ตอนที่ 360 พิธีราชาพิเษก (หนึ่ง)
“โอ้สวรรค์ นั่นมันบ้าอะไรกัน?” ซางหยิงฮ่าวอุทานด้วยความประหลาดใจ
กู่ฉิงซานปล่อยจิตสัมผัสเทวะออกไป และเฝ้าสังเกตเจ้ามอนสเตอร์อย่างใกล้ชิด พยายามอย่างเต็มที่ที่จะรักษาความสงบเอาไว้
เขารู้จักเจ้ามอนสเตอร์ตัวนี้
มันคือมอนสเตอร์มาจากยุคอันไกลโพ้น ก่อนยุคของยักษ์และยุคมนุษย์ปีศาจ มันคือหนึ่งในปีศาจแห่งยุคโกลาหล!
มีเพียงมอนสเตอร์จากยุคดังกล่าวเท่านั้น ที่ครอบครองรูปลักษณ์อันน่ารังเกียจเช่นนี้!
ส่วนในด้านความแข็งแกร่งของมัน กล่าวได้ว่าสูงล้ำยิ่งกว่ายักษ์ธรรมดาและมนุษย์ปีศาจมัดรวมกันเสียอีก
โชคยังดีที่มอนสเตอร์ตัวนี้ถูกขังอยู่ในโลงศพ และร่างของมันก็ถูกแทงตรึงไว้ด้วยหนามแหลมอย่างแน่นหนา
มันดูเหมือนว่าจะได้รับความทุกข์ทรมานจากการลงโทษ และน่าจะไม่สามารถหลุดพ้นออกมาก่อความวุ่นวายได้อย่างน้อยก็ในเร็วๆ นี้
กู่ฉิงซานหลับตาลง และปลดปล่อยจิตสัมผัสเทวะออกไปสำรวจโดยรอบ
ยามนี้ เขาคือตัวตนในขอบเขตก้าวสู่เทพขั้นกลาง ดังนั้นจิตสัมผัสเทวะของเขา จึงมากพอจนเกือบจะครอบคลุมเมืองทั้งเมืองได้
โชคดีจริงๆ ที่ตลอดทั้งเมืองหลวงมีมอนสเตอร์ตัวนี้เพียงตัวเดียวเท่านั้น
แต่ที่น่าเสียดายก็คือ เจ้ามอนสเตอร์ตัวนี้ดันสร้างความตื่นตระหนกขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในสังคมมนุษย์ซะแล้ว ทั้งๆ ที่พวกเขาพึ่งจะได้รับการฟื้นฟูสภาพจิตใจให้กลับมาดีขึ้นได้แล้วแท้ๆ นั่นเพราะ
แต่เดิม อาณาจักรฟูซีกำลังอยู่ในบรรยากาศของงานรื่นเริงของพิธีราชาภิเษกของสมเด็จพระจักรพรรดินี
ในเมืองหลวง ผู้คนมากมายรวมตัวกันในจัตุรัสเพื่อชุมนุมเฉลิมฉลอง
แต่แล้ว ทันใดนั้นก็ดันบังเกิดโลงศพยักษ์ พร้อมกับมอนสเตอร์ที่ไม่รู้จักปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า
ฝูงชนที่มารวมตัวกันในจัตุรัสต่างตกอยู่ในความตื่นตระหนกและสับสนวุ่นวาย
ผู้คนเริ่มกรีดร้อง และวิ่งหนีกระจัดกระจายไป
แม้แต่ผู้ชมจากทางโทรทัศน์ ก็ยังตกอยู่ในความสิ้นหวังเป็นประวัติการณ์
ณ จุดนี้ ภายในฉากพิธีราชาภิเษก
ท่ามกลางแขกเหรื่อที่เข้ามาร่วมพิธี หนึ่งในบางคนก็ได้เปล่งเสียงตะโกนขึ้น “เวโรน่าคือภัยพิบัติ! เธอคือความชั่วร้าย! พระเจ้าบนสรวงสวรรค์จึงได้ส่งปีศาจลงมาหยุดเธอไม่ให้ครองบัลลังก์!”
มันสายเกินไปแล้วที่จะหยุดเขา และเนื่องเพราะนี่เป็นการถ่ายทอดสด ดังนั้นเสียงนี้จึงถูกส่งออกไปทั่วโลก
ทุกคนที่ดูอยู่ต่างก็ได้ยินเสียงนี้
กู่ฉิงซานเบนสายตาไปตามต้นตอของเสียง ก่อนที่มันจะหยุดลงตรงร่างของนักการเมืองคนสำคัญรายหนึ่งของฟูซี
จิตสัมผัสเทวะของเขาครอบคลุมไปทั่วฉากพิธี จึงสามารถรับรู้ได้ถึงทุกการเคลื่อนไหว หรือกระทั่งการกระทำเล็กๆ น้อยที่อาจก่อให้เกิดปัญหาได้
ในช่วงเวลาวิกฤติ เมื่อมอนสเตอร์ปรากฏตัวขึ้น และทุกคนกำลังอยู่ในความตื่นตระหนก นักการเมืองคนสำคัญของฟูซีก็สั่งให้คนข้างกายตะโกนในสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อออกไป
‘ภัยพิบัติ’ ที่ถูกตะโกนออกมานี้ ทำให้ตลอดทั้งฉากพิธีราชาภิเษกเกือบจะสูญเสียการควบคุมไปโดยสมบูรณ์
บนระเบียงสูง สีหน้าของเวโรน่าหมองซีดลง กรามของเธอบดฟันจนแน่น กำลังพยายามยับยั้งความโกรธของตัวเองลง
เรื่องนี้ตีแผ่ออกมาได้อย่างชัดเจนถึงอำนาจการปกครองของเธอที่บกพร่อง มันบ่งบอกถึงความสัมพันธ์อันร้าวฉานระหว่างเธอกับเหล่าชนชั้นสูงอย่างรุนแรง
กู่ฉิงซานมองไปที่ชายคนนั้น
เขาเป็นทหารในชุดเครื่องแบบยอดนายพล
เขาคือรัฐมนตรีกลาโหมของสาธารณรัฐฟูซี และเป็นอาวุโสขั้นห้าที่แข็งแกร่ง
เขาไม่หวาดเกรงสายตารอบข้างที่กำลังมองมา เขายืดอกยืนหยัดอยู่ในสถานที่แห่งนั้น บนใบหน้าแขวนไว้ซึ่งรอยยิ้มแห่งชัยชนะ
ใครบางคนเอนกายกระซิบลงข้างหูเขา ลดเสียงลงและพูดว่า “คนของเธอทุกคนอยู่ภายใต้การควบคุมหมดแล้ว และตอนนี้ยังไม่มีสถานการณ์ใดผิดปกติ”
“ดีมาก วันนี้ล่ะ ตัวข้าจะต้องแสดงให้โลกได้เห็นว่าเวโรน่าน่ะ ไร้ซึ่งความสามารถในที่จะควบคุมฟูซีได้”
รัฐมนตรีกลาโหมกล่าวต่อ “ให้รอจนกว่าจะสิ้นสุดพิธีราชาภิเษก จากนั้นทางเราจะทำการกวาดล้างผู้คนของเธอทันที”
“ฆ่าทั้งหมดเลยหรือท่าน?”
“ไม่หรอก สถานการณ์ทางการเมืองน่ะยังคงต้องการคนไว้ใช้งาน คนไหนที่มันยอมจำนนก็ปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ แต่ต้องควบคุมพวกมันเอาไว้”
“รับทราบแล้ว”
บทสนทนาระหว่างทั้งสอง มันเล็กและเบาราวกับเสียงของยุงบิน นอกจากนี้ทั้งหมดยังถูกห้อมล้อมด้วยกลุ่มคนที่กำลังคุ้มครองอยู่อีก
ดังนั้นรัฐมนตรีกลาโหมจึงกล้าที่จะเอ่ยออกมา โดยไม่เกรงกลัวว่าข่าวคราวนี้จะรั่วไหลออกไป
แต่ก็แล้วมันอย่างไร? ต่อให้ข่าวรั่วไหล เวโรน่าก็ไม่มีเวลามากพอที่จะทำอะไรอยู่ดี
ทว่าพวกเขากลับหารู้ไม่ ว่าการสนทนาเล็กๆ น้อยๆ นี้ ได้ถูกเปิดเผยจนหมดเปลือกแล้วโดยจิตสัมผัสเทวะของกู่ฉิงซานแล้ว
กู่ฉิงซานพยักหน้าอย่างเงียบๆ ในหัวใจของเขาบังเกิดความโกรธขึ้นเล็กน้อย
โลกกำลังจะพินาศอยู่รอมร่อแล้ว แต่คนเหล่านี้ยังคงสร้างความวุ่นวายไม่เลิก
เมื่อคิดถึงจุดนี้ กู่ฉิงซานก็ตัดสินใจเด็ดขาด
เขาตบไหล่ซางหยิงฮ่าว และกล่าวกระซิบ “ฉันจำได้ว่าในวิหารแห่งความตาย มีเทพอุปถัมภ์อยู่สองตัวตน หนึ่งคือเทพอีกาดำ อีกหนึ่งคือเทพสุนัข ใช่ไหม?”
“ใช่ เรื่องนั้นน่ะ ไม่ว่าใครก็รู้เกี่ยวกับมันเป็นอย่างดีทั้งนั้นแหละ ว่าแต่นายจะถามไปทำไม?” ซางหยิงฮ่าวสงสัย
กู่ฉิงซาน “ก็พอดีฉันจำได้ว่าเทคนิคเทียนซวนของถงถงน่ะสามารถเปลี่ยนเป็นร่างอวตารของอีกาดำได้ แล้วจากนั้น นายก็ต้องทำแบบนี้…”
เขากล่าวกระซิบกับซางหยิงฮ่าว ส่วนเย่เฟย์หยูที่อยู่ข้างๆพอเห็นฉากนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะยื่นหูเข้ามาร่วมฟังด้วย
…
อย่างรวดเร็ว
กู่ฉิงซานก็ได้หายตัวไปจากฉากพิธี
ซางหยิงฮ่าวกับเย่เฟย์หยูยกแว่นกันแดดขึ้นมาสวม และผลักดันเดินผ่านฝูงชนตรงไปยังทางขึ้นระเบียงสูง
พฤติกรรมที่ผิดปกติของพวกเขา ได้ดึงดูดความสนใจขององครักษ์ในวังทันที
แต่ทหารองครักษ์เหล่านั้นรู้จึกซางหยิงฮ่าวอยู่แล้ว และยังได้เห็นวิธีการของเขามาแล้วด้วย
ซางหยิงฮ่าวเป็นถึงตัวตั้งตัวตีในการจัดการคุ้มครองในครั้งก่อน และมันได้ทิ้งความประทับใจไว้ให้กับพวกเขาไม่น้อยเลย
เมื่อองครักษ์เห็นเขาเดินเข้ามา แต่ละคนก็อดไม่ได้ที่จะมองไปทางสมเด็จพระจักรพรรดินี
เมื่อเวโรน่าเห็นทั้งสอง คำอธิบายของกู่ฉิงซานก็กังวานขึ้นในหูของเธอ
ท่าทีการแสดงออกของเธอผ่อนคลายลง และหันไปพยักหน้าให้กับองครักษ์
พวกเขาหลีกทางให้
ซางหยิงฮ่าวกับเย่เฟย์หยูเดินขึ้นมาบนระเบียงเวทีอย่างช้าๆ หนึ่งซ้าย หนึ่งขวา ประกบคุ้มครองจักรพรรดินี
“แม้ว่าโลกทั้งใบกำลังจะพินาศในวันนี้ แต่พิธีราชาภิเษกของข้าก็สมควรที่จะดำเนินต่อไป”
เวโรน่ากวาดสายตามองดูทุกผู้คน ปากเอ่ยประกาศลั่น
พระสังฆราชเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของเขา และฝืนบังคับตนเองไม่ให้แหงนหน้าขึ้นไปมองมอนสเตอร์บนท้องฟ้า และกล่าวถ้อยคำอวยพรต่อ
และฉากสุดแปลกก็ได้ปรากฏขึ้น
ในท้องฟ้า โลงศพขนาดใหญ่ยังคงลอยล่อง พร้อมด้วยมอนสเตอร์ที่ถูกขังอยู่ภายในกำลังกรีดร้องลั่น และพยายามดิ้นรนให้ตนได้หลุดพ้น
ขณะที่ในวิหาร เวโรน่ายังคงยืนอยู่บนแท่นสูง และต้องการจะดำเนินพิธีการต่อไป
แถมฉากนี้ยังถูกถ่ายทอดสดออกไปทั่วโลก
ผู้คนที่นี่ตื่นตระหนกและรู้สึกราวกับว่าตนกำลังยืนอยู่บนขอบเหวแห่งการล่มสลาย ต่างถูกดึงดูดความสนใจมาที่ฉากนี้ทันที
ไม่มีใครปิดสมองควอนตัมลง
ทุกคนต้องการที่จะเห็นว่า สุดท้ายแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นกับฟูซีกันแน่
การถ่ายทอดสดไปทั่วโลกของจักรพรรดินี เดิมทีก็มีผู้คนรับชมสูงสุดตั้งแต่เริ่มต้นอยู่แล้ว ทว่าบัดนี้ ยอดผู้ชมก็ยังคงทวีจำนวนสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง
ทันใดนั้นก็มีบางสิ่งที่แปลกประหลาดเกิดขึ้น
จู่ๆ อีกาดำตัวหนึ่งพลันปรากฏกายขึ้น มันบินโฉบลงมาผ่านกลุ่มเมฆ และร่อนลงบนแท่นสูง
ต่อหน้าผู้คนนับล้านๆ มันอ้าปากเปล่งเสียงไปทางเวโรน่า
เวโรน่าโค้งกายคารวะมันด้วยท่วงท่างดงาม
แล้วอีกาดำก็บินมาเกาะลงบนไหล่ของเวโรน่าอย่างอ่อนโยน
ราวกับว่าจะได้รับตำแหน่งที่เหมาะสม อีกาเกาะนิ่งไม่ยินยอมเคลื่อนกายย้ายไปไหนอีก
“นั่นอีกาดำ!”
“ดูสิ มันเป็นอีกาดำล่ะ!”
“โอ้สวรรค์!”
“ผู้ส่งสารของเทพแห่งความตายมาเยือนที่นี่แล้ว!”
ผู้ศรัทธาในเทพแห่งความตายต่างร้องตะโกนด้วยความตื่นเต้น
ตามคำสอนของวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เทพอีกาดำและเทพสุนัขน่ะเป็นผู้รับใช้ของเทพแห่งความตาย เป็นผู้เผยแพร่ความตายแทนเทพแห่งความตายที่กำลังหลับใหลอยู่
และตอนนี้ ท่ามกลางงานพิธีราชาภิเษกของจักรพรรดินีเวโรน่า อีกาดำก็ได้ปรากฏตัวขึ้นจริง
นี่สามารถกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่?
ใบหน้าของรัฐมนตรีกลาโหมยิ้มหยัน ปากเอ่ยประชดประชัน “สวมบทบาทเล่นเป็นเทพ? น่าเสียดายที่มันไร้ประโยชน์!”
เขาหันไปกล่าวกับคนข้างๆ ว่า “เริ่มแผนก่อนเวลาได้เลย ถามพวกคนที่สนับสนุนเธอคำเดียวว่า ‘เลือกที่จะเชื่อฟังข้าหรือตายลงตรงนั้นทันที’ ”
“รับทราบ!”
ชายที่รับคำสั่งเปิดสมองควอนตัม และเริ่มจัดการพูดออกไป
…
ซางหยิงฮ่าวกับเย่เฟย์หยูเดินขึ้นไปบนแท่นสูง
กู่ฉิงซานก็ปลีกตัวออกจากฉากพิธีนี้ เดินไปคนเดียวท่ามกลางลานว่างในวิหารใหญ่
เขาคือผู้ฝึกยุทธขอบเขตก้าวสู่เทพขั้นกลาง
แม้กระทั่งในโลกแห่งผู้ฝึกยุทธขอบเขตก้าวสู่เทพก็ยังถูกนับว่าเป็นตัวแทนของความแข็งแกร่งในบรรดาตัวตนที่แข็งแกร่งทั้งมวล เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติมากพอที่จะก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้านิกายได้!
จิตสัมผัสเทวะถูกกวาดขยายกว้างไปออกจากร่างของกู่ฉิงซาน
แทบจะในไม่กี่ลมหายใจ จิตสัมผัสเทวะก็ได้ครอบคลุมเมืองหลวงทั้งหมด
แผนการชั่วช้าทั้งหมด เมื่ออยู่ต่อหน้าจิตสัมผัสเทวะของกู่ฉิงซาน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบเลี่ยง
“เจอตัวแล้ว” กู่ฉิงซานเอ่ยอย่างช้าๆ
ในสถานที่ซ่อนที่กระจายตัวออกไปหลายแห่ง ผู้ที่สนับสนุนเวโรน่าได้ถูกลักพาตัวไปจับขังและบังคับข่มขู่
โดยมีนายทหารจำนวนมากที่มีอาวุธครบมือ และเป็นผู้ให้การสนับสนุนรัฐมนตรีกลาโหม กำลังทำหน้าที่เฝ้าดูคนเหล่านั้น
พวกเขากำลังเฝ้ารอคำสั่งจากรัฐมนตรีกลาโหมอย่างเงียบๆ
กู่ฉิงซานเงยหน้าขึ้น มองไปที่กระจกแก้วที่มีสีสันงดงามของวิหาร
มีกระจกหน้าต่างบานหนึ่งเปิดอยู่
“ไปซะ” เขาเอ่ยคำหนึ่ง
ดาบพิภพและเช่าหยินผุดออกมาจากความว่างเปล่า
ฟุ่บ!
สองดาบวิ่งผ่านหน้าต่าง กระทบหายเข้าไปในก้อนเมฆ
สองดาบช่างว่องไวยิ่ง บินเพียงชั่วครู่ พวกมันก็แยกตัวตกลงไปในสองทิศทางที่แตกต่างกัน
พวกมันทิ้งดิ่งตกลงไปยังสถานที่ซ่อนเหล่านั้น และภายในช่วงเวลาสั้นๆ พวกมันก็วูบไหวเป็นภาพติดตา ร่ายรำฉวัดเฉวียนอย่างโหดร้าย
และคนทั้งหมดของรัฐมนตรีกลาโหม ศีรษะระเบิดโผล๊ะราวกับลูกแตงโมที่แตกออก…พวกเขาถูกฆ่าตายก่อนที่จะทันได้ตอบสนองด้วยซ้ำ
เพื่อที่จะต้องจัดการกับมืออาชีพทั่วไปเหล่านี้ พึ่งพาแค่ความเร็วของดาบบินเพียงอย่างเดียวก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ออกด้วยเทคนิคดาบใดๆ
หลังจากที่ทำการตัดกุญแจมือทั้งหมด สองดาบก็ทะยานตัวขึ้นอีกครั้ง และมุ่งหน้าไปยังสถานที่ต่อไป
แม้จะดูเหมือนว่ากู่ฉิงซานกำลังเดินเล่นอยู่ในวิหาร แต่แท้จริงแล้วเขากำลังทยอยช่วยคนที่สนับสนุนจักรพรรดินีเวโรน่าอยู่
แต่แล้วทันใดนั้นเขาก็ชะงักไปเล็กน้อย
ภายใต้การควบคุมโดยจิตสัมผัสเทวะของเขา ทางฝั่งดาบพิภพที่ได้ทำการสังหารหมู่ศัตรูในสถานที่หลบซ่อน มันได้ช่วยลูกสาวของจักรพรรดินีเวโรน่าเอาไว้เจ้าหญิงแห่งฟูซี
“การลักพาตัวราชวงศ์ผู้สืบสายเลือดโดยตรง ตามหนังสือพระราชบัญญัติของฟูซี สามารถตัดสินโทษประหารชีวิตได้ทันที”
“…ฉันควรที่จะพาตัวเธอกลับมา”
สิ้นคำกล่าว กู่ฉิงซานก็หายวับไปจากวิหาร
ตามด้วยดาบพิภพที่ปรากฏขึ้นในตำแหน่งเดิมของเขา
และตัวเองที่ปรากฏขึ้นในสถานที่หลบซ่อน
สกิลเทวะ ร่างเงาแทนที่!
“เจ้าหญิง โปรดตามกระหม่อมมา”
กู่ฉิงซานยื่นมือออกไปทางเจ้าหญิง
เจ้าหญิงมองไปยังคนตรงหน้าด้วยแววตาซับซ้อน
ในงานเต้นรำ เดิมทีแล้วเธอคิดว่าเขาเป็นแค่หนอนหนังสือที่แสนจะน่าเบื่อหน่าย
แต่หลังจากที่ได้รู้เรื่องราวของเขาจากแม่ตัวเองแล้ว เธอก็ตระหนักได้ว่าคนผู้นี้แข็งแกร่งเพียงใด เขาไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ที่เอาแต่อ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว!
“ขอบใจนะ” เจ้าหญิงเอ่ยเสียงแผ่ว
เธอจับมือของเขา
“โปรดอย่าสุภาพเลย…พวกคุณทั้งหมดก็มาด้วยกันสิ”
กู่ฉิงซานหันหน้าไปพูดกับรัฐมนตรีและองครักษ์วังหลวงอีกหลายคน
“พวกเราจะทำอย่างไรกันดี…” รัฐมนตรีคนหนึ่งเอ่ยถาม
“ก็แค่เกาะแขนผมไว้” กู่ฉิงซานกล่าว
ผู้คนทั้งหลาย เมื่อถูกสั่ง ทั้งหมดก็วางมือลงบนแขนของเขา
วินาทีต่อมา ผู้คนทั้งหมดก็หายวับไป
ตามด้วยดาบพิภพที่ปรากฏขึ้นมาในตำแหน่งเดิมที่พวกเขาได้หายไป
พร้อมด้วยกันกับผู้คนเหล่านั้น กู่ฉิงซานก็ได้กลับมายังวิหารศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง
…………………………………………….