webnovel

จอมทัพตื๊อรัก(2 เล่มจบ)

“ข้าจะขอยกเลิกการเป็นคู่หมายของท่าน ท่านว่าดีหรือไม่” ถ้อยคำที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มทำให้แม่ทัพหนุ่มชะงัก รอยยิ้มหายไปทันที ใบหน้าหล่อเหลาเครียดขึงและเย็นชาขึ้นจนดูน่ากลัว ดวงตาคมทรงเสน่ห์จ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มเขม็งและดุดันยิ่ง น้ำเสียงหนักแน่นและสีหน้าจริงจังจากเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อีกทั้งแววตารักใคร่เทิดทูนที่มีให้ บัดนี้กลับไม่มีให้เห็นแม้สักเสี้ยว ส่วนสิ่งที่สัมผัสได้จากดวงตากลมโตกลับมีเพียงความมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว และว่างเปล่าไร้ระลอกคลื่นแห่งเสน่หา เห็นแล้วชวนให้หงุดหงิดอารมณ์เสียยิ่งนัก ‘มารดาเจ้าเถิด!’ แม่ทัพหนุ่มสบถในใจ แรงโทสะทำให้เขาเผลอปล่อยจิตสังหารออกมา ทำเอาหญิงสาวรู้สึกหนาวเยือกไปถึงกระดูก ความกล้าที่พกมาเต็มเปี่ยมลดฮวบจนแทบไม่เหลือ

SARABIYA_1501 · Fantasia
Classificações insuficientes
107 Chs

ภาคต่อตอนที่ 8 สี่สหายน้อยโชว์ออฟ

จิ๋นอี้ ได้รับคำสั่งโดยตรงจากท่านแม่ทัพ ให้จัดเวรยามเฝ้าตรงทางเข้าป่าอาถรรพ์ ทั้งยามกลางวันกลางคืน ด้วยไม่รู้กำหนดเวลาว่าฮูหยินน้อยจะกลับออกมาเมื่อใด เป็นการลงโทษที่เสียท่าให้กับผงนิทราของห้าพี่น้องแซ่ชงจนฮูหยินน้อยตกอยู่ในอันตราย

ห้าชั่วยามหลังจากผงนิทราหมดฤทธิ์ จิ๋นอี้ จิ๋นเอ้อ ก็ได้รับรู้ว่า ฮูหยินน้อยถูกช่วยออกมาได้อย่างปลอดภัย โดยกองกำลังปีศาจมู่ ทำทั้งสองหายใจหายคอคล่องขึ้น

ทั้งสองไม่ได้เกรงกลัวบทลงโทษจากท่านแม่ทัพ แต่ที่ทั้งสองกลัวคือ กลัวว่าฮูหยินน้อยจะได้รับอันตราย และหากเป็นเช่นนั้น พวกเขาไหนเลยจะกล้าอยู่สู้หน้าท่านแม่ทัพได้

"ฮูหยินน้อย โปรดอย่าวู่วาม ช่วยรออีกสักพักเถิด ข้าได้ส่งพิราบขอกองกำลังปีศาจมู่ เพื่อคุ้มกันท่านกลับจวนแล้วขอรับ"จิ๋นอี้เตือนสติ

"ไม่ ข้าจะกลับเดี๋ยวนี้!"ชิงหลินปฏิเสธเสียงแข็ง ใบหน้าจิ้มลิ้มที่มักจะประดับรอยยิ้มอ่อนโยน บัดนี้แข็งกร้าวน่าเกรงขาม จนองครักษ์ร่างสูงใหญ่ยังต้องยอมถอยฉากหลีกทางให้

ส่วนองครักษ์ใหม่ทั้งห้า ได้แต่ยืนมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจและชื่นชมในความเด็ดเดี่ยวและดื้อรั้นของฮูหยินน้อย เหตุเพราะยุคสมัยนี้สตรีมักจะอ่อนแอ อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน สงบปากสงบคำและอยู่ในโอวาทของสามี น้อยนักที่จะพบเจอสตรีเช่นนี้

"หลินหลิน เป่าเปาได้ยินเสียงฝีเท้าม้าจำนวนมาก กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ขอรับ"จิ้งจอกน้อยส่งเสียงร้องเตือนนาง

"...อยู่ไกลแค่ไหน?"ชิงหลินนั่งยองตรงหน้าจิ้งจอกน้อย สังหรณ์ใจว่ากลุ่มคนที่มาจะมาร้ายมากกว่ามาดี

"สิบลี้เจ้าค่ะ"หมั่นโถวน้อยเป็นผู้ชิงตอบเสียเอง การฝึกในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา นอกจากสี่สหายน้อยจะสามารถยืดหดตัวได้ตามใจชอบแล้ว ประสาทสัมผัสทั้งห้าต่างก็พัฒนาขึ้นมาก สามารถได้ยินไกลถึงสิบลี้ มองทะลุทะลวงสิ่งกีดขวางได้ราวกับเลเซอร์ จมูกสามารถแยกกลิ่นยาพิษยาดีได้อย่างชัดเจน สัมผัสถึงอันตรายได้ไกลนับสิบลี้ ซึ่งยามนี้มีเพียงชิงหลินเท่านั้นที่รู้

"ทั้งสิ้นหกสิบคนขอรับ"ฟงฟงพยัคฆ์น้อยตัวพี่บอกข้อมูลเพิ่มเติม

"ฟานฟานยังได้ยินเสียงอาวุธ และยังจับสัมผัสรังสีการฆ่าฟันจากพวกมันได้ด้วย"ฟานฟาน พยัคฆ์น้อยตัวน้องรีบเสริม ด้วยกลัวว่าจะน้อยหน้าพี่รองและสองจิ้งจอกน้อย

"ฮูหยินน้อย?"จิ๋นอี้เรียกเบาๆ ใบหน้าคมเข้มมีความสงสัยใคร่รู้ เมื่อเห็นฮูหยินน้อยมีท่าทีแปลกๆ ด้านหน้ามีสองพยัคฆ์น้อยและสองจิ้งจอกน้อย ส่งเสียงร้องสลับกันราวกับกำลังสื่อสารบางอย่างกับนาง

เช่นเดียวกับห้าพี่น้ององครักษ์ที่ได้แต่ยืนตะลึงอึ้งไม่อยากเชื่อสายตาว่า พยัคฆ์ขาวที่ขึ้นชื่อในเรื่องความดุร้ายและหายากยิ่ง จะเชื่องราวกับแมวเลี้ยงเช่นนี้ และไม่ใช่แค่หนึ่งแต่นางได้ครอบครอบถึงสองตัว แล้วยังมีสุนัขจิ้งจอก ฉายานักล่าผู้โดดเดี่ยวอีก นี่มันออกจะ...ฮูหยินน้อย ดูจะไม่ใช่สตรีธรรมดาอย่างที่คิดจริงๆ

"จิ๋นอี้"ชิงหลินลุกขึ้นมาเผชิญหน้าองครักษ์หนุ่มอีกครั้ง

"ขอรับฮูหยินน้อย"จิ๋นอี้ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ประสานมือขึ้นเสมออก

"เจ้าพาคนมาเพียงเท่านี้ใช่หรือไม่?"

"มีเพียงเท่านี้ขอรับแต่ทั้งห้าสามารถล่องหนได้"

"ล่องหน? หมายถึง หายตัวได้หรือ?"

"เรียนฮูหยินน้อย คล้ายอย่างนั้นขอรับ เป็นเคล็ดวิชาที่เหมาะสำหรับการหลบหนี แฝงตัวในเงามืด และใช้ในยามจำเป็น คับขัน"ชงซื่อเป็นผู้ไขข้อสงสัยของนาง

"..เจ้าคือ..."

"ข้าน้อย ชงซื่อ ขอรับ ส่วนทั้งสี่เป็นน้องชายของข้า ชงไฉ่ ชงซ่าน ชงอวี้ และ ชงผิ่น"ชงซื่อแนะนำตนเองและน้องชายทั้งสี่

"อืม..ข้าจำได้แล้ว"ชิงหลินพยักหน้า นางเป็นศิลปินวาดรูปที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในโลกเก่า มีความสามารถพิเศษในเรื่องการจดจำ รายละเอียดปลีกย่อยดีกว่าคนอื่น ดังนั้นการแยกแยะว่าใครเป็นใครสำหรับนางง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก

จำได้แล้ว? แฝดสี่ที่เหมือนกันมาก แม้แต่ทหารองครักษ์ในจวนแม่ทัพไร้พ่าย รองแม่ทัพจาง หรือแม้แต่ ท่านแม่ทัพ ยังแยกแยะไม่ออก ขนาดพี่ใหญ่อย่างตนยังสับสนเรียกผิดเรียกถูกอยู่ร่ำไป แล้วจะให้ทำใจเชื่อได้อย่างไร? ร้อยไม่เชื่อ พันไม่เชื่อ ชงซื่อแอบสบประมาทนางในใจ

"จิ๋นอี้ พาคนและม้าไปซ่อนในป่าอาถรรพ์ก่อน"

"...ซ่อน? ขอบังอาจถาม เหตุใดต้องซ่อนขอรับ?"จิ๋นอี้เลิกคิ้วถามอย่างสงสัยเท่าที่สังเกตโดยรอบหามีสิ่งผิดปกติไม่

"...หึๆ..เดี๋ยวก็รู้"ชิงหลินเผยรอยยิ้มร้าย ทำเอาหกองครักษ์ถึงกับเสียวสันหลังวาบ รีบปฏิบัติตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงรอยเท้าม้าที่จงใจให้อีกฝ่ายสังเกตเห็น

หนึ่งเค่อต่อมา

ได้ปรากฏกลุ่มชายชุดดำปิดบังใบหน้า ราวห้าสิบถึงหกสิบคน ควบม้ามาด้วยความเร็วเต็มฝีเท้าและหยุดเมื่อชายชุดดำที่ควบม้านำหน้ายกมือขึ้นเป็นสัญญาณ

ชิงหลินเห็นหนึ่งในนั้น กระโดดลงจากหลังม้าก้มมองรอยเท้าม้าบนพื้นแล้วมองมายังป่าอาถรรพ์ที่พวกนางหลบซ่อนตัวอยู่ ก่อนจะหันไปพูดคุยกับชายชุดดำที่คาดว่าจะเป็นหัวหน้า

"ฮูหยินน้อย จะทำเช่นไรดีขอรับ?"จิ๋นอี้ถามเมื่อเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี หกต่อสิบสำหรับ จิ๋นอี้ไม่มีปัญหา แต่สำหรับห้าองครักษ์หนึ่งต่อสามก็ถือว่าตึงมือแล้วยังต้องคอยคุ้มกันความปลอดภัยของฮูหยินน้อยอีก งานนี้ไม่อาจปะทะซึ่งหน้าได้คงต้องหลบซ่อนในป่าอาถรรพ์นี้เป็นหนทางรอดที่ดีที่สุดในยามหน้าสิ่วหน้าขวานนี้แล้วจิ๋นอี้คิดเช่นนั้น

ฝ่ายชิงหลินไม่ได้สนใจตอบคำถามขององครักษ์หนุ่ม ดวงตากลมโตเป็นประกายสนุกสนานยามที่มองกลุ่มนักฆ่าเบื้องหน้า

"หลินหลิน ให้พวกเราจัดการเอง"ฟานฟานน้อยร้องอาสาทำงานนี้ มันกระตือรือร้นอยากลองใช้วิชาที่ฝึกตลอดหนึ่งเดือนในสนามจริงยิ่งนัก

"ใช่ ให้พวกเราทำงานนี้เถิด เราสัญญาจะมิทำให้หลินหลินผิดหวัง"ฟงฟงน้อยรับคำด้วยความมั่นอกมั่นใจ

"...ก็ได้ ข้ายกหน้าที่นี้ให้พวกเจ้า แต่ห้ามถึงตายนะ"เมื่อเห็นความกระตือรือร้นของสี่สหายน้อย ทำให้นางต้องพับเก็บความอยากลองวิชาของตัวเองไว้ก่อน

"ฮูหยินน้อย จะไม่เป็นไรแน่หรือขอรับ? พวกมันยังเป็นเพียงลูกพยัคฆ์กับจิ้งจอกน้อยไร้พิษสง จะไปต่อกรกับนักฆ่าเกินครึ่งร้อยได้อย่างไร?"จิ๋นอี้เอ่ยขึ้นหลังจากสี่สหายน้อยเดินออกจากที่ซ่อน ตรงไปยังกลุ่มของนักฆ่าที่อยู่ห่างราวหนึ่งลี้แล้ว

"ดูเงียบๆไปก่อนเถิด"หันมาทำตาดุใส่องครักษ์หนุ่ม อีกฝ่ายจึงยอมสงบปากสงบคำแล้วมุ่งความสนใจไปที่สี่สหายน้อยที่เดินอย่างองอาจ ไร้ความหวาดเกรง ไปยังกลุ่มนักฆ่าแทน แต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างค้าปากค้างกับสิ่งที่สะท้อนเข้ามาในดวงตา

ภาพเบื้องหน้าสร้างความตื่นตระหนก ประหวั่นพรั่นพรึงแก่หกองครักษ์ยิ่งนัก ขนาดผู้เฝ้าดูเหตุการณ์ยังตื่นตะลึงถึงเพียงนี้ ไม่ต้องกล่าวถึงนักฆ่าเคราะห์ร้ายเหล่านั้น

"เหวอออ...หะหะหัวหน้า...ปะปะปีปี...ปีศาจ!!...อยะ...อยะ..อย่าเข้ามานะ...อ๊ากกกก"

"โฮกกกก" แฮ่.. .กรรร"

เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ร่างในชุดสีดำล้มลุกคลุกคลานหนีตายกันจ้าละหวั่นราวกับคนเสียสติของเหล่านักฆ่าผู้เคราะห์ร้าย ทำชิงหลินนึกสงสารแต่ยังฝืนทำใจแข็งปล่อยให้สี่สหายน้อยจัดการตามใจชอบ

"อา...พี่ใหญ่ ข้ากำลังฝันอยู่ใช่หรือไม่?"ชงซ่านถามชงซื่อผู้เป็นพี่ชายคนโต ใบหน้าซีดเผือดมีเหงื่อเย็นผุดพราย ดวงตาดุดันเบิ่งกว้างจนแทบถลนออกมาดูน่าขบขันยิ่ง

"โป๊ก!"

"โอ๊ย!พี่รองท่านตีหัวข้าทำไม?"ชงซ่านร้องเสียงดังหันมาทางชงไฉ่ยกมือคลำศีรษะ

"ยังคิดว่าฝันอยู่อีกรึไม่เล่าพี่สาม?"ชงอวี้น้องชายคนที่สี่ถามยิ้มๆ

"หุบปากไปเลยเจ้าสี่"ชงซ่านหันมาถลึงตาใส่น้องชาย

"หยุดทะเลาะกันเป็นเด็กๆเสียที"ชงซื่อดุเสียงเข้ม ชงผิ่นน้องเล็กยิ้มขบขันเมื่อเห็นพวกพี่ๆถูกดุ

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พี่สามจะคิดว่าฝันไป เพราะเหตุการณ์เบื้องหน้า มันช่างมหัศจรรย์เหนือคำบรรยาย

แรกเริ่ม สี่สหายน้อยตัวเล็กจ้อยเท่าลูกแมว น่าเอ็นดูและไร้พิษสง เดินเข้าไปประจันหน้ากับเหล่านักฆ่าในชุดดำที่นั่งบนหลังม้า ชงผิ่นเห็นพวกนักฆ่าก้มมองร่างเล็กจ้อยทั้งสี่แล้วส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยัน จนชงผิ่นรู้สึกโมโหแทนพวกมัน

แต่ต่อมา สิ่งที่ชงผิ่นเห็นทำให้เปลี่ยนความคิดไปเลย เมื่อร่างเล็กจ้อยทั้งสี่ค่อยขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆราวกับถูกเป่าลมเข้าไปและหยุดลงเมื่อสี่สหายน้อย อา..ไม่ใช่ ต้องเรียกว่า สี่สหายผู้ยิ่งใหญ่จึงจะถูกมีขนาดเทียบเท่าช้างพลายโตเต็มวัย!

มันทั้งสี่ตัวล้อมนักฆ่ากว่าห้าสิบชีวิตไว้ทั้งสี่ทิศ จนเหล่านักฆ่าไม่อาจหลบหนีกรงขังที่มีชีวิตนี้ได้ ม้าที่เหล่านักฆ่าขี่มาตื่นตกใจตัวแข็งทื่อไม่ยอมทำตามคำสั่ง จนเหล่านักฆ่าจำต้องทิ้งเจ้าม้าแล้วหาทางหนีเอาตัวรอด

มีนักฆ่าบางรายที่คิดต่อกรกับสี่สหายผู้ยิ่งใหญ่ เพียงแค่เงื้อดาบก็ถูกกรงเล็บมหึมาของหนึ่งในสองพยัคฆ์ตบเบาๆ แต่ร่างนั้นกลับกระเด็นกระดอนไปไกลนับลี้แน่นิ่งไปทันที ดูแล้วหากไม่ตายก็คงบาดเจ็บสาหัสมากเลยทีเดียว

เพียงแค่ตบเบาๆยังรุนแรงถึงเพียงนี้ แล้วถ้าตบสุดแรง อา...ไม่อยากคิดเลย ว่าจะสร้างความเสียหายมากขนาดไหน

เหตุการณ์นั้น ทำให้เหล่านักฆ่าที่คิดจะต่อกรพลังอำนาจของสี่สหายผู้ยิ่งใหญ่ ต่างพากันทิ้งดาบยอมจำนน บ้างคุกเข่าบ้างหมอบกราบเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ส่งเสียงร้องขอชีวิตกันระงม

"ไปเถิด"เสียงกังวานใสของฮูหยินน้อย ปลุกให้หกองครักษ์ตื่นจากภวังค์ เหลือบมองนางด้วยความเลื่อมใส ต่างคิดตรงกันว่า ตนช่างโชคดีเหลือเกินที่ไม่ได้เป็นศัตรูกับนาง ไม่เช่นนั้นแล้ว คงไม่แคล้วอายุสั้นไร้ที่กลบฝังร่างเป็นแน่!

"ขอรับ ฮูหยินน้อย"ขานรับพร้อมเพรียงและเชื่อฟังยิ่ง ก่อนจะเดินตามร่างเล็กบอบบางไปยังกลุ่มนักฆ่าที่ถูกสี่สหายผู้ยิ่งใหญ่บีบล้อมไว้แทบจะขี่คอกัน

"พอแค่นั้นแหละ จะแกล้งพวกเขาไปถึงไหน เห็นรึไม่ว่าฉี่ราดกันเป็นแถวแล้ว"ทำเป็นเสียงเข้ม มุมปากอวบอิ่มสีแดงยกขึ้นอย่างขบขับ

"หลินหลิน จะให้จัดการนักฆ่าใจเสาะพวกนี้อย่างไร? ว่ามาได้เลย"ฟานฟานน้อยจอมอวดดีร้องถาม เนื่องจากตัวที่ขยายใหญ่เทียบเท่าช้างของมัน ทำให้เสียงร้องของมันดังกึกก้อง เต็มไปด้วยพลังอำนาจของเจ้าป่า และร่างที่ใหญ่โตดั่งช้างสาร ทั้งสง่างามและน่าเกรงยิ่งนัก เล่นเอาหกองครักษ์ เหล่านักฆ่าผู้เคราะห์ร้ายและม้ากว่าห้าสิบชีวิต สั่นสะท้าน หวาดกลัวจนเหงื่อเย็นไหลซึมเป็นน้ำตก

"แม่นาง...แม่นาง..แม่นาง..โปรดไว้ชีวิตด้วย..โปรดไว้ชีวิตด้วย..."เจ้าตัวหัวหน้าคุกเข่าเบื้องหน้านางร้องขอชีวิตอย่างไม่กลัวอับอาย

"โปรดไว้ชีวิตด้วย...."ที่เหลือรีบคุกเข่าร้องขอชีวิตตามหัวหน้าของตนบ้าง

"โปรดไว้ชีวิตด้วย"

"โปรดไว้ชีวิตด้วย"

"..เฮ้อ.."ชิงหลินถอนใจพลางกล่าว "พวกเจ้าจะอยู่หรือตายขึ้นอยู่กับคำตอบของเจ้า"

"เชิญท่านถามมาได้ ข้าจะตอบความจริงทุกอย่าง"

"ใครส่งพวกเจ้ามา?"

"เอ่อ..เรื่องนั้น.."

"ตอบ!"จิ๋นอี้ชักดาบจี้ที่คอหัวหน้านักฆ่า

"ข้าตอบแล้ว...ข้าตอบแล้ว เป็นใต้เท้าหาน หานหนิงเฉิง!"

"ฮึ่ม..หานหนิงเฉิง เป็นเจ้าจริงๆ...ได้..ในเมื่อเจ้าใจคอโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ อย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน!"ดวงตากลมโตเป็นประกายกริ้วโกรธ ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง

จิ๋นอี้เห็นแล้วถึงกับลอบกลืนน้ำลาย ด้วยไม่เคยเห็นฮูหยินน้อยมีโทสะถึงเพียงนี้มาก่อน

"พวกเจ้าไปซะ อย่าให้ข้าเห็นหน้าอีกเป็นครั้งที่สอง"

"ขอบคุณแม่นาง ขอบคุณ ข้าจะไม่มีวันลืมบุญคุณที่ปล่อยพวกข้าในครั้งนี้เลย ขอบคุณ ขอบคุณ"หัวหน้านักฆ่ากล่าวขอบคุณแทนลูกน้องไม่หยุด ก่อนจะพากันลุกขึ้นมองร่างอันใหญ่โตทั้งสี่ที่ยังคงล้อมไม่ยอมเปิดทางให้อย่างหวาดหวั่นใจ

เจ้าหัวหน้านักฆ่าหันมาขอร้องนางผ่านทางสายตา ชิงหลินจึงโบกมือเป็นสัญญาณให้เปิดทาง ฟานฟานน้อยทำท่าฮึดฮัดขัดใจมันแสร้งร้องใส่กลุ่มนักฆ่าเสียงดัง ก่อนจะเชิดหัวอย่างเย่อหยิ่งยอมเปิดทางให้ เมื่อเห็นเหล่านักฆ่าใจเสาะแข็งขาอ่อนเพราะเสียงร้องคล้ายขู่ของมัน

"เดี๋ยว!"เสียงห้ามห้วนจัดของสตรีคนเดิม ทำเอาเหล่านักฆ่าผู้เคราะห์ร้ายชะงักกึกใจคอไม่ดี ใบหน้าของพวกมันซีดเผือดราวกับกระดาษ

"มะมะ..แม่นาง.."หัวหน้านักฆ่าทำใจดีสู้เสือ

"คนของเจ้าได้รับบาดเจ็บหลายคน เพราะสัตว์เลี้ยงของข้า ข้าผู้เป็นเจ้าของก็ต้องรับผิดชอบ รับไปสิ"

หกองครักษ์ได้แต่ยืนอึ้งมองฮูหยินน้อยเป็นตาเดียว พวกมันมาเพื่อสังหารนาง เหตุใดนางต้องรับผิดชอบด้วยเล่า!

หัวหน้านักฆ่าถึงกับพูดไม่ออก มองถุงเงินที่ยื่นออกมาจากสตรีที่พวกมันตั้งใจมาสังหารให้ดับดิ้นด้วยความรู้สึกตื้นตัน มีคนใจดีมีเมตตาเช่นนี้อยู่ในโลกนี้ด้วยหรือ? สวรรค์... ดีเหลือเกินที่ข้าทำงานล้มเหลว...ดีเหลือเกิน..

"ข้าจิวหู(ทะเลสาบแห่งโชคชะตา)และพี่น้องขอสาบานต่อฟ้า จะภักดีและซื่อสัตย์ต่อท่าน หากท่านต้องการเรียกใช้สอย จิวหูและพี่น้องจะรีบมาทันที นายหญิง"

คราวนี้เป็นฝ่ายชิงหลินอึ้งบ้าง เมื่อเห็นเหล่านักฆ่าคุกเข่ายกมือขวาทาบหน้าอกด้านซ้ายพร้อมกับกล่าวสาบานต่อหน้านาง

"ฮูหยินน้อย..ท่านควรรับไว้นะขอรับ"เห็นนางมัวแต่ยืนนิ่งจิ๋นอี้จึงเตือนเบาๆ

"ได้ พวกเจ้าลุกขึ้นเถิด แล้วพวกเจ้าจะไปอยู่ที่ใด? กลับไปหานายเก่าไม่ได้แล้วนี่"อดถามไม่ได้ นักฆ่าทำงานล้มเหลวมักจะถูกฆ่าปิดปากนั่นคือสิ่งที่นางรู้

"..เรื่องนั้น.."จิวหูหันไปมองพี่น้องที่ยืนหน้าเศร้าอยู่ด้านหลัง

"หากไม่มีที่ไป เช่นนั้นก็ตามข้ากลับไปแล้วกัน"

"ฮูหยินน้อย!"จิ๋นอี้ทำท่าจะคัดค้าน

"เอาเถิดน่า เดี๋ยวข้าคุยกับท่านแม่ทัพเอง"ยกมือห้ามองครักษ์หนุ่ม

"ขอบคุณฮูหยินน้อย!!"เหล่านักฆ่าทั้งหกสิบขอบคุณเสียงดัง ใบหน้าคร้ามแดดเป็นประกายความยินดี นึกเลื่อมใสและศรัทธาในตัว "นายหญิง" คนใหม่ยิ่งนัก

"ฮูหยินน้อย ไม่ควรรั้งอยู่นานนะขอรับ"จิ๋นอี้บอกนาง

"ข้ารู้แล้ว.."กล่าวกับองครักษ์หนุ่มเสร็จ ก็หันไปส่งกระแสจิตบอกสี่สหายน้อยที่ยังไม่ยอมกลับสู่ร่างเดิมเสียทีด้วยความระอาใจ

"...ฟานฟาน ฟงฟง เป่าเปา หมั่นโถว เลิกเล่นได้แล้ว"

"จะไปแล้วรึ ฟานฟานยังอยากเล่นต่อ ขอเล่นต่ออีกเดี๋ยวได้รึไม่?"

"ฟาน..ฟาน"

"ก็ได้ ก็ได้ เลิกเล่นก็ได้"มันทำท่าฮึดฮัดอย่างขัดใจ ก่อนจะหดตัวเล็กลงเท่าเดิมตามพี่รองและสองจิ้งจอกน้อย

และแล้วการเดินทางกลับจวนแม่ทัพไร้พ่ายก็ได้เริ่มต้นขึ้นเสียที โดยได้ผู้ติดตามเพิ่มขึ้นถึงหกสิบคน ถือเป็นผลพลอยได้ที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ของขวัญจากผู้อ่านคือกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ช่วยส่งกำลังใจให้ไรต์หน่อยน้า^_^

SARABIYA_1501creators' thoughts