ตอนที่ 320 ทะลวงเมฆ
“ทำถึงขนาดนี้แต่ยังโค่นมันไม่ลงอีกอย่างนั้นเหรอ?”
เย่เฟย์หยูอ้าปากพะงาบๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อ
หลังจากฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพเดิม มอนสเตอร์ยักษ์ก็เชิดหัวของมันขึ้นอย่างดุร้าย ร่างคนตายจำนวนมากถูกบีบอัดจนดูบิดเบี้ยวผิดรูปร่าง แปรสภาพกลายเป็นหลุมดำจากปากมหึมาที่อ้ากว้าง
หมอกสีทมิฬที่เกิดจากร่างคนตายถูกพ่นออกมาโดยมอนสเตอร์ยักษ์
และหมอกที่ว่านั่นก็ราวกับมีชีวิต มันเปล่งเสียงกรีดร้องอย่างขมขื่น โหยหวนอย่างน่าเวทนาไล่ตามติดเย่เฟย์หยูที่กำลังบินหลบหนีไปรอบๆ
มอนสเตอร์ยักษ์พ่นหมอกทมิฬของคนตายออกมาอีกครั้ง
สองหมอกอันมืดมิดไล่ติดตามเย่เฟย์หยูแลคล้ายวิญญาณตามติด ในขณะเดียวกัน หนึ่งในสองหมอกดำจู่ๆ ก็แตกตัวออก กระจายไปทั่วชั้นอากาศ ปิดล้อมเส้นทางหลบหนีของเขาอย่างกะทันหัน
“บ้าจริง!”
มันสายเกินไปแล้วที่จะหลบเลี่ยง เย่เฟย์หยูจำต้องประกบสองมือเข้าด้วยกัน เรียกกลุ่มก้อนเลือดสังหารมากุมไว้ในมือ
เลือดสังหารขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขึ้นรูปเป็นทรงกลม โอบเข้าปกคลุมทุกส่วนของร่างกายเขาโดยสมบูรณ์
บอลเลือดพุ่งตัดผ่านหมอกทมิฬ และค่อยๆ ลดระดับลงในจุดที่ห่างออกไป
ตามด้วยการปรากฏกายของเย่เฟย์หยู ที่บัดนี้กำลังก้มลงมองร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลรุนแรง เดาะลิ้นทีหนึ่งแล้วเอ่ยปากออกมาว่า “ร้ายจริงๆ นี่ขนาดว่าฉันถูกห่อหุ้มด้วยเลือดสังหารไว้ชั้นหนึ่งแล้วนะ แต่มันยังถึงขั้นรุกล้ำเข้ามากัดกินร่างกายฉันได้...”
กลุ่มก้อนเปลวเพลิงเลือดสังหารปรากฏขึ้นในมือของเขา
“ตายซะ!”
เลือดสังหารที่ลุกไหม้หายวับไปจากมือของเย่เฟย์หยู และไปปรากฏขึ้นเหนือลำตัวของมอนสเตอร์ยักษ์
เพลิงเลือดสังหารโถมเข้าห่อหุ้มศีรษะของมอนสเตอร์ยักษ์ และเริ่มเผาไหม้มันอย่างรุนแรง
ปัง!
ร่างคนตายนับไม่ถ้วนสลายหายไปในชั้นอากาศบางๆ
ทั้งหัวของมอนสเตอร์ยักษ์ บัดนี้เหลือทิ้งไว้เพียงกองกระดูกขาวเหลือคณา ร่วงตกลงไปบนทะเลสาบน้ำแข็ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเหล่ากระดูกขาวสัมผัสลงกับพื้นผิวน้ำแข็ง ภายในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่ลมหายใจ เนื้อหนังของพวกมันก็กลับมาถูกเติมเต็มดังเดิมอีกครั้ง
มอนสเตอร์ยักษ์เชิดร่างอันใหญ่โตของมันขึ้นมาอีกครา และค่อยๆ คืบคลานไปยังทิศทางของเย่เฟย์หยู
เย่เฟย์หยูกล่าวด้วยความขมขื่น “นี่มันการยากเกินไปที่จะจัดการ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันคงไม่สามารถฆ่ามันได้”
ในหัวใจของเขาค่อยๆ จมลงสู่หุบเหวไร้ก้นบึ้ง
มอนสเตอร์ยักษ์เพียงตัวเดียว...แต่เขากลับต้องทุ่มพลังเพื่อรับมือกับมันมากถึงขนาดนี้!
แล้วถ้าหากโลกทั้งใบกลายเป็นนรกเยือกแข็งเล่า? ‘คนเป็น’ จะยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกหรือ?
“การทำให้มันบาดเจ็บทีละไม่กี่ส่วนน่ะมันไม่เพียงพอ เจ้าสิ่งนั้นจะต้องถูกสังหารให้ตกตายลงโดยสมบูรณ์ก่อนที่มันจะทันได้จมลงไปหลับใหลในน้ำแข็ง” เสียงของกู่ฉิงซานดังขึ้นมาจากระยะไกล
เมื่อได้ยินเสียงของกู่ฉิงซาน เย่เฟย์หยูก็ถอนหายใจโล่งอกโดยไม่รู้ตัว ปากเอ่ยถาม “นายทำธุระของตัวเองเสร็จแล้วเหรอ?”
“ใช่ ฉันจะช่วยนายเอง” กู่ฉิงซานกล่าว
เขาเก็บสมองควอนตัมลง และถือดาบพิภพบินมาสมทบ
“ลงมือพร้อมกันนะ” กู่ฉิงซานตะโกนบอกระหว่างทาง
“ได้เลย!” เย่เฟย์หยูตอบรับคำหนึ่ง
เลือดสังหารสีชาดปะทุออกมา โถมเข้าปกคลุมทั่วร่างเขา
ตามด้วยเส้นแสงสีแดงที่วิ่งตัดชั้นอากาศ พุ่งตรงไปยังมอนสเตอร์ยักษ์
อีกด้านหนึ่ง กู่ฉิงซานก็ทำการล็อกสมญาเทพสงครามไว้ที่ “ผู้บัญชาการรบ”
มือของเขาแปรผันสัญลักษณ์อย่างว่องไว ดาบพิภพพวยพุ่งออกไปเป็นลำแสง แทงทะลุเข้าไปในร่างของมอนสเตอร์ยักษ์
สวรรค์และโลกพลันเงียบสงัดไปครู่หนึ่ง
โครม โครม โครม โครม โครม!
ตามเสียงคำรามของรังสีดาบที่ระเบิดออกมาจากภายในร่างของมอนสเตอร์ยักษ์อย่างต่อเนื่อง
ร่างคนตายนับไม่ถ้วนร่วงหล่นลงจากมัน
เทคนิคลับแห่งดาบ ฝ่าวารีเชี่ยว!
มอนสเตอร์ยักษ์คว้าจับน้ำแข็งและร่างคนตาย หมายจะใช้พวกมันเติมเต็มฟื้นฟูร่างกายที่เสียหายของตนเอง
“ตัดสินใจได้ดีไม่เลวนี่ แต่...”
ขณะกล่าว กู่ฉิงซานก็ใช้ออกด้วยเทคนิคพิเศษของสมญาที่ล็อกไว้
‘ปราณดาบสุดขอบฟ้า’
“ปราณดาบสุดขอบฟ้า: เมื่อใดก็ตามที่ดาบของท่านถูกปกคลุมไปด้วยปราณดาบ และท่านได้เปิดใช้งานสกิลนี้ ปราณดาบและสกิลดาบจะหลอมรวมกันพร่ามัวเป็นเงา ยามฟาดฟันจะปรากฏการณ์โจมตีเดียวกันขึ้นอีกระลอก”
โครม โครม โครม โครม โครม!
เสียงระเบิดคำรามของรังสีดาบดังกึกก้องขึ้นอีกครั้ง
ทั้งตนทั้งร่างของมอนสเตอร์ยักษ์สั่นสะท้าน ก้อนน้ำแข็งบนมือของมอนสเตอร์ยักษ์และเหล่าร่างคนตายทั้งหมดถูกเขย่าจนร่วงตกลง ส่งผลให้กายมหึมามิอาจฟื้นฟู และยังคงได้รับความเสียหายร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ
มือของกู่ฉิงซานแปรผันประกบสัญลักษณ์
เทคนิคลับ ประทับดารา!
และขณะเดียวกัน เขาก็ยังเปิดใช้งาน ‘ปราณดาบสุดขอบฟ้า’ อีกด้วย!
ปรากฏรังสีแสงที่แลคล้ายกับเส้นตัดของดาวตกที่ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า เคลื่อนหยุบหยับไปตามร่างกายของมอนสเตอร์ยักษ์ แตกแขนงแยกออกเป็นสิบแฉก
มอนสเตอร์ยักษ์มิอาจฝืนทนได้ไหวอีกต่อไป ตลอดทั้งกายมหึมาของมันพลันแตกกระเจิง ร่างของเหล่าคนตายที่อัดแน่นพากันแยกตัวออก ร่วงหล่นลงมาไปทั่วชั้นอากาศ
“ตานายแล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว
“รับทราบ!” เย่เฟย์หยูรับคำ
เลือดสังหารสีชาดทิ้งดิ่งลงจากเมฆ แลคล้ายพิรุณยักษ์ร่วงตกลงมา ก่อนจะแปรสภาพเป็นชั้นตาข่ายบางเบา เข้าห่อหุ้มร่างคนตายนับไม่ถ้วนที่กำลังร่วงหล่นโดยสมบูรณ์
ภายในตาข่าย เลือดเนื้อของร่างคนตายนับไม่ถ้วนพลันเลือนหายไป ทว่ากระดูกสีขาวนวลกลับยังคงอยู่
เวลานี้ มอนสเตอร์ยักษ์ในที่สุดก็ตายลงโดยสิ้นเชิงแล้ว
มันจะจมลงสู่ห้วงนิทรา จนกว่าจะกลับมาฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่ดังเดิม จึงจะลืมตาตื่นอีกครั้ง
การเคลื่อนไหวครั้งมโหฬารนี้ ส่งผลให้พื้นที่ส่วนใหญ่ในทะเลสาบน้ำแข็งได้หายไป
ฝนเย็นฉ่ำยังคงร่วงโรย
เม็ดฝนตกกระทบลงกับพื้นอย่างแรง ส่งผลให้เกิดเสียงรบกวนฟังดูวุ่นวายดังสะท้อนไปทั่ว
ใบหน้าที่กระจายอยู่ทั่วทะเลสาบทั้งหมดหุบปากเงียบ สายตาจับจ้องชายทั้งสองในอากาศอย่างว่างเปล่า
ไม่มีใครรู้ว่าพวกมันกำลังคิดอะไรอยู่
กู่ฉิงซานขยับมือ และดาบพิภพก็ร่อนกลับมาอยู่ข้างกายเขา
เย่เฟย์หยูปาดเหงื่อบนหน้าผาก ปากเอ่ยถาม “คราวนี้ถือว่าโค่นมันลงได้แล้วจริงๆใช่ไหม?”
“มันได้ตายลงแล้วอย่างสมบูรณ์ และจะต้องใช้เวลาอีกนาน กว่าจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง” กู่ฉิงซานกล่าว
เย่เฟย์หยูพ่นลมหายใจยาวบรรเทาความตึงเครียด “แล้วเจ้ามอนสเตอร์นั่นมันคือตัวอะไรกันแน่?”
“อาจจะเป็นมอนสเตอร์จากยุคอื่น ที่สามารถควบคุม ‘คนตาย’ ได้”
“กระทั่งมอนสเตอร์แบบนี้ก็ยังปรากฏออกมา...” สีหน้าของเย่เฟย์หยูแสดงถึงความวิตกกังวล “ถ้าอย่างงั้นต่อจากนี้พวกเราควรจะทำอย่างไรดี?”
“ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตฉันก็ไม่รู้หรอก แต่พวกเราจะต้องรีบจัดการกับเจ้าทะเลสาบน้ำแข็งนี่ทันที” กู่ฉิงซานกล่าว
“อ้าว นายไม่ได้พูดเองหรอกหรือว่าพวกเราไม่สามารถจัดการกับนรกแห่งนี้ได้?” เย่เฟย์หยูถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ก็ตอนนี้มันยังมีขนาดเล็กอยู่ ยังไม่ได้แพร่กระจายออกไป ดังนั้นฉันเลยยังพอมีวิธีจัดการกับมันได้” กู่ฉิงซานตอบ
เขาหยิบเอาสมองควอนตัมออกมา ปากเอ่ยถาม “การคำนวณเสร็จสมบูรณ์แล้วรึยัง?”
ตามด้วยเสียงของเทพธิดากงเจิ้งที่ดังขึ้น “แผนได้มีการถูกปรับใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์แล้ว ส่วนการคำนวณที่สอดคล้องกับแผนการได้เสร็จสมบูรณ์แล้วเช่นกัน ตามคำร้องขอของคุณ กำลังรบทางทหารจะทำการเรียกระดมกำลังพล ก่อตั้งเป็นกองยานขึ้นในไม่ช้า”
“ถ้ามีปัญหาอะไรที่มันทำให้ภารกิจล่าช้า คุณสามารถบอกฉันได้นะ”
“การบุกรุกเข้ามาในดินแดนของสาธารณรัฐฟูซี จำต้องได้รับการอนุญาตระดับสูงเสียก่อน”
“งั้นเจ้าสิ่งนี้น่าจะช่วยฉันได้” กู่ฉิงซานกล่าว
เขาเปิดสมองควอนตัม และทำการเชื่อมต่อกับซางหยิงฮ่าว
“ว่าไง สถานการณ์ทางฝั่งนายเป็นอย่างไรบ้าง” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“วางใจเถอะ ฝ่าบาทอยู่ข้างๆ ฉันนี่แหละ ท่านยังปลอดภัยดี” ซางหยิงฮ่าวกล่าว
“ขอฉันคุยกับเธอหน่อย”
“ข้าฟังอยู่ เจ้าพูดมาได้”
ไม่นานเกินรอ เสียงของจักรพรรดินีก็ดังออกมาจากสมองควอนตัม
กู่ฉิงซานเล่าความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกไป
และเพื่อเลี่ยงความไม่เชื่อถือของจักรพรรดินี กู่ฉิงซานจึงเปิดม่านแสง และเผยถึงสถานการณ์ในทะเลสาบทั้งหมดให้แก่เธอ
บังเกิดความเงียบจากปลายสาย
ผ่านไปนาน เสียงกระซิบของซางหยิงฮ่าวก็ดังขึ้น “โอ...อา...โลกของฉันกำลังจะมาถึงจุดจบแล้วอย่างนั้นหรือนี่”
จักรพรรดินีพยายามที่จะรักษากระแสเสียงให้ฟังดูปกติมากที่สุด “จากสิ่งที่เจ้ากล่าวมา ใช่กำลังบอกว่าเขาต้องการที่จะชุบชีวิตอดีตจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฟูซีขึ้นมาใช่หรือไม่”
“ไม่ใช่ต้องการ แต่เขาได้ทำไปแล้ว”
จักรพรรดินีเงียบไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยปากว่า “แล้วเจ้าต้องการให้ข้าทำอย่างไร?”
“ผมต้องการได้รับอนุญาตจากทางสาธารณรัฐฟูซี เทพธิดากงเจิ้งจะได้จัดการกับทะเลสาบแห่งนี้ตามแผนของผมที่ได้วางเอาไว้”
จักรพรรดินีกล่าวทันทีว่า “ข้าอนุมัติ! ตอนนี้ข้าจะแจ้งให้ทุกกองกำลังป้องกันทางอากาศ และใช้อำนาจศาลพิเศษให้เทพธิดากงเจิ้งสามารถเข้าสู่ฟูซีได้เลยโดยไม่ต้องมีเงื่อนไขใดๆ”
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ!”
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า ข้าต่างหากที่ยังไม่ได้ขอบคุณสำหรับน้ำใจเจ้าที่ช่วยชีวิตนี้เอาไว้”
แล้วการเชื่อมต่อก็ถูกตัดขาดไป
ทันใดนั้นก็บังเกิดเสียงดังกึกก้องขึ้นพร้อมกัน
“ไม่ว่าแกคิดจะทำอะไร มันล้วนไร้ประโยชน์” ใบหน้าหนึ่งกล่าว
“ใช่ๆ พวกเราน่ะได้ตายลงไปแล้ว และพวกเราจะไม่สามารถตายได้อีก” อีกใบหน้ากล่าว
ทุกคำ ทุกประโยคที่กู่ฉิงซานพูดออกมาเมื่อครู่นี้ เหล่าใบหน้าตลอดทั่วทั้งทะเลสาบล้วนได้ยินแทบทั้งสิ้น
ใบหน้าหนึ่งกล่าว “ปล่อยให้พวกมันทำไปเถอะ เอาไว้พอพวกเราหลุดออกไปข้างนอกได้ สิ่งเดียวที่เหลือให้พวกมันพอจะทำได้ ก็คือยื่นถวายเนื้อสดๆ และจิตวิญญาณมาให้พวกเรากิน”
“นั่นสินะ”
“ฮ่าๆ แทบจะอดใจรอไม่ไหวแล้ว”
“ตาย!”
“พวกแกจะต้องตาย!”
“ตาย!”
ใบหน้าบนทะเลสาบต่างพากันตะโกนขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
กู่ฉิงซานยังไม่ทันได้พูดอะไร สมองควอนตัมในอ้อมแขนเขาก็เริ่มตอบสนองขึ้นเสียก่อน
เทพธิดากงเจิ้ง “ใต้เท้า ทางเรากำลังเร่งติดตามมา แต่ในพื้นที่แห่งนี้มีพลังงานแปลกๆ ไหลวนอยู่ มันคอยรบกวนฉันไม่ให้ระบุตำแหน่งสมองควอนตัมของคุณ”
‘นั่นคงจะเป็นความผันผวนที่เกิดจากนรกเยือกแข็ง’ กู่ฉิงซานแอบพูดอย่างลับๆ
เขากล่าว “เปลี่ยนดาวเทียมตรวจสอบ และค้นหาโดยอ้างอิงที่ตั้งจากท้องฟ้าโดยตรง”
เทพธิดากงเจิ้ง “หมอกยังคงแพร่กระจายอย่างต่อเนื่องไปทั่วทั้งป่าดึกดำบรรพ์ ตอนนี้พื้นที่ทั้งหมดเต็มไปด้วยหมอกหนา ฉันไม่สามารถระบุตำแหน่งท้องฟ้าทางภูมิศาสตร์ได้”
“แล้วทีนี้พวกเราจะทำอย่างไรดี?” เย่เฟย์หยูทนไม่ไหวต้องพูดออกมา
อาณาเขตทะเลสาบกำลังค่อยๆ แพร่กระจาย ขยายตัวขึ้นตลอดเวลา และหากคิดกำจัดมัน ก็ไม่สมควรที่จะเกิดความล่าช้าใดๆ
กู่ฉิงซานไตร่ตรองสักพักก็หัวเราะออกมา
“นายหัวเราะอะไร?” เย่เฟย์หยูเอ่ยถาม
“ก็จู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่า การที่ตัวเองได้ไปเรียนในโรงเรียนสอนการแสดงมันไม่ได้เป็นการเก็บเกี่ยวที่ไร้ความหมายเลยน่ะสิ”
มองไปยังท่าทีสับสนของเย่เฟย์หยู กู่ฉิงซานก็เอ่ยอธิบาย “มีภาพยนตร์ในยุคโบราณเรื่องหนึ่งที่ได้สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ฉัน และมันได้บ่งบอกถึงวิธีที่จะจัดการกับสถานการณ์นี้”
“นั่นใช่พวกคาถาโบราณอะไรแบบนี้หรือเปล่า” เย่เฟย์หยูคิดก่อนจะกล่าว
“มันย่อมเป็นคาถา”
กู่ฉิงซานยกดาบพิภพขึ้น ชี้ปลายแหลมไปบนท้องฟ้า
ก่อนจะเปล่งประโยคเดียวกันกับหนังดังย้อนยุคออกมา
“หนึ่งศรพุ่งทะลวงผ่านชั้นเมฆ แผลงฤทธิ์ดังอาชานับพันหมื่นบรรจบกัน”
………………..………………..