จันทร์กระจ่างลอยเด่นอยู่บนฟากฟ้า เซนิตนั่งดูดาวอยู่บนระเบียงห้อง นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนดูเหม่อลอยและเศร้าหมองในเวลาเดียวกัน
ยามมองท้องฟ้าในเวลาค่ำคืนเช่นนี้ ชวนให้นางนึกถึงตอนที่ท่านแม่พานางไปเรียนวิชาดาราศาสตร์กับท่านสมียิ่งนัก
ยามนางอายุพอจะรู้ความขึ้นมาหน่อย ท่านแม่ก็เริ่มให้นางร่ำเรียนศาสตร์ต่างๆ และแน่นอนว่าคนที่ปราดเปรื่องที่สุดในแดนซาตานคงหนีไม่พ้นท่านสมี ซึ่งเป็นเสมียนคนโปรดของท่านพ่อ
นางเห็นดาวเต็มฟ้าครั้งแรกเมื่อตอนสิบขวบ ยามนั้นนางตื่นเต้นมาก เพราะชานเรือนของท่านสมีสามารถมองเห็นดาวได้ทั่วสารทิศ
ชมดาวไป สอนนางไป
'องค์หญิงเห็นดาวตรงนั้นไหมพ่ะย่ะค่ะ นั่นเรียกว่าดาวโพลาริส ไม่ว่าพระองค์จะอยู่ที่ใด มันจะชี้ไปยังทิศเหนือเสมอ ไม่เปลี่ยนแปลงพ่ะย่ะค่ะ'
'ดียิ่งนักท่านสมี เราชอบดาวดวงนี้'
'หากองค์หญิงหลงทาง มันจะพาองค์หญิงกลับบ้านได้พ่ะย่ะค่ะ'
'อย่างไรหรือ ท่านสมีบอกเราที'
'เรื่องนี้ยากพอสมควร ไว้กระหม่อมค่อยสอนวันหลังนะพ่ะย่ะค่ะ'
ความทรงจำในวัยเด็กหวนคืนมาเมื่อมองหมู่ดาว นอกจากท่านแม่ เพธา และเพนนี ก็มีท่านสมีอีกคนที่นางอยู่ด้วยแล้วรู้สึกปลอดภัย
นางอยากกลับไปนอนชมดาวกับท่านสมีและท่านแม่เหลือเกิน….
"ว๊าย! คิกๆๆ อย่าเพคะ ฮะๆ"
ขณะตกอยู่ในภวังค์ เซนิตได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของหญิงสาวดังลอยมาตามสายลมยามราตรี ครั้นดวงตากลมโตเลื่อนมองไปตามเสียงก็พบกับฉากที่ทำให้นางใจกระตุกวูบ
ชายที่นางคะนึงหาตลอดทั้งวันกำลังแอบอิงอยู่กับบ่าวสาวคนหนึ่ง คลีโอโอบเอวคอดกิ่วของแมรี่ ใบหน้าคมคายวซุกลงกับซอกคอนาง
สองร่างอิงแอบหยอกเย้าภายใต้แสงจันทร์ราวกับนกเงือกเกี้ยวคู่
"อุ๊ย! อย่าเพคะรัชทายาท เดี๋ยวผู้อื่นผ่านมาเห็นนะเพคะ"
แมรี่จงใจร้องปรามเสียงดัง สายตาร้ายกาจช้อนมองสาวน้อยที่อยู่บนระเบียงอย่างลำพองใจ
บ่าวสาวเบะปากเย้ยหยันดุจผู้ชนะ
เซนิตมองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจที่สั่นไหว ดวงตาเริ่มมีหยาดน้ำพราวตีตื้นขึ้นมา นางรู้สึกราวกับมีบางอย่างกำลังทิ่มแทงหัวใจ เหตุใดถึงรู้สึกเช่นนี้ เหตุใดนางถึงไม่ชอบให้คลีโอเข้าใกล้หญิงอื่น
เป็นความรู้สึกที่นางเองก็อธิบายไม่ได้เช่นกัน
"ไปที่ห้องเถิดเพคะ หม่อมฉันจะปรนนิบัติฝ่าบาททั้งคืนเลย" แมรี่พูดกับคลีโอ ทว่าสายตาจับจ้องไปที่เซนิต
"อืม..." ร่างสูงเอ่ยเสียงเอื่อย
จากนั้นสองชายหญิงก็เดินแนบชิดกันเข้าไปยังวิมานทอง โดยมีแมรี่คอยกอดประคองคลีโอเอาไว้
เซนิตมองตามทั้งสองคนด้วยความรู้สึกหลากหลาย นางไม่ชอบที่เห็นภาพตรงหน้าเช่นนั้น มันทำให้นางเจ็บในทรวงแปลกๆ กระวนกระวายใจแปลกๆ
อีกอย่างนางนึกว่าคลีโอเป็นสุภาพบุรุษที่สุขุมเยือกเย็น อบอุ่นใจดีและวางตัวเหมาะสม ทว่าภาพตรงหน้ากลับไม่ใช่เลย เขาทำตัวเหมือน…
เหมือนกับบิดาของนาง
เด็กสาวรู้สึกผิดหวังอย่างที่สุดกับสิ่งที่เห็น นางนึกเสียใจที่มองคนผิด น้ำตาหยดเล็กไหลตกลงมาบนหน้าขาวเนียนโดยไม่รู้ตัว ร่างบางสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อข่มอารมณ์เศร้าสร้อยนี้เอาไว้ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าห้องไป
เซนิตนอนอยู่บนเตียงใหญ่ที่ปูด้วยผ้าปักดิ้นสีทอง นางเริ่มทบทวนเกี่ยวกับอารมณ์ของตัวเองที่มีต่อภาพเมื่อครู่
นางเฝ้ารอเจอหน้าคลีโอมาทั้งวัน เมื่อเห็นเขาชิดใกล้กับแมรี่ก็รู้สึกใจเสียและกระวนกระวาย
ความรู้สึกเช่นนี้จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจาก...ความเสน่หา
นางมีใจให้เขาอย่างนั้นหรือ
เซนิตเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเหตุใดถึงอ่อนไหวต่อเขาง่ายเช่นนี้ ทั้งที่รู้จักกันได้ไม่กี่วัน
อาจเป็นเพราะความเอาใจใส่และความดีของเขาที่ทำให้นางรู้สึกอุ่นใจยามอยู่ใกล้ รวมไปถึงเสน่ห์อันชวนหลงใหลของเขาที่มักทำให้นางใจเต้นรัวอยู่เสมอ
ทว่า….ท่านแม่คอยพร่ำสอนนางเสมอว่าหากเจอชายใดเหมือนท่านพ่อ จงอย่าเผลอใจให้กับชายประเภทนั้น เพราะจะทำให้นางทุกข์ตรมอย่างที่ท่านแม่เป็นมาตลอด
บุรุษเช่นนั้นอันตรายประหนึ่งยาพิษ
"ก๊อก ก๊อก" เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะความคิดของเด็กสาว
"ใครกัน ดึกเพียงนี้แล้ว"
ร่างอรชรลุกจากเตียง หย่อนขาเรียวก้าวตรงไปที่ประตู ทว่านางไม่ได้เปิดออก แต่กลับยืนสังเกตการณ์อยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน
"ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!"
คราวนี้เสียงเคาะดังหนักขึ้นและถี่ขึ้นกว่าเดิมราวกับกำลังหงุดหงิดที่นางไม่เปิดประตูให้ มือเรียวจึงตัดสินใจเอื้อมไปเปิดประตูออก
ครั้นประตูเปิดกว้าง กลิ่นกายบุรุษที่เคล้ากับกลิ่นสุราก็ลอยโชยเข้ามาปะทะจมูก ร่างสูงใหญ่หน้าแดงก่ำ สายตาฉ่ำเยิ้ม ยืนโอนเอนเกาะขอบประตูอยู่หน้าห้อง
"ท่านคีลส์" เซนิตเอ่ยชื่ออีกฝ่ายด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าจะเห็นเขาในสภาพเช่นนี้ เมื่อครู่เขาอยู่กับแมรี่ไม่ใช่หรือ
คลีโอเดินโซเซเข้ามาในห้องพลางจ้องหน้าหญิงงามตรงหน้า
"ขอนอนด้วยสิ"
...…..
*ดาวโพลาริส ชื่อไทยคือ ดาวเหนือ