ตอนที่ 1093 ออกเดินทางอีกครั้ง
ความตายไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย
แต่กู่ฉิงซานค้นพบความลับแห่งความตาย
ครั้งแรกที่ได้พบกับจ้าวเปลวไฟสีดำ ตอนที่เห็นว่ามันคือการปรากฏของวิญญาณ กู่ฉิงซานก็เริ่มเกิดคำถามอยู่ในใจ
สี่เทพสาบานว่าจะลดทอนพลังของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด แต่จ้าวเปลวไฟสีดำยังแข็งแกร่งอยู่ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ถูกพันธนาการ
ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ
กู่ฉิงซานยังคงตั้งคำถามนี้อยู่ในใจ จนกระทั่งได้พบกับภูตแล้วเปิดหินแห่งสรรพสิ่ง
วิญญาณแห่งเวลาปรากฏตัวขึ้นแล้วบอกว่าสี่เทพอันชอบธรรมได้สร้างคำสาบานที่จะลดทอนพลังของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในทางเดินลับ
แต่วิญญาณทั้งหลายไม่ได้รวมอยู่ในรายชื่อนี้
ราชาโหมวลัวคือวิญญาณของอาวุธ ทั้งสองส่วนนี้ไม่ข้องเกี่ยวกับพันธนาการ ดังนั้นจึงสามารถเก็บรักษาพลังทั้งหมดเอาไว้ได้
จ้าวเปลวไฟสีดำคือการปรากฏของวิญญาณ พลังจึงไม่ถูกลดทอนเช่นกัน
ในช่วงหนึ่งร้อยล้านปี เหล่าภูตได้ตายจาก พวกเขาทั้งหมดกลายเป็นร่างวิญญาณ
พวกเขาไม่สามารถใช้ความสามารถต่อสู้ได้เพราะไม่มีวัตถุพิเศษ ส่วนวิชาอื่นที่ไม่ต้องใช้วัตถุในการร่ายพวกเขาก็ใช้มาโดยตลอด
พวกเขาถึงขั้นสามารถทำให้กู่ฉิงซานเชี่ยวชาญความสามารถแปลงกายเป็นแมวปีศาจได้ สามารถทำให้สัตว์ประหลาดพร่าเลือนได้ เพราะอย่างนั้นยานอวกาศจึงสามารถผ่านไปได้
ทุกสิ่งนับว่ามีเหตุผล
กู่ฉิงซานอดที่จะคิดถึงตอนเข้ายมโลกเพียงลำพัง รวมถึงฉากการต่อสู้ในยมโลกขึ้นมาไม่ได้
ในตอนนั้นเขาคือร่างวิญญาณ แต่ก็ยังสามารถต่อสู้ได้
เมื่อคิดถึงอดีต กู่ฉิงซานจึงตกตะลึงกับวิชาที่ตกทอดมาจากอาจารย์ มันช่างเหลือเชื่อยิ่งนัก
การให้ผู้คนอยู่ในสภาพแห่งความตาย วิญญาณจะยังสามารถใช้พลังในร่างกายได้ มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการต่อสู้ด้วยวิญญาณโดยเฉพาะ
ถ้าจ้าวเปลวไฟสีดำคือการปรากฏของวิญญาณ แสดงว่าวิชาทั้งสองของอาจารย์ก็น่าจะเป็นตัวตนระดับวิญญาณที่สูงส่งยิ่งกว่าการปรากฏของวิญญาณ
เพราะภายใต้วิชาทั้งสอง วิญญาณสามารถท่องไปในโลกได้อย่างอิสระ รวมถึงสามารถเข้าสู่ยมโลกได้
ประกอบกับข้อมูลทั้งหมดที่ได้มา กู่ฉิงซานจึงเลือกสองวิชาลับที่ตกทอดมาจากอาจารย์
หากสามารถย้อนกลับไปได้ เขาคงขอให้อาจารย์สอนวิชาจากยมโลกให้มากกว่านี้
ตอนนี้ กู่ฉิงซานปล่อยวางจิตใจลงก่อนเพื่อใช้งานวิชา
วิชาลับ ผนึกร่างในความมืด!
วิชาลับ วิญญาณหวนกลับ!
เมื่อสองวิชาทำงาน ร่างของกู่ฉิงซานพลันล้มลงกับพื้น
วิญญาณหลุดออกจากร่าง
วิญญาณของเขาลอยอยู่ในอากาศขณะมองร่างที่ล้มลงกับพื้นเงียบๆ
ซูเสวี่ยเอ้อร์พุ่งเข้ามาพร้อมกับส่งเสียงอุทานขณะรับร่างของเขาเอาไว้
ทุกคนมองดูด้วยความประหลาดใจก่อนเข้ามารุมล้อมคนแล้วคนเล่า
หลานซิ่วเริ่มเรียกอารักขาทุกคนมาเพื่อหาวิชารักษา
กู่เหยียนมองรอบข้างอย่างระวัดระวัง เปลวเพลิงในมือถูกจุดขึ้นมา
เขาคล้ายกับคิดว่ามีบางสิ่งที่มองไม่เห็นมาโจมตีกู่ฉิงซาน
ฉ่าเฉียงยืนอยู่กับที่ ไม่ได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ไม่มีใครสามารถมองเห็นร่างวิญญาณของกู่ฉิงซานได้
บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม แถวหิ่งห้อยปรากฏขึ้นตรงหน้าของกู่ฉิงซานอย่างรวดเร็ว
“ด้วยวิชาลับ: ผนึกร่างในความมืด ท่านได้เข้าสู่สภาพแห่งความตาย”
“ด้วยวิชาลับ: วิญญาณหวนกลับ ท่านกลายเป็นร่างวิญญาณ”
“พลังของคำสาบานจากสี่เทพไม่พันธนาการวิญญาณ”
“พลังของท่านที่เคยถูกคำสาบานพันธนาการเอาไว้ได้รับการคลายออกแล้ว”
กู่ฉิงซานพยักหน้าเล็กน้อย
ใช่จริงๆ เหมือนอย่างที่คิดเอาไว้เลย
เขายืนอยู่ที่เดิม ดาบพิภพและดาบเสียงคลื่นปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าพร้อมกัน
ดาบเสียงคลื่นวนรอบเขาด้วยความตื่นเต้น
ดาบพิภพส่งเสียงหวีดหวิว
“ในที่สุดท่านก็ได้พลังของระดับสี่เสาศักดิ์สิทธิ์กลับคืนมาแล้วสินะ” ดาบพิภพกล่าว
ในยุคโบราณ เทพจอมปลอมมีพละกำลังเช่นนั้น
แต่ในระดับเดียวกัน เทพจอมปลอมทั้งหมดไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกู่ฉิงซาน นี่ยังไม่รวมที่เขาไปถึงสภาพหนึ่งดาบแล้ว ความพินาศบนสมรภูมิจึงน่าสะพรึงยิ่งนัก!
กู่ฉิงซานถือดาบสองเล่มเอาไว้ก่อนลอบครุ่นคิดว่า “ในฐานะร่างวิญญาณ วิชานี้ยังทำให้เกิดข้อบกพร่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่: หากร่างถูกทำลาย ร่างวิญญาณก็จะไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้”
ทันใดนั้น ชายชราเครายาวปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าขณะจ้องมองมา “เจ้ายังใช้ชีวิตไม่ถึงหมื่นปีด้วยซ้ำ ทำไมถึงตายได้ล่ะ”
กู่ฉิงซานยิ้มแล้วตอบว่า “นี่คือความสามารถของหินแห่งสรรพสิ่งที่ช่วยให้ข้าได้รับพลังกลับคืนมา”
ขณะสนทนาก็นึกบางสิ่งขึ้นมาได้ เขาจึงหยิบถุงเก็บของออกมาจากทะเลแห่งความตระหนักรู้เพื่อหยิบรายการรางวัลออกมา
“นี่คือรางวัลจากภูตภายนอก ข้าพยายามเปิดมันเล็กน้อย แต่กลับรู้สึกถึงได้ความลึกลับของภูต ถึงมันดูจะมีประโยชน์มาก แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่เคยเปิดมันออกได้เลย”
เขาเอารายการรางวัลมาเช็ดที่จมูก
เพราะตอนนี้อยู่ในร่างวิญญาณ กู่ฉิงซานจึงไม่มั่นใจว่าสิ่งนี้จะมีประโยชน์หรือเปล่า แต่สิ่งนี้จะต้องเอามาเช็ดกับจมูกก่อนถึงจะสามารถเปิดได้
ปัง!
กลุ่มควันสีขาวออกมาจากรายการรางวัล
มันถึงกับเปิดได้!
รูปแกะสลักไม้ที่มีแขนหนาปรากฏขึ้นตรงหน้ากู่ฉิงซานและชายชราเครายาว
นี่คือรูปปั้นภูตผู้หญิง สีหน้ามีชีวิตชีวา ใบหน้าราวกับกำลังเผยรอยยิ้ม
เสียงของนางดังขึ้นพร้อมกัน “ขอบคุณที่รับรางวัลนี้ เจ้าหญิงผู้นี้ขอมอบรางวัลเป็นรูปปั้นให้กับเจ้า”
เมื่อสิ้นเสียง ไม่มีการเคลื่อนไหวจากรูปแกะสลักไม้อีก
กู่ฉิงซานกล่าวอย่างเสียดายว่า “ดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งที่สามารถใช้ได้นะ”
ชายชราเครายาวสั่นสะท้านไปทั่วร่างแล้ว ปากอ้ากว้างจนไม่สามารถหายใจได้เป็นเวลานาน
รอบข้างเขา ภูตจำนวนมากปรากฏตัวขึ้นทันที พวกเขาจ้องมองมาที่รูปแกะสลักไม้ไม่ขยับไปไหน
“พวกท่านเป็นอะไรหรือเปล่า” กู่ฉิงซานถามด้วยน้ำเสียงแปลกประหลาด
ใครจะนึกล่ะว่าชายชราเครายาวจะพลันพุ่งเข้ามาจับรูปแกะสลักไม้แล้วกล่าวว่า “นี่คือไม้วิเศษล้ำค่าของปีศาจ! เจ้าเข้าใจหรือเปล่า วิชาชั้นสูงที่สุดสามารถใช้ได้ด้วยไม้ชนิดนี้เท่านั้น!”
ภูตจำนวนมากร้องไห้ขณะคุกเข่าลงตรงหน้ารูปแกะสลักไม้ตนแล้วตนเล่า
กู่ฉิงซานสังเกตเห็นว่าไม้เท้าในมือของภูตเหล่านี้แทบจะเน่าเปื่อยหมดแล้ว
ในช่วงหนึ่งร้อยล้านปี ไม้เท้าเคยถูกใช้งาน ไม่ได้รับการบำรุงรักษา เป็นธรรมดาที่จะมีจุดจบเช่นนี้
กู่ฉิงซานถอนหายใจออกมา “เอาล่ะ รับไว้สิ พวกท่านต้องร่วมมือกับพวกข้า ปกป้องร่างเอาไว้เพื่อรอให้ข้ากลับมา”
“ไม่ต้องห่วง พวกข้าจะสู้จนถึงที่สุดเอง!” ชายชราเครายาวตะโกนด้วยความตื่นเต้น
เขาถือไม้เอาไว้ก่อนหายไปพร้อมกับภูตทั้งหมด
กู่ฉิงซานก้มมองลงไป
เขาเห็นว่าทุกคนมารุมล้อมร่างของเขา
บางคนกำลังตรวจสอบวิชารักษาขณะชี้มาที่ร่าง
กู่ฉิงซานปล่อยจิตเทพออกไปเพื่อมองนอกยานอวกาศอีกครั้ง
เมื่อเสียการควบคุมจากซูเสวี่ยเอ้อร์ ยานอวกาศเข้าสู่โหมดขับเอง ไม่เพียงความเร็วลดลงเท่านั้น การโจมตีจำนวนมากก็หยุดลงด้วย
ฝูงนกกระดูกขนาดใหญ่ไล่ล่าอย่างเต็มกำลัง
โครงกระดูกยักษ์ที่อยู่ทั้งไกลใกล้สาวเท้าไล่ตามยานอวกาศมา
ดูท่าการที่จู่ๆ เขาตายจะทำให้ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อกลุ่ม
กู่ฉิงซานเงียบไปสักพัก
ขณะชูดาบยาวขึ้น ประกายดาบที่หลอมรวมขึ้นมาถูกวาดออกไปกลางอากาศ
“ดูนั่น!” ฉ่าเฉียงอุทาน
ทุกคนเห็นดาบยาววาดเส้นออร่าสองเส้นในอากาศอย่างรวดเร็ว ก่อเกิดเป็นคำพูดขึ้นมา
“ข้าจะจัดการกับสัตว์ประหลาดข้างนอกให้”
“รีบไปซ่อนตัว รอให้ข้ากลับมา”
ออร่าอายค่อยๆ รวมตัวเป็นดาบ มันลอยอยู่ในอากาศไม่ขยับไปไหนขณะแผ่จิตดาบอันเกรี้ยวกราดออกมา
หลานซิ่วอดที่จะกล่าวไม่ได้ว่า “นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
ดวงตาของซูเสวี่ยเอ้อร์ทอประกาย
นางเคยได้ยินเย่เฟยหลีและเลี่ยวสิงพูดถึงการต่อสู้ที่ยมโลก ตอนนี้นางเข้าใจแล้ว
“เขากลายเป็นวิญญาณเพื่อต่อสู้”
ซูเสวี่ยเอ้อร์กล่าวกับดาบสองเล่มกลางอากาศเสียงดังว่า “ฉิงซาน ตอบหน่อย!”
ดาบนิ่งไปก่อนวาดออร่าโค้งสองสายขึ้นมากลางอากาศก่อนรวมเป็นรูปหัวใจ
หืม
เจ้าคนที่เหมือนเหล็กกล้าในคราบไม้ ทำไมถึงตอบข้าแบบนี้กันเนี่ย
ซูเสวี่ยเอ้อร์กึ่งประหลาดใจกึ่งรู้สึกดี
นางกอดร่างของกู่ฉิงซานเอาไว้มั่น
ขณะอยู่กลางอากาศ ร่างวิญญาณของกู่ฉิงซานกล่าวกับตัวเองว่า “เอาล่ะ ดูเหมือนนางจะเข้าใจความหมายที่ข้าจะสื่อนะ”
ดาบพิภพอดที่จะใช้จิตเทพถามไม่ได้ว่า “ออร่าโค้งสองสายนี่มันหมายความว่าไงหรือ”
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “นี่ยังชัดไม่พอหรือ ข้าส่งสัญญาณบอกนางว่าให้สนใจทั้งซ้ายขวาเพื่อระวังการลอบโจมตีของศัตรูน่ะ”
ดาบพิภพกล่าวว่า “…ข้ารับมือกับมนุษย์มาเนิ่นนาน แต่ท่าน… ไม่ได้เข้าใจความหมายที่แท้จริงของสิ่งนี้เลย”
กู่ฉิงซานส่ายหน้าแล้วถามว่า “เจ้าคิดว่าข้าวาดรูปหัวใจหรือ ทำไมถึงคิดได้ตื้นเขินแบบนั้น”
ดาบพิภพเงียบไปนานก่อนเห็นด้วย “พคิดดีๆ แล้ว ข้าผิดจริงๆ นั่นแหละ มันมีระยะห่างระหว่างตัวท่านกับคำว่าผิวเผินอยู่หลายร้อยล้านปีแสง”
ดาบเสียงคลื่นกระซิบเสียงต่ำ ไม่อาจทราบความสามารถได้
กู่ฉิงซานเกียจคร้านเกินกว่าจะมาพูดเรื่องไร้เหตุผล เขาถือดาบสองเล่มเอาไว้แล้วกล่าวว่า “ไปกันเถอะ พวกเราต้องลุยแล้ว เตรียมรับมือ”
เขาและดาบสองเล่มพลันหายไปจากยานอวกาศ
วินาทีต่อมา
ประกายดาบสดใสทิ่มแทงในความมืดก่อนกลายเป็นจันทร์เต็มดวงเพื่อสาดส่องโลกของสัตว์ประหลาดราวกับกลางวัน
สัญลักษณ์ดวงดาวราวกับสายฝน
นกกระดูกเหล่านั้นตกลงมาจากท้องนภาตัวแล้วตัวเล่า
จันทร์เต็มดวงพลันหายไป ในความมืด บุปผานับพันที่เกิดจากประกายดาบเบ่งบาน
โลหิตไหลซึม
สัตว์ประหลาดนับไม่ถ้วนที่วิ่งตามมาถูกฟันเป็นชิ้นๆ ด้วยประกายดาบที่ตวัดไปมา พวกมันถูกสับเป็นชิ้นๆ ท้ายที่สุดก็ถูกบดจนแหลกเหลว
เมื่อบุปผาจางหาย คลื่นดาบทะยาน กระแสลมเชี่ยวกรากก่อตัวขึ้นหลังยานอวกาศ มันกระแทกใส่ทหารทั้งหมดที่ไล่ตามมาอย่างรุนแรง
เสียงคำรามของสัตว์ประหลาดสั่นสะเทือนทั่วทางเดินลับ
เมื่อสายลมพัดหวีดหวิว เสียงของโครงกระดูกยักษ์เหล่านั้นถูกกลบเอาไว้อย่างสมบูรณ์
ทุกสิ่งกลับสู่ความเงียบ
ยานอวกาศจากไป
ฉ่าเฉียงทำลายความเงียบด้วยเสียงอันแผ่วเบา
“หมอนี่เก่งเรื่องการร่ายรำที่สุดไม่ใช่หรือ”
เสียงของมันจางหายก่อนที่จะไม่ได้ยินอีก
………………………………….