ตอนที่ 950 ปฏิบัติการและการรอคอย
ในโลกใบนี้ มีกองกำลังขนาดใหญ่มากมาย
ยกตัวอย่างเช่น จักรวรรดิสหัสวรรษ สมาพันธ์อัศวิน สมาคมนักล่าและอื่นๆ ทั้งหมดนี้ล้วนมีมรดกอันยาวนานและพละกำลังอันแก่กล้า
เรื่องระหว่างทุ่งหญ้าและเมืองศักดิ์สิทธิ์ดึงดูดความสนใจของทุกกองกำลังมาตั้งแต่แรก
มันคือปาฏิหาริย์ที่ทวยเทพฟื้นคืนชีพจักรพรรดิสัตว์อสูรให้
แต่จักรพรรดิสัตว์อสูรและหัวหน้าเผ่าทรยศทวยเทพมนุษย์ในพริบตา
ทุกคนรอดูว่าทวยเทพจะทำยังไงต่อ
เพราะมีข้อมูลที่เชื่อถือแสดงให้เห็นว่าทวยเทพเกิดมาในฐานะมนุษย์เพศชาย อายุเพียงสี่ขวบและพลังมีขีดจำกัดมาก
แต่ผลที่ได้กลับมีการลงทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้ทุกคนสั่นสะท้าน
ที่สุดขอบทุ่งหญ้า
พระคาร์ดินัลสองคนจากคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์กำลังนำนักบวชจำนวนมากบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับการลงทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์นี้
พวกเขาก้มศีรษะต่ำ สีหน้าถ่อมตัวและเงียบสงบ การเคลื่อนไหวคล่องแคล่ว พวกเขาชี้ทางให้เมื่อพบคนนอกคริสตจักรพร้อมกับบอกว่าทวยเทพจะประทานพรให้
ถึงแม้ท่าทีของคนในคริสตจักรจะเปลี่ยนไปจนดูจริงจังมากขึ้น แต่เมื่อเทียบกับท่าทีมอันมืดบอดและเย่อหยิ่งก่อนหน้านี้ ท่าทีในปัจจุบันกลับดูมีการใช้ความคิดมากกว่า
กองกำลังจำนวนมากตั้งอยู่นอกทุ่งหญ้า มองดูนักบวชเหล่านี้บันทึกการลงทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์อย่างเงียบงัน
จอมเวทผมเทาถอนหายใจขณะถือไม้เท้า
“นายท่าน ทำไมถึงถอนหายใจล่ะ?”
ข้างเขา อัศวินสวมเกราะดาบใหญ่ถาม
“มันห้ามไม่ได้น่ะ” จอมเวทผมเทากล่าว
อัศวินหยอกล้อว่า “ท่านต้องควบคุมอารมณ์ตัวเองบ้าง ยังไงเสียทุกการกระทำของท่านจะถูกทุกคนตีความว่าเป็นท่าทีของสมาคมจอมเวททั้งหมด”
จอมเวทผมเทาเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา “ข้าไม่ได้มีหมวกใบใหญ่เท่ากับเจ้าที่สามารถปกปิดใบหน้าได้อย่างสมบูรณ์แบบนี้”
ตอนนี้เสียงหนึ่งดังขึ้น
“พวกเจ้ากำลังพูดเรื่องอะไรน่ะ”
ร่างปราดเปรียวสวมเกราะหนังถือคันธนูยาวพลันปรากฏขึ้นข้างพวกเขา
หัวหน้าสมาคมนักล่ามาถึงแล้วเช่นกัน
จอมเวทผมเทาตอบว่า “พวกเรากำลังคุยกันว่าจะควบคุมสีหน้ายังไงเวลาอยู่ต่อหน้าการลงทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์น่ะ”
“อ๋อ เรื่องนั้นเอง มันยากจริงๆ นั่นแหละ” หัวหน้าสมาคมนักล่าเห็นด้วย
ขณะมองไปทางทุ่งหญ้า พวกเขาสามคนเงียบพร้อมกัน
พื้นดินแข็งขยายมาถึงแค่เท้าพวกเขาเท่านั้น ความกว้างใหญ่และความว่างเปล่าที่ไม่มีสิ้นสุดปรากฏต่อหน้าพวกเขา
ทุกคนกำลังยืนอยู่บนพื้นเรียบ ไม่ต่างจากกำลังยืนอยู่บนหน้าผา
เบื้องหน้าพวกเขา ทุ่งหญ้าไม่มีสิ้นสุดถูกระเบิดด้วยการลงทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์จนไม่เหลือซาก
ทุ่งหญ้าทั้งหมดกลายเป็นหลุมยุบ
หลุมยุบนี้กว้างใหญ่จนยอดฝีมือที่มายืนอยู่ตรงหน้าหลุมยุบอดที่จะรู้สึกถึงความคลุมเครือและความเล็กจ้อยอยู่ในใจไม่ได้
หลุมยุบนี้ลึกจนมองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า หากอยากไปถึงก้นจริงๆ ก็ต้องใช้เวลาทั้งวัน
พวกเขาสามคนเงียบ ชายวัยกลางคนบนหลังม้ามาถึงตรงหน้าพวกเขาช้าๆ
เขาไม่ลงจากม้า เพียงแค่ทักทายทั้งสามคนเล็กน้อยเท่านั้น
ทั้งสามคนพยักหน้ากลับ
“พวกเจ้าคิดว่าไง” ชายวัยกลางคนถาม
อัศวินและนักล่ามองจอมเวทผมเทาพร้อมกัน
จอมเวทไม่เชื่อเรื่องการสร้างโลกจากทวยเทพ จอมเวทชอบสำรวจกฎเกณฑ์ทุกสรรพสิ่งเพื่อให้เข้าใจความจริงทั้งหมด
จอมเวทผมเทามองหลุมยุบด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า “ต่อหน้าพลังของทวยเทพ เวทมนตร์ช่างดูอ่อนแอเหลือเกิน ข้าต้องคิดใหม่แล้วล่ะ”
ชายวัยกลางคนมองอัศวินและนักล่า
“หากเผ่าพันธุ์มนุษย์สามารถเติบโตนับจากนี้ได้และสิ่งชั่วร้ายทั้งหมดร่นถอยไป ข้าย่อมเชื่อในทวยเทพเช่นกัน” อัศวินตอบ
นักล่าตอบว่า “พวกข้าเดินอยู่สุดขอบแห่งความเป็นความตายมาบ่อยครั้ง หากมีสถานที่ปลอดภัยให้ไปหลังจากตายไปแล้ว แบบนั้นก็คงดีไม่ใช่น้อย”
ชายวัยกลางคนพยักหน้าด้วยความเข้าใจ “แล้วเจ้าล่ะ” นักล่าถามคนที่อยู่ด้านหลัง
ชายวัยกลางคนทักทายทั้งสามคนก่อนตอบว่า “วันมะรืนนี้ข้าจะไปขอให้สมเด็จพระสันตปาปาตั้งคริสตจักรแห่งแรกในเมืองหลวงของจักรวรรดิข้า หากพวกเจ้าเต็มใจมาเข้าร่วมพิธี โปรดมาหาข้าได้ทุกเมื่อ”
เขาควบคุมม้าก่อนหายไปจากหน้าทั้งสามคน
ความเร็วของม้ายิ่งไว มันไปไกลขึ้นเรื่อยๆ
นักล่าและอัศวินมองหน้ากันก่อนตามอีกฝ่ายไป
มีเพียงจอมเวทผมเทาที่ยังยืนอยู่ตรงนั้นขณะมองหลุมที่มองไม่เห็นก้นด้วยความประหลาดใจ
อีกด้านของเมืองศักดิ์สิทธิ์คริสตจักรศักดิ์สิทธิ์
ในสวน
กู่ฉิงซานอายุสี่ขวบกำลังสนทนากับผู้เป็นแม่
“เพราะข้าเป็นห่วงว่าท่านแม่อาจจะไม่คุ้นกับการใช้ชีวิต ข้าเลยนำข้ารับใช้ทั้งหมดในบ้านมาด้วย ที่นี่คล้ายกับบ้านหลายส่วน แต่มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย”
“แม่เข้าใจ”
“หากคิดถึงญาติกับสหายที่บ้านเกิด ข้าสามารถให้พวกเขามาเยี่ยมท่านแม่ได้ทุกเมื่อ ถ้าท่านแม่อยากกลับไปดู ท่านแม่สามารถไปได้ทุกเมื่อ เพียงแค่บอกกับข้ารับใช้ทวยเทพเท่านั้น”
“อื้ม ลูกรัก ลูกคิดถี่ถ้วนนัก แต่แม่มีคำถามที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องถามให้ได้อยู่…”
“ท่านแม่ถามมาได้เลย”
“เอลเลน ลูกเป็นทวยเทพจริงๆ หรือ?” ผู้เป็นแม่ถามอย่างขลาดกลัว
กู่ฉิงซานกุมมือผู้เป็นแม่เอาไว้แล้วยิ้มออกมา “ในด้านความสามารถ ข้าอาจจะเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดจนถูกเรียกว่าทวยเทพที่แท้จริง แต่ข้าไม่สนใจความสามารถพวกนั้นหรอก ข้ายังเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง”
“จริงหรือ? แต่ลูกก็ยังเป็นลูกของแม่เสมอใช่หรือไม่”
“ใช่แล้ว อย่าได้กังวลเลย ร่างของท่านพ่อถูกพบแล้วและจะถูกส่งกลับเมืองศักดิ์สิทธิ์ในอนาคตอันใกล้นี้”
“ลูกหมายความว่า…”
“ข้าจะชุบชีวิตท่านพ่อ”
…
กู่ฉิงซานอุทิศตัวเองกับการฝึกฝนในเมืองศักดิ์สิทธิ์จนไม่ยอมออกไปไหน
เพียงพริบตา สิบปีได้ผ่านไป
หากไม่นับสมาคมจอมเวท กองกำลังส่วนใหญ่ในโลกก็เป็นของคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์แล้ว
ตอนแรกบางคนกังวลว่าหลังจากคริสตจักรกลายเป็นกลุ่มที่มีอำนาจแล้ว พวกเขาจะกวาดล้างกองกำลังทั้งหมด บุกตามประเทศต่างๆ เพื่อแสวงหาความมั่งคั่ง
แต่เรื่องพวกนี้กลับไม่เกิดขึ้น
นอกจากการเทศนาแล้ว คริสตจักรไม่ก้าวก่ายการทำงานของกองกำลังใดๆ เลย
แม้กระทั่งสมาคมจอมเวทก็ไม่ถูกคริสตจักรปราบปราม
เกี่ยวกับเรื่องนี้ มีเพียงทวยเทพเท่านั้นที่พูดได้
ประโยคนี้ถือเป็นเสียงชี้นำของทั้งโลก
“ทุกสิ่งบนปฐพีไม่คู่ควรเพราะทุกชีวิตได้ตายไปนานแล้ว หลังจากความตายคือความนิรันดร์ เจ้าก็ต้องเชื่อในทวยเทพ ทำบุญให้มาก สั่งสมความดีเข้าไว้ นี่เป็นสิ่งเดียวในช่วงชีวิตอันสั้นที่สามารถตัดสินความเป็นอยู่หลังจากตายไปแล้วได้”
สงครามและอาชญากรรมในโลกยิ่งมายิ่งน้อยลง
ใช่แล้วชีวิตช่างแสนสั้น ทำไมถึงต้องทำชั่วเพื่อบางสิ่งที่เป็นเพียงภาพมายาด้วย
ความรุ่งโรจน์กำลังมา
ต่อมาด้วยการสนับสนุนของทวยเทพ คริสตจักรจึงได้ทำสิ่งหนึ่ง
นั่นคือการจัดตั้งหน่วยรวบรวมข้อมูลทั่วโลก
หลังจากพัฒนามาสิบปี ประกอบกับความเชื่อของผู้คนที่มีต่อทวยเทพและคริสตจักร หน่วยรวบรวมข้อมูลนี้สามารถเข้าใจเหตุการณ์ผิดปกติทั่วทั้งโลกได้
เกี่ยวกับการจัดการของกองกำลังนักบวช กู่ฉิงซานเพียงจัดการได้ในระดับนี้เท่านั้น ไม่สามารถทำได้มากกว่านี้
ระหว่างพักผ่อน ขณะทำการฝึกฝน เขาติดตามพัฒนาของโลกอย่างเงียบงัน
เจตจำนงของโลกให้เวลาเขาหนึ่งร้อยปี
นี่แสดงให้เห็นว่าการพังทลายและการทำลายล้างโลกคือกระบวนการระยะยาว
สิ่งเดียวที่กู่ฉิงซานทำตอนนี้คือรอการเริ่มต้นของหายนะอย่างเงียบงัน
ด้วยเหตุนี้ อีกสิบเอ็ดปีได้ผ่านไป
ในที่สุดวันนั้นก็มาถึง
เมื่อมันปรากฏขึ้นครั้งแรก มันทำให้พวกคนที่อาศัยอยู่ทางฝั่งใต้เกิดความไม่สบายใจ
หน่วยรวบรวมข้อมูลทั่วโลกได้ดำเนินการอย่างเคร่งครัดตามความต้องการของทวยเทพ ไม่ช้าก็มีรายงานไปถึงเมืองศักดิ์สิทธิ์
ในตอนนั้นกู่ฉิงซานเพิ่งออกมาจากห้องลับ
เขาเหงื่อออกเยอะมากขณะรับผ้าขนหนูจากฉานนู่มาเช็ดเหงื่อ
“ทุกสิ่งราบรื่นหรือเปล่า” ฉานนู่ถามด้วยความกังวล
“อืม การร่ายรำขั้นแรกยิ่งมายิ่งราบรื่น ข้าคาดว่าอีกไม่ช้าก็สามารถเรียนรู้ระบำสังเวยชีพขั้นที่สองได้” กู่ฉิงซานตอบ
ฉานนู่กล่าวติดตลกว่า “โชคยังดีที่นายท่านสร้างห้องลับนี้ขึ้นมา ไม่อย่างนั้นหากคนอื่นมาเห็นทวยเทพร่ายรำแบบนี้เข้า ข้าเกรงว่าความศรัทธาคงหายไปจนหมดสิ้น”
“อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย จริงสิ ลั่วปิงหลีอยู่ไหนล่ะ?”
“ไปซื้อของน่ะ นายท่าน นางกับข้าชอบโลกนี้เอามากๆ”
กู่ฉิงซานยิ้มแล้วไม่กล่าวอะไร
ใช่แล้ว
เหรียญทองมีไม่จำกัด
อำนาจเหลือล้น
ไม่ว่าใครก็ชอบ
ที่สำคัญนี่คือโลกเวทมนตร์ บางสิ่งทำให้เขาเปิดหูเปิดตามาก
ทว่าฉานนู่และลั่วปิงหลีพยายามอย่างหนักมานานมากแล้ว พวกนางจึงอาศัยประโยชน์จากภาพมายานี้เพื่อผ่อนคลาย ความจริง มันคือสิ่งที่กู่ฉิงซานต้องการให้เป็นอยู่แล้ว
ดาบคลื่นเสียงไปเล่นอยู่ตรงทะเลสาบใหญ่นอกเมืองศักดิ์สิทธิ์
ส่วนดาบพิภพมันได้รับบาดเจ็บตอนหลอมเสร็จ จึงไม่สามารถแปลงร่างได้
มันติดตามกู่ฉิงซานไม่จากไปไหน
ตอนนี้พระคาร์ดินัลคำนับ คุกเข่าลงข้างหนึ่งก่อนยื่นจดหมายที่มีตราเปลวเพลิงให้กู่ฉิงซาน
“นายท่าน นี่คือสิ่งแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นทางใต้สุดของโลกในวันนี้”
“ดีมาก”
จดหมายลอยมาอยู่ในมือกู่ฉิงซาน
พระคาร์ดินัลแสดงความเคารพ ไม่กล้าเงยหน้ามองฉานนู่ก่อนเดินออกไปเงียบๆ
กู่ฉิงซานเปิดจดหมายก่อนอ่านอย่างละเอียด
คิ้วของเขาขมวด
“นายท่าน เป็นอะไรหรือ” ฉานนู่ถาม
“ไม่สงสัยเลยว่าเรื่องนี้มันแปลกประหลาดมาก มันทำให้ข้ารู้สึกถึงความมืดอันคุ้นเคย”
กู่ฉิงซานกล่าวขณะส่งจดหมายให้ฉานนู่
ฉานนู่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองภูเขาอันไกลลิบทางตอนใต้สุดของโลก
พิธีสังเวยแปลกประหลาดเกิดขึ้นในเมือง
คนในเมืองตายกันหมด เลือดเนื้อไม่มีเหลือ ทั้งเมืองเต็มไปด้วยกระดูก
ตามคำบอกเล่าของพ่อค้าหลายคนที่เพิ่งออกจากเมือง แสงสีดำได้ปกคลุมเมืองเอาไว้ จากนั้นพวกเขาได้ยินเสียงกรีดร้องแห่งความสิ้นหวังนับไม่ถ้วน
กระบวนการทั้งหมดเกิดขึ้นปุบปับมาก เพียงไม่กี่อึดใจ ทุกคนก็ตายหมด
มีเด็กเลี้ยงแกะเพียงคนเดียวที่หนีออกมาได้
เมื่อไปตามตัวก็พบว่าเขานอนอยู่ในพุ่มไม้บนภูเขา
“สังเวยหรือ?”
ฉานนู่ประหลาดใจ
เพราะกู่ฉิงซานมาที่โลกใบนี้ในฐานะทวยเทพ เขาได้สั่งห้ามการบูชาทวยเทพโบราณด้วยการสังเวยคนเป็นมานานแล้ว
พวกออร์คที่ชอบใช้วิธีนี้สูญพันธุ์ไปนานแล้ว
ในโลกที่มีทวยเทพ การทำสิ่งที่ทวยเทพห้ามโดยเด็ดขาดนั้นนับว่าไม่ธรรมดา
ถ้างั้นใครกันที่ทำแบบนี้
กู่ฉิงซานส่ายหน้าแล้วเริ่มถ่ายทอดคำสั่ง
เขากล่าวกับความว่างเปล่าว่า “จักรวรรดิทางใต้ต้องเริ่มค้นหาเบาะแสที่ข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ทันที”
“อัศวินทั้งหมดลงมือ ไปทางใต้ ไปสถานที่ที่เกิดเรื่องนี้”
“อาร์คบิชอปรับผิดชอบการควบคุมเหตุการณ์นอกสำนักวาติกัน พระคาร์ดินัลทั้งหมดไปกับสมเด็จพระสันตะปาปาเพื่อตรวจสอบสถานการณ์”
จากนั้น ทั่วเมืองศักดิ์สิทธิ์เริ่มเคลื่อนไหว!
ฉานนู่อดที่จะกล่าวไม่ได้ว่า “นายท่าน ท่านคล้ายกับจะจริงจังกับเรื่องนี้มาก”
กู่ฉิงซานพยักหน้าก่อนยอมรับ “โชคยังดีที่โลกนี้อยู่ในมือข้านานแล้ว ไม่มีความผิดปกติใดสามารถเล็ดลอดการเตรียมการของข้าไปได้ กองกำลังจำนวนมากก็อยู่ในมือข้าแล้วเช่นกัน ดังนั้นข้าสามารถจัดการเรื่องนี้ได้โดยไว”
เขาดูจริงจัง
“นายท่านหมายความว่า…”
เสียงของกู่ฉิงซานค่อยๆ เบาลง “ใช่ ข้ามีลางสังหรณ์ว่าการทำลายของโลกใบนี้กำลังจะเริ่มแล้ว”
........................................