webnovel

0961 ตาบอด

ตอนที่ 961 ตาบอด

ซูเสวี่ยเอ้อร์เงียบไปสักพัก

“เจ้าพูดถูก”

“มันเป็นเรื่องเหลวไหลในฐานะผู้ใช้ไพ่ ข้าดันมาถูกหลอกด้วยไพ่เสียได้”

ซูเสวี่ยเอ้อร์พึมพำ

เมื่อแอนนาเห็นว่าอีกฝ่ายมีกำลังใจจะสู้ นางพึงพอใจแล้วกล่าวว่า “เจ้าสามารถใช้ไพ่อะไรก็ได้ แต่อย่าเชื่อไพ่ประเภทนี้ที่กลัวว่าโลกจะไม่เกิดความโกลาหล”

นางโยนไพ่ทำนายโชคชะตาอย่างแรง

ซูเสวี่ยเอ้อร์มองฉากนี้อย่างสงบ

นางเห็นว่าไพ่วนอยู่ในสายลมก่อนลอยกลับมาอยู่หน้าซูเสวี่ยเอ้อร์อีกครั้ง มันลอยอยู่ในอากาศอย่างเงียบงัน

“น่าแปลก มันกลับมาอย่างนั้นเหรอ ข้าไม่เคยได้ยินการ์ดที่มีพลังแบบนี้มาก่อน” แอนนากล่าว

ซูเสวี่ยเอ้อร์อธิบายว่า “ก่อนหน้านี้ข้าเคยคืนให้กู่ฉิงซาน แต่สุดท้ายมันก็ยังอยู่กับข้า”

“ชิ ไม่ดีเลยนะที่มาตื๊อผู้หญิงโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้”

แอนนากล่าวขณะชักเคียวสีดำออกมา

เปลวเพลิงสีดำพุ่งออกไป

ไพ่ชะตากรรมทั้งหมดถูกฉีกก่อนกระจายไปตามสายลม

“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว” แอนนายิ้ม

ซูเสวี่ยเอ้อร์ถอนหายใจก่อนส่ายหน้า

นางยื่นมือออกไปจั่วมันในความว่างเปล่าอย่างแผ่วเบา

มันปรากฏตัวตรงหน้าทั้งสองอีกครั้ง

แอนนาตกตะลึง

“น่าแปลก เปลวเพลิงแห่งความตายของข้าน่าจะกลืนกินจนไม่เหลือซากแล้วนี่”

นางกล่าวด้วยความไม่อยากเชื่อ

ซูเสวี่ยเอ้อร์เก็บไพ่กลับไปแล้วยิ้มขมขื่นออกมา “มันรู้ว่าข้าอยู่ในช่วงเวลาสำคัญที่สุดของความก้าวหน้า ดังนั้นมันจึงสงบลง ไม่อย่างนั้นมันคงกระตุ้นให้ข้าช่วยไปเอาไพ่ใบอื่นในสำรับแล้ว”

“แสดงว่ามันมีปัญญา” แอนนากระซิบ

ขณะมองไพ่ทำนายโชคชะตาที่มีสุสานนับไม่ถ้วน แอนนารู้สึกถึงไอเย็นเยือกในใจที่ยากจะอธิบาย

นางฝืนยิ้มแล้วกล่าวว่า “ช่างหัวโลกเก้าร้อยล้านชั้นเถอะน่ะ พวกเราไม่เข้าใจความรู้และสิ่งต่างๆ มากเกินไป พวกเราอาจจะสามารถตามหาใครบางคนมาช่วยเจ้าแก้ไขในอนาคตได้”

“อืม ไม่ต้องสนใจอะไรแล้ว ไปกันเถอะ” ซูเสวี่ยเอ้อร์กล่าว

“ไป!”

อีกด้านหนึ่ง

กู่ฉิงซานรู้สึกถึงแรงมหาศาลมาเกื้อหนุน มันพ่นออกมาจากมิติและเวลาช่วงหนึ่ง

เขามองรอบข้าง

รอบข้างมีเพียงความมืด ไม่อาจมองเห็นอะไรได้

น่าแปลก นี่มันคืออะไร

กู่ฉิงซานใช้จิตเทพเพื่อตรวจสอบสถานการณ์

จิตเทพกระจายรอบข้างโดยไร้อุปสรรคใดๆ

กู่ฉิงซาน ‘เห็น’ วังวนขนาดใหญ่ใต้เขาผ่านจิตเทพทันที

หุบเหวที่แตกสลายของเศษเสี้ยวโลก

ไม่ไกลจากศีรษะของเขา ยานอวกาศต้นไม้หนามโบราณกำลังลอยอยู่ตรงนั้น

กู่ฉิงซานยืนยันสถานการณ์ได้อีกครั้ง

เขาขยับร่างกายก่อนเหาะขึ้นไป

ผ่านไปสักพัก เขาลงสู่ดาดฟ้ายาน

หลินกำลังดื่มอยู่ก่อนเห็นเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ

“หืม เจ้าไม่ได้ไปตามหาสิ่งนั้นหรอกหรือ ทำไมถึงเหาะกลับมาอีกล่ะ”

กู่ฉิงซานตกตะลึง

ดูท่ากระแสเวลาในโลกคู่ขนานไม่เหมือนกับโลกปัจจุบัน

แบบนี้ แสดงว่าเขาไปได้ไม่นานนัก

“ข้าทำเสร็จแล้วน่ะ” กู่ฉิงซานตอบ

หลังจากนั้น หลินกล่าวเช่นกันว่า “อย่างนี้นี่เอง โลกคู่ขนานมีกระแสเวลาแตกต่างจากของพวกเรา”

หลินมองกู่ฉิงซานก่อนค่อยๆ พบเบาะแส

“เกิดอะไรขึ้นกับตาของเจ้า ทำไมพวกมันถึงไม่ขยับเลยล่ะ”

“ข้าไม่รู้ จะว่าไป ตอนนี้ข้ามองไม่เห็นอะไรเลย ข้าทำได้เพียงสัมผัสทุกสิ่งด้วยจิตเทพเท่านั้น”

กู่ฉิงซานอธิบายอย่างยากลำบาก

หลินยืนขึ้น เดินมาทางเขาก่อนตรวจสอบดวงตาอย่างละเอียดแล้วกล่าวว่า “เจ้ากำลังเสริมวิชาโลกอยู่ แต่เมื่อกลับมา เจ้ามองไม่เห็นอะไร…เดี๋ยวนะ วิชาโลกของเจ้าข้องเกี่ยวกับดวงตาหรือเปล่า”

“ใช่” กู่ฉิงซานยอมรับ

“ช่างเป็นวิชาที่แปลกประหลาดจริงๆ เป็นผลงานที่เจ้าสร้างขึ้นมาเองหรือ” หลินถามพลางถอนหายใจ

“ใช่ ข้าเคยถูกมังกรเหลืองจ้องจนตาย หลังจากนั้นข้าก็คิดถึงเรื่องนั้น ท้ายที่สุดก็เริ่มพยายามทำให้วิชานี้สำเร็จ” กู่ฉิงซานตอบ

“เจ้าแน่ใจหรือว่าทำให้วิชานี้สำเร็จแล้ว”

“แน่ใจ”

“ไม่มีทาง แม้กระทั่งในยุคโบราณ วิชาเนตรเป็นสิ่งที่ทรงพลังและอันตราย ยิ่งกว่านั้น เจ้าสร้างวิชาโลกโดยมีพื้นฐานมาจากวิชาเนตร ข้าเดาว่าต้องใช้เวลาสักพักดวงตาของเจ้าถึงจะฟื้นคืนหรือไม่ต้องมีตัวกระตุ้นบางอย่าง” หลินอธิบาย

กู่ฉิงซานขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “จะบอกว่า…”

“อืม เจ้าตาบอดน่ะ”

หลินพยักหน้า แต่เพราะเกรงว่าเขาจะคิดไม่ดี จึงเสริมอีกประโยคว่า

“อย่าห่วงไปเลย แค่ชั่วคราวน่ะ พอเจ้าหายแล้ว วิชาของเจ้าก็จะสามารถใช้ได้”

กู่ฉิงซานถอนหายใจ

เอาเถอะ ถ้าแค่มองไม่เห็นสักพักก็ไม่เป็นไร จิตเทพยังสามารถแทนที่ตาได้อย่างสมบูรณ์อยู่

การที่ความมืดอยู่ตรงหน้ามันทำให้ผู้คนไม่สบายใจเล็กน้อย

และอื่นๆ อีกมากมาย

หน้าต่างระบบเทพสงครามยังอยู่ที่นั่น

แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏขึ้นมา

“ยินดีด้วย วิชาโลกของท่านสมบูรณ์แล้ว”

“คำใบ้: กระบวนการยังอยู่ในระหว่างการปรับแต่ง ดังนั้นจะทำให้เกิดผลข้างเคียงชั่วคราว”

“หมายเหตุพิเศษ: ท่านจะตาบอด”

กู่ฉิงซานพูดไม่ออกสักพัก

โชคยังดีที่นี่เป็นแค่ชั่วคราว เขาสามารถสังเกตทุกสิ่งได้ด้วยจิตเทพ ทำให้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่

ปัญหาเดียวก็คือ

กู่ฉิงซานสังเกตตัวเองก่อนพบว่าเขาไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ด้วยดวงตา ทำได้เพียงมองตรงไปข้างหน้าจนดูไม่ต่างจากท่อนไม้

เขาครุ่นคิดสักพัก หยิบเศษผ้าสีดำออกมา นำมาทบกันแล้วพันรอบดวงตาของเขา

หลินมองเขา ส่งขวดให้แล้วกล่าวว่า “มาสิ ดื่มสุราเพื่อให้โลหิตไหลเวียนหน่อย อาจจะช่วยได้นะ”

กู่ฉิงซานรับขวดสุรามาแล้วกำลังจะดื่ม แต่ทันใดนั้นเขารู้สึกถึงความเจ็บปวด ใบหน้าเปลี่ยนไปทันที

หลินกำลังมองเขา เมื่อเห็นใบหน้าเปลี่ยนไป จิตก็พลันขยับ

“เป็นอะไรหรือ” นางถามอย่างเคร่งขรึม

“ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว วันนี้เป็นอีกวันที่ต้องร่ายรำ” กู่ฉิงซานกล่าว

หลินตกตะลึง

นางจำประสบการณ์นั้นได้

การร่ายรำอันน่ากลัวนั่น

มันช่าง

หลินหันศีรษะแล้วจากไป

“ข้าจะอยู่ในห้องพัก บอกข้าด้วยถ้าเจ้าร่ายรำเสร็จแล้ว”

เสียงของนางถอยไปไกล

“เอาเถอะ ข้าคงต้องไปท้ายยานเช่นกัน อยู่บนชั้นดาดฟ้ามันก็ดูน่าเกลียดเกินไป!”

กู่ฉิงซานตอบก่อนวิ่งไปที่ท้ายยาน

พลังมังกรมารในร่างเริ่มเดือดพล่าน ความรู้สึกเสียวซ่านราวกับเข็มทิ่มแทงเริ่มค่อยๆ กระจายไปทั่วร่าง

ไม่มีทาง ถึงแม้เขาจะพยายามสังหารมังกรมาร แต่ความจริง พละกำลังของมังกรมารเกินกว่าที่เขาจะสามารถเข้าใจได้ มันกำลังเผยให้เห็นช้าๆ

กู่ฉิงซานตั้งท่าอย่างไม่ลังเล

เพื่อเปลี่ยนพลังของมังกรมารและพัฒนาสมรรถภาพทางร่างกาย ขั้นแรกของระบำสังเวยชีพจึงเริ่มขึ้นในตอนนี้!

กระทืบเท้า!

เตรียมตัว!

ขยับคอและบิดเอว!

หนึ่ง สอง สาม สี่

สอง สอง สาม สี่

การร่ายรำนี้ของกู่ฉิงซานเคลื่อนไหวทุกท่วงท่าได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยที่ไม่ต้องคิดอะไร

เขาร่ายรำอย่างพิถีพิถันและจริงจัง ผ่านไปสักพักเหงื่อก็หลั่งไหลออกมา

ขณะร่ายรำ แถวข้อความแจ้งเตือนสองแถวผุดขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงครามเป็นครั้งคราว

“การต้านทานความเยือกแข็งของท่านเพิ่มขึ้น”

“ร่องรอยพลังมังกรมารอีกแห่งถูกเปลี่ยนเพราะการร่ายรำ ร่างกายของท่านแข็งแกร่งขึ้น”

“ความสามารถในการตอบสนองของท่านพัฒนาขึ้นเป็นระยะ”

“การทำงานของไตท่านแข็งแรงขึ้น”

กู่ฉิงซานร่ายรำอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย

ในเวลาเดียวกัน

อีกด้านหนึ่ง

หลินเดินเข้าไปในห้องพัก

ครั้งที่แล้ว นางถูกสังหารเป็นชิ้นๆ ทันที

ด้วยพลังอันน่าสะพรึงของสิ่งนั้น

หลินส่ายหน้าไม่คิดถึงความเจ็บปวดจากการถูกสับเป็นชิ้นๆ อีก

ส่วนการร่ายรำนั่น นางพอจับเค้าลางได้แล้ว

แต่สิ่งที่แปลกคือสิ่งนั้นกลับให้อภัยคนที่ร่ายรำ

ไม่ใช่

หลินพลันมองรอบข้างด้วยความตื่นตัว

แปลกชะมัด ลอร่าไปไหนล่ะ

หลินเดินไปมาทั่วห้องพัก แต่ก็ไม่พบลอร่า

นางนิ่ง ทันใดนั้นก็นึกถึงคำพูดส่วนหนึ่งที่ลอร่าเคยบอกกับตัวเองระหว่างสนทนาสั้นๆ

“ห้องพักของยานลำนี้ ด้านหน้าตรงไปสู่ชั้นดาดฟ้า ด้านหลังนำไปสู่ท้ายยาน ท้ายยานคือที่ที่ข้าเก็บของว่างเอาไว้ พี่สาวสามารถไปเอามากินได้ตอนที่ว่างนะ ของว่างที่ข้าเก็บเอาไว้อร่อยทั้งนั้นเลย!”

นี่คือคำพูดในตอนนั้นของลอร่า

แย่แล้ว!

กู่ฉิงซานกำลังร่ายรำอยู่ท้ายยาน!

หัวใจของหลินตกไปอยู่ตาตุ่ม

นางสวมแหวนหุบเหวและครอบครองพลังนิรันดร์ที่สามารถฟื้นคืนชีพหลังจากถูกสับมาได้

แต่ลอร่าไม่ใช่

หลินไม่มีเวลาให้คิดก่อนรีบตรงไปส่วนลึกของห้องพัก

หลังจากนั้นก็เจอประตูด้านหลังของห้องพักที่แง้มอยู่

หลินกัดฟัน เปิดประตูก่อนพุ่งเข้าไป

ทันใดนั้น นางเห็นกู่ฉิงซานกำลังร่ายรำอย่างน่าอนาถ

ส่วนลอร่านั่งอยู่ข้างเก้าอี้ขณะปรบมือตามจังหวะ

“ฮ่าๆ พี่ชาย พี่เต้นเก่งจังเลย!”

“ทำแบบเมื่อกี้นี้อีก!”

กู่ฉิงซานทำตามจังหวะก่อนเริ่มลงมืออีกครั้ง

ลอร่าพูดขึ้นทันที

“ว้าว สุดยอด! พี่ชายสุดยอดไปเลย!”

ด้วยเสียงเชียร์ของนาง แสงเลือนรางสาดส่องนางจากความว่างเปล่า

“หืม นี่อะไรน่ะ”

ลอร่าถามอย่างสงสัย

นางสะบัดมือไปที่ความว่างเปล่านอกยานอย่างไม่ใส่ใจ

ประกายไฟออกมาจากมือของนางก่อนลอยไปในความว่างเปล่า กระแทกเข้ากับซากปรักหักพังของยานอวกาศที่กำลังลอยอย่างช้าๆ

เพียงพริบตา ซากปรักหักพังของยานอวกาศก็หายไปจากกระแสวังวนความว่างเปล่าจนสิ้น

“ว้าว ช่างเป็นวิชาที่ยอดเยี่ยมจริงๆ นี่ให้ข้าหรือ ขอบคุณมากเลยนะ”

ลอร่าขอบคุณให้กับความว่างเปล่า

หลินจ้องฉากนี้ด้วยความเหม่อลอย

ความแตกต่างระหว่างผู้คนช่างใหญ่หลวงนัก ใหญ่จนน่าเศร้านิดหน่อยเลยล่ะ

หลินไม่พูดอะไรก่อนหันหลังแล้วเดินกลับห้องพัก จากนั้นปิดประตูดังปัง

ผ่านไปสักพัก

ในที่สุดกู่ฉิงซานก็ร่ายรำเสร็จ

เมื่อเขากำลังจะพักสักครู่ แสงอ่อนๆ พลันพุ่งออกจากคิ้วก่อนกลายเป็นชายชราหัวล้าน

เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคโบราณ!

ในที่สุดเขาก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง!

“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เจ้าหนู” ชายชราหัวล้านกล่าว

กู่ฉิงซานมองอีกฝ่ายแล้วกล่าวทักทาย “ทำไมจู่ๆ ถึงปรากฏตัวล่ะ”

“ไม่ใช่เพราะเจ้าหรอก การร่ายรำแรกของเจ้านับว่าดีทีเดียว พลังผิวเผินของมังกรมารถูกดูดกลืนจนเกือบหมดแล้ว”

“หลังจากนั้นล่ะ”

“ทีนี้ข้าก็ต้องบอกเจ้าว่าถึงเวลาเริ่มการร่ายรำที่สองแล้ว

“ได้ เริ่มตอนนี้เลยหรือเปล่า” กู่ฉิงซานถาม

ใบหน้าของชายชราหัวล้านจริงจังมาก “ไม่ใช่ตอนนี้ ในระหว่างนี้ เจ้าต้องกินให้มาก เตรียมสมรรถภาพร่างกายให้พร้อม จากนั้นรอโอกาสเหมาะๆ ก่อนจึงสามารถเรียนรู้การร่ายรำที่สองได้”

กู่ฉิงซานอดที่จะถามไม่ได้ว่า “ข้ายังต้องรอโอกาสอีกหรือ การร่ายรำที่สองมันยากขนาดนั้นเลยหรือ”

“ถูกต้อง เพราะมันคือการร่ายรำหมู่อย่างไรล่ะ”

…………………………….