ตอนที่ 1279 วิญญาณของเทวภัณฑ์เขตแดน
ตอนที่กู่ฉิงซานเพิ่งทราบเรื่องทั้งหมด
ที่สุดปลายทางของแม่น้ำสุสาน
มีสุสานขนาดใหญ่อยู่ที่นั่น
เบื้องหน้าสุสาน ชายชราสามคนลอยอยู่กลางอากาศ
เป็นสามปรมาจารย์ภูตผีของโลกวิญญาณชั่วร้าย!
คนของโลกวิญญาณชั่วร้ายที่ห้อมล้อมพวกเขาเอาไว้คุกเข่าลง มีจำนวนอยู่ราวพันกว่าคน
ในบรรดาพวกเขา ถึงขั้นมีผู้ที่ไม่ได้สวมหน้ากากวิญญาณชั่วร้ายอยู่
พวกเขาคือผู้พิทักษ์สุสานแห่งนี้ ไม่รู้ว่าสามปรมาจารย์ภูตผีใช้วิธีอะไรในการกำราบอีกฝ่ายจนกลายมาเป็นลูกน้องได้
ทั่วบริเวณเงียบสงัดจนขนาดได้ยินเสียงเข็มตกลงมา
พวกเขาคล้ายกับกำลังรอบางสิ่งอยู่
ผ่านไปสักพัก
คนสวมหน้ากากวิญญาณชั่วร้ายเคลื่อนลงมาจากท้องนภาก่อนคุกเข่าข้างหนึ่งต่อหน้าสามปรมาจารย์ภูตผีแล้วกล่าวว่า
“รายงานสามปรมาจารย์ภูตผี ชิ้นส่วนหลักได้รับการรวบรวมแล้ว พวกท่านสามารถออกเดินทางได้ทุกเมื่อ”
เสียงของปรมาจารย์ภูตผีคนหนึ่งดังขึ้น
“อืม ไม่สำคัญหรอกว่าจะมีชิ้นส่วนหรือไม่ พวกเรามีโลกมากมาย ดังนั้นเป็นธรรมดาที่จะมีทางหลอมดาบเล่มนี้ขึ้นมาใหม่ได้”
ปรมาจารย์ภูตผีอีกคนกล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ เอาดาบเขตแดนหกวิถีแล้วกลับกันดีกว่า”
ปรมาจารย์ภูตผีคนที่สามกล่าวว่า “จะรีบร้อนไปทำไม ให้ข้าดูสุสานแห่งนี้อีกครั้งดีกว่า… นี่คือหกสุสานที่แท้จริงของวิถีราชาสัตว์อสูรที่หลอมรวมชิ้นส่วนมาแล้วเก้าสิบเก้าส่วน”
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังขณะจับจ้องไปข้างหน้า
ปรมาจารย์ภูตผีอีกสองคนหันสายตาตามก่อนเห็นว่าหกสุสานที่แท้จริงประกอบขึ้นจากดาบยักษ์ที่แกะสลักจากหิน
ดาบยักษ์แทงลึกเข้าไปในพื้น
ที่รอยแยกระหว่างตัวดาบและปฐพี มีตัวตนแปลกประหลาดจำนวนมากถูกสลักเอาไว้ ใบหน้าของพวกมันเผยความเจ็บปวดออกมา
“ตัวตนหกสิบเอ็ดชนิด” ชายชราคนหนึ่งกล่าว
“หรือก็คือ มีมรดกทั้งหมดหกสิบเอ็ดอย่างซ่อนอยู่ที่นี่ หนึ่งในนั้นมีมรดกพิเศษ ‘ปู้โจว’ ที่หายไป แต่มันคือเป้าหมายของพวกเรา” ชายชราอีกคนกล่าวอย่างเสียดาย
ชายชราคนที่สามกล่าวว่า “ไว้พูดเรื่องมรดกทีหลังเถอะ ตอนนี้พวกเราต้องไปแล้ว”
ปรมาจารย์ภูตผีอีกสองคนพยักหน้า
“ดาบเขตแดนถูกพวกเราเอาไปแล้ว วันสิ้นโลกทั้งหมดกำลังจะออกมา ดูท่าถ้ำราชาสัตว์อสูรจะกลายเป็นโลกชิ้นส่วนนับไม่ถ้วน”
“เวลากำลังจะหมดลงแล้ว หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทุกสิ่งที่นี่จะถูกทำลาย จากนั้นจะเป็นถ้ำหมื่นอสูร…”
สามปรมาจารย์ภูตผียังไม่ไป
พวกเขาออกจากที่นี่พร้อมกับคนจากโลกวิญญาณชั่วร้ายจำนวนมาก
…
“กลายเป็นว่าทันทีที่วิญญาณชั่วร้ายเอาดาบไป สุสานจะไม่มีสมบัติไว้กำราบวันสิ้นโลกอีกต่อไป วันสิ้นโลกทั้งหมดจะออกมาจากรังก่อนหลั่งไหลเข้าสู่ถ้ำสัตว์อสูร…”
ขณะกู่ฉิงซานกล่าว เขาชำเลืองมองซานไห่ชีเสีย
ใบหน้าของนางซีดเผือด
…วันสิ้นโลกทั้งหมดจะมาถ้ำหมื่นอสูร
นี่ไม่ใช่ภาพมายา แต่เป็นวันสิ้นโลกจำนวนนับไม่ถ้วนที่แท้จริง
ภายใต้กระแสวันสิ้นโลกไม่มีสิ้นสุด ทุกสิ่งจะถูกทำลายจนสิ้น
กู่ฉิงซานคว้ามือนางก่อนบีบไว้แรง ๆ เป็นสัญญาณว่ายังไม่ต้องปรากฏตัว
ในฐานะภรรยาของนักบุญสงคราม นางจะไม่มีวันเผยความรู้สึกใด ๆ ต่อการทำลายล้างถ้ำสัตว์อสูรและเผ่าพันธุ์มนุษย์
ซานไห่ชีเสียรู้ขณะรักษาสีหน้าสงบเอาไว้อย่างยากลำบาก
ขณะถือไพ่หยกของเก้าคำสาปใต้พิภพ กู่ฉิงซานส่งข่าวให้ปลาเค็มกู่ฉิงซาน ในเวลาเดียวกัน เขามองสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งแล้วถามว่า “ก่อนหน้านี้เจ้ามีเป้าหมายดี ๆ หรือเปล่า”
สัตว์ประหลาดตอบว่า “พวกข้าเคยมาที่สุสานแล้ว วันสิ้นโลกที่ซ่อนอยู่ข้างในนั้นทรงพลังมาก มีชิ้นส่วนดาบมากมายคอยคุ้มกันสุสานอยู่”
“ถ้าอย่างนั้น หลังจากพวกเราเข้าไปแล้ว พวกเราจะไปเก็บชิ้นส่วนเหล่านั้นกัน” กู่ฉิงซานกล่าว
เหล่าสัตว์ประหลาดกล่าวพร้อมกันว่า “ขอรับ นายท่าน”
ซากศพวิญญาณชั่วร้ายยังคงลอยไปข้างหน้า
ซานไห่ชีเสียเป็นทุกข์ แต่นางไม่สามารถทำอะไรได้ นางทำได้เพียงกุมมือของกู่ฉิงซานเอาไว้มั่น ไม่สามารถพูดอะไรได้สักพักใหญ่
ทันใดนั้น
กู่ฉิงซานสังเกตเห็นบางสิ่งก่อนยื่นมือออกไปเพื่อหยิบมันจากความว่างเปล่า
ไพ่หยกของเก้าคำสาปใต้พิภพกลับมาอยู่ในมือของเขาอีกครั้ง
เสียงของปลาเค็มกู่ฉิงซานดังก้องจากทะเลแห่งความตระหนักรู้
“วันสิ้นโลกทั้งหมดกำลังจะหลุดออกไปหรือ มันจบแล้ว ไม่มีอะไรที่ข้าสามารถทำได้แล้ว แล้วเจ้าล่ะ”
กู่ฉิงซานลอบยิ้มขมขื่นขณะลอบส่งสารกลับไป
“ก่อนหน้านี้ยังเป็นการยากที่จะรับมือกับภาพมายา ถ้าวันสิ้นโลกที่แท้จริงปรากฏขึ้นมา เป็นไปไม่ได้ที่จะเจ้ากับข้าจะร่วมมือกันได้เลย”
…ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่วันสิ้นโลกที่แท้จริงแค่ตัวเดียว แต่วันสิ้นโลกทั้งหมดจะกวาดผ่านเข้ามา
เขาเพิ่งส่งไพ่หยกของเก้าคำสาปใต้พิภพเข้าไปในความว่างเปล่า ผ่านไปสักพัก ไพ่หยกกลับมาอีกครั้ง
เสียงของปลาเค็มกู่ฉิงซานดังขึ้น “นี่ ตั้งใจฟังนะ มีภาพมายาวันสิ้นโลกที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน มันเร็วมาก… โอ๊ะโอ เจ้าไม่สามารถซ่อนจากมันได้ด้วย”
หัวใจของกู่ฉิงซานดิ่งวูบ
“ระวัง!”
เขาตะโกนเสียงดัง
ทุกคนไม่รู้ว่าทำไม
ทันใดนั้น แสงและเงาบินมาที่ด้านหน้าแม่น้ำสุสาน
ความเร็วของแสงและเงานี้แทบจะเร็วเท่าความคิด ทันทีที่เห็น มันก็เข้าโอบล้อมแล้ว
ฟรึ่บ…
ทุกคนหายไปในแสงและเงา
ผ่านไปสักพัก
ซากศพวิญญาณชั่วร้ายที่ลอยอยู่บนแม่น้ำสุสานหายไปด้วยเช่นกัน
…
ท้องนภาหมุนคว้าง
กู่ฉิงซานตกลงพื้น
หลังจากนั้น ซานไห่ชีเสียตกลงกับพื้นเช่นกัน
พวกเขาถูกห้อมล้อมด้วยซากเมืองที่มองไม่เห็น
สัตว์ประหลาดเหล่านั้นไม่ได้อยู่รอบข้างอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ว่าวพวกเขาถูกเคลื่อนย้ายพริบตาไปที่ไหน
“ภาพมายาวันสิ้นโลกอีกแล้ว” กู่ฉิงซานกล่าวด้วยอาการปวดหัว
วันสิ้นโลกที่ถูกผนึกทั้งหมดกำลังระเบิด ตอนนี้ เขาถูกเคลื่อนย้ายพริบตาเข้ามาในภาพมายาวันสิ้นโลก
…หลังจากนั้น
ถ้าอยู่ในภาพมายาวันสิ้นโลก เขาจะสามารถหลีกเลี่ยงวันสิ้นโลกอื่น ๆ ได้หรือเปล่า
ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ในภาพมายานี้ เขาจะสามารถหลีกเลี่ยงหัวกะโหลกคางยาวได้หรือเปล่า
วันสิ้นโลกน่าสะพรึงจริง ๆ เพียงแค่ชำเลืองมองก็สามารถทำให้ผู้คนแยกตัวจากมิติและเวลาได้ก่อนตกลงไปในสถานการณ์อันว่างเปล่าตลอดกาล
ขณะกู่ฉิงซานกำลังครุ่นคิด เขาเห็นเพียงซานไห่ชีเสียเอามือป้องหน้าแล้วร้องไห้ออกมาเงียบ ๆ
“ข้าไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย” นางร้องไห้ขณะกล่าว
กู่ฉิงซานถอนหายใจ
ไม่นานหลังจากเขาเข้าโลกนี้มา วิถีวิญญาณชั่วร้ายได้พรากดาบเขตแดนไป
มันสายเกินไปแล้ว
โดยไม่รู้ตัว คาดเดาไม่ได้และหมดหนทาง
ไม่มีเวลาให้มาทำอะไรเลย
ตอนนี้ วิถีวิญญาณชั่วร้ายกำลังปลดปล่อยวันสิ้นโลกออกมา
…หรือพวกเขาจะจากไปพร้อมกับปลดปล่อยวันสิ้นโลกทั้งหมดออกมา
นี่คือสถานการณ์สิ้นหวังที่ไม่เปิดโอกาสให้แต่อย่างใด
ขณะกู่ฉิงซานกำลังครุ่นคิด ทันใดนั้น ดาบยาวสี่เล่มปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเขา
ซานไห่ชีเสียสัมผัสได้เช่นกัน ทันใดนั้นก็หยิบกระดิ่งออกมาขณะมองมาทางเขา
วิญญาณชั่วร้ายคนหนึ่งกำลังยืนอยู่บนกำแพงแตกหัก
ทั่งร่างของมันสร้างจากหมอกสีดำไม่มีสิ้นสุด เค้าโครงหมอกสีดำหนาแน่นแสดงให้เห็นใบหน้าอันดุร้าย
“เป็นเจ้า!”
กู่ฉิงซานและซานไห่ชีเสียส่งเสียงร้องพร้อมกัน
…รูปทรงและรูปลักษณ์ของวิญญาณชั่วร้ายนี้เหมือนกับซากศพวิญญาณชั่วร้ายที่พาพวกเขาลอยอยู่ในแม่น้ำสุสานก่อนหน้านี้
มันเปิดปากพูดว่า “เวลากำลังจะหมดลงแล้ว เรื่องราวคงต้องรวบรัดกันหน่อย”
“หลังจกาผู้พิทักษ์ทั้งหมดขบถ ภาพมายาของวันสิ้นโลกค่อย ๆ ไหลหลั่งจากสุสาน ข้าต้องแบ่งตัวเองเป็นชิ้น่สวนจำนวนมากเพื่อใช้พวกมันกำราบสุสานทุกหนแห่ง แต่เมื่อไม่นานมานี้ ข้าไม่สามารถให้การสนับสนุนได้”
“ตามแผนที่วางไว้ ข้าจะเลือกเจ้านายจากบรรดาคนที่เข้ามาในสุสานเพื่อช่วยในการแก้ไขวันสิ้นโลก”
“แต่น่าเสียดาย มันสายเกินไปแล้ว เมื่อครู่ คนของวิญญาณชั่วร้ายเอาร่างของข้าไปแล้ว”
“หากไม่มีร่างของข้า วันสิ้นโลกทั้งหมดจะหลุดออกไปทันที”
เมื่อกล่าวถึงตรงนั้น มันหยุดสักพักก่อนมองมาที่พวกเขาสองคน
กู่ฉิงซานตอบว่า “แสดงว่าเจ้าคือวิญญาณดาบของดาบเล่มนั้นหรือ ไม่สงสัยเลยว่าเจ้าไม่พัวพันกับวันสิ้นโลกและยังคงส่งคนเข้าไปในแม่น้ำสุสาน… ข้าเดาว่าเจ้าพาภาพมายาวันสิ้นโลกเหล่านั้นที่เพิ่งออกมาเพื่อทำการทดสอบและเลือกเจ้านายสินะ”
“ถูกต้อง คนของวิถีวิญญาณชั่วร้ายทรงพลังเกินไป มันเกินกว่าที่ข้าคาดคิดเอาไว้ ทำให้ตอนนี้ไม่มีเวลาเลือกใครได้”
วิญญาณชั่วร้ายที่ก่อตัวจากหมอกสีดำมองกู่ฉิงซานก่อนยกมือขึ้น
ในมือของมันถือชิ้นส่วนวิญญาณสองชั่วร้ายสองอันที่สลักขึ้นจากไม้สีดำบริสุทธิ์ก่อนพัวพันกันเป็นด้ามจับหนึ่งคู่
ด้ามดาบ
มันกล่าวต่อว่า “นี่คือด้ามดาบที่ข้าซ่อนเอาไว้ ขอแค่วิญญาณชั่วร้ายไม่ได้ด้ามดาบนี้ไป พวกมันก็ไม่สามารถควบคุมข้าได้อย่างสมบูรณ์”
“ปัญหาในตอนนี้เร่งด่วนนัก ข้าหวังว่าเจ้าจะรับด้ามดาบของข้าแล้วรีบหลบหนีออกจากสุสานนี้”
“ถ้าเจ้าสามารถพาข้าออกไปได้ทันที ข้าจะมอบมรดกในสุสานให้ มรดกนี้ไม่เหมือนกับ ‘ปู้โจว’ ที่เจ้ามี พวกมันสามารถฝึกฝนได้หลายคนเพื่อช่วยให้คนรอบข้างแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วได้”
“หลังจากนั้น ข้าจะไปโลกวิญญาณชั่วร้ายกับเจ้าเพื่อหาทางฟื้นคืนร่างดาบกลับคืนมา”
“ถ้าเจ้าทำกระบวนการนี้ได้ดีเป็นพิเศษ ข้าจะคิดเรื่องยอมรับเจ้าในฐานะเจ้าของ… แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
กู่ฉิงซานเงียบหลังจากได้ฟัง
วิญญาณดาบวิญญาณชั่วร้ายนี้นับว่าแปลกประหลาด
มันคือวิญญาณของเทวภัณฑ์เขตแดนหกวิถี ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่จะบ้าคลั่งเมื่อเขากล่าวชื่อนี้ออกมา
เขาเงียบ
…มันกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
วิญญาณดาบวิญญาณชั่วร้ายกล่าวว่า “วันสิ้นโลกทั้งหมดกำลังจะปลดปล่อยออกมา เจ้าจะนิ่งเฉยหรือ ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอก เป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายวันสิ้นโลกทั้งหมดเช่นกัน นี่คือการล่มสลาย ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้”
“…ดังนั้นรีบพาข้าออกไปเดี๋ยวนี้เถอะ!”
กู่ฉิงซานยังไม่พูด
เขาหันมามองซานไห่ชีเสีย
ซานไห่ชีเสียแทบจะทรุดตัวลงกับพื้นแล้ว
“ถ้ำ… หมื่นอสูร… กำลังจะจบสิ้น” นางพึมพำเงียบ ๆ ทั้งน้ำตา
กู่ฉิงซานถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ใช่ มันสายเกินกว่าจะกลับไปเปลี่ยนคนเหล่านั้นแล้ว”
พี่น้องหลี่ชิวอวี่ จ้าวเฉียง หวังชุ่นและคนอื่นกำลังจะตายในวันสิ้นโลกอยู่แล้ว
คนเหล่านั้น คนเหล่านั้นในถ้ำหมื่นอสูรกำลังจะตายในวันสิ้นโลกที่ไม่มีสิ้นสุด
ครั้งนี้ วิญญาณดาบวิญญาณชั่วร้ายกลายเป็นหมอกสีดำก่อนจมเข้าสู่ด้ามดาบอย่างสมบูรณ์ สุดท้ายบินมาอยู่ตรงหน้ากู่ฉิงซาน
เสียงของมันดังขึ้นอีกครั้ง
“กู่ฉิงซาน! เวลากำลังจะหมดลงแล้ว ผู้พิทักษ์ทรยศและกักขังข้า อาศัยโอกาสนี้หนีไปเถอะ!”
กู่ฉิงซานเงียบอีกหนึ่งอึดใจแล้วกล่าวว่า “ข้า… ยังอยากลองดู…”
ซานไห่ชีเสียเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว มือปาดเช็ดน้ำตาขณะมองเขา
นางอ้าปากเล็กน้อย แต่ไม่กล้าถามอะไร
นางเกรงว่าสิ่งที่อีกฝ่ายจะกล่าวจะทำให้นางสิ้นหวังมากยิ่งขึ้น
วิญญาณดาบวิญญาณชั่วร้ายยิ้มออกมาก่อนถามว่า “เจ้าหรือ เจ้าทรงพลังมากจริง ๆ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับวันสิ้นโลกที่ไม่มีสิ้นสุด ไม่ว่าใครก็เป็นเพียงมดปลวกเท่านั้น”
“ใช่” กู่ฉิงซานยอมรับ “พวกเราทุกคนล้วนเป็นมดปลวกเมื่ออยู่ต่อหน้าวันสิ้นโลก”
สายตาของเขาจับจ้องซานไห่ชีเสีย
“ข้าสัญญาแล้วนี่ว่าจะช่วยเจ้า” เขากล่าว
ซานไห่ชีเสียมองเขา
“ข้าขอบอกก่อนนะ ข้าทำได้แค่ลองเท่านั้น ถ้ามันไม่มีทางจริง ๆ พวกเรายังต้องถอยอยู่ดี… ยังไงเสีย พวกเราจะมาตายที่นี่ไม่ได้” เขากล่าว
ซานไห่ชีเสียคว้ามือของเขาเอาไว้แล้วกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ข้า ซานไห่ชีเสีย ขอสาบาน ณ ที่นี่! ข้าคือคนเดียวของถ้ำหมื่นอสูรที่วิญญาณยังได้รับมรดกอยู่ ข้าคือตัวแทนของผู้แข็งแกร่งที่รู้ความลับทุกสิ่งในถ้ำหมื่นอสูร ข้าขอร่วมเป็นร่วมตายไปพร้อมกับเจ้า!”
กู่ฉิงซานพยักหน้าขณะมองด้ามดาบที่ปกคลุมด้วยหมอกสีดำแล้วกล่าวว่า “รออีกหน่อยนะ”
เสียงของวิญญาณดาบวิญญาณชั่วร้ายดังขึ้น “เจ้าจะทำอะไรอีก”
กู่ฉิงซานยื่นมือออกไปเพื่อถือดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพ
“ลั่วปิงหลี” เขาลอบทัก
“หืม ข้าอยู่นี่แล้ว” เสียงของลั่วปิงหลีดังขึ้น
“ข้าจำได้ว่าในยุคโบราณ ท้ายที่สุดดูเหมือนว่าเจ้าได้กำจัดส่วนประกอบอาวุธหุบเหวนอกเหนือจากดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพจนหมดสิ้นสินะ” กู่ฉิงซานถาม
“สายตาแหลมคมยิ่งนัก ใช่แล้วล่ะ” ลั่วปิงหลีกล่าว
กู่ฉิงซานกระซิบว่า “ข้าจำได้ว่า… หลินซ่อนอยู่ในความมืด เจ้าขอให้ข้าเดาว่าเจ้าคือใคร… ความจริง เจ้าคือวิญญาณของอาวุธนิรันดร์ของหุบเหว เจ้าเกิดตอนที่อาวุธถือกำเนิดขึ้นมา ฉายาดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพน่าจะเป็น: สิ่งประดิษฐ์วิญญาณหุบเหว ร่างหลักของอาวุธหุบเหวนิรันดร์ ทหารกำราบมารที่ก้นบึ้งของหุบเหวไร้ที่สิ้นสุด ผู้พิทักษ์การสูญพันธุ์ ดาบแห่งชะตากรรม กุญแจสู่โลก”
ลั่วปิงหลีค่อย ๆ เข้าใจ นางเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมา
มีประกายในดวงตาของกู่ฉิงซานขณะกระซิบว่า “เรื่องนี้ยุ่งยากยิ่งนัก มันยุ่งยากเกินไป ถ้าเจ้าไม่ระวัง เจ้าจะตาย และต่อให้ข้าตาย ข้าเกรงว่าจะไม่สามารถช่วยคนเหล่านั้นได้ ไม่สามารถช่วยถ้ำหมื่นอสูรได้ สิ่งที่เรียกว่าตบมือข้างเดียวไม่ดัง…”
ลั่วปิงหลีเงียบสักพักแล้วกล่าวอย่างมั่นใจว่า “แสดงว่าสิ่งที่เจ้าอยากให้ทำก็คือ…”
“ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน ข้าไม่สามารถรับมือคนเดียวได้ ข้าอยากเดินทางไปโลกคู่ขนานโดยไว” กู่ฉิงซานนิ่ง ในที่สุดก็กล่าวว่า “ปัญหาเดียวก็คือต่อให้ไปโลกคู่ขนาน คนอื่น ๆ จะไม่ยอมเชื่อใจข้าโดยง่ายในเวลาสั้น ๆ ”
“ดังนั้นข้าต้องไปหากำลังเสริมสำหรับการต่อสู้ครั้งนี้”
…………………………………………….