที่เรียกว่าการกินนั้น หากคิดแค่ว่ากินให้อิ่มอย่างเดียว นั่นนับว่าเป็นความเข้าใจผิดเรื่องการกินอย่างมหันต์

ผู้เชี่ยวชาญอาหารวิญญาณที่แท้จริงนั้นสามารถปรับสภาพของผู้ฝึกยุทธ์กลุ่มใหญ่ให้ไปถึงจุดสูงสุดได้เพียงแค่ทำอาหารให้กิน จากนั้นก็ตบท้ายด้วยจิบชาวิญญาณ

…ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์แบบไหนก็ตาม

อาหารมื้อเย็นถูกเตรียมไว้อย่างรวดเร็ว

จากนั้นพวกมันถูกกินโดยทั้งสามคนอย่างรวดเร็ว

ชางยูลี่ยืนขึ้นแล้วกล่าวว่า “หัวหน้ากู่ ไป่จั่วกับข้าจะไปแนวหน้าอีกครั้งทันทีเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ จากนั้นหัวหน้ากู่ค่อยตามมาทีหลัง”

กู่ฉิงซานยืนขึ้นเช่นกันแล้วกล่าวว่า “ถ้าพวกเจ้าไม่ว่าอะไร บอกข้าทีว่าอยากไปสำรวจกันยังไง ยังไงเสีย ข้าคือคนสุดท้ายที่ออกจากแนวหน้า อาจจะสามารถจัดหาข้อมูลที่ต้องการให้ได้”

ชางยูลี่พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “พวกข้ากำลังตามหาสัตว์อสูรตัวหนึ่งน่ะ”

ขณะสนทนา เขาส่งยันต์มาให้ดู

“เสือหรือ” กู่ฉิงซานหยิบยันต์ออกมาขณะถามด้วยความประหลาดใจ

ไป่จั่วตอบว่า “ใช่ มันทำให้เกิดความสูญเสียใหญ่หลวงกับกองทัพแนวหน้า ซ่างเฟิงขอให้พวกข้าไปตามหาร่องรอยของมัน”

กู่ฉิงซานครุ่นคิด “ตอนข้าออกจากหอสังเกตการณ์แนวหน้าที่สิบห้าทางตะวันตกเฉียงใต้ ข้าได้ยินเสียงคำรามจากไกล ๆ แต่ข้าไม่มั่นใจว่ามันใช่เสือหรือเปล่า”

…หน่วยสอดแนมสองคนได้รับมอบหมายให้ค้นหาเสือโดยเฉพาะ

นี่คือเรื่องจริงจังหรือ

กู่ฉิงซานปล่อยจิตเทพเพื่อสัมผัสพวกเขาเล็กน้อย

ชางยูลี่ต่ำกว่าเขาสามระดับ

ไป่จั่วต่ำกว่าเกือบจะสี่ระดับ

พละกำลังของพวกเขานับว่าพอถูไถและอาจจะมีพลังเหนือธรรมชาติซ่อนอยู่ก็ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงถูกเลือกให้กลับไปแนวหน้าเพื่อรับหน้าที่ดังกล่าว

ไป่จั่วร่ายวิชาเพื่อดับไฟ พวกเขาสามคนจัดวางทุกสิ่งอย่างเป็นระเบียบ

ได้เวลาจากกันแล้ว

“ลาก่อน” ชางยูลี่และไป่จั่วประสานมือ

“พวกเจ้าสองคนระวังตัวด้วย” กู่ฉิงซานประสานมือเช่นกัน

ทั้งสองคนพยักหน้าเล็กน้อยก่อนเหาะไปยังส่วนลึกของถิ่นทุรกันดาร

กู่ฉิงซานหันหลังก่อนไปตามทางของตัวเองต่อ

คำสั่งทหารกำหนดให้ทหารยามทุกคนกลับค่ายทหารฉางเฟิงก่อนรุ่งสาง ดังนั้นกู่ฉิงซานจึงเร่งความเร็วในการเดินทาง

ราตรีเย็นเยียบมืดมิดสุดหยั่ง

หิมะรอบข้างยิ่งมากยิ่งหนา สายลมค่อย ๆ เบาลงก่อนหายไปในที่สุด

กู่ฉิงซานยังคงเหาะต่อไป

ผ่านไปสักพัก เขาพลันหยุด

โลหิตแรงกล้าพุ่งเข้ามา

กู่ฉิงซานหลุบตา พลิกมือเพื่อถือดาบศักดิ์สิทธิ์กับดาบพิภพเอาไว้

แฮ่ก! แฮ่ก!

เสียงหอบรุนแรงดังจากไกลมาใกล้ ไม่ช้าก็มาถึงกู่ฉิงซาน

เสียงหอบค่อย ๆ หายไป

เสือร่างผอมที่มีเปลวเพลิงผีสีเทาปรากฏขึ้นตรงข้ามกับกู่ฉิงซาน

มันสูงราวสามเมตรและยาวเกือบสิบเมตร มันหรี่ตาขณะจับจ้องกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานเม้มริมฝีปาก

เหลวไหลน่า…

มันคือเสือจริง ๆ

คาดไม่ถึงว่าจะมาเจอสิ่งมีชีวิตร้ายกาจเช่นนี้

กู่ฉิงซานรับรู้ได้ถึงอันตราย สีหน้าของเขาค่อย ๆ จริงจัง

เสือร่างผอมจ้องมองเขาก่อนพลันพ่นบางสิ่งออกจากปาก

สิ่งนั้นตกลงบนพื้นก่อนจมเข้าไปในหิมะ

…ศีรษะมนุษย์

ไป่จั่ว

เขาลืมตาเบิกกว้าง แววตาคล้ายกับสิ้นหวัง

ตายตาไม่หลับ

ดวงตาของกู่ฉิงซานเย็นเยียบ จิตสังหารของเขาค่อย ๆ รุนแรงขึ้น

“สัตว์อสูร ข้าจะถลกหนังเจ้า”

เขาชูดาบขึ้นขณะกล่าวช้า ๆ

ทันใดนั้น แถวตัวอักษรขนาดเล็กปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม

“ท่านได้เข้าร่วมการต่อสู้แห่งการทำลายล้างขุนเขาเซียวหมีอย่างเป็นทางการ เพื่อช่วยท่านในการต่อสู้และเอาชีวิตรอด ฉายาที่ขุนเขาเซียวหมีมอบให้ท่านมีพลังเหนือธรรมชาติระดับราชาแห่งอิสรภาพอยู่ด้วย”

“เพราะท่านคือผู้ฝึกยุทธ์ ประกอบกับฉายาของท่านคือ: แมวลายตัวใหญ่ ท่านจึงได้รับพลังเหนือธรรมชาติระดับราชาแห่งอิสรภาพ”

“กำราบมาร · หอกส้ม”

..............................