webnovel

0942 การพบกันครั้งสุดท้ายของความโกลาหลและบัญญัติ

ตอนที่ 942 การพบกันครั้งสุดท้ายของความโกลาหลและบัญญัติ

โลกเก้าร้อยล้านชั้น

พื้นที่ควบคุม

ในโลกที่ถูกทำลายไปแล้ว

การต่อสู้ระหว่างวิญญาณกรีดร้องและบัญญัติราชามารมาถึงช่วงเวลาสุดท้ายในที่สุด

เทพมารทรงพลังจำนวนมากถูกจัดการเป็นชิ้นๆ พวกมันเสียความสามารถที่จะสู้ต่อ ร่างขนาดใหญ่กองอยู่กับพื้น ไม่สามารถขยับได้

ซากศพของมารปกคลุมทั่วโลก

วิญญาณกรีดร้องยืนอยู่บนจุดสูงสุดของซากศพไม่มีสิ้นสุด มันคว้าศีรษะของมนุษย์เพศชายขึ้นมา ยกขึ้นสูงแล้วบังคับให้หันมามองมัน

“มองข้า ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่บนซากศพโบราณนี้”

วิญญาณกรีดร้องกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงผู้ชาย

“ถึงแม้พวกเราจะต่อสู้เพื่อสิ่งมีชีวิตและโลกจนไม่ได้สนทนากัน แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว”

“บัญญัติช่างเล็กจ้อยและเปราะบาง เจ้าทำให้ข้าเข้าสู่การต่อสู้ที่ยาวนานและขมขื่น ป้องกันไม่ให้ข้ากินวิญญาณอันแสนวิเศษในโลกนับพันล้านใบ”

เสียงผู้ชายของวิญญาณกรีดร้องพลันกลายเป็นเสียงผู้หญิงคมแหลมก่อนคำรามออกมาว่า “ตอนนี้ข้าจะทำลายทุกสิ่งเกี่ยวกับเจ้าให้สิ้น จบสงครามนี้และผนึกเจ้าให้อยู่ในสภาพที่ไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้อีก!”

มนุษย์เพศชายกระอักโลหิตออกมาก่อนกล่าวอย่างเหยียดหยันว่า “ในฐานะผู้ล่าวิญญาณ เจ้าทั้งบ้าและโง่เกินไป”

“เจ้าคิดว่าข้าบ้าหรือ?” วิญญาณกรีดร้องถามด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก

มนุษย์เพศชายตอบว่า “แน่นอนสิว่าเจ้ามันบ้า! เจ้าอย่าแม้แต่จะคิด หากทำลายชีวิตนับร้อยล้าน เท่ากับเจ้าทำลายแหล่งอาหารระยะยาวในอนาคต เจ้าไม่เข้าใจความจริงที่เรียบง่ายที่สุดได้ยังไง”

“ทำลายแหล่งอาหารงั้นหรือ? ฮ่าๆ!”

วิญญาณกรีดร้องมองท้องนภาแล้วหัวเราะราวกับเหมือนเป็นเรื่องตลก

ผ่านไปสักพัก มันยังหัวเราะอยู่ “เวลาทุกคนคิดว่าข้าบ้าหรือโง่ ข้าก็ได้เสร็จสิ้นขั้นตอนสำคัญที่สุดในแผนการแล้ว”

คำพูดเหล่านี้สร้างความประหลาดใจให้กับมนุษย์เพศชาย เขาอดที่จะเผยสีหน้าสับสนออกมาไม่ได้

วิญญาณกรีดร้องจ้องเขา เปลี่ยนเป็นเสียงผู้ชายแล้วกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าสัมผัสได้ว่าในโลกเก้าร้อยล้านชั้น ไม่มีผู้โหลดบัญญัติราชามารแล้ว ดังนั้น…”

“บัญญัติราชามาร ทุกสิ่งที่เป็นตัวแทนของเจ้าถึงจุดจบแล้ว บัญญัติทั้งหมดรวมถึงเจ้าจะหลับใหลนับจากนี้เป็นต้นไป จะไม่มีวันมาก้าวก่ายข้าได้อีก”

มนุษย์เพศชายที่เดิมสงบ แต่หลังจากได้ยินประโยคนี้ ทั่วร่างกลับอยู่ในความแตกตื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“เมล็ดแห่งความโกลาหลอยู่กับตัวเจ้า!”

เขาตะโกนดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง พยายามออกจากมือของอีกฝ่าย

ทว่ามือของวิญญาณกรีดร้องมั่นคงดุจหินผา ทำให้ไม่ขยับไปไหน

ไม่ช้า

ผู้ชายหอบก่อนยอมแพ้ที่จะดิ้นรน

เขาคล้ายกับเข้าใจทุกสิ่ง ในที่สุดก็กล่าวว่า “ไม่สงสัยเลยว่าในยุคโบราณ บัญญัติราชามารจะตื่นขึ้นเพราะเจ้าในฐานะคนแรกที่ทำให้บัญญัติตื่นขึ้นมา”

วิญญาณกรีดร้องยิ้มอย่างมีชัยก่อนกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “ใช่ ในบรรดาบัญญัติทั้งหมด บัญญัติราชามารร้ายกาจที่สุด ทันทีที่ตื่นขึ้นในฐานะบัญญัติแรก มันจะไม่ปลุกบัญญัติอื่นขึ้นมาในทันที ดังนั้นข้าก็เลยคิดวิธีนี้ขึ้นมา วางแผนอย่างช้าๆ แล้วผลักบัญญัติเข้าสู่ทางตันทีละเล็กละน้อย”

“ไม่” ผู้ชายกล่าวอย่างสิ้นหวัง

วิญญาณกรีดร้องกล่าวด้วยเสียงผู้ชายและผู้หญิงพร้อมกันว่า “ผู้โหลดบัญญัติคนสุดท้ายเอ๋ย… เมื่อเจ้าตาย บัญญัติราชามารจะถูกผนึกโดยข้าอย่างสมบูรณ์ นับจากนี้ต่อไป บัญญัติทั้งหมดจะเสียโอกาสที่จะตื่นขึ้นมา ร่างจริงของข้าจะเริ่มลงมือแล้วหว่านความโกลาหลที่แท้จริงในโลกอันไร้ขีดจำกัด”

วิญญาณกรีดร้องพลันพูดเสียงดังขึ้นว่า “ในการเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายระหว่างความโกลาหลและบัญญัติ ข้าจะคว้าชัยชนะสุดท้ายในนามของความโกลาหล!”

มันยื่นมืออีกข้างออกไปเพื่อแทงร่างของชายคนนั้น

ผู้ชายดิ้นรนอย่างเกรี้ยวกราดแต่ก็ไม่เป็นผล ชีวิตออกจากร่างของเขาอย่างช้าๆ

“ความโกลาหล…ผู้ส่งสาร เจ้าไม่มีทางได้…ตามหวังหรอก”

หลังจากพูดจบ เขาตายสนิท

วิญญาณกรีดร้องวางซากศพบนพื้นอย่างอ่อนโยนก่อนเริ่มร่ายคาถาบนซากศพ

ขณะร่าย มันเดินรอบซากศพด้วยสีหน้าจริงจังยิ่ง

ดูท่ามันจะไม่ได้บ้าเหมือนอย่างที่ผู้สังเกตการณ์เหล่านั้นกล่าวไว้

ผ่านไปสักพัก

วิญญาณกรีดร้องหยุดก่อนกระซิบกับซากศพว่า “ด้วยความโกลาหลเป็นรากฐาน ข้าจะผนึกบัญญัตินี้ไปตลอดกาล!”

กระแสอากาศรุนแรงแผ่ออกจากร่างของมัน ปกคลุมรอบซากศพบนพื้นอย่างสมบูรณ์

วินาทีต่อมา

เมื่อวิญญาณกรีดร้องกำลังจะเผยรอยยิ้ม กระแสอากาศทั้งหมดพลันหายไป

ไม่มีการเปลี่ยนแปลงบนร่างกาย

วิญญาณกรีดร้องตกตะลึง

“เจ้าบัญญัติบัดซบ!”

เสียงคำรามอันเกรี้ยวกราดดังก้องทั่วโลก

อีกด้าน

พื้นที่เอกฐาน

อาณาจักรหนาม

หญิงสาวงดงามสง่ายืนอยู่บนลานประลอง ถือมีดยาวเอาไว้ ดวงตาหลุบต่ำ ลมหายใจรวยริน

รอบข้างนาง ผู้พิทักษ์หนามอาวุธหนักหลายคนเพิ่งลุกขึ้นจากพื้น

“อย่าสู้เลย ผู้หญิงอย่างเจ้าดูอ่อนโยนจะตาย แต่พอถึงเวลาสู้เนี่ย เจ้าดูน่ากลัวเอามากๆ” ผู้พิทักษ์หนามกล่าวอย่างเศร้าใจ

“ใช่ ก็แค่การซ้อม ข้ารู้สึกเหมือนกับเจ้าจะลงมือฆ่าจริงๆ เลย” ผู้พิทักษ์หนามอีกคนประท้วงเช่นกัน

หนิงเยว่ฉานวางมีดยาว บรรยากาศเปลี่ยนไปจนกลับมาอ่อนโยนดังเดิม

“โปรดอภัยให้ข้าด้วย ไม่คิดเลยว่าพวกเจ้าจะยั้งมือขนาดนี้” นางขอโทษ

ผู้พิทักษ์หนามตกตะลึง

“อา ใช่! พวกข้ายั้งมือไว้น่ะ”

“ใช่แล้ว มันคือการซ้อมทำไมเจ้าต้องทุ่มสุดกำลังด้วย”

“มันก็แค่การเรียนรู้ ไม่จำเป็นต้องสู้จนตัวตาย”

พวกเขาพูดคนแล้วคนเล่าขณะช่วยพากันเดินออกไป

หนิงเยว่ฉานเม้มปาก พยายามรักษาท่าทางอย่างยากลำบาก ซ่อนรอยยิ้มที่มุมปากเอาไว้

คนเหล่านี้ล้วนเติบโตในสถานที่ที่ได้รับพร อาวุธ เกราะและสมบัติล้วนทรงพลังยิ่ง แต่พละกำลังส่วนตัวกลับน้อยเกินไป ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะจัดการ

น่าเสียดายที่นางไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ต่อสู้จนตัวตายมานาน ความก้าวหน้าวิชาดาบจึงต่ำเตี้ยมาก

นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนคนนั้น

นางถอนหายใจ

ลอร่าบอกว่าต้องไปรับเขา ใช้เวลาหลายวันกว่าจะกลับมา

จากนั้นนางก็จะได้พบเขา

ทันใดนั้น สีหน้าของหนิงเยว่ฉานเปลี่ยนไป

ในสายตาของนาง ตัวอักษรโลหิตขนาดเล็กปรากฏขึ้นจากอากาศบาง

“ผู้โหลดคนสุดท้ายของบัญญัติชีวิต ตอนนี้ข้าต้องการให้ท่านทำสิ่งหนึ่ง”

“เรื่องอะไรหรือ?” หนิงเยว่ฉานถาม

ตัวอักษรโลหิตขนาดเล็กตอบว่า “ไปที่พื้นที่จ้าวโลกแล้วหาใครบางคน อย่าห่วงไปเลย ข้ารู้เส้นทางลับที่จะทำให้เจ้าเข้าสู่พื้นที่จ้าวโลกที่ซ่อนอยู่ได้”

“ทำไมเจ้าถึงอยากให้ทำแบบนี้ล่ะ?” หนิงเยว่ฉานถามอย่างสงสัย

“เพราะคนคนนั้นคืออีกครึ่งของข้า เวลามาถึงแล้ว ท่านต้องทำให้ข้าสมบูรณ์อีกครั้ง”

หนิงเยว่ฉานลังเล

ตอนเข้าสู่พื้นที่จ้าวโลก นางผ่านการทดสอบก่อนกู่ฉิงซานจะโหลดบัญญัติชีวิต

มีคำกล่าวว่าเทพเกลียดบัญญัติ พวกเขาสร้างบัญญัติเพื่อขึ้นมาเองเพื่อต่อต้านบัญญัติจริง

นี่คือบัญญัติชีวิต

แต่ด้วยการเปิดคำทำนายของเจ็ดเทพมารกับหนทางของกึ่งเทพ บัญญัติชีวิตจะไม่มีตัวตนอีกต่อไป

มีเพียงหนิงเยว่ฉานที่ยังมีพลังของบัญญัติชีวิตหลงเหลืออยู่ในร่างกาย

ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่านางกำลังรอให้เขากลับมา แต่เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง

อาจจะเพราะสังเกตเห็นความลังเลของหนิงเยว่ฉาน ตัวอักษรโลหิตขนาดเล็กปรากฏขึ้นอีกครั้ง

“ท่านต้องฟื้นคืนพละกำลังอีกครั้ง นี่ข้องเกี่ยวกับโชคชะตาของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด”

“ถ้าท่านกับคนคนนั้นล้มเหลว เชื่อข้าเถอะ โลกนับร้อยล้านใบจะเข้าสู่การทำลายล้างอย่างสมบูรณ์”

“ท่านสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับข้ามานาน ท่านน่าจะรู้ว่าข้าไม่เคยโกหก”

หนิงเยว่ฉานถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจได้ในที่สุด

“เจ้าช่วยข้ามาหลายครั้ง” นางกล่าวอย่างจนใจ “ข้าไม่ชอบติดหนี้ผู้อื่นด้วยสิ ดังนั้นว่ามาเลย ข้าต้องไปตามหาใคร”

ในความว่างเปล่า มีรูปลักษณ์เด็กผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏขึ้น

นี่คือเด็กผู้หญิงงดงามที่ดูบริสุทธิ์มากขณะเผยรอยยิ้มอ่อนหวานให้หนิงเยว่ฉาน

หนิงเยว่ฉานขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “เด็กผู้หญิงคนนี้ดูใสซื่อเกินไป ไม่เหมือนนักรบเลย หลังจากปาฏิหาริย์ของเจ็ดเทพมารหายไป พื้นที่จ้าวโลกก็ตกอยู่ในความโกลาหลอย่างสมบูรณ์ เจ้าแน่ใจหรือว่าเด็กผู้หญิงเช่นนางจะยังมีชีวิตอยู่”

ในความว่างเปล่า ตัวอักษรโลหิตขนาดเล็กกะพริบ อีกบรรทัดหนึ่งปรากฏขึ้นมา

“นี่คือสิ่งที่นางเคยเป็นเมื่อนานมาแล้วตอนนางเพิ่งมาถึงเกาะหมอกทะเลแห่งความตาย”

หนิงเยว่ฉานพลันกล่าวว่า “เกาะหมอกทะเลแห่งความตายหรือ เป็นยอดฝีมือการ์ดนี่เอง”

แถวตัวอักษรโลหิตขนาดเล็กปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า

“ไปเสีย หนิงเยว่ฉาน ท่านต้องตามหาเด็กผู้หญิงคนนี้ เพราะอีกครึ่งของข้าอยู่ในสภาพกึ่งหลับใหล มันซ่อนอยู่ในร่างกายนาง”

“ท่านต้องปลุกร่างจริงของข้าขึ้นมาพร้อมกัน”

........................................