ตอนที่ 315 เบาะแสของวันสิ้นโลก
องค์จักรพรรดิยังคงล้มลงกับพื้น แน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อนอีกต่อไป
ภายในห้องประชุม แสงยังคงสว่างเรืองรอง ทว่าเสียงกลับเงียบสงัด
จักรพรรดินีตอนแรกดูค่อนข้างจะสับสน แต่แล้วเมื่อตริตรอง ปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ เข้าด้วยกัน ความโกรธก็เริ่มเข้ามาแทนที่
กู่ฉิงซานยืนอยู่ข้างๆ และระลึกย้อนไปถึงสิ่งต่างๆ ที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้
ทันใดนั้นเขาก็พลันนึกได้ถึงใครคนหนึ่ง
จ้าวสมุทรหลี่ตงหยวนแห่งรัฐบาลกลาง ช่างเหมือนกันกับองค์จักรพรรดิแห่งฟูซี ที่มิอาจปัดป้องการโจมตีจากดาบของตนได้
ถึงแม้ว่าในที่สุดเทคโนโลยีการโคลน จะสามารถจำลองพละกำลังของมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์ แต่มันก็ยังคงมีข้อบกพร่องอยู่ดี
และข้อบกพร่องที่ว่านี้ ก็คือความทรงจำนั่นเอง
เมื่อความทรงจำมีปัญหา สำหรับมืออาชีพแล้ว นั่นหมายถึงประสบการณ์การต่อสู้นับไม่ถ้วนของเขาจะตกอยู่ในสภาวะสับสนและวุ่นวาย
ในฐานะที่เป็นถึงมืออาชีพที่ทรงอำนาจ แต่ดันไม่รู้ถึงวิธีที่จะสามารถควบคุมมัน ย่อมส่งผลให้เกิดจุดอ่อนจำนวนมากในยามต่อสู้
และบางครั้งจุดอ่อนเล็กๆ ก็เพียงพอแล้วที่จะเป็นตัวกำหนดถึงชีวิตและความตาย
“จ้าวสมุทร...” กู่ฉิงซานเอ่ยพึมพำ
แผนของสาธารณรัฐฟูซี ดูท่าว่าจะเกี่ยวข้องกับคนระดับสูงของรัฐบาลกลาง
แท้จริงแล้ว สิ่งที่พวกเขาต้องการจะทำมันคืออะไรกันแน่?
กู่ฉิงซานครุ่นคิด และตัดสินใจที่จะป้องกันปัญหาก่อนที่มันจะเกิดขึ้น
“เทพธิดากงเจิ้ง คุณช่วยทำการแจ้งเทพนักสู้ด้วยว่า หลังจากการพิจารณา ท่านประธานาธิบดีอาจตกอยู่ในอันตรายได้ ขอให้เขาคอยระมัดระวังเอาไว้ด้วย” กู่ฉิงซานกล่าว
“รับทราบแล้วใต้เท้า” เทพธิดาตอบรับ
ทันใดนั้นเอง ‘ก๊อกๆๆ’ ใครบางคนก็เคาะประตูขึ้น
กู่ฉิงซานกับจักรพรรดินีเหลือบตามองกันวูบหนึ่ง
“มีเรื่องอะไร?” จักรพรรดินีเปล่งเสียงดังเอ่ยถาม
“ท่านรัฐมนตรีอาวุโสมีเรื่องที่จะรายงาน” คนด้านนอกกล่าว
“ข้ามีบางสิ่งที่จำต้องพูดคุยกับฝ่าบาท เจ้าจงกลับไปก่อน แล้วค่อยมารายงานพระองค์ในวันพรุ่ง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
แล้วเสียงจากภายนอกก็เงียบลง
ทว่ากลับมิได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น
คนที่ยืนอยู่ภายนอก...ยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าประตู!
พวกเขามิได้จากไปไหน
สีหน้าของจักรพรรดินีเปลี่ยนไปเล็กน้อย และอดไม่ได้ที่จะเผลอก้าวถอยหลังไป
กู่ฉิงซานปล่อยจิตสัมผัสเทวะเพื่อทำการสังเกตการณ์อีกฝ่ายโดยตรง
แต่แล้วเขาก็เห็นว่ารัฐมนตรีสองคนที่ยืนอยู่ด้านนอกประตูกำลังขยิบตาให้กัน
คลื่นความผันผวนอันแข็งกร้าวระเบิดออกมาจากตัวพวกเขา
“สองมืออาชีพขั้นห้า!?”
เมื่อสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวนอกประตู น้ำเสียงของจักรพรรดินีก็พลันแหบแห้ง
เธอหันหน้าไปมองกู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานพยักหน้าเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เธอคิดน่ะถูกแล้ว
‘มืออาชีพขั้นห้า’ นับว่าเป็นตัวตนที่หาได้ยากยิ่งในโลกใบนี้
สองตัวตนอันทรงพลังดันปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันในคราเดียวได้อย่างไร?
“ท่านไปเปิดประตู”
กู่ฉิงซานลดดาบพิภพลงและกล่าว
จักรพรรดินีลังเลเล็กน้อย ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าและเปิดประตู
พร้อมกับสองใบหน้าอันคุ้นเคยปรากฏขึ้นสู่สายตาเธอ
ทั้งคู่เป็นรัฐมนตรีเก่าแก่ของสาธารณรัฐ และไม่เคยฝึกยุทธมาก่อนในชีวิต
แต่ในขณะนี้ ดูเหมือนว่า ทั้งคนทั้งร่างของพวกเขาจะคุกรุ่นไปด้วยพลังอำนาจของธาตุทั้งห้า แปรเปลี่ยนเป็นมืออาชีพอันทรงพลานุภาพอย่างกะทันหัน
สองรัฐมนตรีก็ดูจะตกตะลึงไปเช่นกัน
พวกเขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าเปิดประตูอย่างกะทันหัน
‘หรือว่าจริงๆ แล้วมันจะไม่ได้มีปัญหาอะไร?’
แต่แล้วจู่ๆ กู่ฉิงซานก็หายตัวไป
เขาปรากฏกายขึ้นอีกครั้งด้านหลังของรัฐมนตรีอาวุโส พร้อมกับสันดาบยาวที่ฟาดลงบนหลังคออีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน
ชายคนนั้นล้มลงกับพื้น สิ้นสติไป
รัฐมนตรีอาวุโสอีกคนหนึ่งเร่งตอบสนองทันที เขาก้าวเท้าเตรียมแยกตัวถอยฉากออกมา
อย่างไรก็ตาม ดาบพลันกะพริบไหว เสี้ยวพริบตาเดียวมันมาถึงตัวเขาซะแล้ว
‘ช่างเป็นดาบที่รวดเร็วนัก!’
รัฐมนตรีอาวุโสรีดความแข็งแกร่งของตนออกมา สองมือของเขากระชากชั้นดินที่สาดประกายสีเหลืองอมน้ำตาลขึ้นมาครอบคลุมสองแขน และใช้มันบดบังเบื้องหน้าของตนเอง
เปรี๊ยะ!
คมดาบพลิกผลันในทันใด สันดาบฟาดลงบนสองแขนของเขาที่ยกขึ้นต่อต้าน
‘น่าแปลก เห็นอยู่ชัดๆ ว่ามันเป็นการฟาดเพียงเล็กน้อย แต่กลับสามารถระเบิดพลังออกมามากมายขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?’
รัฐมนตรีอาวุโสเพียงแค่คิด หลังคอของเขาก็เริ่มรู้สึกปวดตุบๆ
วิสัยทัศน์ของเขามืดบอด ทั้งคนทั้งร่างทิ้งตัวลงนอนแนบพื้น
เทคนิคลับแห่งดาบ กลืนกินหวนกลับ!
เมื่อฟาดดาบออกไป จะปรากฏดาบเดียวกันกับดาบที่ว่าโผล่ออกมาโจมตีเบื้องหลังของศัตรู
กู่ฉิงซานเก็บดาบกลับคืน และใช้มือคนละข้าง ลากรัฐมนตรีข้างละคนเข้ามาในห้องประชุม
จักรพรรดินีปิดประตูตามอย่างรวดเร็ว
“ท่านสามารถระบุตัวตนของพวกเขาได้หรือไม่” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นผู้รับใช้ข้างกายที่ขาดไม่ได้ขององค์จักรพรรดิ แต่แน่นอน ว่านี่มิใช่พวกเขาคนเดิม” จักรพรรดินีตอบ
เธอมองไปยังกู่ฉิงซาน และอธิบายว่า “เพราะจริงๆ แล้วพวกเขาเคยเป็นเพียงแค่คนธรรมดา”
“ได้ยินเช่นนี้ก็คงไม่จำเป็นต้องกังวลอีกแล้ว” กู่ฉิงซานพยักหน้า
เขาวางมือลงบนหน้าผากของชายคนหนึ่ง
วิชาลับค้นวิญญาณ!
และหัวของชายคนนั้นก็ระเบิดออกโดยตรงทันที
การค้นวิญญาณ...ล้มเหลว!
กู่ฉิงซานยื่นเอื้อมมือของเขาออกไป และวางลงบนหน้าผากของอีกคนหนึ่ง
แต่ชายคนนี้ก็เป็นเช่นเดียวกันกับองค์จักรพรรดิ นั่นคือสติปัญญาได้ตายลงทันที
“เป็นร่างโคลนทั้งหมดเลย” กู่ฉิงซานเอ่ยพึมพำ
อย่างไรก็ตาม คราวนี้ ในที่สุดเขาก็ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาแล้ว ถึงแม้มันจะเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวความทรงจำอันเลือนรางก็ตามที
ท่ามกลางม่านหมอกสีขาว องค์จักรพรรดิแห่งฟูซีกำลังถือศีรษะที่ชุบไปด้วยทองคำ ก้าวเดินออกไปเบื้องหน้า
และศีรษะที่ว่านั่นคือหัวของผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐฟูซี
“เจ้าจงรับหน้าที่จัดการประเทศให้กับข้าชั่วคราว” องค์จักรพรรดิแห่งฟูซีเอ่ย
อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น “แล้วถ้าหากเราถูกเปิดเผยเล่า?”
องค์จักรพรรดิฟูซีเอ่ยปากกล่าวโดยมิย้อนหันกลับมามอง “นั่นไม่สำคัญหรอก แค่ขอให้เจ้าจงยื้อเวลาให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ที่เหลือข้าจะจัดการมันอย่างเหมาะสมเอง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเตรียมรับมือกับทุกสิ่งที่กำลังจะมาถึง...”
“ในการเผชิญหน้ากับสิ่งที่มิอาจต้านทานได้ ชะตากรรมของมวลมนุษย์ทั้งหมดคงถึงคราสิ้นสุดลง”
น้ำเสียงของเขาดูเหมือนจะเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความโศกเศร้า ทว่าขณะเดียวกันกลับเต็มไปด้วยความคลั่งไคล้และตื่นเต้น
องค์จักรพรรดิเดินเข้าไปในหมอกสีขาว และค่อยๆ หายไป
พร้อมกับเศษเสี้ยวความทรงจำที่สิ้นสุดลง
กู่ฉิงซานพยักหน้าอย่างเงียบๆ
แม้ว่าเขาจะได้รับมาเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ ของเรื่องราวทั้งหมด แต่เขาก็พอจะคาดเดาได้เจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว
ว่าแต่ใครกันคือคนวงใน? ใครกันที่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้อีกบ้าง?
องครักษ์วังในที่แห่งนี้ก็สมควรที่จะถูกตรวจสอบด้วย
“ผมจะเป็นคนเก็บกวาดที่นี่เอง ส่วนท่านก็ขอให้ไปเรียกองครักษ์สักสองคนมาที่นี่เถอะ” กู่ฉิงซานกล่าวแนะนำ
“เข้าใจแล้ว”
จักรพรรดินีก็รู้สึกว่าสถานการณ์มันแปลกๆ จึงตอบสนองทันที
เธอออกไปสักพัก ก็นำองครักษ์สองคนมา
ดาบยาวกะพริบไหว
สององครักษ์ถูกเคาะกบาลจนสิ้นสติลง
กู่ฉิงซานตรวจสอบคร่าวๆ และพบว่าทั้งสองคนเป็นมืออาชีพขั้นสาม
แล้วเขาก็เริ่มต้นใช้งานวิชาค้นวิญญาณอีกครั้ง
และคราวนี้ก็ประสบความสำเร็จอย่างราบรื่น เขาสามารถได้รับความทรงจำจากทั้งสอง
“องครักษ์สองคนนี้ไม่มีปัญหาอะไร” กู่ฉิงซานกล่าว “ส่วนความทรงจำขององค์จักรพรรดิและรัฐมนตรีนั้นบอบบางและไม่มั่นคงเป็นอย่างยิ่ง”
“เจ้าคิดว่าองค์จักรพรรดิยังมีชีวิตอยู่หรือไม่” จักรพรรดินีเอ่ยถาม
“พระองค์ยังคงมีชีวิตอยู่ และมีแนวโน้มเป็นไปได้สูงว่ากำลังปลีกตัวไปทำอย่างอื่น” กู่ฉิงซานกล่าว
ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็ยังคงเป็นสามีภรรยากัน แต่กู่ฉิงซานก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดีว่าทัศนคติหรือความคิดในส่วนลึกของจักรพรรดินี จะเป็นอย่างไร
จักรพรรดินีเอ่ยเสียงเย็น “เมื่อครู่ทั้งสองคนนี้มีเจตนาฆ่า เจ้ารู้หรือไม่?”
นั่นสินะ อย่างไรเสียเธอก็ยังเป็นมืออาชีพ จึงสามารถวินิจฉัยเรื่องนี้ได้อย่างถูกต้อง
กู่ฉิงซานลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับในที่สุด
จักรพรรดินีปาดน้ำตาของเธอ และกล่าวอย่างไร้ความรู้สึกบนใบหน้า “ตั้งแต่ที่เขาวางแผนไว้แบบนี้แล้ว ดังนั้นความผูกพันสุดท้ายที่ข้ามีต่อเขาก็คงจะต้องจบลง”
“นั่นนับว่าเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดที่สุดแล้ว มาเถอะฝ่าบาท พวกเราควรจะรีบออกไปจากที่นี่ทันที” กู่ฉิงซานกล่าว
จักรพรรดินีแม้จะตกใจกับคำตอบในเชิงเห็นด้วยของเขา แต่เธอก็ตอบสนองทันที
การที่สามารถนำเอาตัวตนอันทรงพลังอย่างขั้นห้าถึงสองคนมาใช้สอยอย่างง่ายดายแบบนี้ ใครจะรู้ว่ากำลังรบที่แท้จริงของอีกฝ่ายจะมีมากมายขนาดไหน?
ทว่าเพียงทั้งสองกำลังจะเริ่มจากไป ก็บังเกิดเสียงดังขึ้นอย่างกะทันหันอีกครั้ง
ก๊อก!
ก๊อก!
ก๊อก!
มันคือเสียงเคาะประตูอีกครา
“มีเรื่องอะไร?” จักรพรรดินีเอ่ยถาม
“ข้าราชบริพารระดับสูงมีบางสิ่งที่จะต้องรายงาน” คนภายนอกเอ่ย
ฟังจากเสียงแล้ว ดูเหมือนว่าจะมากันสี่คน
“ข้ามีบางสิ่งกำลังหารือกับฝ่าบาท พวกเจ้าจงกลับไปก่อนแล้วค่อยมารายงานในวันพรุ่ง” จักรพรรดินีกล่าว
“พ่ะย่ะค่ะ”
แล้วเสียงพูดก็หายไป
ทว่ากลับมิมีเสียงฝีเท้าปรากฏขึ้น
เหล่าผู้คนภายนอกประตูยังคงยืนอยู่ที่นั่น มิได้จากไปไหน
กู่ฉิงซานปล่อยจิตสัมผัสเทวะออกไป และก็เช่นเคย เขาพบว่าทั้งสี่คนเป็นมืออาชีพขั้นห้า!
จักรพรรดินีหันไปมองกู่ฉิงซาน เอ่ยถามอย่างร้อนรน “แล้วตอนนี้ข้าสมควรต้องทำสิ่งใด”
กู่ฉิงซาน “ผมจะไม่แสดงความเมตตาต่อพวกมันอีกต่อไปแล้ว”
เพราะในครั้งนี้ การที่จะทำให้คนทั้งหมดล้มสิ้นสติลงในระยะเวลาสั้นๆ มันนับว่าไม่ง่ายเลย
มืออาชีพทั้งสี่คนที่มีความแข็งแกร่งอยู่ในขั้นห้า อำนาจการทำลายล้างย่อมทรงพลัง แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีประสบการณ์ต่อสู้ก็ตามที
อย่างไรก็ตาม จะเกิดการต่อสู้ขึ้นไม่ได้ เพราะนั่นหมายถึงสัญญาณเตือนให้คนอื่นๆ ได้รู้
ในกรณีที่ศัตรูตื่นตระหนก สถานการณ์จะเลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว
ดังนั้น กู่ฉิงซานจึงลงมือให้เร็วยิ่งกว่า และจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด!
จักรพรรดินี “ออกไปฆ่าพวกเขาทั้งหมดเสีย”
“น้อมรับบัญชา”
กู่ฉิงซานทำการสับเปลี่ยน สมญาเทพสงคราม ไปเป็น ‘ไพ่ตายนักฆ่า’
เขาโบกมือส่งสัญญาณไปทางจักรพรรดินี
จักรพรรดินีหัวเราะเสียงดังออกมาและตะโกนออกไปว่า “พวกเจ้ายังไม่จากไปอีกหรือ? เช่นนั้นก็ได้! ฝ่าบาทบอกให้พวกเจ้ารีบๆ เข้ามาคุยเรื่องที่ว่าให้มันจบๆ ไป!”
ทั้งสี่ด้านนอกประตูพอได้ฟัง ก็หันมาสบตากันอย่างช่วยไม่ได้
อ้าว? ไม่ได้มีอะไรผิดปกติหรอกหรือ?
“เปิดประตู” เสียงกระซิบเบาๆ ลอยมา
และประตูก็เปิดออกในเวลาเดียวกัน
พร้อมกับร่างของกู่ฉิงซานที่หายวับไปจากสถานที่เดิม
ตามด้วยร่างเงาดาบสีทมิฬที่กำลังเบ่งบานสะพรั่งท่ามกลางฝูงชนทั้งสี่
สามในสี่ตายทั้งๆ ที่ยังยืนอยู่ที่นั่น
“แกมัน-” ชายคนเดียวที่รอดชีวิตมาได้โดยบังเอิญ เผลอก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว
แต่แล้วเสียงของเขาก็ต้องขาดห้วงลง พร้อมด้วยประกายแสงจันทร์สีนวลผ่องที่วาบผ่าน
ปริมาณปราณดาบจำนวนมากเวียนว่ายอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นลม ซัดสาดไปตามทางเดิน
เลือดถูกพัดกระพือโดยคมดาบ สาดกระเซ็นลงบนผนัง ส่งผลให้โถงทางเดินอันงดงามในวังบัดนี้ชุ่มโชกไปด้วยเลือด
แขนขากระจัดกระจายอยู่ในสถานที่เดียวกัน
พร้อมกับร่างของกู่ฉิงซานที่ปรากฏขึ้น
เขาโบกดาบพิภพในมือ สะบัดเหวี่ยงคราบเลือดทั้งหมดที่ติดอยู่บนใบดาบออกไป
“ตัดสินว่านี่คือการสังหารในกระบวนท่าเดียว คุณได้รับพลังวิญญาณกลับคืน”
“ตัดสินว่านี่คือการสังหารในกระบวนท่าเดียว คุณได้รับพลังวิญญาณกลับคืน”
“ตัดสินว่านี่คือการสังหารในกระบวนท่าเดียว คุณได้รับพลังวิญญาณกลับคืน”
พลังวิญญาณของกู่ฉิงซานถูกฟื้นฟูกลับคืนมาดังเดิมอีกครั้ง
เขาย่ำเท้าลงเบาๆ เพื่อทะยานตัวกลับไปในห้องประชุม
จักรพรรดินีที่กำลังจ้องมองดูฉากนี้ ตกตะลึงชะงักงันไปครู่หนึ่ง
และจู่ๆ เธอก็เอ่ยถามออกมา “เหตุใดตัวตนดั่งเช่นเจ้าถึงยังไม่เป็นที่รู้จัก?”
กู่ฉิงซาน “ผมก็เป็นที่รู้จักนะ ในฐานะนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงอย่างไรล่ะ”
จักรพรรดินีถอนหายใจและกล่าว “เจ้ามักจะใช้วิธีนี้แก้ต่างอย่างนั้นหรือ”
“แน่นอน เพราะผมก็เป็นนักวิทยาศาสตร์จริงๆ นี่นา”
เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก จึงเอ่ยถาม “ว่าแต่ท่านพอจะทราบไหม ว่าสถานที่ที่องค์จักรพรรดิออกไปล่าสัตว์คนเดียวมันอยู่ในตำแหน่งไหน”
“หุบเขาหวงหยุน” จักรพรรดินีกล่าว
ในหัวใจของกู่ฉิงซานหม่นทะมึน
นี่มันไม่ผิดพลาดแล้ว
จุดจบของโลกกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า
“ผมคงจำเป็นต้องออกไปสำรวจที่นั่นทันที” กู่ฉิงซานกล่าว
“แล้วข้าเล่า? ไหนจะบุตรสาวของข้าอีก พวกเราจะทำอย่างไรหากเจ้าจากไป” จักรพรรดินีเร่งเอ่ยถาม
“ผมจะหาสหายที่ไว้ใจได้มาปกป้องท่าน และแน่นอน ถ้าหากท่านยินดีจะจ่ายรางวัลตอบแทนบางส่วนออกไป สหายของผมย่อมเต็มใจที่จะทุ่มเทปฏิบัติภารกิจนี้อย่างเต็มที่”
“รางวัลประเภทใดกัน” จักรพรรดินีกำหมัดแน่น ปากเอ่ยถาม
“เงิน” กู่ฉิงซานเอ่ยออกมาเพียงคำเดียวสั้นๆ
จักรพรรดินีถอนหายใจโล่งอก
สำหรับราชวงศ์ฟูซี สิ่งที่มีค่าน้อยที่สุดก็คือ ‘เงิน’
“เช่นนั้นก็ตกลง”
“ผมต้องได้รับการอนุมัติสิทธิ์ในการบินเหนือน่านฟ้าพระราชวังจากท่าน” กู่ฉิงซานกล่าว
“ตราบใดที่มีคำเชิญอิเล็กทรอนิกส์จากข้า สหายเจ้าจะไม่ถูกขัดขวางแน่นอน” จักรพรรดินีกล่าว
“เกรงว่ามันจะไม่ทันการ นี่เป็นเรื่องเร่งด่วน ผมต้องการให้ท่านเปิดพื้นที่ห้ามบิน เพื่อให้พวกเขาทำการลงจอดหน้าพระราชวังโดยตรงในทันที”
“แต่นั่นจะต้องใช้อำนาจสูงสุด และหากข้าสั่งใช้งานมัน ทุกคนในระบบป้องกันพระราชวังก็จะรับรู้ด้วย”
“แต่ไม่ว่าอย่างไรท่านก็จะต้องเปิดมัน ส่วนผมขอตัวโทรหาหุ้นส่วนสักครู่” กู่ฉิงซานกล่าวและขอแยกตัวออกไป
เขาหยิบสมองควอนตัมออกมา แล้วทำการเชื่อมต่อหาซางหยิงฮ่าว
“มีเรื่องอะไรเหรอ?” ปลายสายเอ่ยสวนกลับมา
“มีธุรกิจมาเคาะประตูถึงที่น่ะ” กู่ฉิงซานกล่าว
“ธุรกิจอะไรล่ะ?”
“คุ้มครองบุคคลสำคัญ”
“เฮ้พี่ใหญ่ ที่นี่คือสมาคมนักฆ่านะ ไม่ใช่บริษัทรักษาความปลอดภัย” ซางหยิงฮ่าวกล่าวอย่างหมดหนทาง
กู่ฉิงซาน“งั้นฉันมีอีกธุรกิจหนึ่งที่จะแนะนำให้นาย”
“ว่ามาสิ”
“สังหารหมู่ทุกคนที่อยู่ใกล้เป้าหมาย”
“…”
………………..………………..