ตอนที่ 971 ถือกำเนิดจากความว่างเปล่า
ทุกคนกำลังบอกความปรารถนาของพวกเขา
“ข้ากำลังจะไปหาท่านเคานต์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์เพื่อถามเขาว่าทำยังไงถึงสามารถได้รับการแต่งตั้งเป็นท่านเอิร์ลของอาณาจักรหนาม”
“ข้าต้องการความมั่งคั่งมากกว่านี้”
“ข้าชอบอาณาจักรหนามมาก ข้าจะอยู่ที่นี่ทันทีที่พิธีสิ้นสุดลง”
“ข้าอยากเห็นใบหน้าที่แท้จริงของลอร่า”
ที่พิธี แขกจำนวนนับไม่ถ้วนเริ่มเผยความปรารถนาของพวกเขา
ในบรรดาโลกนับพันล้านใบ
ผู้ชมเหล่านั้นที่ฟังดนตรีหรือเห็นกู่ฉิงซานและคนอื่นร่ายรำเผยความปรารถนาเช่นกัน
“วันนี้ข้าไม่อยากไปทำงานเลย จุดจบกำลังใกล้เข้ามา ข้าอยากเล่นเกม”
“ผู้หญิงแบบไหนที่ท่านเอิร์ลมนุษย์ผู้นี้ชอบ”
“วันสิ้นโลกโหดร้ายนัก ข้าอยากแก้แค้นก่อนจะถึงวันสิ้นโลก”
“แม่นาง เมื่อคืนไม่ใช่ข้าจริงๆ”
“หนังสือของข้าจะขายดีเมื่อไหร่”
“เขารักข้าหรือเปล่า ข้าอยากรู้คำตอบจริงๆ”
…
ความปรารถนานับไม่ถ้วนถูกพูดออกมาโดยสิ่งมีชีวิต
โลกหลายร้อยล้านใบ สิ่งมีชีวิตไม่มีสิ้นสุด
ตอนนี้ พวกเขาได้เปิดเผยความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใจ
เมื่อเห็นฉากแปลกประหลาดนี้ กู่ฉิงซานอดที่จะกระซิบไม่ได้ว่า “มันเกิดอะไรขึ้น”
เขายืนอยู่ที่เดิมกับเย่เฟยหลีและจางหยิงห่าวขณะเต้นตามจังหวะช้าๆ
จังหวะการเต้นสิ้นสุดลง ดังนั้นตอนนี้เขามีเวลามาถามว่าทำไม
ไม่ช้า เสียงของชายชราหัวล้านดังขึ้นในใจของเขา
“ในเมื่อเจ้าทำการแสดงขั้นที่สองของระบำสังเวยชีพได้สำเร็จ เจ้าก็มีคุณสมบัติที่จะรู้บางสิ่ง”
กู่ฉิงซานรู้สึกถึงแสงตรงคิ้วทันที บางสิ่งเข้าสู่ทะเลแห่งความตระหนักรู้
ตูม
ข้อมูลนับไม่ถ้วนเข้ามาชุดแล้วชุดเล่า มันวูบไหวผ่านจิตใจของกู่ฉิงซานอย่างไม่หยุดหย่อน
ภาพอันงดงามตระการตาอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนถูกแสดงให้เห็น เผยถึงจุดเริ่มต้นของยุคโบราณ
ในความมืดอันสงบ ดวงตะวันร้อนแรงนับไม่ถ้วนเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
พวกมันผ่านเขตอาคมที่ยากจะอธิบายไป ก้าวข้ามความรกร้างที่ยากจะเข้าใจได้ สุดท้ายไปถึงวังวนความว่างเปล่าที่อยู่ไกลลิบ
ใช่แล้ว ไม่มีโลกมาตั้งแต่แรก มีเพียงวังวนความว่างเปล่า
ดวงตะวันเหล่านี้บินไปชั่วขณะหนึ่ง ในที่สุดก็ลอยนิ่ง
แสงสว่างจางหาย
ในที่สุดกู่ฉิงซานเห็นใบหน้าที่แท้จริงของ “ดวงตะวัน” ชัดเจน
“ดวงตะวัน” เหล่านี้คือยานอวกาศเหล็กกล้าใหญ่โตหาใครเทียบ ขนาดของยานสามารถเทียบเท่าสัตว์ประหลาดหุบเหวหรือมีขนาดใหญ่ยิ่งกว่าสัตว์ประหลาดหุบเหวก็ว่าได้
ในห้องบัญชาการของยานอวกาศ กู่ฉิงซานเห็นชายหัวล้าน
ผู้แข็งแกร่งที่สุดคนแรกของเผ่าพันธุ์มนุษย์โบราณกำลังออกคำสั่งกับกองยานทั้งหมด
“ข้าขอสั่งให้รายงานสถานการณ์เดี๋ยวนี้”
“ขอรับ”
รายงานจำนวนมากดังขึ้นในห้องบัญชาการของยานอวกาศ
“ดัชนีการสูญเสียกองยานไปถึง 79% แล้ว”
“การข้ามเขตอาคมคู่ขนานเสร็จสิ้นแล้ว”
“เชื้อเพลิงสำหรับบินถูกใช้จนหมดแล้ว”
“วิเคราะห์ความผันผวนครั้งล่าสุดจากแนวหลังทำให้สามารถยืนยันได้ว่าโลกดั้งเดิมของพวกเราถูกทำลายจนสิ้นแล้ว”
“สภาพแวดล้อมตอนนี้: โลกคู่ขนานที่ไม่รู้จัก”
ชายหัวล้านฟังอย่างตั้งใจก่อนถามว่า “มีการสูญเสียใดในเผ่าพันธุ์ที่พวกเราเก็บรักษาเอาไว้หรือเปล่า”
“รายงานหัวหน้า อัตราการสูญเสียคือยี่สิบเอ็ดจุดเจ็ดเก้าสามเปอร์เซ็นต์”
ชายหัวล้านได้ยินดังนั้น สีหน้าผ่อนคลายเล็กน้อย
“โชคยังดี ตราบที่เผ่าพันธุ์ยังอยู่ พวกเราสามารถขยายพันธุ์ต่อได้ ยังมีความหวังสำหรับทุกสิ่ง”
เขาพึมพำเช่นนั้น
ภาพพลันหายไป
กู่ฉิงซานกลับมามีสติทันที
เขาพบว่าเวลาเพิ่งผ่านไป
ทุกสิ่งรอบข้างเหมือนกับเวทมนตร์อย่างหนึ่ง
เวลาผ่านไปช้ามาก
ทุกคนจมสู่ความคิดของตัวเอง ไม่สามารถออกมาได้สักพัก
กู่ฉิงซานปาดเหงื่อเย็นจากหน้าผากออก
ไม่มีทาง สิ่งที่เขาเห็นเมื่อครู่ช่างน่าตกตะลึงนัก
“เจ้าเข้าใจหรือยัง”
ชายชราหัวล้านถาม
กู่ฉิงซานพยักหน้าอย่างเงียบงันแล้วตอบอย่างแผ่วเบาว่า “กลายเป็นว่านี่คือกระแสวังวนความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่เกิดใหม่ที่นี่มาจากโลกคู่ขนานที่ถูกทำลายล้างในบ้านเกิดของท่าน”
“ใช่แล้ว นี่แหละคือคำตอบ” ชายชราหัวล้านกล่าว
“มีเรื่องที่คาใจอยู่” กู่ฉิงซานกล่าว “ทำไมท่านไม่หลบหนีไปโลกคู่ขนานอื่น แต่เลือกที่จะอยู่ในวังวนความว่างเปล่า”
ชายชราหัวล้านตอบว่า “พลังงานของยานอวกาศพวกข้าหมดน่ะ”
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ข้าเชื่อว่าด้วยความสามารถของท่าน จะต้องมีทางเติมเต็มพลังงานให้ยานอวกาศได้แน่นอน”
ชายชราหัวล้านกล่าวว่า “มันไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิดหรอก นี่คือความว่างเปล่ากว้างใหญ่ระหว่างโลกคู่ขนาน พวกข้าไม่เคยไปโลกคู่ขนานอื่นมาก่อน ภายใต้แรงกดดันของการทำลายล้างโลก ทำให้พวกข้าแทบไม่ได้ออกเดินทาง”
“ความจริง พวกข้าไม่รู้ว่าจะออกจากวังวนความว่างเปล่านี้ยังไง พวกข้าไม่มีหนทางไปโลกคู่ขนานอื่น”
กู่ฉิงซานส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “แต่ในเมื่อท่านอยู่ที่นี่ พูดตามเหตุและผลแล้ว ต้องมีโลกคู่ขนานเหมือนที่นี่แน่ ๆ ท่านไม่สามารถหาเบาะแสได้เลยหรือ”
“พวกข้าหลายคนใช้ทั้งชีวิตเพื่อศึกษาเรื่องมิติและเวลา ท้ายที่สุดพวกข้าพบความจริงมากมาย ดังนั้นจึงมีบางคนเสียสติ ความยิ่งใหญ่ของมิติและเวลาช่างยากที่จะหยั่งถึงจริงๆ” ชายชราหัวล้านตอบ
กู่ฉิงซานกล่าวทันทีว่า “ท่านพบประตูโลกในหุบเหวนิรันดร์ ท่านคิดว่าที่นั่นคือเส้นทาง ดังนั้นท่านจึงออกจากที่นี่เพื่อเข้าสู่ประตูบานนั้น”
“ถูกต้อง” ชายชราหัวล้านถอนหายใจ “ความว่างเปล่านี้อันตรายเกินไป ไม่เพียงแค่หุบเหวนิรันดร์เขาวงกตแห่งมิติและเวลาหรือหุบเหวของเศษเสี้ยวโลกเท่านั้น แต่ยังมีตัวตนน่าสะพรึงนับไม่ถ้วนอีกด้วย พวกข้าต้องออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“สิ่งที่ท่านพูดถึงในยุคโบราณคืออะไร จุดเชื่อมโยงกับการร่ายรำที่พวกข้าทำเมื่อครู่อยู่ตรงไหน” กู่ฉิงซานถาม
สีหน้าของชายชราหัวล้านเคร่งขรึมมาก
“กู่ฉิงซาน เจ้าเชื่อเรื่องเทพหรือเปล่า”
“ข้าคิดว่าเขาเป็นเพียงตัวตนที่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้น”
ชายชราหัวล้านยิ้ม
“ตัวจริงของข้าตัดสินใจที่จะถ่ายทอดการร่ายรำนี้ให้ได้ก่อนตาย”
“มันคือการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกข้าในวังวนความว่างเปล่าแห่งนี้”
“การร่ายรำนี้สามารถปลุกพลังบางอย่างที่พวกข้าไม่เคยสัมผัสมาก่อนขึ้นมาได้”
“แต่ไม่มีใครสามารถทะยานสู่ขั้นสุดท้ายได้ แม้แต่ข้าก็เช่นกัน”
“แต่ท่านถ่ายทอดการร่ายรำเก้าขั้นมาให้ข้าไม่ใช่หรือ”
“ข้าทำได้เพียงพาเจ้าไปสู่ขั้นที่สองเท่านั้น ตั้งแต่ขั้นที่สามเป็นต้นไป เจ้าต้องได้รับการร่ายรำที่สอดคล้องกัน สิ่งนี้จำเป็นสำหรับทุกขั้นที่จะตามมา”
กู่ฉิงซานอดที่จะถามในใจไม่ได้ว่า “เดี๋ยวนะ ทำไมท่านถึงทำทั้งหมดนี้”
“ในการวิเคราะห์สุดท้าย เจ้าคือสิ่งมีชีวิตสุดท้ายที่ได้รับการบ่มเพาะในโลกของพวกข้า ข้าต้องทิ้งบางสิ่งไว้ให้เจ้าบ้าง”
เสียงของชายชราดูอบอุ่นขึ้นมา “ข้าเชื่อว่าคนที่เต็มใจเสียสละตัวเองเพื่อฆ่ามังกรมารไม่ใช่คนเลวแน่ๆ ยังไงเสีย ในยุคพวกข้าก็ไม่มีใครกล้าทำเช่นนี้”
“ข้าเข้าใจล่ะ จะบอกว่าการร่ายรำนี้ไม่ได้มีตัวตนในฐานะสิ่งที่ควบคุมพลังของมังกรมารอย่างนั้นสินะ” กู่ฉิงซานถาม
“อย่าดูถูกไป พลังที่ควบคุมมังกรมารถือว่าเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยเท่านั้น” ชายชราหัวล้านตอบ
เขาคล้ายกับมีบางสิ่งที่จะพูด แต่ไม่ช้าก็นิ่งไป
“ดูนั่น นางกำลังมา!”
ชายชราหัวล้านตะโกน
กู่ฉิงซานเงยหน้ามองอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางความคาดหวังของชายชราหัวล้าน ท่ามกลางความเกียจคร้านของทุกคน การเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ได้ปรากฏขึ้น ณ ที่จัดพิธี
เผ่าพันธุ์เทพทั้งหมดในท้องนภาลงสู่พื้นอย่างแผ่วเบา
ตัวตนที่มองไม่เห็นปรากฏขึ้น
ถึงแม้จะมองไม่เห็น แต่กู่ฉิงซานสามารถสัมผัสตัวตนล่องหนนี้ได้อย่างชัดเจน
เขารู้สึกเหมือนกับกำลังยืนอยู่ต่อหน้าแสงสว่างเจิดจ้าไม่มีสิ้นสุด
ทันใดนั้น ที่ที่ตัวตนล่องหนอยู่ เสียงผู้หญิงแหบพร่าและแห้งผากดังขึ้นช้าๆ
“…ระบำสังเวย…น่าเสียดาย…ความตั้งใจอันเล็กจ้อยนั่น…ยังอีกไกลนัก…”
เมื่อชายชราหัวล้านได้ยินดังนี้ เขาวิตกทันที
เขาพลันพุ่งออกจากคิ้วของกู่ฉิงซาน คุกเข่าข้างหนึ่งอย่างเคร่งเครียดแล้วกล่าวว่า
“ยังไงก็ตาม โปรดมอบความหวังเล็กๆ น้อยๆ ให้กับนักเต้นผู้เสียสละตรงหน้าด้วย”
“เขาเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตธรรมดาทั่วไป หากไม่มีการชี้แนะและการปกป้องจากเจ้า เขาไม่มีทางผ่านระบำสังเวยมาได้หรอก”
ชายชราหัวล้านยังคงคำนับ
เกิดความเงียบในความว่างเปล่า
“ธรรมดา…ทั่วไปหรือ”
เสียงผู้หญิงแหบพร่าดังขึ้นอีกครั้ง
เมื่อได้ฟังน้ำเสียงของนาง มันดูเหมือนกับมีความไม่เห็นด้วยในคำพูดนี้
“เจ้ารู้จักเขาเพียงแค่ผิวเผิน แต่ว่า…ระบำสังเวยจะต้องได้รับการถ่ายทอด…ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม”
หลังจากพูดจบ เสียงผู้หญิงหายไป
กู่ฉิงซานสามารถสัมผัสความว่างเปล่าได้อย่างชัดเจน ตัวตนที่มองไม่เห็นนั่นหายไปแล้ว
ใช่ ตัวตนนั้นไปแล้ว
ในเวลาเดียวกัน แถวหิ่งห้อยพลันปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม
“ท่านได้รับขั้นที่สามของระบำสังเวยชีพ”
“เพราะสถานะพิเศษของท่าน ระบำสังเวยขั้นที่สามของท่านจึงแตกต่างจากคนอื่น”
“ท่านต้องสังเวยสี่เสาหลัก”
“การร่ายรำของเทพปฐพีถูกถ่ายทอดมาที่ท่านแล้ว”
……….……….……….……….