ตอนที่ 1090 ทรายอมตะ
ในความมืด มีสิ่งที่น่ากลัวอยู่
…ราชาวิญญาณชั่วร้าย ราชาโหมวลัว
ขณะยืนอยู่ในความว่างเปล่า มันมีขนาดใหญ่เท่าเขาพระสุเมรุ ปกคลุมทั่วทั้งสวรรค์และปฐพี
วิญญาณชั่วร้ายทั้งหมดที่อยู่รอบข้างมันรวมตัวกันอย่างหนาแน่น กระจายออกไปภายในรัศมีหนึ่งพันไมล์
วิญญาณชั่วร้ายทั้งหมดน้อมรับคำสั่งราชา
ตอนนี้ ผู้ฝึกยุทธ์สวมหน้ากากจำนวนมากถูกจ้าวเปลวไฟสีดำสี่หัวนำทางก่อนมาถึงตรงหน้าราชา
จ้าวเปลวไฟสีดำมีความสูงเทียบเท่ากับเกราะศึกเคลื่อนที่ดาราที่มีขนาดหนึ่งร้อยเมตร
…แต่ราชาโหมวลัวหลับตาลง แค่เปลือกตาของมันเพียงอย่างเดียวก็เทียบเท่าจ้าวเปลวไฟสีดำ
ผู้ฝึกยุทธ์จากชิ้นส่วนของยมโลกมีขนาดเล็กเท่าธุลีเมื่ออยู่ต่อหน้าราชาวิญญาณชั่วร้ายตนนี้
ผู้ฝึกยุทธ์คำนับให้ภูตผีร่างใหญ่แล้วกล่าวพร้อมกันว่า
“คารวะท่านราชาวิญญาณชั่วร้าย ราชาโหมวลัว”
ปีศาจร่างใหญ่นามว่าราชาโหมวลัวยังไม่ลืมตา ปากของมันปิดแน่น
…แต่เสียงของมันดังก้องในความว่างเปล่า
“ทุกคนอุตส่าห์มาตั้งไกล ขออภัยด้วยที่ข้าไม่อาจลืมตาพูดได้”
ผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็นผู้นำประสานมือแล้วกล่าวว่า “ขอเพียงท่านราชาจับจ้อง ทุกสรรพสิ่งจะมลายหาย; ขอเพียงท่านเอ่ยวาจา โลกทั้งสิบทิศจะดับสูญ; ข้าเข้าใจเรื่องนี้ดี ขอบคุณในความเมตตาของท่านราชา”
ราชาโหมวลัวดูพึงพอใจ เสียงของมันดังก้องทั่วความว่างเปล่าอีกครั้ง
“ไม่ผิดจริงๆ เจ้าคือคนจากยมโลกจริงด้วย เพราะอย่างนั้นถึงได้เข้าใจความยากลำบาก ไม่ต้องให้ข้าเสียเวลาอธิบายให้มากความ”
ผู้ฝึกยุทธ์คำนับอีกครั้ง
ราชาโหมวลัวกล่าวอีกครั้งว่า “ข้าได้ยินว่าพวกเจ้าได้คุยกับคนของข้าแล้ว”
“ถูกต้องแล้ว” ผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็นผู้นำตอบ
“ดีมาก ดูท่าพวกเจ้าจะได้พบกับเงื่อนไขของข้ามากมาย แต่ข้ายังเหลือเงื่อนไขสุดท้ายอยู่”
“ท่านราชา เชิญว่ามา”
“พวกเจ้าต้องเสนอโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตให้ข้าทุกวัน”
ผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็นผู้นำสับสนเล็กน้อย เขาประสานมือแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่รู้ว่าโลกที่ท่านราชาต้องการนั้นเป็นแบบไหน ถ้าท่านราชาสามารถบอกเพิ่มเติมได้ พวกข้าจะเตรียมการให้แต่เนิ่นๆ”
เสียงของราชาโหมวลัวดังก้องในความว่างเปล่า เต็มไปด้วยความโอ่อ่า
“การเกิดและการดับของอาณาจักรนั้นล้วนเปล่าประโยชน์ ข้าจะทำลายพวกมันเพื่อนำความสุขมาให้”
ทันทีที่ประโยคนี้ถูกพูดออกมา ภูตผีชั่วร้ายและสัตว์ประหลาดทั้งหมดภายในหนึ่งพันไมล์ต่างคืบคลานอยู่ในความว่างเปล่าเพื่อสักการะราชาโหมวลัว
ผู้ฝึกยุทธ์ไม่พูด แต่มีหลายคนเริ่มสั่นสะท้าน
ผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็นผู้นำเงียบ ทันใดนั้นก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อที่หลังคอ
เหงื่อเพิ่งถูกซับไป ผ่านไปสักพักมันก็หลั่งออกมา ท้ายที่สุดก็เกินจะหักห้ามไหว ทำให้เขาต้องเช็ดเหงื่อเย็นทั้งที่หลังและคอ
…ผู้ฝึกยุทธ์คนนี้คือผู้มีนำของยมโลก เขามีประสบการณ์โชกโชนมากมายในชีวิต เคยรับมือกับสิ่งมีชีวิตทรงพลังมานับไม่ถ้วน อีกทั้งยังครอบครองพลังยิ่งใหญ่เอาไว้ในมือ เขาสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญมากมายในยมโลกได้
ทว่า เขายังไม่กล้าตอบตกลงในสิ่งที่ราชาโหมวลัวว่ามาในทันที
…มันจะทำลายโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตทุกวันเพื่อความยินดี
ชิ้นส่วนของยมโลกนับว่าทรงพลังยิ่ง เพียงแค่ตัวเองก็สามารถจำกัดโลกนับล้านได้
แต่ว่า
ทุกวัน สิ่งมีชีวิตนับร้อยล้าน รวมถึงโลกทั้งใบจะต้องถูกทำลาย
ความโหดเหี้ยมที่บริสุทธิ์ลึกล้ำนี้เกินกว่าที่ผู้ฝึกยุทธ์จะจินตนาการ
ผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็นผู้นำพยายามสงบสติตัวเองก่อนประสานมือด้วยความเคารพแล้วกล่าวว่า “นี่นับเป็นเรื่องใหญ่ ข้าต้องรายงานก่อน โปรดรอสักครู่”
ราชาโหมวลัวกล่าวอย่างอบอุ่นว่า “ไม่เป็นไร ข้าไม่ใช่คนที่จะไปกดดันคนอื่นมากจนเกินไป เจ้าบอกเบื้องบนได้เลย”
ผู้ฝึกยุทธ์หยิบยันต์สีม่วงออกมา ปากเอ่ยประโยคหนึ่งก่อนปล่อยพลังวิญญาณเพื่อใช้งานยันต์
ยันต์กลายเป็นมังกรสีม่วงก่อนจมเข้าสู่ความว่างเปล่าแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว
ราชาโหมวลัวกล่าวอีกครั้งว่า “ข้าเกรงว่าคงต้องใช้เวลาในการรอคำตอบสินะ อาศัยโอกาสนี้ทำสิ่งที่ได้ให้สัญญาไว้ในตอนแรกกันดีกว่า”
ผู้ฝึกยุทธ์ครุ่นคิดสักพักแล้วถามว่า “ตัวตนเหล่านั้นที่ท่านราชากล่าวถึงล้วนเป็นร่างวิญญาณงั้นหรือ”
“ถูกต้อง จุดแข็งของพวกมันคือการซ่อนตัว ทันทีที่ซ่อน คนของข้าจะไม่สามารถตามหาพวกมันได้ ทำเอาปวดหัวเลยล่ะ”
ผู้ฝึกยุทธ์ประสานมือแล้วกล่าวว่า “อย่าห่วงไปเลย ท่านราชา พวกข้าจะคลายความกังวลให้ท่านราชาเอง”
ราชาโหมวลัวหัวเราะออกมาแล้วกล่าวว่า “ดีมาก ฆ่าพวกมันให้หมด… ถ้าพวกเจ้าสามารถจับกลับมาได้ยิ่งดี เอากลับมาให้ข้า ข้าอยากกินวิญญาณพวกมันมานานแล้ว”
“ขอรับ ท่านราชา”
…
อีกด้าน
ถ้ำซากปรักหักพัง
ชายชราเครายาวกำลังสนทนากับแมวสีดำ
“เจ้าแมวน้อย เจ้าแมวน้อย ในที่สุดเจ้าก็ปรากฏตัว ข้าจะคุยกับเจ้าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้น”
แมวสีดำประสานอุ้งเท้าแล้วกล่าวว่า “เหมียว”
ชายชราเครายาวกล่าวว่า “ตอนข้าเริ่มสำรวจโลกธุลีในอดีต เหล่าเทพรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก”
“เพราะทันทีที่พลังที่แข็งแกร่งกว่าปรากฏขึ้น มันจะทำให้โลกธุลีตื่นกลัว… ในโลกนั้น มีสิ่งที่ทำให้โลกภายใน ความว่างเปล่าและสถานที่ลึกลับรู้สึกสั่นสะท้านอยู่”
“ดังนั้นเหล่าเทพจึงสาบานว่าจะไม่ปล่อยพลังอันรุนแรงของตัวเองเข้าไปในทางเดินที่เชื่อมต่อกับโลกธุลี”
“เหมียว เหมียวๆ”
“มีข้อยกเว้นไหมงั้นหรือ เหอะๆ ตอนแรกข้าว่าจะไม่พูดหรอกนะ แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว บอกเจ้าไปคงไม่เป็นไรหรอก”
“…ตอนที่เหล่าเทพถูกผูกมัดด้วยคำสาบาน ข้านั่งอยู่บนไหล่ของผู้หญิงคนหนึ่งเพื่อคอยกล่าวเอาใจนาง”
“เมื่อสี่เทพอันชอบธรรมถูกปลดปล่อย ผู้หญิงเพียงชำเลืองข้า แล้วจู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกม”
“นางหยิบสิ่งหนึ่งออกมาแล้วมอบให้กับรูปปั้นอารักขาของสี่เทพ จากนั้นบอกกับข้าว่าหากมีใครบางคนมาหาพวกนางพร้อมสิ่งนั้นในสักวัน นั่นหมายถึงตัวแทนแห่งความหวังของภูต”
แมวสีดำหูตั้งก่อนส่งเสียงร้องด้วยความสนใจว่า “เหมียวๆ”
“เจ้าถามถึงตัวตนของผู้หญิงคนนั้นหรือ นางคือราชินีแห่งวิญญาณภูต จ้าวแห่งเวลา ทรายอมตะ หญิงสาวในตำนาน” ชายชราเครายาวตอบ
“…เหมียว”
“หลังจากรอมาเนิ่นนาน ในที่สุดเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้พบว่ามีใครบางคนมาที่นี่พร้อมกับสิ่งนั้น”
แมวสีดำยื่นอุ้งเท้าออกไป ชี้มาที่ตัวเองแล้วถามว่า “เหมียวๆ เหมียวๆ”
“ใช่ เจ้ากับหินแห่งสรรพสิ่งนั่นแหละ”
“เหมียวๆ” แมวสีดำพึมพำกับตัวเอง
ชายชราเครายาวกล่าวว่า “ข้าค่อยๆ เล็งเห็นถึงโชคชะตาที่น่าสะพรึงยิ่งกว่าความตาย พอได้พบกับเจ้า ข้าถึงได้เข้าใจว่าหินแห่งสรรพสิ่งคือความหวังสุดท้ายของพวกข้า”
ชายชราพลันวิตกขึ้นมาแล้วกล่าวต่อว่า “ฟังนะ ข้าคิดว่าเจ้าเองก็มีลางสังหรณ์เหมือนกัน… เจ้ากับพวกข้าจะถูกจับและฆ่าทันที วิญญาณจะทนทุกข์กับความเจ็บปวดชั่วนิรันดร์… อาจจะในอีกสิบนาทีต่อมาหรืออาจจะภายในหนึ่งชั่วโมงต่อจากนี้ สิ่งนี้จะเกิดขึ้น”
“เจ้าแมวน้อย ถ้าข้าบอกวิชาที่ใช้งานหินแห่งสรรพสิ่งให้ เจ้ารับปากไหมว่าจะเข้าร่วมกับพวกข้า เจ้าเต็มใจจะสู้ร่วมกับพวกข้าหรือเปล่า พูดตามตรง การร่วมมือกันเป็นทางเดียวที่เจ้ากับพวกข้าจะรอดไปได้”
“เหมียว” แมวสีดำพยักหน้า
“เอาเถอะ ฟังนะ วิชาที่ผู้หญิงคนนั้นหลงเหลือไว้คือ ทรายแห่งกาลเวลาเอ๋ย ทุกสรรพสิ่งไม่อาจจับต้องได้ ให้คำสาบานทั้งหมดตกอยู่ในสภาพล่องหน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ แมวสีดำค่อยๆ กลายเป็นร่างมนุษย์จนกลับมาเป็นกู่ฉิงซานคนเดิม
ขณะถือหินแห่งสรรพสิ่งเอาไว้ เขากระซิบว่า “ทรายแห่งกาลเวลาเอ๋ย ทุกสรรพสิ่งไม่อาจจับต้องได้ ให้คำสาบานทั้งหมดตกอยู่ในสภาพล่องหน”
ตูม…
รอบข้างหายไป
กู่ฉิงซานพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ท่ามกลางทรายดูดนับไม่ถ้วน
ตรงข้ามเขา มีผู้หญิงที่ดูโดดเด่นเป็นสง่าอยู่คนหนึ่ง
ทรายอมตะ หญิงสาวในตำนาน ฟู่สื่อ
เทียบกับช่วงหนึ่งร้อยล้านปีต่อมา นางดูอ่อนเยาว์นัก
ฟู่สื่อมองกู่ฉิงซาน แต่ดวงตาของนางช่างดูว่างเปล่า
“เวลาผ่านมานานมากนัก โชคชะตาช่างซับซ้อนเกินกว่าที่ข้าจะมองหน้าเจ้าตรงๆ ได้”
“สำหรับผู้ที่มาทีหลัง จงฟังให้ดี ภายในหนึ่งชั่วโมง ทั้งภูตและเจ้าจะตายด้วยหวนคืนชาติภพหกวิถี ไม่มีทางออกมาได้”
“เมื่ออยู่ต่อหน้าคำสาบานของสี่เทพอันชอบธรรมดา ข้าไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก”
“แต่ข้าตัดสินใจที่สู้เพื่อเจ้าสักหน่อย”
………………………………….