webnovel

0361 พิธีราชาภิเษก สอง

ตอนที่ 361 พิธีราชาภิเษก (สอง)

ในชั่วพริบตา เหล่าผู้คนก็พบว่าตัวเองได้มาอยู่ในวิหารของเมืองหลวงแล้ว

พวกเขาหันมามองหน้ากันเองอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา

สองเท้าเหยียบย่ำลงบนหินอ่อนที่เรียบเนียน สองหูได้ยินเสียงรำไรของคำอธิษฐาน

นี่มันเสียงของพระสังฆราชของวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งความตายนี่นา? เขากำลังสวดอวยพรให้แด่พระจักรพรรดินีอยู่อย่างงั้นสินะ

ท่ามกลางการออกอากาศ สุรเสียงของพระสังฆราชดังกังวาน หนุนเสริมด้วยเสียงดนตรีประกอบส่งผลให้มันแลดูศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง

“พระมารดาของเรากำลังจะขึ้นครองบัลลังก์ ใช่หรือไม่?” เจ้าหญิงเอ่ยถาม

“ใช่ คุณสามารถไปหาพระองค์ได้เลยตอนนี้” กู่ฉิงซานกล่าว

“หากทำเช่นนั้นแล้วมันจะไม่เป็นปัญหาหรือ?”

“ไม่เป็นหรอก”

“แต่คนที่ลักพาตัวพวกเราไป เขาน่ะคือ”

“คุณสามารถพูดชื่อของคนๆ นั้นออกมาได้เลยดังๆ ต่อหน้าทุกคนที่อยู่ที่นั่น”

“แล้วจากนั้นเล่า? มันจะเกิดอะไรขึ้น”

“จากนั้น…คนที่อยู่เบื้องหลังการชักใยในครั้งนี้ ก็จะต้องจ่ายออกด้วยราคาที่เหมาะสมกับการกระทำของเขา”

เจ้าหญิงมองกู่ฉิงซานอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะโค้งกายคำนับด้วยท่วงท่าสง่างาม

“ในครั้งช่วงเวลางานเต้นรำที่เราทำเป็นหยิ่งใส่ท่าน…เราขอโทษนะ” เธอกล่าว

กู่ฉิงซานรับคำขอโทษ เร่งประสานมือไปทางอีกฝ่ายและกล่าวอย่างเป็นเรื่องเป็นราวว่า “นั่นมันก็แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ตราบใดที่เจ้าหญิงไม่แสดงกิริยาแบบนั้นกับคนอื่นๆ ในอนาคต ท่านจะต้องเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ที่ดีได้อย่างแน่นอน”

เจ้าหญิงมองเข้าไปในดวงตาของเขา โค้งกายลงข้างหู เอ่ยกระซิบกับอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา “เวลาที่เราจะเลือกพระสวามีน่ะ เรามักจะแสดงกิริยาเย่อหยิ่งออกไปแบบนั้นเสมอแหละ”

กู่ฉิงซานยังคงโค้งกายประสานสองมือ ศีรษะก้มต่ำลงแต่มิได้ตอบคำใดออกไป

เมื่อเจ้าหญิงเห็นท่าทีการแสดงออกของเขา จู่ๆ เธอก็ยิ้มออกมา ก่อนจะหันไปทางเหล่ารัฐมนตรีอีกหลายคน

ทว่ายังคงมีเสียงกระซิบของเธอลอยมาตามสายลม

“…แอนนา…ก็กำลังเล็งเขาอยู่สินะ…”

กู่ฉิงซานปาดเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาบนหน้าผาก

แล้วในเวลานั้นเอง ดาบพิภพกับดาบเช่าหยินก็บินลอดผ่านกระจกหน้าต่างเข้ามา ตกลงเบื้องหน้ากู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานถอนหายใจด้วยความโล่งอก เก็บดาบทั้งสองกลับคืน จากนั้นก็กวาดจิตสัมผัสเทวะออกไปทั่วท้องฟ้า

บนท้องฟ้า มอนสเตอร์ในโลงกำลังจะหลุดพ้น ปลดปล่อยตัวตนเป็นอิสระในไม่ช้า

‘เวลากำลังจะหมดแล้ว คงต้องรีบหน่อยล่ะ’

กู่ฉิงซานเดินไปตรงมุมที่เงียบสงบมุมหนึ่งของวิหาร

แต่แล้วเขาก็ได้พบกับเด็กชายและเด็กหญิงตัวน้อยๆ กำลังนั่งเล่นตุ๊กตาฮีโร่ในการ์ตูนอยู่บนพื้นวิหาร

ทั้งสองกำลังเล่นกันอย่างมีความสุข โดยไม่ได้รับรู้เลยว่ามีอะไรเกิดขึ้นภายนอก

ไม่มีใครข้างกาย ไม่มีใครคอยดูแลเด็กน้อยทั้งสองเลย

นี่มันแปลกๆ อยู่นะ

กู่ฉิงซานกวาดจิตสัมผัสเทวะลงไปยังเด็กๆ

‘ก็ปกติดีนี่นา’

จากนั้นเขาก็กวาดจิตสัมผัสเทวะออกไปทั่วทั้งวิหาร และไม่นาน เขาก็ค้นพบพ่อแม่ของเด็กทั้งสอง

พ่อแม่ที่ยังดูวัยรุ่นอยู่พร้อมด้วยองครักษ์อีกหลายคนกำลังตะโกนเรียกชื่อเด็กๆ จากอีกด้านหนึ่งของวิหาร ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากำลังตามหาเจ้าตัวน้อยทั้งสองอยู่

ช่างเป็นพ่อแม่ที่ขาดความรับผิดชอบอย่างแท้จริง

แม้นี่จะดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่เหตุการณ์ที่แปลกอะไร แต่บอกตรงๆ ว่าตอนนี้เส้นประสาทของกู่ฉิงซานมันตึงจนเครียดเกินไป ดังนั้นเพียงแค่เห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องในสถานที่ไม่เหมาะไม่ควร เขาเลยคิดจะรีบแก้ปัญหาทันที

ขณะนี้ตนเองเริ่มรู้สึกกังวลเล็กน้อย

กู่ฉิงซานก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

เด็กทั้งสอง เมื่อสังเกตเห็นถึงร่างสูงใหญ่กำลังยืนอยู่ด้านข้างของพวกเขา ก็อดไม่ได้ที่จะแหงนหน้ามองขึ้นพร้อมกัน

“พี่ชายเป็นใครกันน่ะ?” เด็กชายตัวเล็กเอ่ยถามออกมา

กู่ฉิงซานได้สติกลับคืน

“อ๊ะ ขอโทษทีที่รบกวนช่วงเวลาดีๆ ของพวกเธอ เอ่อ…กำลังเล่นเกมเป็นฮีโร่กันอยู่ใช่หรือเปล่า?”

เขามองไปที่ตุ๊กตาในมือของเด็กน้อยทั้งสอง

“ใช่ เกมนี้มันสนุกมากเลยนะ” เด็กสาวตัวน้อยเอ่ยแทรกขึ้น

กู่ฉิงซานนั่งยองๆลง แล้วหันไปถามกับเด็กสาวตัวน้อยด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อมีฮีโร่เป็นพระเอก ถ้างั้นเธอก็คงจะเป็นนางเอกสินะ ช่วยบอกชื่อของเธอให้พี่ชายหน่อยจะได้ไหม”

พอถูกชมว่าเป็นนางเอก เด็กสาวตัวน้อยมองดูเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนโยน ความประทับใจที่มีต่อตัวเขาเพิ่มขึ้นหลายส่วนและตอบกลับไปว่า “ซีซีล่ะ ชื่อของหนูคือซีซี”

ไม่น่าจะพลาดแล้ว เพราะพ่อแม่ที่ยังดูเป็นวัยรุ่นอยู่ก็ตะโกนเรียกซีซีอยู่เหมือนกัน

กู่ฉิงซานผ่อนคลายลง และเอ่ยถาม “ซีซี ทำไมหนูถึงไม่ไปดูพิธีขึ้นครองราชย์ของจักรพรรดินีล่ะ?”

เด็กชายตัวเล็กพูดสวนทันควัน “เรื่องแบบนั้นมันน่าสนใจตรงไหน พวกผู้ใหญ่ก็เอาแต่พูดๆ กันอยู่นั่นแหละ ไม่จบไม่สิ้นสักที น่าเบื่อจะตาย”

“อื้อ อื้อ มันไม่น่าสนใจเลยสักนิด” ซีซีเอ่ยงึมงำ

กู่ฉิงซานมองดูตุ๊กตาฮีโร่ในมือของทั้งสอง

ทันใดนั้นเขาก็เอ่ยออกมาว่า “พี่ชายได้ยินมาว่าจะมีซูเปอร์ฮีโร่ที่โบยบินในอากาศได้ จะมาปรากฏตัวแล้วทำการสังหารมอนสเตอร์ต่อหน้าพระจักรพรรดินีด้วยล่ะ”

“จริงๆ เหรอ?”

เด็กน้อยทั้งสองเงยหน้าขึ้นมองกู่ฉิงซานด้วยแววตาที่เปล่งประกายสดใส

กู่ฉิงซาน “จริงๆ สิ รู้ไหมว่าตอนนี้น่ะ มอนสเตอร์มันได้ปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว และพอผู้ร้ายปรากฏตัว ก็จะถึงคราวซูเปอร์ฮีโร่ออกมาจัดการล่ะ”

ซีซีเอียงคอสงสัย เอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจว่า “พี่ชายจะไม่โกหกพวกหนูใช่ไหม?”

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างเด็ดขาด “พี่ชายไม่เคยโกหกเด็กสาวตัวเล็กๆ ที่แสนจะน่ารักหรอก”

“ว้าว! เยี่ยมไปเลย!”

ซีซีเชื่อสนิทใจ เธอลุกขึ้นยืนและวิ่งไปยังทิศทางตำแหน่งประกอบพิธี

และเด็กชายตัวน้อยก็รีบวิ่งตามเธอไปอย่างใกล้ชิด

“ฮีโร่ที่ปรากฏตัวออกมาจะเป็นแบบไหนกันนะ? ฉันขอเดาว่าเขาจะต้องเป็นซูเปอร์แมนที่ผดุงความยุติธรรมด้วยมือเปล่าแน่ๆเลย!” เด็กชายตัวเล็กพูดขณะที่กำลังวิ่ง

“ไม่หรอก เขาจะต้องเป็นฮีโร่แขนเดียวที่ใช้ดาบเป็นอาวุธต่างหากล่ะ!” ซีซีตะโกนเสียงดัง

ทั้งสองเริ่มเอะอะเถียงกัน แล้วก็วิ่งหายไป

บริเวณโดยรอบกลับคืนสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง และเมื่อเด็กน้อยน่ารักทั้งสองได้จากไป มันก็ไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ นี่อีกเลย

กู่ฉิงซานปล่อยจิตสัมผัสเทวะออกไป และเห็นว่าพ่อแม่วัยรุ่นกำลังเดินไปตามเส้นทางประกอบพิธีราชาภิเษกพอดี

และนั่นหมายความว่าเด็กน้อยทั้งสองกำลังจะได้เจอกับพ่อแม่ของตัวเองในไม่ช้า

เรียบร้อย

ช่างเป็นภารกิจที่ง่ายดาย เอาล่ะ จากนี้ไปก็ถึงตาภารกิจหลักซะที

กู่ฉิงซานตบลงในถุงสัมภาระ

ตามด้วยเกราะรบนายพลชั้นโหยวจีสีทองอ่อนที่ปรากฏออกมา มันเรียงต่อกันประกอบไปด้วย หน้ากาก เสื้อเกราะ เกราะไหล่ เกราะแขน เข็ม สนับเข่ามือ สนับเข่า รองเท้า และส่วนต่างๆ

ชุดเหล่านี้มิได้มีการตกแต่งเพิ่มเติมใดๆ พวกมันถูกแกะสลักไว้ด้วยอักษรรูนที่ดูสลับซับซ้อนและลึกซึ้ง แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกงดงามอันยากพรรณนา

“เด็กสาวตัวน้อยเดาได้ถูกต้องแล้วล่ะ ฉันใช้ดาบเป็นอาวุธจริงๆ…”

ขณะที่กู่ฉิงซานกำลังกล่าว ชุดเกราะก็แยกตัวกระจายออกจากกัน มันแหวกว่ายไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายราวกับจิตวิญญาณของปลา

ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ชุดเกราะรบนายพลชั้นโหยวจีก็ถูกสวมใส่เต็มยศ

กู่ฉิงซานสวมหน้ากากเงินและทำการล็อกสมญาเป็น ‘ผู้บัญชาการรบ’

ตามด้วยดาบพิภพและเช่าหยินที่ปรากฏตัวขึ้นอัตโนมัติ

“ถึงแม้ว่าจะทายถูกเรื่องใช้ดาบ แต่แขนทั้งสองข้างของฉันยังสมบูรณ์ดีอยู่นะ”

สิ้นเสียง ร่างของกู่ฉิงซานกระพริบไหว หายตัวไปจากสถานที่นั้น

บนแท่นระเบียงสูง

เจ้าหญิงได้มาถึงแล้ว และกำลังบอกเล่าเรื่องราวของเธอที่ถูกลักพาตัวไป

ด้วยเรื่องราวของเจ้าหญิง โลกทั้งใบก็ตกอยู่ในความโกลาหล

ทันทีที่องค์จักรพรรดิฟูซีเสียชีวิตลง กลับมีบางคนกล้าที่จะลักพาตัวเจ้าหญิง!

เจ้าหญิงคุกเข่าลงข้างชายกระโปรงของเวโรน่า ร่ำไห้อย่างเงียบๆ

เหล่าคนที่เฝ้าดู ต่างก็กำลังเฝ้ารอการตอบสนองของเธอ

เวโรน่าสูดหายใจเข้าลึกๆ และ เปล่งเสียงดังลั่นออกมาว่า “นับจากนี้ไป เราจะสวมมงกุฎในฐานะกษัตรีย์!”

“เราจะปกป้องผู้คนของเราจากความเจ็บปวดของการสูญเสียศักดิ์ศรี!”

“เราจะขุดรากถอนโคนความชั่วร้ายทั้งหมด เพื่อรักษาความสงบสุขและมั่นคงของประเทศนี้!”

“เราจะรักเด็กๆ ทุกคนในฟูซีเหมือนดั่งเช่นที่เรารักบุตรสาวตัวเอง!”

“เราขอให้คำมั่นสัญญา ว่าจะปกป้องพวกเขา!”

เธอก้าวไปข้างหน้า และหยิบเอามงกุฎจากมือพระสังฆราชแล้วสวมมันลงบนศีรษะด้วยตัวเอง

สมเด็จพระจักรพรรดินีเวโรน่า ได้ทำการสวมใส่มงกุฎด้วยตนเอง สถาปนาตนขึ้นเป็นกษัตรีย์!

“ข้า เวโรน่า คือกษัตรีย์ของประเทศนี้ และจะขอปกปักษ์รักษาประเทศนี้ด้วยมือของตนเอง!” เธอประกาศลั่น

สิ้นเสียงของเธอ ประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐ รัฐบาลกลางก็เป็นคนแรกที่ลุกขึ้นยืนพร้อมกับปรบมือให้

แล้วเสียงปรบมือก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับเสียงฟ้าผ่า

แม้จะเห็นได้ชัดว่า การแต่งตั้งตนขึ้นเป็นกษัตรีย์ด้วยตัวเองมันจะดูไม่ค่อยมีมารยาทและเหมาะสม แต่เหล่าผู้นำโลกต่างเลือกที่จะปรบมือให้เธอเพื่อชื่นชมความมานะบากบั่นและทัศนคติของเธอ

เหล่าผู้นำทั้งหมดในฉากต่างลุกขึ้นยืน

แต่ทันใดนั้นเอง น้ำเสียงที่ฟังดูประชดประชันก็ดังขึ้น

“มอนสเตอร์ยังอยู่บนท้องฟ้า ถ้าบอกว่าจะปกป้องประเทศ ก็ลองทำลายมันให้ดูทีสิ!

เสียงดังออกมาจากทางฝั่งกลุ่มทหาร

คราวนี้ เป็นรัฐมนตรีกลาโหมที่ตะโกนพูดขึ้นด้วยตัวเอง

เขาเป็นอาวุโสในขั้นห้า กล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในตัวตนที่ทรงพลังที่สุดในโลก!

ตลอดทั้งอาณาจักรฟูซี คนๆ นี้เป็นรองแค่เพียงองค์จักรพรรดิเท่านั้น

นอกเหนือไปจากองค์จักรพรรดิแห่งฟูซี ไม่มีใครกล้าไม่ไว้หน้าเขา!

หัวใจของเวโรน่าเต้นรัวตุบๆ ความโกรธปะทุพุ่งสูงขึ้น

นี่มันคือการถ่ายทอดสดออกไปทั่วโลก!

ในพิธีขึ้นครองราชย์ที่สำคัญที่สุดของเธอ…เขากล้าดีอย่างไรถึงทำเช่นนี้!

เธอพยายามอย่างหนักที่จะรักษากระแสเสียงให้มั่นคงและกล่าว “รัฐมนตรีกลาโหม ข้าขอสั่งให้เจ้าออกไปจัดระเบียบกำลังคน เพื่อพร้อมเตรียมรับมือกับศัตรู”

รัฐมนตรีกลาโหมยิ้มและกล่าวว่า “เจ้าเป็นใครกันถึงมาสั่งข้า? ก็แค่คนที่ยกมงกุฎขึ้นสวมใส่ด้วยตัวเองโดยมิได้รับการยอมรับมิใช่หรือ? เฮอะ! เกรงว่าข้าคงจะทำให้เจ้าผิดหวังซะแล้ว”

เวโรน่าส่ายหัวและกล่าวว่า “ในฐานะที่เป็นตัวตนอันทรงพลานุภาพแห่งอาณาจักร  เจ้าไม่ควรทำให้สาธารณรัฐต้องผิดหวัง”

จู่ๆ เธอก็จ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

มอนสเตอร์ยังคงดิ้นรนขัดขืน และกำลังจะหลุดออกจากโลงในไม่ช้า

“พร้อมแล้ว”

เสียงที่คุ้นเคยกังวานขึ้นในหูของเธอ

ความตึงเครียดในจิตใจของสมเด็จพระจักรพรรดินีสลายหายไปทันที

เธอเอื้อมมือออกไปลูบไล้ขนอีกา ปากอ้าเปล่งเสียงอ้อนวอนอย่างนุ่มนวล “ผู้ส่งสารแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์เอ๋ย ท่านผู้พิทักษ์แห่งข้า ยามนี้ข้าต้องการพลังของท่าน”

แล้วก็ช่างน่าแปลกใจยิ่ง เพราะดูเหมือนว่าอีกาจะเข้าใจถึงคำพูดของเธอ

มันสยายปีก ก่อนจะเริ่มโผบินออกไป

“แม่ ดูนั่นสิ เห็นไหมบอกแล้วว่าหนูไม่ได้โกหก มีมอนสเตอร์ตัวร้ายอยู่จริงๆ ด้วยล่ะ!” 

เด็กสาวตัวน้อยๆ ร่ำร้องออกมา

ท่ามกลางสายตาของทุกคน พริบตานั้นอีกาดำพลันหายวับไป และถูกแทนที่ด้วยแสงแพรวพราวสีทอง

แสงสีทองค่อยๆ ลดระดับลงอย่างช้าๆ ก่อนจะลอยนิ่งอยู่เหนือแท่นระเบียงสูง

ทุกคนต่างจ้องมองเป็นสายตาเดียว และพบว่าแท้จริงแล้วมันคือเกราะทองคำและหน้ากากเงินที่ถูกสวมใส่อยู่

ไม่มีใครสามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้ ทั้งร่างของเขาถูกห่อหุ้มด้วยเกราะสีทองอ่อน ก่อให้เกิดกลิ่นอายที่เต็มไปด้วยความลึกลับและสง่างามอย่างยากจะพรรณนา

รัฐมนตรีกลาโหมเดิมต้องการจะเอ่ยปากประชดประชันออกไปอีกหลายคำ แต่ทว่าตอนนี้ กระทั่งตัวเขาเองก็ยังถูกดึงดูดความสนใจโดยชุดเกราะทองคำนั่น ไม่อาจเอ่ยคำใดออกมาได้อยู่ครู่หนึ่ง

แม้เขาจะเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งยิ่ง แต่เขากลับไม่อาจวัดพลังและเข้าใจถึงตัวตนของอีกฝ่ายได้โดยสมบูรณ์

เดิมเมื่อเห็นฉากนี้ในทีแรก รัฐมนตรีคิดว่ามันเป็นการเล่นละครตบตาโดยฝีมือของเวโรน่า

แต่แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่ละครตบตา เพราะในฉากนี้มีมืออาชีพที่แข็งแกร่งอยู่มากมาย ดังนั้นการตบตาหรือหลอกลวงใดๆ ย่อมต้องถูกเปิดเผยได้โดยง่าย การกระทำเช่นนั้นมันย่อมเป็นไปไม่ได้!

อีกาดำหายตัวไป และกลายร่างเป็นผู้รับใช้เทพในชุดเกราะทองคำ

อีกาได้หายไปจริงๆ และเกราะทองคำเบื้องหน้านี้ก็เป็นของจริง จริงๆ!

แถมอีกฝ่ายยังสามารถลอยบนท้องฟ้าได้...

 …มีเพียงมืออาชีพขั้นห้าเท่านั้นที่จะสามารถลอยบนท้องฟ้าได้!

แถมเมื่อครู่เวโรน่ายังบอกว่าเขาเป็นผู้พิทักษ์ของเธอ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่สาธารณรัฐมีผู้พิทักษ์เป็นขั้นห้า!?

หรือว่าจริงๆ แล้วนั่นจะเป็นผู้รับใช้เทพของวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งความตายจริงๆ?

ในขณะที่คนทั้งหมดกำลังคาดเดาไปต่างๆ นาอย่างลับๆ ก็บังเกิดเสียงทุ้มต่ำดังออกมาจากหลังหน้ากากเงิน

“เวโรน่า กษัตรีย์องค์ใหม่แห่งสาธารณรัฐเอ๋ย”

“ข้าอยู่นี่แล้ว” เวโรน่ากล่าว

“นับแต่นี้ต่อไป เจตจำนงของเจ้า จะเปรียบดั่งคมดาบของอาณาจักรแห่งนี้”

เวโรน่า “เช่นนั้นขอท่านจงโปรดทำตามเจตจำนงของข้า โดยการสังหารมอนสเตอร์บนท้องฟ้าตัวนั้นด้วยเถิด””

“เพื่อกษัตรีย์ ข้ายินดีรับใช้”

จู่ๆ การไหลของกระแสอากาศทั่วบริเวณก็เริ่มเวียนว่ายรอบตัวเขาราวกับน้ำวน สนับสนุนให้ร่างในชุดเกราะทองคำให้โผทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า

ผู้คนยังไม่ทันจะได้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เกราะทองคำก็หายวับไปซะแล้ว 

“ดูนั่นสิ! ดาวตกล่ะ! มันสวยมากๆ เลย!” เด็กสาวตัวน้อยร้องออกมา

ฝูงชนคนแล้วคนเล่าก็แหงนหน้าขึ้นไปมอง

เห็นแค่เพียงท่ามกลางท้องฟ้าอันมืดมิด ปรากฏกระแสแสงดาวตกหลายแฉกวาบผ่านลงมาตามร่างของมอนสเตอร์ขนาดใหญ่

แล้วดาวตกหลายแฉกระลอกสองก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งท่ามกลางท้องฟ้า ซ้อนทับลงตามบนตัวมอนสเตอร์อีกครา

เปรียบดั่งฝนดาวตกที่กำลังหล่นจากฟากฟ้า เวียนว่ายแตกแขนงไปตามส่วนต่างๆ บนร่างกายของมอนสเตอร์

มอนสเตอร์แทบจะไม่มีเวลามากพอที่จะต่อต้าน หรือแม้กระทั่งเวลาที่จะเปล่งเสียงหวีดร้องน่าสังเวชออกมา…ทุกอย่างสายเกินไป เพราะกระทั่งในระหว่างที่กำลังบรรยายอยู่นี้ มันก็ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ ไปเรียบร้อยแล้ว!

เทคนิคลับแห่งดาบ ประทับดารา

สกิลพิเศษของสมญา ปราณดาบสุดขอบฟ้า!

“ปราณดาบสุดขอบฟ้า เมื่อใดก็ตามที่ดาบของท่านถูกปกคลุมไปด้วยปราณดาบ และท่านได้เปิดใช้งานสกิลนี้ ปราณดาบและสกิลดาบจะหลอมรวมกันพร่ามัวเป็นเงา ยามฟาดฟันจะปรากฏการณ์โจมตีเดียวกันขึ้นอีกระลอก หมายเหตุ เมื่อใช้สมญานี้ ท่านจะถูกจำกัดให้ใช้เฉพาะอาวุธดาบเท่านั้น”

เห็นได้ชัดว่าตัวมันเอง เป็นถึงปีศาจอันน่าสะพรึงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน มันได้ก่อให้เกิดความหวาดกลัวและความกดดันอย่างหนักแก่ผู้คน ทว่าเวลานี้…มันกลับตายไปอย่างง่ายดาย!

ผู้กำลังเฝ้าดูทั้งหมดช็อก ตัวแข็งค้าง 

แสงสีทองค่อยๆ ทิ้งตัวร่อนลงอย่างช้าๆ และลงมาหยุดอยู่เบื้องหน้าแท่นระเบียงสูงอีกครั้ง

เสียงลุ่มลึกดังก้องออกมาจากผู้รับใช้เทพเกราะทองคำ

“กษัตรีย์แห่งฟูซี เจ้ามีสิ่งใดจะเอ่ยสั่งอีกหรือไม่?”

เวโรน่ากล่าว “ท่านผู้พิทักษ์แห่งข้า หากมีใครบางคนมิเชื่อฟังคำสั่งของกษัตรีย์ โชคชะตาของเขาจะเป็นเช่นไร?”

“โชคชะตาของมันผู้นั้นคือจุดจบ” ผู้รับใช้เทพเกราะทองคำเอ่ยตอบ

ร่างของเขาหายวับไป และปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

พร้อมกับหัวๆ หนึ่งที่ถูกโยนตกลงมาบนแท่นระเบียงสูง

มันคือหัวของรัฐมนตรีกลาโหม!

การแสดงออกบนใบหน้าของรัฐมนตรีกลาโหมยังคงสงบ ราวกับว่าแม้กระทั่งในตอนนี้ หัวเขาก็กำลังขบคิดถึงบางสิ่งเล็กๆ น้อยๆ อยู่

ส่วนร่างกายของเขา มันยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ ไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเลย

เห็นได้ชัดว่ากระทั่งเฮือกสุดท้าย เขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าศีรษะของตนได้หลุดออกจากบ่าแล้ว!

ช่างเป็นคมดาบที่ว่องไวอะไรเช่นนี้!

เวโรน่าโค้งกายคารวะ “ขอบพระคุณท่านมาก ตอนนี้ทุกอย่างสงบดีแล้ว คราหน้าหากเกิดเภทภัยใดๆ ขึ้น  ข้าจะเรียกท่านกลับมาอีกครั้ง”

“ยินดีรับใช้เจ้าเสมอ กษัตรีย์”

เมื่อผู้รับใช้เทพเกราะทองคำเอ่ยจบ ตัวเขาก็ได้หายวับไปโดยไม่มีสัญญาณบ่งชี้ใดๆ

ไม่สิ ไม่ได้หายไปซะทีเดียว

เพราะอีกาดำได้กลับมาปรากฏตัวแทนที่อีกครั้ง

มันเปล่งเสียงร้องเล็กน้อยไปทางจักรพรรดินี ก่อนจะโผบินทะยานหายขึ้นไปในม่านเมฆ

ฉากนี้ ส่งผลให้มืออาชีพทุกคนที่เฝ้าดูอยู่ต่างตะลึงงัน! ขวัญกระเจิงไปตามๆ กัน

อีกาดำกลายร่างเป็นผู้รับใช้เทพเกราะทองคำด้วยวิธีที่ผู้คนมิอาจเข้าใจได้ และยังไม่พอ ผู้รับใช้เทพเกราะทองคำยังทรงพลานุภาพยิ่งชนิดที่ว่าสามารถสังหารมอนสเตอร์ขนาดใหญ่และรัฐมนตรีกลาโหมซึ่งเป็นขั้นห้าได้ในพริบตาเดียว!

แต่ที่สำคัญก็คือ ไม่ว่าเจ้าสิ่งที่พึ่งแปลงร่างเป็นอีกาบินหายไปจะเป็นเทพหรือไม่ก็ตาม ทว่าด้วยพลังอำนาจของเขา ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนที่หมายจะลุกฮือขึ้นต่อต้านเวโรน่าต้องสิ้นหวัง!

ในขณะนี้ เหล่ามืออาชีพที่ทรงพลังทุกคนที่กำลังรับชมอยู่ได้แต่เฝ้าถามตัวเองอย่างเงียบๆ

ว่าหากเป็นตน…จะสามารถรับมือกับอีกาดำตัวนี้ได้หรือไม่?

แน่นอนว่าคำตอบคือไม่

ทันใดนั้น สมเด็จพระจักรพรรดินีเวโรน่าก็เคลื่อนไหว

เธอก้มตัวลง ใช้มือคว้าจับผมของรัฐมนตรีกลาโหมและยกศีรษะของเขาขึ้น

สมเด็จพระจักรพรรดินีได้ยื่นใบหน้านี้หันไปทางกล้องที่ถ่ายทอดสดไปทั่วทั้งโลก

“ตัวข้า เวโรน่า สุภาพสตรีแห่งตระกูลเมดิซี พระคาร์ดินัลของเทพแห่งความตายผู้หลับใหล และสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งสาธารณรัฐฟูซี”

“ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม โปรดจงจดจำสถานะของข้าเอาไว้ และจงตริตรองให้ดี หากคิดหมายจะทำให้ข้าต้องขุ่นเคือง!”

แล้วศีรษะที่ว่านั่นก็ถูกผละออกจากมือ ร่วงตกลงจากแท่นระเบียงสูง

เหล่าผู้กำลังเฝ้าดูเงียบงันโดยสมบูรณ์

ที่ไม่เงียบก็ดูแต่จะมีเพียงเย่เฟย์หยูที่กำลังแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปาก สีหน้าท่าทีแสดงออกถึงความยกย่องและปลื้มปริ่มสุดๆ

และซางหยิงฮ่าวที่บ่นงึมงำ “เอากันถึงขนาดนี้ ต่อไปจะมีใครหน้าไหนมากล้าดูหมิ่นท่านเวโรน่าอีกเล่า…เป็นแบบนี้ต่อไปเธอก็ไม่จำเป็นต้องจ้างฉันแล้วน่ะสิ!”

…………………………………………….