วันรุ่งขึ้นเซนิตตื่นแต่เช้าตรู่ เพราะเมื่อคืนนางหลับเต็มอิ่มและ...หลับฝันดีจริงๆ
เด็กสาวอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดินลงไปยังห้องเสวย อาหารมากมายวางเต็มโต๊ะเช่นเคย ทว่า...กลับไร้เงาร่างสูงที่นางปราถนาอยากเจอ
"เอ่อ...วันนี้ท่านคีลส์ไม่เสวยอาหารหรือ" เซนิตหันไปถามบ่าวรับใช้ที่ยืนรอปรนนิบัติอยู่ใกล้ๆ
"วันนี้รัชทายาทมีภารกิจเจ้าค่ะ ออกไปตั้งแต่เช้ามืดแล้ว"
"อ่อ ขอบใจจ้ะ" เด็กสาวตอบกลับเนือยๆ
แมรี่ได้ยินเซนิตเรียกนามรองของรัชทายาทก็ตาขวาง รีบฉอดทันที "เหตุใดพระนางถึงเรียกรัชทายาทเช่นนั้น ฟังดูหมิ่นเกียรตินัก"
เซนิตเลิ่กลั่ก "เอ่อ...พระองค์ให้ข้าเป็นคนเรียกเอง ข้าไม่บังอาจหมิ่นเกียรติ"
"หึ! รัชทายาทไม่เคยให้ผู้ใดเรียกนามรองเช่นนี้ ยกเว้นพระบรมวงศ์เท่านั้น แต่พระนางไม่ใช่ ข้าแนะนำว่าท่านจงเจียมตัวไว้จะดีกว่า"
"แมรี่!"
บ่าวหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเอ็ดแมรี่เสียงดัง
"ขออภัยเจ้าค่ะ พระนางทานต่อเถิด อย่าได้ใส่ใจ"
แมรี่เบะปากพลางเหล่มองคนปรามอย่างไม่พอใจ
สอดเก่งนัก!
หลังจากทานอาหารเสร็จสรรพ เซนิตเดินออกไปเที่ยวเล่นรอบๆ วิมาน เพียงแค่อาณาบริเวณในวิมานก็เดินวันเดียวไม่ทั่วแล้ว
นางเดินชมสวน ชมนกชมไม้ เดินดูเหล่าบริวารเทพจิบน้ำชาและเล่นดนตรีกันอย่างสนุกสนาน แต่ตลอดทั้งวันกลับไม่เห็นหน้าบุรุษหนุ่มที่นางเฝ้ารออยากเจอเลย เขาหายไปไหน….
.........
คุกแดนซาตาน
"เอ้า! กินสิโว้ย! อยากอดตายก่อนได้เห็นหน้าพ่อหน้าแม่หรือไง!?"
ผู้คุมตวาดลั่นอย่างเหลืออด นังไพร่สองคนนี้อดอาหารประท้วงมาสองวันแล้ว ความจริงหากสองคนนี้ตายก็เท่ากับลดภาระของเขาลง แต่มันกลับไม่ง่ายเช่นนั้น เพราะองค์ซาลีมานมีพระบัญชาให้ทรมานจนยอมพูดความจริง แต่ห้ามทำให้ตายเด็ดขาด
เพนนีและเพธาใบหน้าร่างกายฟกช้ำจากการถูกทรมานทุบตี พวกนางเจ็บช้ำกายที่ถูกทุบตีไม่พอ ยังเจ็บใจที่ถูกตราหน้าว่าฆ่าเจ้านายอันเป็นที่รัก พูดความจริงก็ไม่มีผู้ใดเชื่อสักคน
"พระสนมเสด็จ!" เสียงร้อนรนของผู้คุมทางด้านนอกดังขึ้น
จากนั้นร่างสะโอดสะองในอาภรณ์สีแดงก็เดินเข้ามาพร้อมด้วยบริวารอีกสองคน ก่อนจะส่งสายตาให้ผู้คุมผู้นั้นออกไป
พระนางปาลีเชิดหน้าเย้ยหยันอยู่หน้ากรงขัง "ไหนดูสิ ไอ้อีตนใดที่มันเคยปากดีกับข้า ดูสภาพมันตอนนี้สิ อย่างกับวัวถูกกระทืบ ฮ่าฮ่าฮ่า!"
เพนนีและเพธานั่งมองนางอยู่ในห้องขังเงียบๆ
"เฮ้อ นี่ล่ะนะที่เขาเรียกว่าหอกข้างแคร่ นังเซนิตเลี้ยงงูเห่าเอาไว้กลับไม่รู้ตัว ฮ่าๆๆ สาแก่ใจข้ายิ่งนัก"
จากนั้นนางก็โบกมือให้บ่าวเทน้ำสีแดงใส่จอกสองใบ แล้ววางลงบนพื้น
"วันนี้ข้ามีเรื่องจะพูดด้วย แต่กลัวพวกเจ้าจะตายไปเสียก่อน จึงนำเลือดวัวควายมาต่อชีวิตให้"
เลือดสัตว์ถือเป็นโอสถชั้นดีที่สามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บและสมานแผลของซาตานได้ ทั้งยังช่วยให้มีกำลังวังชาดีอีกด้วย
สิ้นคำนั้นนางก็นำปลายเท้าเปลือยเปล่าจุ่มวนลงไปในจอกทั้งสองใบ ก่อนจะสะบัดหยดเลือดออกสองสามครา
"เอ้า กินสิ ถือเป็นน้ำพระทัยจากข้า ฮ่าๆๆๆ!"
เสียงหัวเราะเหยียดหยามดังลั่นคุก ยามนี้นับเป็นช่วงเวลาที่พระนางปาลีสาแก่ใจที่สุด เพราะคนที่นางจงเกลียดจงชังหายหัวไปแล้ว ซ้ำบ่าวของมันยังถูกจับมาทรมานอีก!
นางแช่งให้สองแม่ลูกนั่นตายอยู่ทุกวัน จะได้หมดเสี้ยนหนามเสียที บัดนี้สมใจนางยิ่งนัก
ลูกมันหายไป มีหรือแม่มันจะไม่ตรอมใจตาย!
เพธา "..."
เพนนี "...."
"ไม่กินรึ? ช่างหัวเจ้า ข้าอุตส่าห์หวังดี เช่นนั้นก็เข้าเรื่องเลยแล้วกัน"
ร่างในอาภรณ์สีแดงเดินเข้าไปใกล้กรงขัง ย่อกายนั่งลงแล้วเอ่ยเสียงเบา
"พวกเจ้าอย่าได้ทำอันใดที่เป็นการให้ร้ายข้าเด็ดขาด ข้ารู้นะว่าพวกเจ้ามีแผนอันใด อย่าแม้แต่จะคิด!" พระนางปาลีขบกรามเน้นหนักที่ประโยคสุดท้าย
จากนั้นนางก็มองไปยังเพนนีด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม "แต่ก็ขอบใจในความโง่ของเจ้านะเพนนี ที่ทำให้ข้าหมดเสี้ยนหนาม ฮะๆๆ"
"นังปีศาจ"
พระนางปาลีหูผึ่งทันใด นางมองเพนนีตาขวาง "ปากดีให้มันน้อยๆ หน่อยนังไพร่! เดี๋ยวก็ได้กินนี่แทนข้าวหรอก!" นางพูดพร้อมยกเท้าชูขึ้น
"ข้าชักเริ่มสงสัยแล้วว่าใครกันแน่ที่ไพร่" เพนนีตอกหน้านางกลับอย่างแสบทรวง พร้อมมองคนที่ขึ้นชื่อว่าพระสนมตั้งแต่หัวจรดเท้า
"นังนี่!!! บังอาจนัก!"
พระนางปาลีตะคอกกลับตาเหลือก ยามนี้ใบหน้าสวยเฉี่ยวเลือดขึ้นหน้า ร่างสั่นเทาด้วยความโกรธสุดขีด หากไม่มีกรงขังกั้นอยู่ นางคงตรงเข้าไปตบปากนังไพร่นี่แล้ว!
"พระสนมอย่าทรงกริ้วเพคะ ประเดี๋ยวผู้อื่นจะสงสัย" บ่าวสาวเอ่ยเตือน
พระนางปาลีหันขวับมองผู้พูดตาเขม็ง ทำให้บ่าวผู้นั้นถอยร่นออกไป จากนั้นนางจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ แล้วจ้องเพนนีกับเพธาที่อยู่ในกรงขังด้วยสายตาเชือดเฉือน
"คราวนี้แค่เตือน หากพวกเจ้าให้ร้ายข้า พวกเจ้าได้ตายในคุกแน่!"
สิ้นวจีนั้น นางก็กระแทกส้นเท้าเดินปึงปังออกไปพร้อมกับบ่าวรับใช้ที่เดินตามหลัง
เมื่อพระนางปาลีจากไป บรรยากาศในคุกก็เงียบสงบขึ้นมาทันตา
เพธานั่งเหม่อใจลอยไม่ปริปากสักคำ ยามนี้นางเป็นทุกข์เหลือแสน ภาวนาให้องค์หญิงปลอดภัยและกลับมาช่วยพวกนางทีเถิด
"พี่ผิดเองที่ปล่อยให้เจ้าอยู่กับองค์หญิงสองคน"
เพนนีหันมองพี่สาวตน "พี่ไม่ผิดหรอก ข้าผิดเองที่ทำให้เกิดปัญหา ข้าผิดเอง..." นางพูดพร้อมลูบไล้กำไลสังวาลบนข้อมืออย่างเหม่อลอย
"ข้าผิดเอง..."