webnovel

0943 แหวนอำพัน

ตอนที่ 943 แหวนอำพัน

โลกเก้าร้อยล้านชั้น

พื้นที่จ้าวโลกที่ตกอยู่ในความโกลาหลและสงคราม

โลกเกาะหมอกทะเลแห่งความตาย

บนท้องนภา ร่างของสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่สีดำเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างเงียบงัน

สัตว์ประหลาดหุบเหว

มันกำลังผ่านโลกในระยะทางที่ต่ำมาก

สัตว์อสูรยักษ์ไม่สนใจโลกใบนี้ที่ไม่อาจเทียบได้หนึ่งในสิบส่วนของร่างมัน

แต่อารยธรรมที่อาศัยอยู่ในนั้นกลับไม่คิดเช่นนั้น

ไม่เหมือนกับอารยธรรมโครงกระดูกที่กู่ฉิงซานเคยเผชิญ ครั้งนี้ สิ่งที่รุกรานคือสัตว์ประหลาดมนุษย์ผิวเกล็ดที่ปล่อยแสงสีดำออกมา

เมื่อพวกมันเคลื่อนไหว แสงสีดำบนร่างจะปกคลุมพวกมันขณะบินอยู่บนท้องนภาราวกับเครื่องร่อน

เงาสีดำนับไม่ถ้วนเคลื่อนลงมาจากท้องนภาเพื่อรุกรานเกาะหมอกทะเลแห่งความตายก่อนกระโจนใส่สิ่งมีชีวิตที่มีเลือดเนื้อทั้งหลาย

ดินแดน น้ำทะเล อากาศบริสุทธิ์ อาหาร ทุกสิ่งคือเป้าหมายของพวกมัน

สงครามเข้าสู่ช่วงน่าเศร้าที่สุดตั้งแต่เริ่ม

อัศวินและจอมเวทของวิหารแห่งชะตากรรมพยายามสุดความสามารถเพื่อขัดขืนศัตรูที่ไม่รู้จักเหล่านี้

ครืน

ท่ามกลางอสนีบาต สายฝนเทกระหน่ำลงมา

เสียงระเบิดและเสียงกรีดร้องจากคาถาไม่หยุดหย่อนตั้งแต่ต้นจนจบ

โลหิตไหลเป็นทาง

ทว่าไม่มีการถอย ในสงครามนี้ ทุกการร้องขอความเมตตาจะหมายถึงการกวาดล้างทันที

อารยธรรมของหุบเหวไม่ยอมรับการจำนน

ในสายตาพวกมัน ศัตรูที่ดื้อรั้นเหล่านี้ถึงกับเป็นของอร่อยหลังจากตายไปแล้ว

พลังที่อยู่ในยอดฝีมือสามารถดูดกลืนได้อย่างสมบูรณ์

ขณะสงครามเข้าสู่ช่วงวิกฤติที่สุด ม้าสวมเกราะเหล็กปรากฏขึ้นบนสมรภูมิ

ผู้หญิงในชุดคลุมสีขาวราวหิมะที่ถือไม้เท้ายาวปรากฏขึ้นที่แนวหน้า

“รักษาการจ้าววิหารมาถึงแล้ว!”

อัศวินรอบนางตะโกน

ในเสียงเชียร์ที่สั่นสะเทือน ซูเสวี่ยเอ้อร์ชูไม้เท้าในมือขึ้น

“ทะเลโลหิต!”

“ข้าขอถวายหัวใจที่เปี่ยมด้วยศรัทธาเพื่อเรียกหาพละกำลังของท่านด้วยความเคารพอันสูงส่ง!”

มีแสงระยิบระยับจากไม้เท้า

การ์ดสิบสองใบที่มีเงาสีโลหิตปรากฏขึ้นขณะหมุนเป็นวงกลมไม่มีสิ้นสุด

ซูเสวี่ยเอ้อร์หยิบการ์ดสิบสองใบในมือ ปล่อยไม้เท้า ประกบการ์ดด้วยมือที่เร็วราวกับเงา

“จงมา มาอยู่ข้างกายเพื่อสู้ไปพร้อมกับข้า”

“ข้าสัญญาว่าวิญญาณผู้หาญกล้าทั้งหลายที่เสียชีวิตในการต่อสู้จะตกลงสู่ทะเลโลหิต”

“ศัตรูทั้งหลายจะกลายเป็นอาหารของทะเลโลหิต”

ขณะพูด การ์ดสิบสองใบรวมเข้าด้วยกันเป็นภาพ แต่มันเป็นตำแหน่งที่ด้านหลังหันไปข้างหน้า เป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นว่าใช้อะไรมาประกบกัน

ซูเสวี่ยเอ้อร์ยื่นมือออกไปกดลงบนฉากนี้ เสียงแจ่มชัดดังก้องทั่วสมรภูมิ

“ทะเลโลหิตอันเชี่ยวกรากเอ๋ย ท่านรู้ดีถึงชะตากรรมของพวกเรา ตอนนี้ ข้าขอเรียกกองทัพและผู้นำของท่านมา”

ด้วยเสียงของนาง การ์ดสิบสองใบพลิกกลับ ก่อเกิดทะเลสีโลหิตงดงาม

ในวินาทีต่อมา การ์ดสิบสองใบหายไป ทะเลโลหิตปรากฏขึ้นในโลกใบนี้ มันอยู่ใต้เท้าของทุกคน

ซูเสวี่ยเอ้อร์เรียกให้โลกมาจุติที่โลกปัจจุบัน!

นักรบเกราะโลหิตจำนวนไม่มีสิ้นสุดค่อยๆ ออกมาจากทะเลโลหิต

พวกมันรวมตัวกันเป็นแถว แต่ละตัวถืออาวุธเหมาะมือ ภายใต้การนำของเทพกองทัพเรือโลหิต พวกมันเดินออกจากโลกการ์ด

กองทัพทะเลโลหิตปรากฏขึ้นบนเกาะหมอกทะเลแห่งความตาย

“ทรงพระเจริญ!”

“ทรงพระเจริญ!”

“ทรงพระเจริญ รักษาการจ้าววิหาร!”

ทหารจากวิหารแห่งชะตากรรมส่งเสียงเชียร์

แต่นี่ยังไม่จบ

ซูเสวี่ยเอ้อร์วางมือบนโลกทะเลโลหิตก่อนตะโกนเสียงต่ำว่า “ยักษ์โลหิต แอสทารอธ!”

ตูม!

ยักษ์ยืนขึ้นจากน้ำโลหิตอย่างช้าๆ

“ข้าจะฆ่าเหาในหุบเหวให้หมดสิ้น!”

ยักษ์โลหิตคำราม

เขาสาวเท้าเข้าสู่สมรภูมิ

ซูเสวี่ยเอ้อร์ถ่ายพลังวิญญาณต่อแล้วตะโกนว่า “ท่านอีกาโลหิต ข้าขอพลังจากท่าน!”

ในทะเลโลหิต นักฆ่าสวมหน้ากากค่อยๆ ปรากฏตัว

ขณะถือกริชโบราณที่ถูกย้อมด้วยโลหิตด้วยมือทั้งสองข้าง เขากล่าวเสียงต่ำว่า “ถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้ว”

ทันทีที่สิ้นเสียง เขาหายไปจากที่ที่เคยอยู่ ไม่ทราบว่าไปอยู่ตรงไหนแล้ว

บนสมรภูมิ มีเสียงกรีดร้องจำนวนมากดังขึ้น

อารยธรรมจากสัตว์ประหลาดหุบเหวกำลังถูกสังหารอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

สถานการณ์ค่อยๆ พลิกกลับ

หลังจากปล่อยการ์ดเวทมนตร์จำนวนมากออกมาติดต่อกัน ซูเสวี่ยเอ้อร์ก็เหนื่อยล้าเล็กน้อยเช่นกัน

นางนั่งอยู่บนหลังม้าขณะหอบหายใจก่อนพักผ่อนอย่างช้าๆ

ตอนนี้ ผู้ส่งสารไล่หลังมาก่อนคุกเข่าลงต่อหน้าซูเสวี่ยเอ้อร์แล้วกล่าวเสียงดังว่า “รายงาน!”

“มีเรื่องอะไรหรือ รีบว่ามา” ซูเสวี่ยเอ้อร์กล่าว

“นักบุญแอนนาจากวิหารแห่งความตายกำลังนำอัศวินความตายมาเป็นกำลังเสริม”

“นางอยู่ไหน?”

“กำลังจะเข้าสู่โลกของพวกเรา”

“หึ เจ็ดวิหารใหญ่ล้วนประกาศว่าจะบุกและถอยพร้อมกัน แต่มีเพียงวิหารแห่งความตายที่มาสนับสนุนพวกเรา”

ซูเสวี่ยเอ้อร์กล่าว คิ้วยืดออก

ทันใดนั้น นางพบแถวตัวอักษรโลหิตขนาดเล็กปรากฏขึ้นในความว่างเปล่าตรงหน้านาง

ระบบที่นานทีจะเคลื่อนไหวกลับเริ่มรีหน้าจออย่างบ้าคลั่งในตอนนี้

ซูเสวี่ยเอ้อร์อดที่จะประหลาดใจเล็กน้อยไม่ได้ขณะมองแถวแล้วแถวเล่า

“สถานการณ์ฉุกเฉิน!”

“สถานการณ์ฉุกเฉิน!”

“ผู้โหลดบัญญัติคนสุดท้ายตายแล้ว”

“สัตว์ประหลาดจากหุบเหวนิรันดร์ ผู้ส่งสารแห่งความโกลาหล ร่างแยกของวิญญาณกรีดร้องกำลังจะมาพื้นที่จ้าวโลกเพื่อตามร่องรอยท่าน”

“มันจะฆ่าท่าน!”

“ซูเสวี่ยเอ้อร์ ท่านต้องหนีเดี๋ยวนี้!”

หัวใจของซูเสวี่ยเอ้อร์แทบกระโจนออกมาเมื่อมองดูข้อความแจ้งเตือนเหล่านี้

วิญญาณกรีดร้องเป็นตัวตนแบบไหน ในฐานะผู้นำวิหาร นางรู้อยู่เต็มอกดี

“ทำไมมันถึงมาตามหาข้าล่ะ” ซูเสวี่ยเอ้อร์อดที่จะถามไม่ได้

“เพราะความเป็นความตายของหลายร้อยล้านโลกผูกมัดกับท่านและอีกคนเอาไว้ หากท่านตกอยู่ในมือของวิญญาณกรีดร้อง โลกทั้งหมดจะพินาศ”

ตัวอักษรโลหิตขนาดเล็กยังคงแจ้งเตือนว่า

“ซูเสวี่ยเอ้อร์ ท่านต้องตามหาสถานที่ซ่อนตัวจนกว่าอีกคนจะหาท่านเจอด้วยการชี้นำของข้าในท้ายที่สุด”

“หาข้าหรือ? แล้วยังไงล่ะ?”

“ข้าตื่นขึ้นมาแล้วจริงๆ ข้าจะพาท่านไปหาชายที่กลับมาจากยุคโบราณ นั่นคือชายคนเดียวในโลกเก้าร้อยล้านชั้นที่มีคุณสมบัติถูกเรียกว่าราชามาร”

“มีเพียงเขาเท่านั้นที่เป็นความหวังสุดท้ายในการต่อสู้กับความโกลาหล”

ซูเสวี่ยเอ้อร์ขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ยุ่งยากจัง ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพูดเรื่องอะไร ต่อให้ทุกสิ่งที่เจ้าพูดมาจะเป็นความจริง แต่ข้าจะไม่หนี”

นางพลันปิดปากแน่น

เพราะตัวอักษรโลหิตขนาดเล็กขึ้นบรรทัดสุดท้ายให้เห็น

“ชื่อของชายคนนั้นคือกู่ฉิงซาน”

อีกด้าน

เส้นทางลับในพื้นที่เอกฐาน

ยานอวกาศต้นไม้หนามโบราณกำลังบินด้วยความเร็วสูง

หลายวันผ่านไป อีกวันเดียวจะถึงอาณาจักรหนาม

กู่ฉิงซานกำลังสนทนากับลอร่าและหลินอยู่บนยานอวกาศ

“ลอร่า ข้าเคยขอต้นไม้โบราณให้ส่งสารหาเจ้า เจ้าได้รับหรือเปล่า”

กู่ฉิงซานถาม

“ได้รับสิ” ลอร่ายิ้มหวาน

นางหยิบสองเหรียญออกมาก่อนวางในมือของกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานก้มมอง

สองเหรียญนี้คือ “บัญญัติราชามาร” กับ “ต้นไม้หนามโบราณ”

คาดไม่ถึง ในระยะเวลาสั้นๆ ลอร่าจะเก็บได้สองเหรียญ นี่มันช่าง

“เกินกว่าที่ข้าคิดเอาไว้มาก เจ้าหาสองเหรียญนี้เจอได้ยังไง”

กู่ฉิงซานถามด้วยความประหลาดใจ

“ข้าสัญญากับโลกสองสามใบที่เต็มไปด้วยสมบัติน่ะ จากนั้นเหรียญต้นไม้หนามโบราณก็ถูกส่งมาอยู่ในมือของข้า”

“แล้วอีกเหรียญล่ะ”

“บัญญัติราชามารมีปัญหานิดหน่อย ข้าส่งนักล่าค่าหัวจำนวนมากไปพื้นที่ควบคุม ท้ายที่สุดก็พบมันจากซากปรักหักพังแห่งหนึ่ง”

“เจ้าไม่เสียสมบัติไปมากเลยหรือ?”

“อา ไม่สำคัญหรอก ที่จริงก็เสียแค่นิดหน่อยเอง”

กู่ฉิงซานและหลินชำเลืองมองหน้ากัน พวกเขาล้วนเห็นความหมายในดวงตาของอีกฝ่าย

เกรงว่านอกจากลอร่าแล้ว แม้แต่ทวยเทพก็ไม่สามารถทำเรื่องนี้ได้โดยไว

ทันใดนั้นใบไม้สีเขียวปรากฏขึ้นจากอากาศบางก่อนตกลงในมือของลอร่า

ใบหน้าของลอร่าเปลี่ยนไปทันทีที่เห็น นางกล่าวว่า

“เพิ่งได้รับผลลัพธ์มา ในการต่อสู้ล่าสุด บัญญัติราชามารถูกกำจัดโดยวิญญาณกรีดร้อง วิญญาณกรีดร้องออกจกาพื้นที่ควบคุมและกำลังมุ่งไปยังพื้นที่จ้าวโลก”

นางวิ่งไปที่ห้องพักก่อนกล่าวว่า “พวกเราต้องออกจากมิตินี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วกลับไปพื้นที่เอกฐาน พี่หลิน พละกำลังของข้าไม่มากพอ โปรดช่วยข้าคุมหางเสือด้วย”

หลินตอบรับก่อนทำตาม

บนชั้นดาดฟ้า กู่ฉิงซานอยู่เพียงลำพัง

วิญญาณกรีดร้องกำลังคิดอะไรอยู่

นี่มันบ้าไปแล้วหรือ

แต่การกระทำของมันเหมือนจะมีจุดมุ่งหมาย

กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักพัก จากนั้นก็พลันหยิบแหวนออกมา

มาคิดเอาตอนนี้ก็มีแต่เปล่าประโยชน์ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องพัฒนาตัวเองต่อไป

เขามองแหวน

อำพันบริสุทธิ์โปร่งแสงติดตั้งอยู่บนแหวน

ไม่มีสิ่งมีชีวิตโบราณถูกผนึกไว้ในอำพันอันน่าทึ่งเม็ดนี้

แต่ถ้ามองใกล้ๆ จะพบว่ามีแสงดาวดวงเลือนรางในอำพัน

กู่ฉิงซานมองแหวนอำพันอย่างละเอียดขณะนึกถึงบทสนทนาระหว่างวิญญาณแห่งเวลาและตัวเขา

“ในตาของเจ้าเต็มไปด้วยวิชาดาบที่แท้จริงมากมาย พอข้าคิดดูแล้วก็รู้สึกว่ามีพลังบางอย่างที่เหมาะกับเจ้ามากอยู่”

“พลังที่ท่านว่าหมายถึงอะไร”

“ในโลกของผู้ฝึกยุทธ พลังนี้ถูกเรียกว่าพลังเหนือธรรมชาติ เมื่อเจ้าไปถึงระดับถัดไป แหวนนี้จะพาเจ้าไปยังซากของโลกคู่ขนานที่ยังเหลืออยู่ มันคือสถานที่ที่เจ้าจะได้รับพลังที่ว่านี้มา”

“…ขอบคุณสำหรับความเมตตาของท่าน”

กู่ฉิงซานไม่ลังเลอีกต่อไปขณะยื่นมือไปบดขยี้อำพัน

ชิ้นส่วนแสงดวงดาวปรากฏขึ้นจากอำพัน ก่อตัวเป็นรูปลักษณ์ของวิญญาณแห่งเวลาในท้องนภา

วิญญาณแห่งเวลายิ้มให้กู่ฉิงซานแล้วกล่าวว่า “พวกเราได้พบกันอีกแล้ว เจ้าหนูน้อยผู้ถูกข้าเก็บความลับเอาไว้”

“สวัสดี ท่านหญิง” กู่ฉิงซานคารวะ

“ด้วยความยินดี นี่คือการพบกันครั้งสุดท้ายของโชคชะตาที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน หลังจากนี้ โชคชะตา เวลาและมิติจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรง ไม่มีใครสามารถคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้”

“ท่านเป็นยังไงบ้าง?”

“ข้าหรือ ข้าคอยนำทุกสงคราม แต่สำหรับคนหนุ่มเช่นเจ้า ข้ายังพอมีเวลาที่จะเฝ้าดู”

วิญญาณแห่งเวลากล่าวต่อว่า “โลกของเจ้าได้รับพรของวิชาเนตรดาบ การสนับสนุนของดิน น้ำ ไฟและลม กฎเกณฑ์ของโลกภายในและพลังโกลาหล ตอนนี้เจ้ายังมีอีกสิ่งที่ขาดหายไปจึงจะเสร็จสมบูรณ์”

นางยื่นมือออกมาวาดเป็นดวงดาวก่อนแตะกลางหน้าผากของกู่ฉิงซานอย่างแผ่วเบา

“ไปเสีย กู่ฉิงซาน ไปยังสถานที่ที่ข้ากำหนดไว้เพื่อทำให้วิชาของเจ้าสมบูรณ์”

“หวังว่าในอนาคตอันใกล้ เจ้าจะสามารถสู้ร่วมกับพวกข้าได้”

“หวังว่าจะได้พบกันอีก”

หลังจากพูดจบ วิญญาณแห่งเวลาหายไปจากใบหน้าของกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานหลับตาลงขณะยืนนิ่งสักพัก

เขารู้ตำแหน่งของที่นั่นแล้ว

........................................