webnovel

ตอนที่ 2 : วันพักผ่อนของเรา

        [พาร์ท ลาเต้]

        เช้าที่สดใสวันนี้ ผมเลือกที่จะกลับมาพักผ่อนและใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ที่จริงก็กลับมาถึงตั้งแต่ตอนเย็นของเมื่อวานแล้วแหละ มาถึงก็นอนหลับยาวมาจนถึงเช้าเลย ที่เขาเลือกกลับมาที่บ้านในช่วงนี้ ด้วยเพราะคิดว่าหากเริ่มฝึกงานเต็มตัวแล้ว ก็คงไม่ค่อยมีเวลากลับมาบ่อยๆ แน่

        บ้านของผมเป็นบ้านเดี่ยวยกสูงขนาดกลางอยู่แถวชานเมือง รอบบริเวณบ้านจึงเต็มไปด้วยต้นไม้หลากหลายชนิด ทำให้อากาศที่นี่เย็นสบาย ร่มรื่น มีลมพัดไปมาตลอดเวลา

         เนื่องจากที่ คุณเกรียงไกร พ่อของผมชอบสะสมและเพาะปลูกต้นไม้เป็นชีวิตจิตใจ ท่านเลยตัดสินใจที่จะเปิดเป็นฟาร์มเพาะพันธุ์ไม้เล็กๆ เพื่อจำหน่ายให้กับคนที่สนใจในแบบเดียวกัน นั่นถือว่าเป็นเรื่องดีเลยทีเดียว แถมยังรายได้ดีอีกต่างหาก

        ส่วนแม่ของผม คุณนายพิมพ์ใจแสนสวย เปิดร้านขนมไทยโดยใช้พื้นที่บริเวณหน้าบ้านต่อเติมหลังคาและโต๊ะวางขาย จนตอนนี้ขนมไทยของคุณนายเขาเป็นที่ถูกอกถูกใจของชาวบ้านแถวนี้กันเป็นแถบ

        คนสุดท้าย ชาหอม พี่ชายของผมเอง เขาอายุห่างจากผมสองปี ส่วนงานของพี่ชาเขานั้นก็คือ เป็นช่างภาพประจำสตูดิโอที่อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานของผมเท่าไหร่ แล้วก็ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมทั้งผมและพี่ชายถึงได้ตั้งชื่อเล่นตามชื่อเครื่องดื่ม นั่นแหละของโปรดคุณเกรียงไกรกับคุณนายพิมพ์ใจเขาเลย

        "ตื่นแต่เช้าเลยนะลาเต้" เสียงใครคนหนึ่งเอ่ยถามผมที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้ให้พ่ออยู่

        "อ้าว! พี่ชา วันนี้ไม่ได้ไปทำงานเหรอ" ผมถามพี่ชาที่เดินมายืนอยู่ใกล้ๆ วันนี้พี่แกแต่งตัวด้วยกางเกงขาสามส่วนกับเสื้อยืดสีขาว เหมือนชุดอยู่บ้านปกติ

        "วันนี้พี่ไม่มีถ่ายอ่ะ แล้วเราล่ะ… ได้ข่าวว่าได้ที่ฝึกงานแล้วเหรอ"

        "ใช่แล้วครับผม! ที่ Coffee Favor Café อ่ะ ตอนได้เมลตอบรับนะ ลาเต้ไม่อยากจะเชื่อเลยแหละ นึกว่าฝันไปซะอีก" ผมบอกด้วยความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง

        "เก่งจังเลยน้องชายพี่เนี่ย… แล้วเขาให้เริ่มงานวันไหนล่ะ"

        "อีกสามวันข้างหน้าครับ ต้นเดือนพอดี นี่เมื่อวานเพิ่งไปซื้อของกับไผ่ ลูกหว้ามาแล้วด้วย"

        "แล้วจะไปทำงานพร้อมพี่เลยไหม ที่ทำงานลาเต้ก็อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานของพี่เท่าไหร่ ให้พี่ไปรับไปส่งก็ได้นะ" ไม่ได้อะไรหรอกนะ แค่เกรงใจพี่ชายตัวเองเฉยๆแหละ บางวันพี่แกก็เลิกงานดึก ไม่ก็ออกกองไปถ่ายที่ต่างจังหวัด

        "ไม่เป็นไรครับพี่ชา ลาเต้ไปพร้อมไผ่กับลูกหว้าได้ ไผ่เขามีรถอ่ะ"

        "เอางั้นก็ได้จ้ะ" พี่ชาพูดพร้อมยื่นมือมาหยิกแก้มผมอย่างหมั่นเขี้ยว

        ทำไมมีแต่คนชอบหยิกแก้มผมกันนักเนี่ย ผมแค่แก้มเยอะเองนะ!

.....

        บ้านพิริยะพงษ์

        "เป็นอะไรคุณหญิง ทำหน้าอารมณ์เสียแต่เช้าเลย" คุณภาคินผู้เป็นสามีเอ่ยถามภรรยาสุดที่รักที่กำลังนั่งทำตาขวางอยู่บนโต๊ะอาหาร

        "จะอะไรอีกล่ะ ก็พ่อลูกชายตัวดีของคุณน่ะสิ ไม่ได้ดั่งใจฉันสักอย่างเลย" คุณหญิงทิพย์มณีบอกอย่างหัวเสีย

        "ปล่อยวางบ้างเถอะคุณหญิง จะไปบังคับอะไรลูกขนาดนั้น ยิ่งบังคับลูกก็ยิ่งไม่ฟังเรา คุณหญิงก็รู้ดีหนิ"

        "แต่ฉันก็เลือกแต่สิ่งดีๆ ให้ลูกนะคุณ ควรจะขอบคุณฉันมากกว่า" เมื่อเห็นภรรยาว่าแบบนี้น ผู้เป็นสามีก็ได้แต่ส่ายหัวไปมาอย่างเหนื่อยใจ

        ในขณะที่บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเช้านี้กำลังอึมครึม ต้นเหตุที่ทำให้คุณผู้หญิงของบ้านอารมณ์เสียก็เดินลงมาจากชั้นสองพอดี

        "มาแล้วเหรอพ่อตัวดี" คุณหญิงเอ่ยขึ้นในขณะที่ลูกชายกำลังนั่งลงบนเก้าอี้ตัวประจำ

        "มีอะไรเหรอครับคุณแม่" ชายหนุ่มถามผู้เป็นแม่ด้วยความงุนงง เมื่อเห็นสีหน้าของผู้เป็นแม่

        "หมายความว่ายังไงที่บอกว่าจะไม่ไปรับหนูรินดาที่สนามบินเดือนหน้าน่ะ ตาวิน" คุณหญิงถามต่อ

        "คุณแม่ครับ ผมไม่ได้ว่างขนาดนั้นนะครับ มีงานอีกเยอะที่ต้องทำ" ชายหนุ่มพูดแบบไม่ได้ใส่ใจอะไร ก็มันไม่ได้ธุระอะไรของเขาเลย

        "แต่หนูรินดาเป็นคู่หมั้นของลูกนะ! ฉะนั้นมันก็คือหน้าที่ของลูก" เธอยังคงไม่ยอมแพ้

        "ผมกับรินดายังไม่ได้หมั้นกันครับ เรื่องนี้มีแต่ผู้ใหญ่พูดคุยกันเอง ส่วนผมยังไม่ได้รับปากสักคำว่าจะหมั้น"

        "ตาวิน! แม่หาคนดีๆ ให้ทำไมไม่สนใจซะบ้าง อายุก็เลขสามแล้ว"

        "แม่ครับ ถ้าผมจะรักใครชอบใคร ผมขอเลือกเองนะครับ คนไม่ได้รักกันอยู่กันไปก็ไม่มีความสุขหรอกครับ" เขาพูดอย่างอ่อนใจในความพยายามของแม่ของเขา มีแต่จะเสียเวลาเปล่าๆ

        "หนูรินดานี่ไง เขาก็มีทั้งฐานะ หน้าตา การศึกษาเพียบพร้อมทุกอย่าง"

        "มีพร้อม แต่ผมไม่ได้รักนะครับ เรื่องนี้ผมเคยบอกกับคุณแม่หลายรอบแล้ว" พูดจนเหนื่อยแล้ว ทำไมไม่เข้าใจ

        "พอเถอะคุณหญิง ปล่อยให้เป็นเรื่องอนาคตเถอะ เดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งไปหรอก" คุณภาคินที่เงียบฟังอยู่สักพักก็เอ่ยห้ามทัพขึ้น ไม่งั้นคงได้ไมเกรนกำเริบซะก่อน

        "ฮึ่ย!" เธอได้แต่เพียงจิ๊ปจากอย่างขัดใจ

        "ถ้างั้นผมขอตัวขึ้นไปทำงานต่อก่อนนะครับ อิ่มแล้ว" ยังไม่ได้ตักข้าวสักคำด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่อยากอยู่ฟังผู้เป็นแม่บ่นด้วยเรื่องเดิมๆ