webnovel

0499 แต้มพลังวิญญาณมากเกินไป

ตอนที่ 499 แต้มพลังวิญญาณมากเกินไป

“คุณกำลังจะบอกว่า ถ้าฉันต้องการที่จะเปิดฟังก์ชันใหม่ของระบบเทพสงคราม ก็จะต้องยอมรับการเรียกขานของ วิหคหนามสินะ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

“ใช่” ระบบกล่าว

“แบบนั้นก็ดีน่ะสิ” กู่ฉิงซานหัวเราะ “ถ้าหากทำตามภารกิจของคุณ ไม่เพียงจะได้รับสมบัติของวิหคหนาม แต่ยังสามารถทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นได้อีกด้วย นี่มันเป็นเรื่องที่ดีไม่เลวเลยนี่นา”

“คุณคิดผิดแล้ว” ระบบกล่าวอย่างจริงจัง

“คิดผิดเหรอ อย่างไรกัน?”

“วิหคหนามน่ะเป็นสิ่งมีชีวิตอันพิเศษ มันแปลกประหลาด และโลกที่มันเก็บสมบัติเอาไว้ย่อมหมายความ ว่าไม่มีทางจะธรรมดาอย่างแน่นอน”

“ในกรณีที่โลกของมันเกิดบางสิ่งผิดปกติขึ้น วิหคหนามจะลงมือจัดการกับมันเองก่อนเป็นอันดับแรก”

“และถ้าหากไม่สามารถจัดการกับมันได้ด้วยตนเอง มันจึงจะออกมาขอความช่วยเหลือจากภายนอก และโลกดังกล่าว จะต้องมีอันตรายที่ไม่สามารถจินตนาการได้อยู่อย่างแน่นอน”

กู่ฉิงซานพยักหน้า

ตามที่ระบบว่ามา มันมีเหตุผลจริงๆ

ระบบยังคงกล่าวต่อ “นอกจากนี้ เพื่อให้ได้มาซึ่งสมบัติของวิหคหนาม ท่ามกลางบรรดาผู้เข้าร่วมทั้งหมดทั้งมวล มีแนวโน้มเป็นไปได้สูงทีเดียวที่จะเกิดการลอบสังหารกัน ประวัติศาสตร์ในอดีตมากมายล้วนพิสูจน์มาแล้วถึงเรื่องนี้”

รอยยิ้มบนใบหน้าของกู่ฉิงซานหายไปอย่างสิ้นเชิง

เขาเพียงขบคิดเล็กน้อย ก็สามารถตระหนักได้ถึงอันตรายของมัน

“ถ้าเกิดการต่อสู้หรือสังหารกันของผู้เข้าร่วม วิหคหนามจะไม่สนใจดูแลเลยเหรอ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

“ชนะหรือพ่ายแพ้คือกฎเกณฑ์ตามธรรมชาติ และวิหคหนามก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้”

“นี่มัน...ชักจะไม่ง่ายซะแล้ว” กู่ฉิงซานพึมพำเสียงต่ำ

“ใช่ วิหคหนามน่ะเป็นการดำรงอยู่ที่พิเศษในดินแดนอัศจรรย์ แม้กระทั่งตัวตนทรงอำนาจก็ยังไม่กล้า ที่จะขัดใจมันอย่างง่ายดาย”

“ได้โปรดรักษาตัวให้ดีด้วย”

“โอเคเข้าใจแล้ว ฉันจะระมัดระวังตัวก็แล้วกันถ้าได้ไปที่นั่น” กู่ฉิงซานกล่าว

“ไม่หรอก คุณไม่มีทางที่จะไปที่นั่นได้”

“ทำไมล่ะ?”

“มีเพียงสิ่งมีชีวิตในตลอดทั้งโลกเก้าร้อยล้านชั้นเท่านั้นที่จะได้รับสิทธิ์ในการตอบรับคำเรียกขานของวิหคหนาม ขณะที่คุณเป็นสิ่งมีชีวิตนอกเหนือจากนั้น คุณอยู่ในโลกกระจัดกระจาย”

“คนจากโลกกระจัดกระจายไม่สามารถตอบรับการเรียกขานของมันได้เหรอ?”

“ใช่ ดังนั้น สถานะของคุณจะต้องได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากบรรดาหนึ่งในโลกตลอดทั้งเก้าร้อยล้านชั้นเสียก่อน จึงจะตอบรับการเรียกขานได้”

“ยอมรับอย่างเป็นทางการ?”

“ใช่ มีเพียงวิธีนี้วิธีเดียว โลกถึงจะยอมรับคุณ ยอมเชื่อมต่อกับคุณ และอนุมัติไปโดยปริยาย ว่าคุณคือคนของโลกใบนั้น”

“แล้วจะต้องทำอย่างไรถึงจะได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ?”

“อย่างน้อยหนึ่งในสามของคนในโลกใบนั้นจะต้องยอมรับถึงสถานะของคุณ”

กู่ฉิงซานลองขบคิดอย่างรอบคอบ แล้วเขาก็ตระหนักได้ในทันใด

ตนต้องได้รับสถานะอย่างเป็นทางการจึงจะสามารถตอบสนองต่อเสียงเรียกของวิหคหนามได้!

และเขาก็ไม่เคยก้าวเข้าไปเหยียบโลกอื่นเลยนอกจากโลกของสมาคมกำปั้นเหล็กแห่งความยุติธรรม ดังนั้น หากต้องการที่จะได้รับสถานะอย่างเป็นทางการในโลกที่ไม่คุ้นเคยนี้ มันพูดง่ายยิ่งกว่าทำซะอีก!

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมระบบถึงให้เขาคิดว่าวิธีการที่จะอยู่ที่นี่ และหลังจากที่ให้เขาพักอาศัยอยู่เป็นเวลาหนึ่งวัน มันถึงถามเขาว่าอยากจะกลับไปหรืออยู่ต่อ

เพราะสมาคมกำปั้นเหล็กแห่งความยุติธรรมน่ะมีแค่สองคนเท่านั้น!

นี่เป็นโลกท่ามกลางมิติอนันต์ที่ง่ายดายที่สุดที่ตัวเขาจะสามารถได้รับสถานะได้ในช่วงเวลาสั้นๆ!

มีความลับเท่าใดกันนะที่ระบบทราบถึงมัน?

กู่ฉิงซานหลับตาลงและใช้สมาธิอยู่นาน

เข้าร่วมกับสมาคมกำปั้นเหล็กแห่งความยุติธรรมเหรอ...แต่แบรี่กับเสี่ยวเหมียวไม่ต้องการให้คนอื่นเข้ามาพัวพันกับหนี้สินที่พวกเขากำลังแบกรับอยู่ซะด้วยสิ

ขณะที่เขากำลังขบคิด ไฟจากภายในโรงงานก็ดับลง

พร้อมกับแบรี่ที่ลากขาของมอนสเตอร์เดินออกมาจากสมาคม

“ดูสิ การเก็บเกี่ยววันนี้นับว่าไม่เลวเลย” แบรี่กล่าวอย่างภาคภูมิใจ

แล้วเขาก็โยนมอนสเตอร์ลอยมาตกลงเบื้องหน้าของกู่ฉิงซานกับเสี่ยวเหมียว

เสี่ยวเหมียวหยุดเขียนทันที

เธอกระโดดลงจากเก้าอี้ และจ้องมองมอนสเตอร์ด้วยความตื่นเต้น

มันคือปีศาจทรงอำนาจที่ทำลายอารยธรรมโลกมากว่าสามพันแห่งจนได้ฉายาเรือพิฆาตทว่าเวลานี้กลับนอน จูบพื้นคล้ายดั่งสุนัขที่ตายแล้ว

“นี่น่ะเหรอยอดปีศาจ”

เสี่ยวเหมียวเอ่ยถาม พร้อมกับใช้ปลายปากกาจิ้มๆ ลงบนมอนสเตอร์ตัวนั้น

มอนสเตอร์กลับนิ่งงันไม่ขยับไหว

มอนสเตอร์ตัวนี้ จริงๆ แล้วดูไม่เหมือนว่าปีศาจเลย แต่มันเหมือนกับหมูป่า หรือสิ่งชีวิตในเครือที่คล้ายๆ กันกับทำนองนั้นเสียมากกว่า

ข้อแตกต่างก็คือ ทั้งสี่ขาของมันมีขนาดหนา และทนทานกว่าหมูป่ามากนัก

ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม หากได้ลองมองมัน ก็คงจะมีคำว่า ‘หมู’ ผุดขึ้นมาในหัวอย่างรวดเร็ว

เสี่ยวเหมียวเดินวนไปวนมารอบๆ มอนสเตอร์

แบรี่เอ่ยถาม “เจ้านี่มันสามารถกินได้ไหม?”

“ตามตำนานบอกไว้ว่ามันกินได้” เสี่ยวเหมียวกล่าว “ผู้จัดการครัวเฉิงเคยบอกว่าเนื้อของยอดปีศาจเป็น ของชั้นดีมาก มันเป็นอาหารระดับสูง คือยาชูกำลังชั้นยอดหากได้กินมัน...”

แบรี่กับเสี่ยวเหมียวหันมามองหน้ากันและกัน พร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก

กู่ฉิงซานเฝ้ามองดูฉากนี้โดยไม่เอ่ยสิ่งใด

แต่ทันใดนั้นเขาก็นึกออกได้ถึงเรื่องหนึ่งอย่างกะทันหัน

บางที การที่พี่ชายน้องสาวไม่ได้มีมอนสเตอร์เอกภพยัดลงท้องตั้งหลายวัน มันอาจเป็นเพราะพวกเขามีเพียงวิธีนี้วิธีเดียวรึเปล่า ที่จะสามารถจับมันได้โดยที่ตัวเองไม่ต้องออกไปข้างนอก?

“กู่ฉิงซาน นายสามารถปรุงเจ้าสิ่งนี้เป็นอาหารได้ไหม?” เสี่ยวเหมียวหันมาถาม

กู่ฉิงซานเดินตรงไปที่หมูป่า

ไม่สิ ต้องเรียกว่าปีศาจด้วย

ปีศาจหมูป่าตัวนี้อยู่ในสถานะกำลังจะใกล้ตายแล้ว

ในหัวใจของกู่ฉิงซานเต้นครึกโครม

เขาก้าวฉับๆ ไปข้างหน้า ยื่นมือคว้าจับดาบพิภพที่ผุดออกมาจากความว่างเปล่า

“เอาล่ะ ไหนขอฉันลองดูหน่อย”

ว่าจบ กู่ฉิงซานก็สับดาบลงไป

ดาบพิภพตัดลงบนคอที่อ่อนนุ่มของยอดปีศาจ ทว่ามันกลับถูกสะท้อน ตีกลับมา

กู่ฉิงซานตัดเฉือนมันด้วยกำลังทั้งหมดที่เขามี แต่กลับไม่สามารถสังหารปีศาจที่กำลังใกล้ตายได้!

ทันใดนั้นดาบพิภพก็ส่งเสียงมายังกู่ฉิงซาน “มันเป็นปีศาจที่ทรงประสิทธิภาพยิ่ง เจ้าจะต้องถ่ายเทแต้มพลังวิญญาณทั้งหมดที่มีในกายเจ้ามายังข้า จึงจะสามารถตัดคอของมันได้”

“จัดเลย!” กู่ฉิงซานกล่าวโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

แบรี่ที่กำลังเฝ้ามองฉากนี้เอ่ยปากถาม “นายต้องการให้ฉันยื่นมือเข้าช่วยไหม?”

“ขอให้ผมได้ลองมันอีกครั้งนะ” กู่ฉิงซานตอบกลับ

บังเกิดสายลมที่มองไม่เห็นโคจรรอบตัวกู่ฉิงซาน และในที่สุดมันก็ถูกควบรวมเข้าไปที่ดาบยาว

ดาบพิภพเปล่งเสียงฮึมฮัม

มันพร้อมแล้ว

เดิมทีกู่ฉิงซานยังเหลือแต้มพลังวิญญาณในตัวอีกกว่าหนึ่งพันหนึ่งร้อยแต้ม แต่ตอนนี้เขาได้ใช้งานทั้งหมดใน คราเดียวอย่างสิ้นเชิง

ดวงตาของแบรี่กับเสี่ยวเหมียววูบไหวทันใด

ทั้งสองคาดไม่ถึงเลย ว่าฝีมือของเจ้าหนุ่มตรงหน้านี้ จะไม่ได้มีเพียงแค่ทักษะของเขา

กลับกลายเป็นว่าความสามารถที่แท้จริงของคนตรงหน้า จำเป็นที่จะต้องใช้แต้มพลังวิญญาณในการขับเคลื่อน

แต้มพลังวิญญาณ...เป็นหนึ่งในแหล่งที่มาของความแข็งแกร่ง

ยามเมื่อขอบเขตถูกยกระดับขึ้นมาถึงระดับหนึ่งแล้ว ก็จะสามารถทำการกระตุ้นและใช้งานแต้มพลังวิญญาณได้

จากในมุมมองนี้ กล่าวได้ว่านอกเหนือไปจากการทำอาหารและผสมเหล้าแล้ว ทั้งสองคงจะต้องประเมินเด็กหนุ่มตรงหน้าใหม่อีกครั้ง

สีหน้าของพี่น้องเผยให้เห็นถึงการขบคิด

“ถ้าหากพวกคุณต้องการที่จะกินมัน คุณจะต้องปรุงมันทันทีหลังจากที่สังหาร มิฉะนั้นแล้วความสดของอาหาร จะสลายไปอย่างรวดเร็ว”

ได้ยินแค่เพียงเสียงของกู่ฉิงซานที่เอ่ยปากกล่าว

ดาบพิภพก็ถูดฟาดสับลงอย่างเดือดดาล

ฟุ่บ!

คอถูกตัดออก แยกหัวจากลำตัว

ปีศาจหมูถูกสังหารลงแล้ว

บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม หลายบรรทัดแสงกระโดดออกมาทันที

“แต้มพลังวิญญาณของคุณถูกใช้จนหมดสิ้นแล้ว”

“แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ คุณสามารถสังหารปีศาจฉายาเรือพิฆาต สิ่งมีชีวิตที่มีขอบเขตเหนือ ล้ำยิ่งกว่าคุณนับไม่ถ้วนลงได้”

“ดังนั้น คุณจึงได้รับแต้มพลังวิญญาณส่วนเกินเป็นจำนวนมหาศาลจากเจ้าเรือพิฆาต”

“แต้มพลังวิญญาณของปีศาจมีปริมาณมากเกินไป ระบบเทพสงครามขอดำเนินการคำนวณรายละเอียดสักครู่”

“คำแนะนำ คุณสามารถใช้แต้มพลังวิญญาณปริมาณมหาศาลนี้ ทำการยกระดับขอบเขตได้ในทันที และยังสามารถเรียนรู้ค่ายกลดาบไท่หยีได้เลยอีกด้วย”

“คุณต้องการที่จะยกระดับขอบเขตเลยหรือไม่?”

กู่ฉิงซานที่กำลังกำหัวของปีศาจเงียบไปสักพัก ก่อนจะกล่าวว่า “ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ฉันต้องการใช้แต้มพลังวิญญาณที่ได้มาเริ่มใช้ความลี้ลับของทุกสรรพชีวิต ในการตรวจสอบองค์ประกอบร่างกายของปีศาจตนนี้”

ระบบกล่าว “การตรวจสอบความลี้ลับของโครงสร้างร่างกายปีศาจ จำเป็นต้องใช้หนึ่งหมื่นแต้มพลังวิญญาณ ซึ่งสามารถหักจากแต้มพลังวิญญาณบางส่วนที่ได้รับมาได้”

“แต่หากคุณต้องการจะแปลงกายเป็นปีศาจตนนี้ คุณจะต้องจ่ายแต้มพลังวิญญาณทั้งหมดที่ได้รับมา”

กู่ฉิงซานกล่าว “ฉันต้องการแค่ตรวจสอบ ไม่ได้ต้องการจะแปลงเป็นมัน”

“รับทราบหนึ่งหมื่นแต้มพลังวิญญาณถูกจ่ายออกแล้ว”

กู่ฉิงซานหลับตาลง ขณะที่ยังคงคว้าหัวของปีศาจ

ช่วงเวลาหนึ่ง เขาก็สามารถเข้าใจถึงโครงสร้างร่างกายของปีศาจได้อย่างสมบูรณ์

นอกจากนี้เขายังค้นพบถึงเนื้อบางส่วนที่พิเศษของมัน ที่สามารถกินได้จริงๆ อีกด้วย

กู่ฉิงซานลองพลิกตัวของหมูป่าเพื่อดูร่างกายของมัน

เขาค้นพบถึงอักษรรูนตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากกฎเกณฑ์ของแดนชำระล้าง

รูนเหล่านี้ปกคลุมซี่โครงใหญ่ของปีศาจ

กู่ฉิงซานหมอบลง และตัดชิ้นเนื้อส่วนซี่โครงด้วยดาบของเขา

บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม เส้นแสงหิ่งห้อยขนาดเล็กเด้งเตือนขึ้นมา

“ซี่โคร่งอ่อนนุ่มของยอดปีศาจแห่งแดนชำระล้าง”

“นี่คือหนึ่งในอาหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกชำระล้าง หลังจากที่ได้ทำการปรุงด้วยความร้อนที่เหมาะสม และรับประทาน มันจะช่วยส่งเสริมให้สมรรถภาพร่างกายของคุณดียิ่งขึ้นอย่างมหาศาล”

“นี่เป็นอาหารที่หาได้ยากเย็นยิ่ง และมีคุณค่าทางโภชนาการที่สูงลิ่ว”

“คุณได้ใช้ความลี้ลับของทุกสรรพชีวิตในการตรวจสอบมันแล้ว ดังนั้นคุณจึงสามารถเข้าใจ ถึงแก่นแท้ของชิ้นเนื้อได้โดยสมบูรณ์ และด้วยเทคนิคการปรุงอาหารของคุณ คุณก็ควรจะรู้ว่าสมควรจะจัดการกับมันด้วยวิธีใด”

กู่ฉิงซานถือชิ้นเนื้อนั้น แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นยืน

“นี่ตกลงว่ามันกินได้ไหม?” แบรี่เอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจ

“รอสักครู่”

กู่ฉิงซานสูดลมหายใจลึก ทั้งคนทั้งร่างเข้าสู่สภาวะทุ่มสมาธิสุดขีด

ซี่โครงย่างเป็นอาหารถนัดของเขา

แต่นี่ไม่ใช่เนื้อวัวหรือหมูมันเป็นซี่โครงปีศาจ

แม้ว่าเขาจะเข้าใจถึงคุณสมบัติทั้งหมดของเนื้อปีศาจชิ้นนี้แล้วก็ตามที แต่การย่างปีศาจ…นับว่าเป็นความท้าทายที่เขาไม่เคยพบเผชิญมาก่อน

กู่ฉิงซานตบลงในถุงสัมภาระและหยิบเอาชุดอุปกรณ์ทำอาหารออกมา

เขาคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้งและอีกครั้ง จนสามารถตัดสินใจถึงรายละเอียดทั้งหมดได้ จากนั้นก็เริ่มที่จะจัดการกับอาหาร

แบรี่กับเสี่ยวเหมียวเฝ้าดูเขาอย่างเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรออกมาเลย

เพราะทั้งสองสามารถสัมผัสได้ถึงความจริงจังและทุ่มเทของกู่ฉิงซาน

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

กลิ่นหอมฟุ้งก็ปกคลุมไปตลอดทั้งสมาคมกำปั้นเหล็กแห่งความยุติธรรม

“อีกนานแค่ไหน พวกเราถึงจะกินมันได้?” แบรี่น้ำลายไหล

“ต้องย่างมันอีกในหนึ่งนาทีสุดท้าย”

แม้ปากจะกล่าวตอบ แต่กู่ฉิงซานยังคงไม่หยุดมือ เขาพลิกเนื้อ กลับด้านมันอีกครั้ง

แต่ทันใดนั้นเอง เสียง ‘เพล้ง’ ก็ดังกระหึ่ม

พร้อมกับผู้ชายร่างกำยำในชุดผ้าเปื้อนปรากฏตัวขึ้นทันใด

“ผู้จัดการเฉิง!” แบรี่หน้าเปลี่ยนสี

คนๆ นี้ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน สายตาของเขาเบนมองไปทางซี่โครงส่วนพิเศษที่ย่างอยู่บนเตาถ่าน พลางสลับไปมองกู่ฉิงซานอยู่หลายครั้ง

“โชคดี! โชคดีจริงๆ! ที่อาหารล้ำค่ายังไม่เน่าไปซะก่อน” เขาอุทานด้วยความปีติ

แล้วก็ตะโกนขึ้นทันที “แบรี่! มอบซี่โครงนั่นมาให้ฉันซะ! แล้วฉันจะถือว่าหนี้ของพวกเราหมดกัน!”

ว่าจบ ชายกำยำก็ก้าวฉับๆ ตรงไปยังสเต๊กเนื้อซี่โครงทันที

“อย่าแม้แต่จะคิด!” แบรี่คำราม

เขาเหวี่ยงกำปั้นออกทันใด เจาะมันเข้าไปในความว่างเปล่า

บังเกิดช่องว่างมิติขนาดใหญ่ถูกเปิดขึ้น

เฉกเช่นเดียวกันอินทรีที่คว้าจับลูกไก่ แบรี่พุ่งหมับ! เข้าล็อกตัวชายกำยำและโยนเขาเข้าไปในช่องว่างมิติทันที

“สารเลวแบรี่! ฉันขอสาปแช่งแกให้ได้กินแต่เนื้อดิบๆ ของมอนสเตอร์เอกภพไปตลอดชีวิต!” ชายกำยำสบถสุดเสียงอย่างไม่ยินยอม

“ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันจะยัดมันเข้าปากแกก่อนเลย!”

แบรี่ตอกกลับอย่างเฉยเมย

ว่าจบ เขาก็เอื้อมสองมือคว้าสองฝั่งของช่องว่างมิติและดึงมันหุบเข้าหากัน

โพรงมิติขนาดใหญ่ปิดตัวลง และหายวับไปทันใด

เมื่อแบรี่ทำทุกอย่างนี้จนจบ ซี่โครงปีศาจย่างของกู่ฉิงซานก็เสร็จพอดีเช่นกัน

กู่ฉิงซานทำการแบ่งชิ้นเนื้อออกเป็นสามส่วน

ของแบรี่ เสี่ยวเหมียว กับเขา อย่างละส่วน

“จะกินมันได้รึยัง?” เสี่ยวเหมียวเอ่ยถามเสียงแผ่วๆ

กู่ฉิงซานโรยเครื่องปรุงรสบาร์บีคิวส่วนสุดท้ายลง

“เอาล่ะกินได้แล้ว” เขากล่าว

ทั้งสามยกจานสเต๊กขึ้นมา

แต่กู่ฉิงซานยังไม่เคลื่อนไหว

เสี่ยวเหมียวยังคงสูดดมกลิ่นสเต็ก

บังเกิดช่วงเวลาแห่งความเงียบงันขึ้น

แล้วแบรี่ก็เริ่มจัดก่อนเป็นคนแรก

“หงับ...อ๊า ฟู่ๆ!”

แบรี่เงยเชิดหน้าขึ้น ในดวงตาของเขาเริ่มรื้นไปด้วยน้ำตา

“พี่ชาย เกิดอะไรขึ้น?” เสี่ยวเหมียวถามด้วยความกังวล

“มันร้อนอะ!”

แบรี่ปาดน้ำตา

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างสงบ “ก็มันเพิ่งย่างเสร็จน่ะ ทำไมคุณไม่รอให้มันเย็นลงสักนิดก่อนค่อยกินล่ะ”

แล้วทั้งสามก็เฝ้ารออีกสักพักหนึ่ง

แบรี่เริ่มขยับปากอีกครั้ง

“อร่อย! มันอร่อยมากจริงๆ นี่ฉันกำลังฝันอยู่ใช่ไหม? ใครก็ได้ตบปลุกฉันที!” แบรี่ตะโกนลั่น

เสี่ยวเหมียวพอได้เห็นการแสดงออกเช่นนี้ เธอก็คลายใจลง

แล้วเธอก็ไม่ลังเลอีกต่อไป

เปิบล่ะนะ!

เสี่ยวเหมียวกินไปเพียงไม่กี่คำ ก็เริ่มปาดน้ำตาของเธออย่างเงียบๆ

“ทำไมกัน? ทำไมพอได้กิน สัมผัสสุดท้ายของมันถึงได้รู้สึกราวกับถูกกัดกร่อนไปถึงในทรวงอกกันนะ?” เสี่ยวเหมียวบ่นงึมงำ

“เพราะผมได้โรยชั้นกระเทียมบางๆ เอาไว้ด้วยน่ะสิ” กู่ฉิงซานอธิบาย

“ไม่เชื่อหรอก! ตัวฉันเองก็พอจะเข้าใจถึงการปรุงอาหารอยู่บ้าง แค่กระเทียมบดน่ะ มันไม่สามารถนำพาอาหารให้ทะยานขึ้นมาถึงระดับนี้ได้อย่างแน่นอน!” เสี่ยวเหมียวเริ่มเคาะบนจานและกล่าว

“ฟังนะ กระเทียมบดของผมมันถูกนำไปแช่เข้ากับน้ำส้มสายชู นี่เป็นสูตรพิเศษของผม หวังว่าคุณ จะไม่เอาไปบอกใครนะ” กู่ฉิงซานกระซิบ

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้!” เสี่ยวเหมียวถอนหายใจ

สามปาก สามชิ้นเนื้อสเต๊ก ภายในสิบวินาที

อาหารค่ำก็เกลี้ยงเกลา

แล้วกู่ฉิงซานก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งเล็กน้อย

ชิ้นเนื้อนี่มันช่างน่าทึ่งจริงๆ เขาสัมผัสได้เลยว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้น!

ร่างกายตนในเวลานี้ มันอยู่ใกล้เคียงกันกับนักสู้หวูเต๋าในขอบเขตเดียวกันแล้ว!

นี่มันช่างเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจจริงๆ ในบรรดาโลกนับล้านล้าน มันไม่อาจนำความนึกคิดของโลกแห่งผู้ฝึกยุทธมาใช้เป็นเหตุเป็นผลได้เลย

แบรี่นิ่งไปสักพัก แล้วเขาก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อยที่มันหมดไป

ชิ้นเนื้อนี่มีประสิทธิภาพมากจริงๆ มันส่งผลดีต่อร่างกายของเขาเป็นอย่างยิ่ง

เขารู้สึกได้เลยว่าอัตราการฟื้นฟูของตนเองเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“เสี่ยวเหมียว”

“ว่าไง?”

“พวกเราออกไปกันเถอะ”

“จะบ้าเหรอ? ทำไมจู่ๆ ถึงจะออกไปกัน แล้วจะไปที่ไหน?”

“ไปจับหมูป่าแดนชำระล้างมาย่างกินกัน”

…………………………………..........