ตอนที่ 498 ฟังก์ชันใหม่ของระบบ
หลังจากได้ฟังคำพูดของเสี่ยวเหมียว กู่ฉิงซานก็เริ่มเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตของทั้งสอง
หากได้ลองคิดอย่างรอบคอบ ด้วยความสามารถของทั้งสอง อย่างน้อยก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลเกี่ยวกับ การใช้ชีวิตประจำวัน
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังมีโลกมิติอนันต์เป็นของตัวเองอีก
ถ้าหากไม่มีโลกมิติอนันต์นี้ เกรงว่าการจะจับตัวพวกเขามันคงทำได้ไม่ยาก
หลังจากที่แบรี่ได้รับบาดเจ็บอย่างร้ายแรง เขาก็เก็บตัวอยู่ในโลกมิติอนันต์ไม่ออกไปไหน
หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือไม่มีใครสามารถทำอะไรกับเขาได้
ดังนั้น โลกมิติอนันต์จึงเปรียบดั่งเซฟเฮ้าส์ที่ปลอดภัย
ขณะครุ่นคิด กู่ฉิงซานก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่งขึ้นในทันใด
“ผมมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะขอคำปรึกษา...จะได้ไหม?” เขาหันไปประสานสองกำปั้นให้แก่อีกฝ่ายและกล่าว
“ว่ามาสิ”
เสี่ยวเหมี่ยวที่กำลังปอกเปลือกกุ้งผัดพริกตอบรับโดยไม่เงยหัวขึ้นมา
กู่ฉิงซาน “ผมอยากจะรู้ถึงวิธีการแยกแยะความแข็งแกร่งของโลกทั้งเก้าร้อยล้านชั้นน่ะ”
“แยกแยะเหรอ?”
เสี่ยวเหมียวเลียน้ำพริกตรงมุมปากและกล่าวว่า “นายจะต้องเข้าใจเรื่องหนึ่งซะก่อนนะ โลกตลอดทั้งเก้าร้อยล้านชั้นน่ะมันเต็มไปด้วยเผ่าพันธุ์ประหลาดและความสามารถอันหลากหลายเกินไป ชนิดที่ว่าทางผู้พิทักษ์หอสูงทำ ได้เพียงรวบรวมภาษาของสิ่งมีชีวิตลงในพจนานุกรมเท่านั้น แต่พวกเขากลับไม่สามารถบันทึกถึงความสามารถทั้งหมดได้”
“กระทั่งพวกเขาก็ทำไม่ได้งั้นเหรอ?”
“ใช่ พวกเขาใช้เวลากว่าร้อยปีในการบันทึกเส้นทางการพัฒนาและรายละเอียดรูปแบบความสามารถของตัวตน ที่มีความแข็งแกร่ง แต่ในที่สุดแล้วพวกเขาก็ต้องยอมแพ้”
“ทำไมกัน?”
“เพราะพวกเขาค้นพบว่าในระหว่างที่ทำการบันทึก มันก็ได้มีการดำรงอยู่ของตัวตนทรงพลังกลุ่มใหม่ผุด ออกมาไม่หยุดหย่อน พวกมันถือกำเนิดขึ้น เติบโตขึ้น ครอบครองพลังใหม่ที่ไม่มีในบันทึก แถมยังกระจายตัว อยู่ทั่วกาแล็กซีอันกว้างใหญ่”
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงจะต้องบันทึกกันต่อไปไม่จบไม่สิ้นสินะ” กู่ฉิงซานถอนหายใจ
“แต่มีอีกจุดหนึ่งที่สำคัญยิ่งกว่า”
“อะไรเหรอ?”
เสี่ยวเหมียวยกผ้าขึ้นมาเช็ดปากแล้วอธิบายต่อ “สมมุติว่ามีตัวตนพลานุภาพอยู่สามคน ชื่อก็เอาเป็นเอ บี ซีแล้วกันเอ เป็นนักสู้ชั้นยอด เขาสามารถระเบิดดวงดาวได้ด้วยหมัดเดียว ด้วยความแข็งแกร่งของเขา เขาสามารถมีชัยเหนือความสามารถของบีได้ อธิบายถึงตอนนี้นายยังไม่งงใช่ไหม?”
“อ่า”
“ดีมาก ต่อมา ถึงแม้ว่าบีจะแพ้ทางเอก็จริง แต่เขาสาามารถรับมือกับเทคนิคเทียนซวนของซีได้ แต่ซีที่มีเทคนิคเทียนซวนน่ะไม่เกรงกลัวต่อพลังหมัดของเอเพราะซีมีพลังที่สามารถยับยั้งการโจมตีของนักสู้ได้อย่างง่ายดาย”
“ทั้งสามคน ล้วนแพ้ทาง และชนะทางซึ่งกันและกัน ”
“ไหนนายลองบอกฉันซิว่าจะแยกแยะความแข็งแกร่งของพวกเขาได้ยังไง?”
กู่ฉิงซานที่ถูกถามอึ้งไป
เขาลองคิดเกี่ยวกับมันและพบว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะแยกแยะความแข็งแกร่ง
เสี่ยวเหมียวกล่าวต่อ “ไม่เอาน่า นี่มันไม่ใช่โลกแฟนตาซีนะ มันคือโลกจริง โลกที่มีความสามารถแปลกๆ และแม้กระทั่งสมาคมผู้พิทักษ์ก็ยังไม่เคยพบเห็น ดังนั้นสำหรับทุกคนแล้ว วิธีการแยกแยะความแข็งแกร่งที่ ดีที่สุดจึงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น”
“หนึ่งเดียวที่ว่าก็คือ...?”
“ถ้านายชนะอีกฝ่ายได้นายก็เก่งกว่า ถ้าแพ้ก็กากกว่าเท่านั้นเอง”
“ฟังดูง่ายและตรงประเด็นดีจัง”
“ดังนั้น นายจะต้องตัดสินศัตรูของนายด้วยความรู้สึก ประสบการณ์ และภูมิปัญญาของนายเอง”
ขณะกล่าวเสี่ยวเหมียวก็หยิบดินสอขึ้นมา และเริ่มทำการวาดภาพลงบนสมุด
“แต่ที่นายเตือนฉันก็ดีเหมือนกัน ในความเป็นจริงเราสามารถตัดสินถึงความแข็งแกร่งของศัตรูตรงหน้าได้ เว้นแต่ว่านายจะเขียนนิยาย ถึงจำเป็นต้องระบุถึงขอบเขตให้มันชัดเจน ไม่งั้นเดี๋ยวคนอ่านจะงงแล้วรู้สึกปวดหัวเปล่าๆ”
“...” กู่ฉิงซาน
เสี่ยวเหมียวมองหน้าเขา และอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“ฉันล้อนายเล่นน่ะ”
เธอส่ายหางไปมาอย่างช้าๆ แลดูมีความสุข
“แน่นอน สถานการณ์ที่เพิ่งพูดไปมันเป็นในกรณีที่ทั้งสองฝ่ายมีความแข็งแกร่งแตกต่างกันเล็กๆ น้อยๆ”
“แต่โดยปกติแล้ว เรามักจะมีมาตรฐานอันเรียบง่ายที่ใช้วัดถึงความแข็งแกร่งและอ่อนแออยู่”
“มาตรฐานอะไร?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“อิสรภาพ”
“แล้วจะใช้มันวัดได้ยังไง?”
“โลกมิติอนันต์คือโลกที่เชื่อมต่อมิติตลอดทั้งหมื่นโลกา ขอแค่เพียงนายสามารถอาศัยอยู่ในโลกมิติอนันต์ และสามารถทำลายช่องว่างมิติด้วยการระเบิดโจมตีเพียงครั้งเดียว เพื่อเปิดทางให้โลกอื่นปรากฏสู่สายตานายได้ ยิ่งมากเท่าไหร่ นายก็จะยิ่งแข็งแกร่งเท่านั้น”
“แค่นั้นเองเหรอ?”
เสี่ยวเหมียวยิ้ม “อย่าไปคิดมากเกี่ยวกับมันนักเลย ฉันสัมผัสได้ว่ารอบตัวนายมีปราณดาบอันเฉียบคมอยู่ เมื่อใดก็ตามที่นายสามารถยืนหยัดอยู่ที่นี่ได้ และสามารถใช้คมดาบทำลายมิติ เปิดโพรงช่องว่างจนโลกอื่นปรากฏสู่ สายตานายได้แม้สักหนึ่งโลก ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้ว”
“เอาไว้เมื่อถึงเวลานั้น ฉันค่อยบอกถึงชื่อของบรรดาขอบเขตที่แท้จริงให้กับนายก็แล้วกัน”
กู่ฉิงซานสูดหายใจลึกและกล่าว “เข้าใจแล้ว ฉันจะพยายาม!”
ในขณะนั้นเอง ภายในสมาคมก็บังเกิดเสียงกรีดร้องน่าสมเพชดังขึ้น
บางครั้ง มันก็เป็นเสียงโหยหวนของปีศาจ
บางครั้ง มันก็เป็นเสียงโหยหวนของแบรี่
แต่ในท้ายที่สุด ก็หลงเหลือเฉพาะเพียงเสียงของปีศาจเท่านั้น
“ไม่ หยุดทุบตีกันสักที! ฉันยอมแพ้แล้ว!” ปีศาจร้องขอความเมตตา
“ผายลมเถอะ! อย่าคิดว่าจะมาหลอกฉันได้นะ เห็นๆ อยู่ว่าเป้ากางเกงแกมันตุงๆ คงซ่อนใบมีดแห่งการทำลายล้างเอาไว้ล่ะสิ ทำไมไม่เอามันออกมาเล่า? คิดจะดูถูกฉันรึไง?” เสียงเยาะหยันของแบรี่ดังขึ้น
“เหอะ งั้นก็ตายซะ!” ปีศาจคำรามก้อง
“ดีมาก เข้ามาเลย!” แบรี่กล่าวด้วยความตื่นเต้น
แล้วการต่อสู้รอบใหม่ก็บังเกิดขึ้น
หูของเสี่ยวเหมียวกระดิกไม่หยุด คล้ายกำลังสนุก เธอหันมาถามกู่ฉิงซาน “ว่าแต่นายมาจากโลกไหนกัน?”
“โลกกระจัดกระจาย”
“โลกกระจัดกระจาย! การที่นายสามารถมาถึงที่นี่ได้นับว่าปาฏิหาริย์จริงๆ”
“ผมก็คิดว่ามันเป็นปาฏิหาริย์เหมือนกัน”
“แล้วพรุ่งนี้นายจะไปที่ไหนต่อ?”
“ยังไม่ได้คิดเอาไว้เลย”
หางของเสี่ยวเหมียวส่ายไปมาเล็กน้อย
เธอสามารถบอกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดความจริง
มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกประทับใจเขามากยิ่งขึ้น
“น่าเสียดายนะ ที่พวกเราสามารถให้นายอยู่ได้แค่วันเดียว” เธอถอนหายใจ
“ทำไมกันล่ะ?”
“เพราะถ้านายอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน นายจะถูกพวกเจ้าหนี้ทั้งหมดค้นพบตัวทันที แล้วพวกเขาจะจับตัวนายไป”
“จับตัวผมไปเนี่ยนะ?”
“ใช่ เพราะพวกเขาจะคิดว่านายเป็นหนึ่งในสมาชิกของสมาคม”
“พวกเขาไม่สามารถเอาชนะฉันกับพี่ชายของฉันได้ ดังนั้น พวกเขาเลยจะจับตัวนายไปแทน แล้วบังคับให้ทำงาน อย่างหนักเพื่อชดใช้หนี้ของพวกเรา”
“ดังนั้นหนึ่งวันนับจากนี้ไป นายไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากออกจากสมาคมไปเท่านั้น” เสี่ยวเหมียว กล่าวด้วยความเสียใจ
“พวกคุณไม่มีวิธีที่จะชำระหนี้เลยหรอ?”
“ก็พอมีบ้าง แต่ตอนนี้พวกเราจะต้องอยู่ที่นี่จนกว่าอาการบาดเจ็บของพี่ชายฉันจะหายดี”
เสี่ยวเหมียวถอนหายใจ “ดังนั้น ฉันเลยต้องคอยพึ่งพาค่าต้นฉบับเล็กๆ น้อยๆ นี่ แล้วเปลี่ยนมันเป็นเงินเพื่อ เลี้ยงชีวิต”
ว่าจบ เธอก็ก้มหน้าลงแล้วเขียนต่อไป
กู่ฉิงซานเบนสายตามองออกไปอีกด้านหนึ่ง
เสียงกรีดร้องของปีศาจยังคงดังก้องในหูของเขาบ่งบอกว่าแบรี่กำลังวุ่นอยู่ ขณะที่เสี่ยวเหมียวกำลัง จดจ่ออยู่กับการเขียน
ส่งผลให้เวลานี้ กู่ฉิงซานพอจะมีเวลาว่างเล็กๆน้อยๆเป็นของตัวเองเสียที
วิสัยทัศน์ของกู่ฉิงซานค่อยๆ เบนเข้าหาระบบเทพสงคราม
“ระบบ ตอนนี้คุณสามารถบอกความลับที่ว่าแก่ฉันได้แล้ว”
ติ๊ง!
บังเกิดเสียงดังฟังชัด
“ระบบกำลังคัดกรองความลับจำนวนมาก”
“รางวัลภารกิจแห่งโชคชะตาได้ถูกถอนออกมาแล้ว”
“โปรดตั้งใจฟังให้ดี แล้วเลือกมันอย่างระมัดระวัง”
“หากคุณต้องการกลับไปยังโลกเดิม ความลับนี้ก็จะเกี่ยวข้องกับโลกเดิม”
“หากคุณต้องการอยู่ที่นี่ เพื่อคว้าโอกาสที่จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ความลับนี้ก็จะเกี่ยวข้องกับข่าวลือ”
“โปรดทำการเลือกด้วย”
กู่ฉิงซานขมวดคิ้วเล็กน้อย
ไม่ว่าความลับของโลกเดิมจะคืออะไร แต่รอให้ตัวเองกลับไปก่อน แล้วค่อยพูดถึงมันอีกรอบก็ได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือต้องแข็งแกร่งยิ่งขึ้น!
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฉันเลือกความแข็งแกร่ง”
กู่ฉิงซานกล่าว
พริบตาที่เสียงของเขาตกลง หน้าต่างระบบเทพสงครามก็ปรากฏเส้นแสงตัวอักษรขนาดเล็กขึ้นทันที
“คุณเลือกที่จะอยู่ที่นี่”
“ระบบจะบอกความลับที่จะทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้น”
“โปรดรับฟังอย่างตั้งใจ”
กู่ฉิงซานพยักหน้าจริงจัง บ่งบอกว่าตัวเขารับทราบ
ข้อมูลใหม่ปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม
“การเรียกขานของวิหคหนาม”
“นี่เป็นข่าวเล่าข่าวลือที่มีมานานแสนนาน”
“ท่ามกลางโลกทั้งเก้าร้อยล้านชั้น มันคือสิ่งที่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดถวิลหา”
“ชั้นโลกเหล่านี้ จะอยู่ชั้นในสุดของโลกลำดับชั้น มันมักจะถูกเรียกว่า ดินแดนอัศจรรย์”
“วิหคหนามเป็นสิ่งมีชีวิตพิเศษที่อยู่ในดินแดนอัศจรรย์ มันมักจะซ่อนโลกที่เก็บสิ่งของอันล้ำค่า เอาไว้ราวกับใช้ปีกของตนเองปกคลุม”
“เมื่อใดก็ตามที่วิหคหนามมีปัญหา มันจะบินออกจากดินแดนอัศจรรย์ และทำการเรียกขานไปตลอดทั้งเก้าร้อย ล้านชั้น”
“คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องความแข็งแกร่งมากเกินไปนัก เพราะวิหคหนามจะเรียกขาน เฉพาะคนหนุ่มสาวให้เข้าร่วมเท่านั้น เพื่อช่วยมันจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น”
“เมื่อปัญหาของวิหคหนามได้รับการแก้ไข สมบัติที่วิหคหนามเก็บรวบรวมมาก็จะถูกมอบ ให้กับคนหนุ่มสาวที่ช่วยเหลือมัน”
หลังจากอ่านข้อความนี้ กู่ฉิงซานก็ลอบถอนหายใจอย่างลับๆ “ในโลกนับล้านล้าน ก็ยังมีสิ่งลึกลับแบบนี้อยู่ด้วยสินะ ถือว่าฉันได้เปิดหูเปิดตาอีกแล้ว”
ขณะที่เขากำลังคิดเกี่ยวกับมัน เส้นแสงหิ่งห้อยบรรทัดใหม่ก็เด้งขึ้นมาในหน้าต่างระบบ
“ตอนนี้ฉันจะเริ่มบอกความลับแก่คุณแล้วนะ”
กู่ฉิงซานตกใจ “อ้าว ไม่ใช่เรื่องวิหคหนามเมื่อกี้หรอกหรือที่เป็นความลับ”
“ไม่ใช่ เพราะนั่นคือสิ่งที่ทุกคนในโลกมิติอนันต์ล่วงรู้”
“เข้าใจแล้ว ว่าแต่ความลับที่ว่ามันคืออะไรกัน?”
“วิธีการเปิดใช้งานฟังก์ชันใหม่ของระบบเทพสงคราม”
กู่ฉิงซานตัวแข็งค้าง
ฟังก์ชันใหม่ระบบเทพสงความอย่างงั้นเหรอ?
เขาก้มลงมองส่วนล่างของหน้าต่างระบบ
เห็นแค่เพียงแสงสีฟ้าอ่อนเล็กๆ น้อยๆ บนหน้าต่างเท่านั้น ขณะที่ส่วนใหญ่แล้วตรง ส่วนล่างถูกปกคลุมไปด้วยสีดำ
ปุ่มเหล่านี้ถูกปกคลุมอยู่ภายใต้หมอกสีดำ และมักจะสาดแสงจางๆออกมาเป็นครั้งคราวเท่านั้น
สามฟังก์ชันแรกของระบบ วิชายุทธเทพสงคราม พลังศักดิ์สิทธิ์เทพสงคราม และสุดท้าย สมญาเทพสงคราม ได้ถูกเปิดออกแล้ว
ฟังก์ชันเหล่านี้มีประโยชน์และสามารถช่วยเหลือเขาได้มากมาย
ดั่งเช่นสมญาเทพสงครามที่ก่อนการต่อสู้แต่ละครั้ง กู่ฉิงซานมักจะทำการเตรียมสมญาไว้ล่วงหน้า เพื่อให้มันสอดคล้องกับสถานการณ์
อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ในโลกล่องเวหา กู่ฉิงซานก็ได้ใช้ สมญา นายพลชั้นโหยวจี
เพราะมันช่วยเพิ่มความเร็วในการโจมตีมากขึ้นถึงสิบห้าเปอร์เซ็นต์ซึ่งสำหรับผู้ฝึกดาบแล้ว มันเป็นอะไรที่น่าขวัญผวายิ่ง!
ความเร็วดังกล่าวช่วยชดเชยข้อเสียเปรียบในด้านขอบเขตวรยุทธที่มักจะด้อยกว่าศัตรูพี่พบเจอของเขา
ไม่ต้องกล่าวถึง ‘วิชายุทธเทพสงคราม’ หากไม่ได้รับทักษะนี้ บางทีกู่ฉิงซานคงไม่สามารถเรียนรู้สกิลหรือวิชาต่างๆ ได้รวดเร็วถึงเพียงนี้เป็นแน่
ขณะที่ ‘พลังศักดิ์สิทธิ์เทพสงคราม’ จะช่วยรับประกันให้แก่เขาว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เขายกระดับและกำลัง จะได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์ มันจะช่วยให้เขาได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์มาครอบครองอย่างแน่นอน (ขณะที่คนอื่นๆต้องลุ้นเอา) เพียงแต่ต้องทำภารกิจบางอย่างเพื่อปลดล็อคมันก็เท่านั้นเอง
คุณลองดูสิ ไม่ว่าจะเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์หรือสกิลเทวะอย่าง ‘ย่นระยะเหลือเพียงหนึ่งนิ้วร่างเงาแทนที่และ ตัดขาดการเชื่อมต่อจะอันไหน มันก็ล้วนแล้วแต่เป็นวิชาที่ทรงพลังทั้งนั้นเลยมิใช่หรือ?
แต่ตอนนี้ฟังก์ชันใหม่ของระบบเทพสงครามเปิดขึ้นแล้ว!
กู่ฉิงซานตัดสินใจถามทันที “แล้วจะต้องทำยังไงฉันถึงจะสามารถเปิดฟังก์ชันใหม่ของระบบเทพสงครามได้?”
ติ๊ง!
ระบบตอบ “คุณจะต้องสามารถอยู่ในโลกมิติอนันต์ และยอมรับการเรียกขานของวิหคหนาม”
…………………………………..........