webnovel

ตอนที่ 3 : ใจเต้นแรงแบบไม่ได้กินกาแฟ

        ติ๊ด ติ๊ด… ติ๊ด ติ๊ด…

        เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นภายในห้องนอนขนาดกลางสีขาว สะอาดตา ผนังของห้องถูกตกแต่งด้วยกรอบรูปแขวนเล็กๆ ในบริเวณห้องมีเพียงโต๊ะทำงานและเก้าอี้พิงหลังหนึ่งตัว เตียงนอนขนาดห้าฟุต และตู้เสื้อผ้าหลังไม่ใหญ่มาก มีห้องน้ำพร้อมในตัว ใช่แล้ว… นี่คือห้องนอนในอพาร์ทเม้นต์แห่งหนึ่งของลาเต้นั่นเอง

        ร่างบางของลาเต้รู้สึกตัวขึ้นมาอย่างไม่อิดออด แล้วหยิบเจ้านาฬิกาปลุกคู่ใจมากดปิด จากนั้นก็ลุกขึ้นจัดที่นอนและผ้าห่มให้เข้าที่เช่นเดิม เหมือนยังไม่เคยได้ผ่านการใช้งานมาก่อน

        "อืม… ตอนนี้เวลาหกโมงเช้า" พูดขึ้นพลางทำท่าทางคิดคำนวณเวลา "ยังเหลือเวลาอีกเยอะเลยนี่นา งั้นไปทำไรกินก่อนดีกว่าแล้วค่อยไปอาบน้ำต่อ อิอิ"

        และในขณะที่เขากำลังจัดการกับของที่มีในตู้เย็นและคิดหาเมนู เสียงเรียกเข้าจากมือถือก็เรียกความสนใจให้เขาหันไปหยิบมันมารับสายทันที โดยไม่ได้ดูชื่อของคนที่โทรเข้ามา

        "อรุณสวัสดิ์น๊า…" ลาเต้ทักทายไปด้วยความเคยชินด้วยน้ำเสียงสดใส คงไม่พ้นเป็นหนึ่งในเพื่อนของเขานั่นเเหละที่โทรมาเวลานี้

        "….." แต่ปลายสายยังคงเงียบ

        "….." เมื่ออีกฝ่ายเงียบ เขาก็เงียบ "ใครอ่ะ" ถามไปตามสาย แล้วยกมือถือขึ้นมาดูชื่อ

        ไม่ใช่เบอร์เพื่อนเขานี่ เบอร์ใครไม่คุ้นเลย…

        "ใครครับ ถ้าไม่พูดขออนุญาตวางสายนะ" แต่ก่อนที่จะได้กดวางสาย ก็มีเสียงออกมาจากอีกฝ่ายทันที ราวกับกลัวว่าเขาจะกดวางสายไปก่อน

        "เดี๋ยวสิ" หือ… เสียงนี่มัน…

        "คุณภาวินเหรอครับ!" เขาถามออกไปอย่างไม่แน่ใจนัก ไม่ใช่อะไรหรอก กลัวหน้าแตกเฉยๆ

        "อืม… ใช่ คุณตื่นนานหรือยัง" เสียงทุ้มเอ่ยถามกลับ

        "ตื่นมาได้สักพักแล้วครับ กำลังคิดเมนูที่จะทำกินเช้านี้อยู่ แหะ"

        "ทำกินเองเหรอ"

        "ใช่ครับ พอดีผมอยู่อพาร์ทเม้นต์ไม่ไกลที่ทำงานมาก เลยไม่จำเป็นต้องรีบเพื่อไปหากินข้างนอกน่ะครับ" ร่างบางอธิบายยาวเหยียด

        "หึ ขยันตื่นเช้าแบบนี้ ไว้ผมจะพิจารณาโบนัสให้นะครับ" อีกฝ่ายพูดพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ

        "หือ… โบนัสอะไรครับ ผมยังไม่ได้เริ่มงานเลยนะครับ ฮ่าๆๆ" อย่างนี้ก็มีด้วยเหรอเนี่ย เพิ่งเคยเจอ

        "เป็นความพอใจส่วนตัวน่ะครับ ไม่มีใครกล้าว่าอะไรหรอก" อ๋อ… ความพอใจส่วนตัว แต่เดี๋ยวนะ!

        "โห… อย่างนี้ก็มีด้วยเหรอครับ ฮ่าๆๆ" ตึกตักๆ ทำไมรู้สึกใจเต้นแปลกๆ นะ

        "เอาเป็นว่าเจอกันที่บริษัทแล้วกันนะครับ ยังไงผมก็ต้องไปทำความรู้จักกับพนักงานทุกคนที่เข้ามาอยู่แล้ว" มันต้องถึงมือผู้บริหารแบบนี้ด้วยเหรอ เพิ่งจะเคยรู้นะเนี่ย…

        "ครับ งั้นผมขอตัวไปทำอะไรกินก่อนนะครับ เดี๋ยวจะสายเอา" คนร่างบางบอกกับอีกฝ่ายที่คุยกันมาสักพักแล้ว

        "งั้นไว้เจอกันนะครับ คุณลาเต้…" ภาวินบอกกับเขาก่อนจะวางสายไป

        "เฮ้อ… เกร็งจนใจสั่นเลยเหรอเนี่ยเรา กาแฟก็ไม่ได้กินนี่นา" คิดไปอย่างนั้นแล้วก็ต้องเลิกคิดไป รีบไปทำอาหารเช้าดีกว่า ก่อนที่จะได้ไปทำงานสายจริงๆ

         …..

       

        กริ๊ง! กริ๊ง!

        เสียงกระดิ่งดังขึ้นเมื่อมีคนเปิดประตูเข้ามาด้านใน พร้อมกับสองหนุ่มน้อยและหนึ่งหญิงสาวที่เดินเข้ามา ทั้งสามคนหันมองไปรอบบริเวณร้านด้วยความตื่นเต้นและตกตะลึง

        พวกเขาเพิ่งเคยได้มาเห็นกับตาตัวเองครั้งแรก มันเจ๋งมากจริงๆ

'Coffee Favor Café'

        ภายในร้านเป็นโทนสีน้ำตาลอ่อน ตกแต่งด้วยลวดลายไม้อย่างดี โคมไฟระย้าขนาดเล็กถูกตกแต่งในแต่ละมุมเพดานของร้านอย่างไม่ดูรกตาจนเกินไป โต๊ะเก้าอี้ถูกเลือกเป็นไม้ทาเคลือบมันวาวแลดูคลาสสิค ยิ่งมาอยู่รวมๆ กับกลิ่นหอมของกาแฟยิ่งทำให้อบอุ่น ชวนหลงใหลมากขึ้น

        "โอ้โห… ไม่อยากจะเชื่อว่าเราจะได้มาเหยียบร้านกาแฟแบบนี้ สุดยอดว่ะ!" ไผ่เล่นใหญ่ด้วยท่าทางตลกอย่างน่าขำ

        "จำเป็นต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้เลยไหมเนี่ยไผ่ ดูอย่างลาเต้สิ นิ่งเชียว" ลูกหว้าพูดขึ้น

        "ลาเต้มันไม่ได้เก็บอาการเก่งหรอก สติหลุดไปแล้วต่างหากล่ะนั่น" ไผ่บอก "สะกิดดูสิ ยังอยู่ไหมน่ะ"

        "ลาเต้ๆ" ลูกหว้าเรียกเพื่อนของตัวเองพร้อมกับใช้นิ้วสะกิดแขนเบาๆ แต่อีกคนก็ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับเช่นเดิม

        "มานี่ เดี๋ยวฉันจัดการเอง" ไม่พูดเปล่า ไผ่ยังใช้นิ้วของตัวเองดีดไปที่หน้าผากมนของลาเต้อย่างไม่แรงนักเป็นการดึงสติของอีกคนกลับมา

        ป๊อก!

        "โอ๊ย! ดีดหน้าผากเราทำไมอ่ะไผ่" ร่างบางได้สติหันมายู่ปากใส่ไผ่เล็กน้อย "เจ็บเลยเนี่ย ฮื่อ…"

        "เจ็บสิดี มัวแต่ยืนวิญญาณหลุดจากร่างอยู่นั่นแหละ จะถึงเวลาแล้วดูสิ" ไผ่เตือนสติ

        "เออใช่ๆ เกือบไปแล้วพวกเรา รีบไปหาพี่ๆ เขาดีกว่า" ลูกหว้าบอกพร้อมกับดึงแขนให้เพื่อนทั้งสองตามไป

        ในห้องทำงานหนึ่งที่ภายในร้านกาแฟ หญิงสาวรุ่นพี่ตรงหน้ากำลังเปิดแฟ้มข้อมูลของเด็กฝึกงานทั้งสามคนไปมา แล้วจึ่งค่อยเงยหน้าขึ้นมาสำรวจการแต่งกายตั้งแต่หัวจรดเท้า อืม...

        สรุปว่า ผ่านฉลุย!

        "ยินดีต้อนรับทั้งสามคนสู่ Coffee Favor Café ของเรานะ พี่ชื่อมีนนะ เป็นผู้จัดการ เรียกพี่มีนแหละ ไม่ต้องเรียกคุณ พนักงานที่นี่ทุกคนอยู่กันแบบครอบครัว เป็นกันเอง" มีนบอกกับทั้งสามคนอย่างเป็นมิตร

        "ครับ/ค่ะ พี่มีน" เด็กใหม่ทั้งสามคนก็ตอบรับอย่างยินดี

        "ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็เริ่มทำงานได้เลยนะ ตอนนี้คนน่าจะไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่หรอก แต่ช่วงพักเที่ยงเนี่ยพากันหัวหมุนเลยล่ะ ฮ่าๆ" มีนพูด "อ๋อ แล้วก็… วันนี้ท่านประธานจะเข้ามาดูเด็กฝึกงานใหม่นะ ตั้งใจๆ กันด้วยนะเด็กๆ ท่านรองแกไม่ค่อยจะดุหรอก"

        "ท่านรองจะเข้ามาวันนี้เลยเหรอคะพี่มีน" ลูกหว้าถ้าอย่างหวาดๆ

        ระดับผู้บริหารมาดูงาน เป็นใครจะไม่กลัวกันล่ะ

        "ไม่ต้องกลัวไปหรอกจ้ะ ท่านแค่จะเข้ามาทักทายเฉยๆ ไม่ได้ซีเรียสอะไรเลย ทำตัวสบายๆ เถอะ"

        "มันก็ต้องมีบ้างอ่ะครับพี่ แหะๆ " ไผ่บอกแล้วหัวเราะแห้งๆ

        "อย่าไปกังวลๆ เชื่อพี่สิ" มีนบอกก่อนแจกแจงหน้าที่ให้กับเด็กใหม่ไปคนละอย่าง แล้วให้ทุกคนเริ่มทำงานได้

 

        แต่ในขณะที่ทุกคนต่างสาละวนอยู่กับหน้าที่ของตัวเองนั้น ก็ได้ยินเสียงรถยนต์ออดี้สีดำคันหรูขับมาจอดอยู่บริเวณหน้าร้าน และมีเสียงดังของพนักงานพูดขึ้นมาว่า…

        "นั่นไงๆ ท่านรองมาถึงแล้ว" ทุกคนจึงหันไปสนใจผู้มาใหม่ทันที

        "….." ทั้งสามคน