webnovel

0972 เพื่อตัวเจ้าเอง

ตอนที่ 972 เพื่อตัวเจ้าเอง

เมื่อตัวตนลึกลับออกจากพิธีไปแล้ว

เมื่อทุกคนยังอยู่ในช่วงเวลาเฉื่อยชาสั้นๆ

เมื่อแถวข้อความแจ้งเตือนรีเฟรชบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม

กู่ฉิงซานไม่ปล่อยให้เสียเวลาสักนาทีหรือแม้แต่วินาทีเดียว

ฮัม!

ดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพพลันปรากฏขึ้นทั้งสองฝั่งของเขาก่อนกลายเป็นแสงสองสายแล้วหายไปในพริบตา

ดาบศักดิ์สิทธิ์ช่างน่าพิศวง

ดาบพิภพหนักแน่นราวขุนเขา

ดาบสองเล่มเข้าใกล้ร่างของเผ่าพันธุ์เทพหลายสิบองค์ราวกับประกายแสง

ดาบศักดิ์สิทธิ์มาอยู่ตรงหน้า ประกายดาบคมปลาบระเบิดออก

เพียงพริบตา ค่ายกลดาบสะเทือนฝันไท่อี่เก้าเท่าพลันเคลื่อนลงมายังเผ่าพันธุ์เทพหลายสิบองค์

เมื่อพายุค่ายกลดาบพุ่งทะยานออกมา ดาบพิภพก็มาถึง

มันวาดประกายดาบโค้งในอากาศ

นี่คือดาบลับฟาดฟันจันทราที่ผสานเข้ากับการตัดสินใจของพิภพ!

กู่ฉิงซานพลันขมวดคิ้ว

ทางเลือกของสวรรค์และการตัดสินใจของพิภพทำงานพร้อมกัน พลังจึงน่าสะพรึงยิ่ง

ในจิตใจ เขาใช้วิชาดาบเงียบๆ

ตามความคิดของเขา ประกายดาบทั้งหมดไม่กระจายไปรอบข้างอีกต่อไป แต่กลับคืบคลานและไล่ตามกันเองก่อนพุ่งขึ้นสู่ท้องนภา

นี่เป็นครั้งแรกที่กู่ฉิงซานทุ่มเทสุดกำลังหลังจากใช้พลังระดับสี่เสาศักดิ์สิทธิ์

เผ่าพันธุ์เทพเหล่านั้นยังอยู่ในสภาพเฉื่อยชาแต่จนไม่มีเวลาป้องกันตัวเอง พวกเขาถูกกดดันจากค่ายกลดาบไท่อี่เก้าเท่าที่ดาบศักดิ์สิทธิ์ระเบิดออกมาในพริบตา จากนั้นพวกเขาถูกโจมตีโดยดาบพิภพที่สังหารทุกสรรพสิ่ง

พวกเขาทั้งหมดไม่ได้รับการยกเว้น

บนหน้าต่างระบบเทพสงครามตรงหน้ากู่ฉิงซาน แถวหิ่งห้อยหลายสิบแถวเด้งขึ้นมาทันที

“ท่านฆ่าสิ่งประดิษฐ์วิญญาณต่อสู้ส่วนตัวโบราณหมายเลขหนึ่งสำเร็จ”

“ท่านได้รับพลังวิญญาณ: 150,000 แต้ม”

“ท่านฆ่าสิ่งประดิษฐ์วิญญาณต่อสู้ส่วนตัวโบราณหมายเลขสามสำเร็จ”

“ท่านได้รับพลังวิญญาณ: 110,000 แต้ม”

“ท่านฆ่าสิ่งประดิษฐ์วิญญาณต่อสู้ส่วนตัวโบราณหมายเลขสี่สำเร็จ”

“ท่านได้รับพลังวิญญาณ: 160,000 แต้ม”

กู่ฉิงซานถอนหายใจด้วยความโล่งอกช้า ๆ

โชคยังดี ขณะที่อีกฝ่ายยังไม่ได้สติขึ้นมา เขาก็ได้รับพลังวิญญาณมาแล้ว

หากยังมัวแต่ลังเล เมื่อหลินลงมือ เขาจะไม่ได้รับอะไร

และมันจะเป็นการเปิดเผยตัวตนของหลินด้วย

กู่ฉิงซานอ่านข้อความแจ้งเตือนทั้งหมดก่อนเงยหน้ามองท้องนภา

ตอนนี้เขาได้รับพลังวิญญาณมากมาย

เผ่าพันธุ์เทพถูกสังหารไปแล้วเช่นกัน

เขาไม่รู้ว่าคนที่ซ่อนอยู่หลังเผ่าพันธุ์เทพจะทำอะไรต่อ

เวลาหนึ่งหมื่นปีที่ผ่านมา

ตอนนี้สมองจะฟื้นคืนกลับมาแค่ไหนกันนะ

กู่ฉิงซานรออยู่หลายอึดใจ

ผู้เข้าร่วมพิธีเหล่านั้นค่อย ๆ ได้สติขึ้นมา

“หืม เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกับข้า”

“เกิดอะไรขึ้น”

“ข้าไม่รู้ เมื่อครู่สมองข้าว่างเปล่าเฉยเลย”

“ข้าจำได้ลางๆ ว่ามีการร่ายรำบนเวที”

“การร่ายรำจบลงแล้วหรือ”

ผู้คนกระซิบกระซาบ

ฉากเดียวกันปรากฏขึ้นทุกหนแห่งในโลกนับพันล้านใบ

กู่ฉิงซาน จางหยิงห่าวและเย่เฟยหลีที่แต่งชุดค่อยๆ หายไปเช่นกัน

พวกเขากลับคืนสู่สภาพเดิม

“เจ้าปลอดภัยหรือเปล่า” เย่เฟยหลีถามเสียงต่ำ

“มีปัญหาทางกายภาพหรือเปล่า” จางหยิงห่าวถามเช่นกัน

กู่ฉิงซานรู้สึกถึงความอบอุ่นในใจก่อนยิ้มออกมาแล้วตอบกับทั้งสองว่า “อืม จะไม่มีปัญหาสักพัก ต้องขอบคุณจริงๆ ในการร่ายรำครั้งต่อไป พวกเจ้าอาจจะยังต้องช่วยอีก”

“เดี๋ยว! ยังต้องกระโดดอีกหรือ!” ทั้งสองอุทานเสียงหลง

จางหยิงห่าวนึกถึงฉากระบำหน้าท้องของตัวเองจนพูดไม่ออกสักพักใหญ่

เย่เฟยหลีเงียบเช่นกัน

ตอนแรกเขาคิดดีแล้วจึงตัดสินใจมาโลกเก้าร้อยล้านชั้นเพื่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับกู่ฉิงซาน

การตัดสินใจนี้คล้ายกับจะบุ่มบ่ามเกินไปหน่อย…

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอก ศัตรูที่แท้จริงกำลังมา”

กู่ฉิงซานเงยหน้ามองท้องนภา

ทั้งสองมองตามเขา

พวกเขาเห็นจุดสีดำในท้องนภา

จุดสีดำนี้ตกลงมาจากท้องนภาราวอุกกาบาตก่อนมาถึงที่จัดพิธี

เขายาวซีดติดอยู่บนศีรษะ มันบิดโค้งไปด้านหลัง

ทั่วร่างเต็มไปด้วยหมอกสีเทาเข้ม

เขายืนอยู่ตรงนั้นราวกับพายุหมุนกำลังจะก่อตัว

มังกรหุบเหว

ในที่สุดเขาก็มา

“ช่างแปลกจริงๆ มนุษย์เล็กจ้อยเช่นเจ้ารอดมาถึงทุกวันนี้ได้ยังไง”

มังกรหุบเหวมองกู่ฉิงซานขณะถามด้วยความสงสัย

“เจ้าจำข้าได้หรือ” กู่ฉิงซานยิ้ม

“แน่นอน เจ้ามีสายเลือดมังกรมารมหาศาลอยู่ในร่าง ถึงแม้มันจะถูกซ่อนโดยบางสิ่งเอาไว้ แต่ก็หลอกข้าไม่ได้หรอก”

มังกรมารขยับคอขณะกล่าวต่อว่า “ช่างเรื่องอาณาจักรหนามก่อนแล้วกัน ตอนนี้ข้าต้องฆ่าเจ้า ยังไงเสีย ตัวตนของข้าน่าจะพิเศษสำหรับโลกใบนี้”

กู่ฉิงซานไม่พูด

ใบไม้สีเขียวลอยมาจากด้านหลังเขาก่อนกลายเป็นชุดเกราะร้อนแรง

เกราะศึกของอาณาจักรหนาม

ชุดเกราะอารักขาจากถ้ำลับของต้นไม้หนามโบราณที่อยู่บนร่างของกู่ฉิงซานพังทลายจนสิ้น

แสงศักดิ์สิทธิ์มาแทนที่ชุดเกราะนี้ก่อนสวมเข้ากับร่างของกู่ฉิงซาน

มังกรมารหรี่ตามองฉากนี้แล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “อาณาจักรหนามอยากปกป้องคนคนนี้หรือ”

ไม่มีคำตอบ

คนสูงศักดิ์เหล่านั้นที่ในที่เกิดเหตุฉากตกตะลึงกับฉากนี้

คนคนนี้ถูกห้อมล้อมด้วยกลิ่นอายแห่งความพ่ายแพ้ กลิ่นอายบนร่างทรงพลังจนหาได้ยากในโลก

พลังของเขาเหนือกว่าการรับรู้ของสิ่งมีชีวิตในโลกเก้าร้อยล้านชั้น

ส่วนอาณาจักรหนาม

ลอร่ายืนอยู่ใต้เวทีขณะมองมังกรมารอย่างเย็นชา

นางเดินเข้าสู่เวทีช้าๆ ก่อนมายืนอยู่ข้างกู่ฉิงซาน

หลังจากนั้น หลินปรากฏตัวขึ้น

นางสวมชุดเกราะสีทองเต็มยศ ถุงมือธาตุไฟสองข้าง นางลงมาอยู่บนเวทีอย่างนุ่มนวลและชำนาญ

“หืม บาดแผลเจ้า”

มังกรมารมองหลินแล้วพึมพำด้วยความประหลาดใจ

“ข้าสบายดีแล้ว น่าจะถึงเวลาที่พวกเราต้องมาสะสางบัญชีกันแล้วล่ะ” หลินกล่าว

ขณะพวกเขาสนทนากัน เย่เฟยหลียืนอยู่ข้างกู่ฉิงซาน ปีกสีโลหิตหนึ่งคู่ค่อยๆ กางออกจากด้านหลัง

เขาถือตะขอยาวเอาไว้มั่น

นี่คืออาวุธที่ใช้เกี่ยววิญญาณของผู้คน

ตะขอลืมเลือนวิญญาณ

จางหยิงห่าวก้าวถอยออกมา เดินมาอยู่หลังทุกคนก่อนหยิบปืนพกสีดำขึ้นมา

เขายกมือขึ้นอีกข้างเพื่อกำลังจะจั่วไพ่ แต่กลับเห็นใบไม้สีเขียวมรกตจำนวนมากร่วงลงมาตรงหน้าก่อนกลายเป็นลำกล้องติดไหล่สีดำ

“รีบจับสิ่งนี้ไว้ มันทรงพลังมาก” ปืนพกสีดำรีบกล่าว

จางหยิงห่าวไม่จั่วไพ่อีกก่อนคว้าลำกล้องปืนเอาไว้

“นี่คืออะไร” จางหยิงห่าวถามเสียงต่ำ

“นี่คือพี่ปืนใหญ่ เจ้ารู้จักพี่ปืนใหญ่หรือเปล่า มันคือปืนใหญ่ที่ถูกออกแบบมาให้ฆ่าโลกได้!” ปืนพกตอบ

จางหยิงห่าวสูดหายใจก่อนแบกปืนใหญ่เอาไว้บนบ่า

มังกรหุบเหวมองฝูงชนรอบข้างแล้วพลันระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

“ฮ่าๆ น่าสนใจ พวกเจ้าคิดหรือว่าด้วยพละกำลังเล็กจ้อยนี่จะสามารถจัดการกับข้าได้หรือ”

น้ำเสียงของเขาดุร้ายมากขึ้น

“ตอนแรกข้าก็กลัวว่าจะมีปัญหาอะไร แต่ตอนนี้ ข้าตัดสินใจแล้วล่ะว่าจะฆ่าพวกเจ้าทุกคน!”

ร่างหนึ่งวูบไหว

หลินไม่เสียเวลาพูดจาอีกก่อนจะพุ่งตรงเข้าใส่

ปัง!

เสียงหนักอึ้งก่อเกิดคลื่นกระแทกที่ทำให้ทุกคนสั่นสะท้านจนแทบจะปลิวออกมา

หมัดที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิงกระแทกใส่หน้าอกของมังกรหุบเหว

แต่สีหน้าของมังกรมารไม่คล้ายกับมีร่องรอยของความเจ็บปวด

“จุ๊ๆ เจ้าที่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นร่างหุบเหวได้ก็เลยมีพละกำลังที่อ่อนแอและน่าสมเพชแบบนี้ยังไงล่ะ”

ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามังกรมารเคลื่อนไหวยังไง แต่หลินถูกเขาอัดเข้าแล้ว

ครืน!

ตำหนักส่วนใหญ่พังทลาย

มังกรหุบเหวกล่าวอย่างผิดหวังว่า “เอาเถอะ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในฝูงมดถูกจัดการไปแล้ว ทีนี้ ใครอยากตายก่อนเพื่อนบ้างล่ะ”

ดวงตาของเขากวาดมองจางหยิงห่าวและเย่เฟยหลี

จางหยิงห่าวแข็งทื่อ

ไม่ การโจมตีของเขาไม่โดนแน่ๆ!

จางหยิงห่าวลอบกล่าวเช่นนั้นในใจ

เย่เฟยหลีรู้สึกถึงพละกำลังที่แท้จริงของอีกฝ่าย

บัดซบ พลังอะไรกันเนี่ย…

เหงื่อเย็นบนร่างของเย่เฟยหลีค่อยๆ ผุดขึ้นมา เขาไม่แม้แต่จะสามารถขยับร่างกายได้

ท่ามกลางซากปรักหักพัง ร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นอีกครั้ง

หลินเช็ดโลหิตจากมุมปากออกแล้วกล่าวว่า “การต่อสู้เพิ่งจะเริ่มเอง”

นางเดินเข้าหามังกรหุบเหวทีละก้าว พละกำลังร่างกายเพิ่มขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่

ถ้านางหยุดไม่ได้ แล้วใครล่ะจะสามารถหยุดเขาเอาไว้ที่นี่ได้

ไม่มี ต้องเป็นนาง

ดวงตาของหลินหรี่ลง พลังที่แท้จริงระเบิดออกจากร่างกาย

นางกำลังทุ่มทุกอย่างที่มี!

มังกรมารส่ายหน้าแล้วกล่าวด้วยท่าทางที่ยากจะอธิบายว่า “เห็นได้ชัดว่าที่นี่ไม่ใช่ดาวคนคู่ เจ้าก็รู้ว่าข้าฟื้นคืนพลังหุบเหวมาทั้งหมดแล้ว ทำไมยังรนหาที่ตายอีก”

หลินไม่ตอบ

ด้วยการเคลื่อนไหวร่างกายเพียงเล็กน้อย นางพุ่งเข้าหามังกรหุบเหวอีกครั้ง

ครั้งนี้ นางซัดหมัดออกไป!

มังกรมารประหลาดใจเล็กน้อยก่อนยื่นมือไปปัดป้องหลายครั้งด้วยความไม่สนใจ

พละกำลังของทั้งสองฝั่งห่างชั้นกันเกินไป

มันคือสิ่งประดิษฐ์วิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์โบราณ ประกอบกับการปกป้องของพลังหุบเหว พละกำลังของมันแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก

หลินมีเพียงรากฐานการฝึกฝนวิชายุทธที่เหลืออยู่ ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย

หลังจากต่อสู้สองถึงสามรอบ มังกรมารพลันยื่นมือออกไปคว้าหมัดของหลิน

หลินขัดขืนหลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถสลัดมืออีกฝ่ายหลุดได้

มังกรมารปล่อยจิตสังหารออกไปพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้างว่า “ผู้ที่ถูกหุบเหวทิ้งมีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่”

เสียงยังไม่ทันจางหาย

มังกรมารพลันพบว่าคนที่เขากำลังยื้ออยู่นั้นเปลี่ยนไป

ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขากำลังยื้อกับมนุษย์เพศชายที่มีสายเลือดมังกรมาร

แต่หลินปรากฏตัวขึ้นในที่ที่ชายคนนั้นเคยยืนอยู่

เกิดอะไรขึ้น

เมื่อความคิดแรกของมังกรมารเริ่มต้นขึ้น ชายคนนั้นก็มองเขาพร้อมกับยิ้มออกมา “ไม่ง่ายเลยที่จะจับตัวเจ้า เอาล่ะ มาคุยกันดีๆ เถอะ”

ไม่ง่ายเลยจริงๆ

ด้วยพละกำลังของเขา เป็นการยากมากที่จะมีโอกาสแบบนี้เข้ามา

นี่เป็นเพียงโอกาสเดียวสำหรับทุกคน!

ขณะสนทนา ลวดลายบนเหรียญสีทองผุดขึ้นบนร่างกายของผู้ชาย ลามไปทั่วมือทั้งสองฝ่ายที่อยู่ใกล้กันก่อนปกคลุมร่างของมังกรมาร

เพราะพละกำลังของกู่ฉิงซานต่ำเกินไป เหรียญนี้จึงซ่อนอยู่ในร่างกาย เป็นการยากที่จะปรากฏตัวออกมา

ทว่ากู่ฉิงซานยังสามารถดึงพลังบางส่วนจากมันได้

อย่างเช่นคุมขังของปฐพี

“คุมขัง: เป้าหมายที่ถูกท่านเล่นงานจะถูกผนึกพลังวิเศษทั้งหมดเอาไว้เป็นเวลาหนึ่งนาที”

นี่คือหนึ่งในสามพลังของเทพปฐพี มันอยู่ในหมวดเดียวกับโชคที่แท้จริงและพำนักสามารถใช้ได้ทุก ๆ สามสิบวัน เป็นสิ่งที่มีค่ายิ่ง

ในสถานการณ์นี้ กู่ฉิงซานไม่สามารถคิดอย่างอื่นได้อีกแล้ว

ความสามารถนี้ต้องใช้ตอนนี้

“ข้าได้ยินว่าช่วงนี้เจ้ากลายเป็นหัวหน้าในพื้นที่จ้าวโลก เพราะงั้นคำพูดกับการกระทำก็เลยเอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่ข้าคิดแบบนี้นะ ถึงแม้ความจริงจะแสลงหู แต่เพราะหวังดีแก่เจ้า ข้าขอมอบคำแนะนำอีกสักข้อให้ก็แล้วกัน”

กู่ฉิงซานพูดช้าๆ พลังเหนือธรรมชาติอสนีบาตทำงาน

“สะเทือนฝัน!”

มังกรมารเสียพลังพิเศษทั้งหมดไปก่อนถูกห่อหุ้มด้วยอสนีบาตสีครามจนไม่สามารถขยับได้สักพัก

กู่ฉิงซานถอนหายใจแล้วกล่าวต่อว่า

“พวกเราเดินทางไปมาระหว่างโลก บางครั้งพวกเรายังต้องการที่จะเป็นคนซื่อตรง ดังนั้นเมื่อคนอื่นจะฆ่าเจ้า พวกเขาจะใคร่ครวญถึงความรู้สึกของเจ้าก่อนจะลงมือให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”

เขาปล่อยมือข้างหนึ่งก่อนจั่วไพ่จากความว่างเปล่าออกมา

“ของหายาก หอกปีศาจแดง!”

……….……….……….……….