webnovel

1094 ข้าก็แค่อยากฆ่าทุกคนที่อยู่ที่นี่เท่านั้นเอง

ตอนที่ 1094 ข้าก็แค่อยากฆ่าทุกคนที่อยู่ที่นี่เท่านั้นเอง

ในความว่างเปล่าอันโดดเดี่ยวและมืดมิด มีเพียงกู่ฉิงซานที่ยังอยู่

ยานอวกาศจากไปนานแล้ว

สัตว์ประหลาดทั้งหมดที่ไล่ตามมาล้วนถูกสังหาร

เขายืนอยู่ในอากาศเพียงลำพังขณะครุ่นคิดเงียบๆ

“ยัง… ไม่ใช่อยู่ดี” กู่ฉิงซานกล่าว

“ทำไมถึงไม่ใช่ล่ะ” ดาบพิภพถาม

“ข้าจำได้ว่าตอนเข้ามาก่อนหน้านี้ เจ้าบอกว่ามีแต่แดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่สามารถใช้ได้เท่านั้น ไม่สามารถเลือกใช้อย่างอื่นได้” กู่ฉิงซานกล่าว

“ใช่” ดาบพิภพกล่าว

“เจ้าเป็นวิญญาณวัตถุไม่ใช่หรือ น่าจะเหมือนกับราชาโหมวลัวที่ไม่ถูกพันธนาการใดๆ สิ” กู่ฉิงซานกล่าวด้วยความสงสัย

ดาบพิภพกล่าวว่า “การตัดสินใจของพิภพต้องใช้พลังวิญญาณในการปลดปล่อย แต่ท่านไม่มีพลังวิญญาณนี่น่ะสิ ข้าเคยบอกอีกด้วยว่าสามารถปล่อยได้อย่างอิสระหากมอบพลังวิญญาณให้ นี่ท่านจินตนาการว่าข้าเป็นอะไรกันแน่”

กู่ฉิงซานตกตะลึง

ดาบพิภพกล่าวว่า “ข้าคือวัตถุที่มีความตระหนักรู้เป็นของตัวเอง ขอบคุณ”

กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักพักก่อนกล่าวกับหน้าต่างระบบเทพสงครามอย่างแผ่วเบาว่า “แสดงภาพพวกเขา”

หน้าต่างระบบเทพสงครามชะงัก ทันใดนั้น หิ่งห้อยทั้งหมดรวมตัวกันเป็นจอ

กู่ฉิงซานตกตะลึงขณะรีบมอง

“จากบันทึกการต่อสู้ พลังวิญญาณทั้งหมดที่ได้รับมาจะถูกคืนให้”

“ฆ่าช้างปีศาจยักษ์ ได้รับพลังวิญญาณหนึ่งร้อยแต้ม”

“ฆ่าผู้อัญเชิญช้างยักษ์ ได้รับพลังวิญญาณสามร้อยแต้ม”

“ฆ่าผู้อื่นอย่างไร้ความปรานีบางส่วน พละกำลังกลุ่มนี้ด้อยกว่าท่านมากนัก พลังวิญญาณจึงไม่ได้รับการคำนวณ”

“ฆ่าวิญญาณชั่วร้ายที่มีใบหน้าและกรงเล็บ ได้รับพลังวิญญาณหนึ่งหมื่นสามพันหกร้อยเก้าสิบเอ็ดแต้ม”

“ด้วยการใช้ระบำสังเวยชีพ สัตว์ประหลาดที่ถูกฆ่า…”

“…”

“ค่าพลังวิญญาณที่เหลืออยู่เจ็ดหมื่นห้าพันหกร้อยห้าสิบสามต่อหกร้อย”

พลังวิญญาณมากกว่าเจ็ดหมื่นห้าพันแต้ม!

คาดไม่ถึงว่าจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ถึงแม้เขาจะไม่ได้รับพลังวิญญาณ แต่หน้าต่างระบบเทพสงครามกลับเก็บพลังวิญญาณเอาไว้ให้แล้ว

กู่ฉิงซานประหลาดใจเล็กน้อยก่อนยิ้มออกมา “ขอบคุณนะ ก่อนหน้านี้ข้าไม่ควรพูดจาแย่ๆ กับเจ้าเลย”

แถวตัวอักษรขนาดเล็กปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม “ท่านยอมรับว่าตัวเองผิดอย่างนั้นหรือ”

“อา ใช่ ข้าผิดเอง” กู่ฉิงซานตอบ

แถวข้อความแจ้งเตือนผุดขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม “ถ้างั้นครั้งนี้ ความบอบช้ำทางจิตใจจะถูกรวมด้วย ทำการหักพลังวิญญาณจากกู่ฉิงซานไปหกร้อยสิบสามแต้มเพื่อเป็นค่าธรรมเนียมความบอบช้ำทางจิตใจของหน้าต่างระบบเทพสงคราม”

ติ๊งต่อง!

ค่าพลังวิญญาณบนหน้าต่างระบบหมุนอยู่สักพักจนกระทั่งค่าพลังวิญญาณที่เหลือของกู่ฉิงซานอยู่ที่ “เจ็ดหมื่นห้าพันต่อหกร้อย”

กู่ฉิงซานแข็งทื่อ

ไม่ช้า

เขาถามว่า “เจ้าจงใจเหลือเป็นจำนวนเต็มใช่หรือเปล่า”

หน้าต่างระบบเทพสงครามตอบว่า “แล้วแต่ท่านจะคิด ที่จริง ท่านควรออกเดินทางเพื่อค้นหาผู้ทำลายทุกสิ่งทันทีแทนที่จะมายืนขัดขวางผู้ไล่ล่าอยู่ตรงนี้”

กู่ฉิงซานถอนหายใจก่อนไม่กล่าวอะไร

เขายืนอยู่ในความว่างเปล่ามืดมิดขณะรออย่างเงียบงัน

…ที่จริง มันใช้เวลาไม่นานนัก

ราวเจ็ดถึงแปดนาที มีเสียงระเบิดอากาศดังมาจากไกลๆ

สัตว์ประหลาดนับไม่ถ้วน รวมถึงกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์สวมหน้ากากปรากฏขึ้นจากความมืด

พวกเขาสังเกตเห็นทันทีว่าไม่ไกลจากข้างหน้านั้นมีร่างวิญญาณลอยอยู่ในอากาศ

สัตว์ประหลาดยิ้มกว้าง “ดูนั่น มีอยู่หนึ่งคนตรงนี้”

“หยุด!” ผู้ฝึกยุทธ์สวมหน้ากากกล่าว

กลุ่มสัตว์ประหลาดและผู้ฝึกยุทธ์หยุดอยู่ในอากาศ

ผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็นผู้นำพร้อมอารักขาสองคนเหาะมาข้างหน้าเล็กน้อย

พวกเขามาอยู่ฝั่งตรงข้ามกู่ฉิงซาน

“เจ้าอีกแล้ว” ผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็นผู้นำกล่าว

เขามองวิญญาณของผู้ฝึกยุทธ์ที่ถือดาบสองเล่มอยู่

“ขอโทษที ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าพูดเรื่องอะไร” กู่ฉิงซานกล่าว

ผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็นผู้นำกล่าวว่า “ก่อนจะพบร่างปลอมของเจ้าที่ทางเดินลับ พวกข้าก็พบร่างจริงที่ทางเข้าทางเดินลับก่อนแล้ว”

ตอนนี้กู่ฉิงซานเข้าใจแล้ว

ผู้ฝึกยุทธ์กล่าวต่อว่า “ที่ทางเข้าทางเดินลับ เจ้าฆ่าวิญญาณชั่วร้ายของปีศาจไปตามทางเพื่อให้มดพวกนั้นรอดชีวิต”

“แปลกจังเลยนะ ตอนนั้นเจ้าไม่ได้อยู่ด้วยแท้ๆ ทำไมถึงรู้เรื่องนี้ได้ล่ะ” กู่ฉิงซานถามด้วยความสงสัย

ผู้ฝึกยุทธ์ไม่ตอบ เขาครุ่นคิดสักพักก่อนกล่าวว่า “ดูท่าเจ้าจะตายแล้ว เช่นนั้นตอนนี้ข้าจะให้โอกาสก็แล้วกัน”

“โอกาสอะไร” กู่ฉิงซานถาม

ผู้ฝึกยุทธ์ตอบว่า “การร่ายรำของเจ้าแปลกประหลาด แต่พลังกลับน่าทึ่ง… ดังนั้น ถ้ายอมส่งมันมาให้ ข้าก็จะไม่ฆ่าเจ้า”

“ฆ่าข้าหรือ แต่ข้าตายแล้วนะ ดูสิ ข้าอยู่ในร่างวิญญาณ” กู่ฉิงซานยิ้ม

ผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็นผู้นำไม่พูด แต่อารักขาที่อยู่ด้านข้างกลับเย้ยหยันออกมา “เจ้าคนโง่ วิญญาณก็ตายได้เหมือนกัน แถมเจ็บปวดยิ่งกว่าอีก”

อารักขาอีกคนกล่าวดูถูกว่า “ไม่ต้องพูดเรื่องนี้ให้เสียเวลาหรอก คนที่ไม่เคยเห็นยมโลกมาก่อน พูดให้ตายก็ไม่มีวันเข้าใจ”

ผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็นผู้นำส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องพูดแล้ว พูดง่ายๆ เจ้าต้องส่งความลับของการร่ายรำนั่นมาให้ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวได้รู้กันว่านรกเป็นยังไง”

นรกเป็นยังไงหรือ…

กู่ฉิงซานจมดิ่งสู่ความทรงจำ

เขาพลันเปลี่ยนเรื่องแล้วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ถ้าเจ้าเต็มใจที่จะเรียนรู้ ข้าก็เต็มใจที่จะสอนด้วยการร่ายรำท่านี้ให้ดู”

เขาร่ายรำขณะรอสักพัก…

ไม่มีเสียงดนตรีดังขึ้น

เหล่าผู้ฝึกยุทธ์มองเขาด้วยความสงสัย

กู่ฉิงซานกล่าวกับความว่างเปล่าว่า “เดี๋ยวสิ นี่มันฉากใหญ่นะ คนก็ตั้งเยอะ มีทั้งคู่หูที่จะมาร่ายรำเป็นคนสวมหน้ากาก มีสัตว์ประหลาดแข็งแกร่งและสูงตระหง่านอีก ทำไมพวกมันถึงไม่กระโดดตามล่ะ”

เขาขยับสะโพกเล็กน้อย ศีรษะยกขึ้นสูงเพื่อออกลวดลายอย่างเต็มที่

รอบข้างเงียบสงัด

ดนตรีไม่ดังขึ้น

สายลมพัดผ่าน

ฝูงสัตว์ประหลาดจำนวนมากและกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์สวมหน้ากากล้วนมองมาที่กู่ฉิงซานด้วยสายตาเย็นชา

กู่ฉิงซานถอนหายใจขณะออกลวดลายการร่ายรำ จากนั้นไอเล็กน้อย “วันนี้สภาพไม่ค่อยดี ไว้สอนวันอื่นละกัน”

ผู้ฝึกยุทธ์เงียบไปสักพัก จากนั้นเสียงดุดันมากขึ้น “นี่เจ้าล้อข้าเล่นใช่ไหม”

กู่ฉิงซนถอนหายใจอย่างเศร้าโศก

หากสามารถร่ายรำได้ก็คงรับมือคนเหล่านี้ได้ง่ายๆ

แต่น่าเสียดายที่ผลจากการร่ายรำไม่สำแดง

กู่ฉิงซานโบกมือ “อย่าเข้าใจผิดสิ ข้าไม่เคยคิดจะหลอกเจ้ามาตั้งแต่แรกนะ เป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำที่จะหลอกเจ้า”

“แต่ก็ช่างเถอะ” เขาขยับร่างกายช่วงล่างเล็กน้อยขณะกุมดาบไว้มั่น “อันที่จริง ท้ายที่สุดแล้ว…”

“ข้าก็แค่อยากฆ่าทุกคนที่อยู่ที่นี่เท่านั้นเอง”

เกิดความเงียบในความมืดชั่วขณะ ทันใดนั้น เสียงหัวเราะดังขึ้นมา

เสียงกรีดร้องและเสียงเย้ยหยันของสัตว์ประหลาดดังก้องทั่วความมืด

“ตัวคนเดียว…”

“จะมาฆ่าพวกข้า”

“ฮ่า ฮ่า! จะฆ่าพวกข้าหรือ ไม่รู้ซะแล้วว่าคำว่าตายมันสะกดยังไง”

“เจ้าคนที่น่าสงสาร เสียสติไปแล้วสินะ”

“ไม่ต้องห่วง ข้าจะกินวิญญาณมันให้เอง”

สัตว์ประหลาดสนทนา ทันใดนั้น พวกมันเปิดฉากโจมตี!

วิชานับร้อยถูกส่งออกมาจากผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็นผู้นำขณะกระหน่ำใส่กู่ฉิงซาน

วิชาดาบ

สกิลเทพ เคลื่อนตะวันบดบังจันทรา

ประเภทที่หนึ่ง วิชาดาบทำลายเปลวไฟ แยกไฟ!

กู่ฉิงซานถือดาบพิภพขณะชี้ไปข้างหน้า

ประกายดาบไม่มีสิ้นสุดพุ่งออกจากดาบยาว เกิดเสียงเล็กๆ หลายร้อยล้านเสียง

ประกายดาบโหดเหี้ยมนี้ไม่ได้โจมตีศัตรู แต่พวกมันต่อสู้กันเองในความว่างเปล่าหลายล้านครั้ง!

วิ้งๆ…

ตูม!

โลกกลายเป็นทะเลเพลิง

ดาบยาวของกู่ฉิงซานฟันข้ามอากาศ

เพียงพริบตา คาถาโจมตีทั้งหมดที่สัตว์ประหลาดส่งออกมาล้วนถูกทำลายด้วยเปลวเพลิง

วิชาดาบทำลายเปลวไฟคือการแยกไฟ เป็นสกิลเทพประเภทที่หนึ่ง!

สัตว์ประหลาดส่งเสียงร้องและคำรามอยู่ในเปลวเพลิง แต่ทุกคาถาที่ใช้ล้วนหายไปในมือของพวกมัน ไม่สามารถโจมตีใส่กู่ฉิงซานได้

ผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็นผู้นำไม่อาจสงบสติเหมือนก่อนหน้านี้ได้อีกต่อไป

เขาตะโกนเสียงดังว่า “ไม่ดีแล้ว! ระดับวิชาดาบนี้ ต้องเป็นสกิลเทพของอสุราแน่ๆ เร็วเข้า! เร็วเข้า! เร็วเข้า! พวกเราต้องหยุดมัน!”

ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนที่อยู่ด้านหลังเขาเหาะมาตรงหน้าแล้วร่ายวิชาพร้อมกัน

ผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็นผู้นำกัดฟันแล้วกล่าวว่า “ถ้าเป็นสกิลเทพ พวกข้าก็มีเหมือนกัน!”

มือของทุกคนขยับอย่างรวดเร็วการผสานของสกิลเทพเสร็จสิ้นในพริบตา

“นายท่าน พร้อมแล้ว!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าว

“พร้อมแล้ว!”

ผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็นผู้นำสะบัดมือเพื่อกระตุ้นสกิลเทพ

เขาพลันหยุดมือ

“นายท่าน!”

เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ด้านหลังเร่ง

เหงื่อบนหน้าผากของผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็นผู้นำหลั่งออกมา แต่สกิลเทพกลับไม่ได้สำแดง

มือของเขาไม่ได้ผสานเข้าด้วยกัน

ความจริง ระยะห่างระหว่างมือเหลืออีกแค่ครึ่งนิ้วเท่านั้น

แค่ครึ่งนิ้ว การผสานสกิลเทพก็จะเสร็จสิ้น!

แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าเขาจะกระตุ้นร่างกายด้วยพลังวิญญาณ เจตจำนงหรือจิตเทพยังไงก็ไม่สามารถผลักดันขั้นตอนสุดท้ายของสกิลเทพได้

ชั้นน้ำค้างแข็งกระจายอยู่บนมือของเขาก่อนค่อยๆ ลามไปทั่วร่าง

กลางอากาศ กู่ฉิงซานเก็บดาบเสียงคลื่น

ประเภทที่สองของสกิลเทพ ประกายเยือกแข็ง วิชาดาบทำลายพลังเยือกแข็ง

ประกายเยือกแข็งคือการตรึงร่างกายของสิ่งมีชีวิตไม่ให้ขยับ เป็นสกิลเทพของวิชาดาบทำลายพลังเยือกแข็ง

ชั้นน้ำค้างแข็งกระจายออกจากผู้ฝึกยุทธ์คนนี้ขณะคืบคลานไปทั่วร่างผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุดมันกระจายไปทั่วสัตว์ประหลาดตามเส้นทางอันมืดมิด

ไม่มีใครสามารถขยับได้

เมื่อใช้ทั้งพลังไฟและพลังเยือกแข็ง จึงก่อเกิดเป็นประเภทสุดท้ายของสกิลเทพ: บดบังตะวันจันทรา

กู่ฉิงซานเก็บดาบเสร็จก็ถอนหายใจออกมา

เขากล่าวกับตัวเองว่า “บดบังตะวันจันทราถูกเรียกว่าดาบที่ไม่หลงเหลือร่องรอยไว้บนโลก ข้าก็สงสัยมาตลอดว่ามันไม่หลงเหลือร่องรอยไว้บนโลกยังไง ในที่สุดวันนี้ก็ได้รู้”

เสียงของดาบพิภพดังขึ้นราวขุนเขา “ช่างเรื่องดาบไปก่อน ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างต่อสู้ ทำไมท่านถึงเก็บข้าและดาบเสียงคลื่นล่ะ”

ดาบเสียงคลื่นส่งเสียงหึ่งด้วยความสับสนเช่นกัน

กู่ฉิงซานตอบว่า “เพราะสวรรค์และปฐพีไม่สามารถมองเห็นดาบนี้ได้ยังไงล่ะ เจ้าไม่จำเป็นต้องออกโรง แค่ให้ดาบเล่มนั้นได้ฟันออกไปก็พอ”

“ได้ฟันออกไปหรือ ไม่จำเป็นต้องปกปิดเลยหรือ” ดาบพิภพถาม

กู่ฉิงซานตอบว่า “ใช่”

สิ้นเสียงของเขา ในทางเดินลับอันมืดมิด คล้ายกับมีบางสิ่งถูกพัดพา

ผู้ฝึกยุทธ์และสัตว์ประหลาดทั้งหมดไม่ต่างจกาหิมะที่กำลังถูกดวงตะวันละลาย พวกมันดับสูญอย่างสมบูรณ์ ไม่อาจมองเห็นได้อีก

ตายแล้ว

ดาบพิภพพลันกล่าวว่า “นี่คือวิชาดาบสินะ”

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “หลังจากแยกไฟและประกายเยือกแข็งสำแดงพลังแล้ว ดาบที่สามคือวาจาดาบ หรือก็คือ…”

“หากคิดถึงคนไหน คนนั้นก็จะตายสินะ” ดาบพิภพกล่าว

“พวกเขาไม่สามารถเข้าใจดาบเล่มนี้ เป็นธรรมดาที่จะไม่สามารถหลบเลี่ยงดาบเล่มนี้ได้”

ขณะกู่ฉิงซานกล่าว สายตาของเขาชำเลืองมองในความว่างเปล่า

แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏขึ้นตรงหน้า

“ท่านใช้สถานะการใช้พลังวิญญาณ: อุทิศ พลังวิญญาณที่ใช้ร่ายสกิลจะลดลงครึ่งหนึ่ง”

“ท่านใช้พลังวิญญาณเจ็ดหมื่นห้าพันแต้มในการปล่อยสกิลเทพของอสุรา บดบังตะวันจันทรา”

ค่าตัวเลขพลังวิญญาณทั้งหมดลดลงจนกลับสู่ศูนย์ทันที

วินาทีต่อมา ค่าพลังวิญญาณเริ่มพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดด!

………………………………….