ตอนที่ 1156 ศึกแห่งอดีต!
“เปิดศาลได้!”
ชายชราเครายาวเคาะค้อนก่อนสบตากับเหล่าภูต
“ใครจะเป็นผู้บันทึกศาล”
ภูตร่างสูงตนหนึ่งกล่าวว่า “ข้าเอง!”
“เจ้ารู้หรือเปล่าว่าต้องทำยังไง” ชายชราเครายาวถาม
“แน่นอน ข้ารู้วิธีเขียนตัวอักษรห้าร้อยเก้าสิบหกตัว เคยได้รับรางวัลมาแล้วสามร้อยยี่สิบแปดตัว” ภูตร่างสูงตอบ
ชายชราเครายาวพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ดีมาก เช่นนั้นเจ้ารู้หรือเปล่าว่ากฎที่ต้องทำตามในฐานะผู้จดบันทึกใช่หรือเปล่า”
“แน่นอน ข้าจะรายงานให้ท่านทราบเอง”
ภูตร่างสูงเตรียมตัวแล้วก่อนสะบัดไม้เท้าสั้น
ปัง!
กระดาษสีเขียวแผ่นใหญ่ที่มีหลายพันหน้าปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
หนังสือเล่มนี้ลอยอยู่ในอากาศ มันหนากว่าส่วนสูงของภูตเสียอีก
ภูตร่างสูงไอเล็กน้อยขณะเปิดหน้าแรกของกระดาษสีเขียวแล้วอ่านตามตัวอักษรที่เขียนเอาไว้
“ผู้จดบันทึกรับผิดชอบงานบันทึกการเปิดศาลเป็นหลักและรับมือเรื่องยิบย่อยที่เกี่ยวกับศาล เช่น การเตรียมศาล การเก็บหลักฐาน การจัดการเอกสาร การดูแลเอกสาร…”
เขายังคงพล่ามต่อไป
ชายชราเครายาวหาวก่อนพิงกับโต๊ะเพื่อเตรียมหลับ
ราชายุคอดีตตะโกนว่า “เป็นอะไร เจ้าไม่อยากไต่สวนแล้วงั้นหรือ”
ชายชราเครายาวดึงผ้าห่มสีสันสดใสออกมาจากที่ใดไม่ทราบเพื่อมาห่มร่างกายแล้วกล่าวว่า “ค้อนของพวกข้าเพียงทำหน้าที่ตัดสินไม่ใช่การฆ่า ต้องใช้อีกสิ่งในการฆ่าแต่สิ่งนั้นอาจจะไม่สามารถฆ่าเทพที่ทรงพลังขนาดนั้นได้”
ราชายุคอดีตตกตะลึงจนอดที่จะถามไม่ได้ว่า “เช่นนั้นการเปิดศาลครั้งนี้ไม่มีความหมายงั้นหรือ”
“มันจะไม่มีความหมายได้ยังไง” ชายชราเครายาวชำเลืองมองเขาแล้วกล่าวว่า “เมื่อค้อนเคาะลงไป มันไม่สามารถหลบหนีได้ ไม่สามารถฆ่าคนได้ ทำได้เพียงขังมันไว้ที่นี่เท่านั้น”
“เมื่อการต่อสู้ฝั่งกู่ฉิงซานจบลง มันจะยังติดอยู่ที่นี่ ไม่สามารถขยับไปไหนได้…ไว้ค่อยจัดการมันตอนนั้นก็ได้”
ราชายุคอดีตเงียบแล้วกล่าวต่อว่า “ศาลนี้สามารถยื้อไว้ได้นานแค่ไหน”
ชายชราชี้ไปที่ภูตร่างสูงผู้กำลังเขียนตามหลักสูตรแล้วตอบว่า “ใช้เวลาราวสองชั่วโมงถึงจะอ่านกระดาษสีเขียวเกี่ยวกับระเบียบการปฏิบัติหน้าที่ของผู้จดบันทึกเสร็จ”
“แสดงว่าพวกเราสามารถถ่วงเวลาไว้ได้สองชั่วโมงสินะ”
“ก็น่าจะ…ใช่”
ชายชราเครายาวเบ้ปากก่อนส่ายหน้าอย่างภาคภูมิใจ “การไต่สวนศาลต้องใช้หัวหน้าพิพากษา ผู้จดบันทึก ผู้พิพากษา ลูกขุน เจ้าพนักงานยึดทรัพย์ โจทก์ ผู้ปกป้องโจทก์ จำเลย ผู้ปกป้องจำเลย พนักงานอัยการ พยาน ผู้สังเกตการณ์และอื่น ๆ อีกมากมาย แถมพวกเขาต้องอ่านรายละเอียดหน้าที่ของตัวเองด้วย”
ราชายุคอดีตตกตะลึง
เขามองรอบข้างก่อนเห็นหนังสือสีเขียวเล่มหนาตรงหน้าภูตจำนวนมาก
ราชายุคอดีตกล่าวว่า “งั้น...คนพวกนั้นจะอ่านจบ…”
ชายชราเครายาวตอบว่า “เมื่อทุกคนอ่านจบ ถึงตอนนั้นศาลก็จะเริ่มไต่สวน ส่วนการไต่สวนนั้น ทุกคนจะแสดงความเห็นของตัวเองออกมา ไม่น่ามีปัญหาอะไรจนกว่าจะถึงวันสิ้นโลก”
ราชายุคอดีตตกตะลึงสักพักแล้วพึมพำเสียงต่ำว่า “ไม่สงสัยเลยที่พวกเขาล้วนบอกว่าภูตรับมือได้ยาก…”
เทพแห่งชีวิตฟังอยู่เงียบ ๆ จากนั้นจึงดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง
มันปลดปล่อยหนวดสีดำนับไม่ถ้วนออกมาขณะร่ายวิชาแห่งแสงจำนวนมากไปทุกทิศทาง
…แต่มันใช้ไม่ได้ผล
ทุกวิชาไม่อาจทะลวงความว่างเปล่าได้
มันถูกเนรเทศไปในโลกแห่งความว่างเปล่าอีกแห่ง ไม่สามารถขยับได้ ไม่สามารถออกมาได้ ทำได้เพียงรอให้การไต่สวนสิ้นสุดลงเท่านั้น
เมื่อเทพแห่งชีวิตเข้าใจเรื่องนี้ เขาพลันหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งแล้วคำรามออกมา “เจ้าคิดหรือว่ามนุษย์จะสามารถเอาชนะเทพได้ เหลวไหลทั้งเพ!”
“เมื่อวิญญาณกรีดร้องและมังกรมารฆ่ามนุษย์แล้ว เวลาแห่งความตายของพวกเจ้าก็จะมาถึง!”
“ถึงตอนนั้น ข้าจะกินพวกเจ้าให้หมด!”
เกิดความเงียบ
ไม่มีใครสนใจมัน
ชายชราเครายาวมุดเข้าไปในผ้าห่มแล้วก่อนเริ่มนอนกรน
ภูตตนอื่นเริ่มเตร็ดเตร่ทั่วความว่างเปล่าเพื่อจัดงานเลี้ยง จัดสวน จัดคอนเสิร์ตและถึงขนาดมีภูตหลายคู่กำลังจัดฉากแต่งงานอยู่
มีเพียงภูตร่างสูงที่ยังยืนอยู่กับที่ สายตาของเขามองสหายที่กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานแล้วกล่าวอย่างขมขื่นว่า “อา คือ หน้าที่หลักข้อที่สองคือรับผิดชอบในการคัดแยกพยานวัตถุในคดีต่าง ๆ ทำการผูกแฟ้มคดีและเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง…”
…
อีกด้าน
โลกหอคอย
นี่คือศูนย์บัญชาการของสมาคมผู้พิทักษ์หอคอย มันเต็มไปด้วยความรู้และความลับมากมาย
เสียงการต่อสู้และเสียงตะโกนดังมาจากที่นี่อย่างแผ่วเบา ความผันผวนของวิชาจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังลอยมาตามสายลม ทั่วทั้งโลก วิชารักษาความเสถียรของโลกที่ถูกจัดเตรียมโดยนักเวทหอคอยค่อย ๆ แตกสลาย
ย่างก้าวแห่งการทำลายล้างยิ่งมากยิ่งใกล้…
ยุคนี้กำลังจะสิ้นสุดลง
ตูม!
ไกลออกไป หอคอยแห่งความรู้ที่สูงถึงท้องนภาพลันแตกสลาย มันถล่มลงมาช้า ๆ
แผ่นดินไหว
ธุลีนับไม่ถ้วนกระจายไปในอากาศขณะหอคอยร่วงหล่น มันลอยขึ้นสูงในท้องนภาก่อนกระจายไปรอบข้าง
ในเวลาเดียวกัน
มุมที่ห่างไกลที่สุดของโลก
หมอกสีดำตกลงมาจากท้องนภา ยานอวกาศลำหนึ่งปรากฏขึ้นจากหมอก
หลังจากนั้นยอดฝีมือนับไม่ถ้วนเคลื่อนลงมา พวกเขารวมเป็นกลุ่มก้อน ดินแดนขนาดใหญ่กระจายอยู่รอบข้างยานอวกาศ
ทุกคนมองหน้ากัน
พวกเขาอยู่ที่ไหน
ไม่ใช่ว่าต้องสู้กับความโกลาหลหรือ ตอนนี้พวกเขาควรทำยังไงล่ะ
ยานอวกาศเปิดออก
เหล่าต้า แบร์รี่ แอนนาและคนอื่นพุ่งออกมายืนอยู่บนยานอวกาศ
แอนนาถือเคียวด้ามยาวที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิงสีดำร้อนแรง นางมองกลุ่มคนแล้วกล่าวว่า
“ทุกคนฟังข้า ตอนนี้พวกเราย้อนเวลากลับมาช่วงที่หอคอยถูกทำลาย”
“การต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้น โปรดเตรียมตัวด้วย!”
คนที่ถูกสามเหรียญนำพาให้มาที่นี่ต่างรู้สึกปั่นป่วนครั้งแล้วครั้งเล่า
ช่วงเวลาแห่งการทำลายล้างหอคอย
นั่นคือช่วงเวลาที่แม่นางเฮยไห่ล่วงลับ
ยอดฝีมือคนหนึ่งอดที่จะถามไม่ได้ว่า “ตอนนี้พวกเราควรทำยังไงดี ช่วยหอคอยหรือช่วยแม่นางเฮยไห่”
ทันใดนั้นในความว่างเปล่าไกลออกไป เสียงผู้หญิงคมปลาบดังขึ้น “สิ่งมีชีวิตที่ถูกเทพสร้างขึ้นมาเอ๋ย พวกเจ้าไม่รู้จักความสิ้นหวังซะแล้ว”
เสียงผู้ชายบ้าคลั่งดังตามมา “ค่าของพวกเจ้าเพียงอย่างเดียวคือสารอาหารจากวิญญาณเท่านั้น!”
เสียงร้องแสบแก้วหูยิ่งดังมาจากเสียงชายหญิงพร้อมกัน “วิญญาณ! เอาวิญญาณมาให้ข้า อา…”
ทุกคนหน้าซีดทันที
นี่คือวิชาไร้เทียมทานของเทพแห่งความโกลาหลที่สามารถดูดกลืนวิญญาณของทุกสรรพสิ่งได้!
“ก็ได้!”
ผู้หญิงกล่าวเสียงดัง
นางสร้างโล่หลากสีสันตรงหน้าขณะกระตุ้นพลังไว้ข้างบน
โล่ปลดปล่อยแสงและเงาเจิดจ้าออกมาเพื่อปกคลุมทุกคนเอาไว้
…โล่ผู้พิทักษ์ทุกสิ่งเสริมสร้างการพิทักษ์วิญญาณ!
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องที่ทิ่มแทงทั่วโลก ทุกคนปลอดภัยดี
ยอดฝีมือจำนวนมากปรบมือ!
“เหลือเชื่อ ข้ายังรอดอยู่!”
“สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือวิชานี้ที่ไม่มีทางแก้ได้”
“สามารถป้องกันวิญญาณไม่ให้ถูกดูดได้ ข้ายอมเต็มใจสู้จนวินาทีสุดท้าย”
“แบบนี้ยอดไปเลย!”
ด้วยสมบัติที่สามารถต่อสู้กับการดูดกลืนวิญญาณได้ ความหวาดกลัวที่สุดในใจของทุกคนได้หายไป
สิ้นเสียงของทุกคน เสียงกรีดร้องพลันหยุดลง
แสงสีน้ำเงินแล้วทะเลอันเจิดจ้ากวาดออกมาจากท้องนภาไกลลิบ
เสียงกรีดร้องของชายหญิงหยุดลง จากนั้นเสียงคำรามเกรี้ยวกราดดังขึ้น
“ใครกัน! ที่กล้ามาขวางการกินของข้า!”
เสียงถอนหายใจของผู้หญิงดังขึ้นในความว่างเปล่าไม่มีสิ้นสุด
แม่นางเฮยไห่
ตอนที่ทุกคนบนสมรภูมิกำลังจะตาย นางได้ปรากฏตัวขึ้น
มันคือช่วงเวลานี้!
แอนนาถือโล่หลากสีสันในมือไว้มั่นแล้วกล่าวเสียงดังว่า “ทุกคน ลุยพร้อมกัน! ไปช่วยแม่นางเฮยไห่!”
กลุ่มคนตอบรับก่อนพุ่งเข้าไป
วิญญาณกรีดร้องในตอนนี้ยังไม่กลายเป็นเทพ พละกำลังไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับตอนอยู่ในยุคแห่งความโกลาหล
วิชาดูดกลืนวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดถูกหยุดยั้งโดยโล่
แสดงว่านี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการสังหารมัน!
ยอดฝีมือคิดได้ดังนี้ กำลังใจต่อสู้ในร่างกายพลันพุ่งพล่าน
“เวลาแห่งการแก้แค้นมาถึงแล้ว” ใครบางคนกระซิบ
“ฆ่ามัน”
“มันคือแหล่งกำเนิดหายนะ”
“ลุยกันเลย!”
ยานอวกาศอยู่ข้างหน้า ยอดฝีมือตามติดอยู่ด้านหลัง นักรบที่เคลื่อนผ่านมาพุ่งเข้าสมรภูมิด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี
เสี่ยวเมียวยืนอยู่บนยานอวกาศ สีหน้าลังเล
“แบบนี้ดีหรือ ข้ากังวลนิดหน่อยน่ะ”
แอนนาถือโล่หลากสีสันไว้ในมือแล้วกล่าวว่า “อย่าห่วงไปเลย ทุกสิ่งเป็นไปตามการคำนวณของฉิงซานแล้ว น่าจะไม่มีปัญหาอะไร”
เหล่าต้ากล่าวเช่นกันว่า “มีวิญญาณกรีดร้องอยู่บนสมรภูมิแล้ว ดังนั้นวิญญาณกรีดร้องจากช่วงเวลาของเราจะไม่กล้าปรากฏตัว เพราะทันทีที่ปรากฏตัว กฎเกณฑ์แห่งเวลาจะลบล้างหนึ่งในพวกมันเพื่อให้แน่ใจว่าเหตุการณ์ในเส้นเวลากับประวัติศาสตร์นี้จะไม่เปลี่ยนแปลง”
จางหยิงห่าวกล่าวเช่นกันว่า “ใช่ เทพแห่งความโกลาหลไม่กล้าเข้าสู่สมรภูมิหรอก!”
“เว้นแต่ว่ามันจะกล้าเดิมพันเพื่อดูว่าใครจะเป็นผู้อยู่รอด”
กลุ่มคนเข้าสู่สมรภูมิอย่างรวดเร็ว
พวกเขาเห็นวิญญาณกรีดร้องยืนอยู่ที่เดิม…ที่ฝั่งตรงข้าม ในแสงสีน้ำเงินที่ไร้พรมแดน ร่างของผู้หญิงมองเห็นได้อย่างเลือนราง
ผู้หญิงถอนหายใจ
“ข้าจะตายในวันนี้ แต่ไม่ใช่เพราะถูกเจ้ากิน”
“ช้าก่อน! แม่นางเฮยไห่ พวกข้ามาที่นี่เพื่อช่วยเจ้า!” จางหยิงห่าวตะโก
แม่นางเฮยไห่หันศีรษะกลับมา
พลังทำลายล้างตัวเองในร่างของนางถูกหยุดลงชั่วคราว
“พวกเจ้าคือ…”
แม่นางเฮยไห่มองยอดฝีมือที่อยู่ทั่วทุกมุมโลกก่อนถามออกไป
แอนนาชูโล่หลากสีสันในมือแล้วตอบเสียงดังว่า “แม่นางเฮยไห่ พวกข้ามีทางป้องกันการดูดกลืนวิญญาณแล้ว!”
แม่นางเฮยไห่เบนสายตาจากวิญญาณกรีดร้องก่อนมามองที่โล่
วิญญาณกรีดร้องพลันเผยสีหน้าแปลกประหลาด
เสียงผู้ชายกล่าวว่า “เป็นคนที่ก้าวข้ามมายังช่วงเวลานี้เองสินะ”
เสียงผู้หญิงกล่าวว่า “หากอยู่ที่นี่ต่อไป มันจะขัดขวางอนาคตของพวกข้าจนชิ้นส่วนสุดท้ายของยุคแห่งความโกลาหลไม่บังเกิด”
เสียงผู้ชายกล่าวอีกครั้งว่า “ตามข้อมูลที่ได้รับมา สมรภูมิจะต้องให้ตัวข้าในอนาคตเป็นผู้จัดการ”
เสียงผู้หญิงกล่าว “ใช่ ไปกันเถอะ!”
วิญญาณกรีดร้องโบกมือเพื่อเปิดประตูแสงก่อนเดินเข้าไปช้า ๆ
ประตูแสงค่อย ๆ หายไป
ร่างของมันไม่ปรากฏขึ้นมาอีก
…มันไปแล้วจริง ๆ
ทุกคนตกตะลึง
ทันใดนั้น ท้องนภาถูกปกคลุมด้วยชั้นหมอกสีดำ
ในวังวนที่ก่อตัวจากหมอกสีดำ ร่างขนาดใหญ่สองร่างค่อย ๆ เด่นชัดขึ้น
เพียงพริบตาพวกมันเคลื่อนลงมาจากท้องนภาก่อนปรากฏตัวตรงหน้าทุกคน
วิญญาณกรีดร้อง
มังกรมาร
วิญญาณกรีดร้องก้าวไปข้างหน้าแล้วกล่าวด้วยเสียงผู้หญิงคมปลาบว่า “เจ้ากล้าใช้ลูกไม้ตื้น ๆ เพื่อมาหยุดเทพอย่างนั้นหรือ”
พลังแห่งความโกลาหลไม่มีสิ้นสุดพวยพุ่งมหาศาล
แค่คลื่นความว่างเปล่าที่ก่อตัวด้วยพลังยิ่งใหญ่นี้ก็พัดคนได้เป็นจำนวนมาก
หัวใจของทุกคนดิ่งวูบ
วิญญาณกรีดร้องมองทุกคน ใบหน้าของมันชั่วร้ายมากยิ่งขึ้น
มันคำรามด้วยเสียงผู้ชายก่อนกล่าวอย่างดุร้ายว่า
“วันนี้ พวกเจ้าจะต้องอยู่ที่นี่ ไม่มีใครสามารถหลบหนีจากโชคชะตาแห่งความตายได้!”
..............................