ตอนที่ 203 ธาตุทั้งห้า
ภายในวันเดียวกัน ช่วงเวลาต่อมา กู่ฉิงซาน แอนนา และซางหยิงฮ่าว ก็เดินทางกลับมายังวิลล่าบนยอดเขา
“โอ้พระเจ้า! ถึงฉันจะได้ข่าวมาแล้วก็เถอะ แต่ก็ยังไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี!” เหลียวฮังวิ่งออกไปต้อนรับทั้งสามถึงหน้าประตู
เขาจดจ้องมายังองค์หญิงแอนนา เก็บรายละเอียดใบหน้าอันงดงามของเธออย่างรอบคอบ ก่อนจะเริ่มเบนสายตาลงไปสำรวจเรือนร่างของหญิงสาว
สีหน้าของเขาปรากฏร่องรอยของความตื่นเต้นอันหาดูได้ยากยิ่ง ปากเอ่ยตะโกนออกมาอย่างดัง “องค์หญิงแอนนา ฝ่าบาทที่เคารพ กระหม่อมในฐานะนักรบผู้กล้าหาญของท่าน ขอสาบานว่าจะปกป้องท่านเอง โปรดวางพระทัยในยามพำนักอยู่ในสถานที่แห่งนี้เถอะ”
“ถ้าฉันจำไม่ผิด วิลล่านี้มันเป็นของฉันไม่ใช่รึไง ทำไมถึงมีคนอื่นมาทำตัวเป็นเจ้าของแทนซะล่ะนี่” ซางหยิงฮ่าวเอ่ยด้วยความไม่พอใจ
เหลียวฮังทำราวกับอีกฝ่ายเป็นเพียงอากาศธาตุ เขาโค้งคำนับเล็กน้อยด้วยท่วงท่าที่ดูสง่างาม ยื่นมือข้างหนึ่งเอื้อมไปทักทายแอนนา
ภายในจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ การจุมพิตลงบนมือถือเป็นพิธีกรรมทักทาย หากว่ากันตามมารยาท แอนนาสมควรที่จะยื่นมือออกไปตอบรับ และยินยอมให้อีกฝ่ายจุมพิตลงบนหลังมือ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพในตัวอีกฝ่าย
“ฉันขออนุญาตเอ่ยถามจะได้ไหม เขาคือ...?” แอนนายังไม่ได้ยื่นมือออกไป แต่กลับรีบหันมากระซิบถามกับกู่ฉิงซานแทน
ทว่ากู่ฉิงซานยังมิทันจะได้เอ่ยตอบ ซางหยิงฮ่าวก็ชิงตัดหน้าเขาเสียก่อน “เขาก็คือตาแก่บ้ากาม ที่ฉันได้บอกไปตอนแรกยังไงล่ะ”
“โอ้ ที่แท้ก็คุณนั่นเอง ยินดีที่ได้พบกันนะคะ” แอนนากล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่มิได้ยื่นมือออกไปจับทักทาย
เหลียวฮังยังคงยื่นมือออกมาอยู่อย่างนั้น ราวกับว่าเขาไม่ยินยอมที่จะชักมือกลับไปหากริมฝีปากตนยังคงมิได้จุมพิตลงบนมือนุ่มละมุนขององค์หญิง
ในปากของเขาเอ่ยงึมงำซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ฝ่าบาทช่างงดงามยิ่งนัก โปรดอนุญาตให้กระหม่อมรับหน้าที่ดูแลทำความสะอาดห้องบรรทมและซักรีดฉลองพระองค์ด้วยเถิด กระหม่อมสัญญาว่าจะปฏิบัติหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด!”
“ห้องนอนกับเสื้อผ้าของฉัน!?” แอนนาเอ่ยทวนซ้ำ
“ถูกต้องแล้วฝ่าบาท กระหม่อมจะรับใช้พระองค์ดั่งทาสผู้ซื่อสัตย์ โปรดวางพระทัยให้กระหม่อมเป็นคนจัดการ” เหลียวฮังกล่าวอย่างรวดเร็ว
สองคิ้วขนงของแอนนาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
กู่ฉิงซานเริ่มรู้สึกปวดหัว และกำลังจะออกหน้าเอ่ยปาก ทว่าเขากลับถูกแอนนาหยุดเอาไว้เสียก่อน
“ทาสผู้ซื่อสัตย์สินะ ดี ดีมาก” แอนนากล่าวเน้นย้ำทีละคำด้วยสองตาที่หรี่แคบลง
“อยากจะเป็นก็เป็นได้อยู่หรอก แต่ถ้าคุณกล้าที่จะเหยียบเข้าไปในห้องนอนของฉันหรือสัมผัสแม้กระทั่งปลายชายเสื้อผ้าของฉันแล้วล่ะก็…”
เธอจับลงบนลูกบิดประตูที่ทำจากโลหะ พริบตาเดียวมันก็ละลายหลุดออกมากลายเป็นก้อนกลมๆ จากนั้น มันก็ถูกแอนนายืดออก แปรสภาพกลายเป็นเหล็กแหลมเรียวบาง
วินาทีต่อมา เหล็กแหลมที่อยู่ในมือของแอนนาก็พลันกะพริบวาบ เปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นรอบตัวมัน
บรรยากาศโดยรอบเริ่มบิดเบี้ยว อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นจนทุกผู้คนรู้สึกว่าตนกำลังอยู่ในเตาหลอมเหล็ก
แอนนายกเหล็กแหลมที่กำลังลุกไหม้ขึ้นมาเบื้องหน้า ก่อนจะใช้ลิ้นลามเลียลงบนมันพร้อมกับเปลวเพลิงที่ยิ่งลุกท่วมขึ้นกว่าเดิม แสดงการกระทำดังกล่าว เพื่อเน้นย้ำความนัยของประโยคครึ่งหลังที่ยังมิได้เอ่ยออกมาจนจบ
“ฉันจะทำให้คุณได้รู้ซึ้งเอง ว่าการถูกเหล็กแหลมที่ลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิงนี้ เสียบลึกเข้าไปในร่างกายมันจะรู้สึกยังไง”
กลิ่นอายอันตรายฟุ้งกระจายอยู่รอบกายเธอ
ทั้งคนทั้งร่างของเหลียวฮังชะงักงันราวกับตัวโง่งม
บริเวณโดยรอบ ปรากฏแค่เพียงเสียงของสายลมที่ปลิดปลิวพัดผ่าน
เหลียวฮังจ้องมองเหล็กแหลมที่กำลังสาดประกายลุกไหม้ แม้มันจะร้อนแรง ทว่าตัวเขากลับสั่นสะท้านและ สัมผัสได้ถึงความรู้สึกเย็นเยียบไปถึงไขสันหลัง
สีหน้าท่าทีของเขาแปรเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ปากเอ่ยกล่าว “ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย ไม่ว่าใครก็มิอาจหาญ กล้าแตะต้องพระองค์ กระหม่อมขอรับประกันด้วยชื่อเสียงที่สั่งสมมา ว่าจะไม่มีที่นี่ใครกล้าหมิ่นเกียรติของพระองค์อย่างแน่นอน”
“ได้ยินเช่นนั้นเราก็วางใจ บางทีพวกเราอาจจะสามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขก็ได้”
แอนนาเอ่ยปากกล่าว เปลวเพลิงที่ลุกไหม้มอดดับลง เหล็กแหลมถูกหลอมเป็นทรงกลม ก่อนจะถูกแปะกลับคืนลงบนบานประตูและแปรสภาพเป็นลูกบิดดังเดิม
หลังจากนั้นเหล่าผู้คนก็พากันก้าวผ่านบานประตูเข้ามาภายใน
“เย่เฟย์หยูล่ะ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“มันพึ่งกลับมาได้ไม่นาน แต่ก็รีบออกไปอีกแล้ว พอถามก็บอกว่าจะไปฆ่าคน” เหลียวฮังกล่าว
“อย่างนั้นเหรอ ดูเหมือนว่าเขาจะขยันไม่เลวเลย” กู่ฉิงซานเอ่ยยกย่องคำหนึ่ง
“ฆ่าคน? นี่นายสนับสนุนให้สมาชิกในทีมออกไปฆ่าคนอย่างนั้นเหรอ?” แอนนาเอ่ยถามถึงบางสิ่งที่เธอมิอาจเข้าใจได้
“ใจเย็นๆนะ คนที่พึ่งออกไป คือผีดิบนักฆ่าตนแรกและเป็นตนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก เขาจำเป็นต้องฆ่าเพื่อเพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง”
“ถ้าอย่างนั้น หมายความว่าตอนนี้พวกเรากำลังยืนอยู่ฝั่งเดียวกันกับผีดิบนักฆ่าอย่างนั้นเหรอ?” แอนนาเอ่ยถามต่อ
“ไม่หรอก ไม่ใช่แบบนั้น”
กู่ฉิงซานพบว่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลยที่จะอธิบายถึงเรื่องราวต่างๆ ให้มันชัดเจน
“ถ้าจะให้พูดสรุปก็คือ ผีดิบนักฆ่าตนแรกของโลกที่ว่านั่น รับหน้าที่เป็นเพชฌฆาตตัวตลก แล้วถ้าอย่างนั้นตาแก่บ้ากามคนนี้ล่ะ?” แอนนาชี้นิ้วไปยังเหลียวฮัง
“เขามีชื่อว่าเหลียวฮัง” กู่ฉิงซานกล่าว
“เหลียวฮัง? ใช่เหลียวฮังที่มีชื่อเสียงโด่งดังเมื่อสามสิบปีก่อนรึเปล่า? แต่ดูจากเค้าโครงลักษณะแล้วไม่น่าจะใช่คนเดียวกันนะ…” แอนนาเอ่ยอย่างคาดไม่ถึง
“เป็นเขานั่นแหละ แต่พอดีว่าเทพธิดากงเจิ้งได้ศัลยกรรมปรับโฉมหน้าเขาเสียใหม่”
“ถ้าอย่างนั้นก็เหลือคนสุดท้าย มิสเตอร์ซางหยิงฮ่าว ฉันรู้มาว่านายกับกู่ฉิงซานเป็นสหายที่ดีต่อกัน แต่ฉันกลับยังไม่รู้เลยว่านายกำลังทำอาชีพอะไรอยู่” แอนนาเอ่ยถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสุภาพเล็กน้อย
ซางหยิงฮ่าวโยนเหรียญในมือออกไป
และแอนนาก็ยื่นมือไปคว้ารับมัน
ก้มมองลงไปยังเหรียญเบื้องหน้า ที่ถูกสลักเป็นรูปดวงตาในแนวตั้ง ขณะที่ด้านหลังเป็น หมายเลขศูนย์
แอนนาก็ตระหนักถึงที่มาของเหรียญทันที เธอเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “ดวงตาหมายถึงสมาคมนักล่า? ส่วนหมายเลขศูนย์ นี่คงจะหมายความว่านายเป็นเจ้าของที่นั่นสินะ”
“เป็นผู้น้อยเองขอรับ” ซางหยิงฮ่าวกล่าวพลางผายมือโค้งคำนับ
แอนนาโยนเหรียญกลับไป และผงกหัวพลางขบคิด
“…ดูเหมือนว่าพวกนายจะไม่ใช่ของปลอมสินะ” เธอกล่าว
“ไม่ใช่อย่างแน่นอน และขอพูดอีกครั้ง ยินดีต้อนรับเข้าสู่ทีม” กู่ฉิงซานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“แล้วนายต้องการมอบหมายให้ฉันทำหน้าที่อะไรล่ะ ขอประกาศไว้ล่วงหน้าเลยนะ ว่าฉันทำได้แค่ต่อสู้เท่านั้น” แอนนากล่าว
“ที่เธอจะต้องทำ มันเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเกม ฉันกะว่าจะให้เธอมาเป็นลูกมือฉัน ช่วยกันเปลี่ยนแปลงมาตรฐานเกณฑ์การประเมินของโลกใบนี้” กู่ฉิงซานกล่าว
“เกณฑ์มาตรฐานความแข็งแกร่ง? นี่นายกำลังหมายถึงเรื่องอะไร” แอนนาเอ่ยถามด้วยความสนใจ
“เกณฑ์มาตรฐานของมืออาชีพธาตุทั้งห้าคืออะไร พอจะจำได้ไหม?”
“อย่ามาดูถูกกันนะ ฉันต้องจำมันได้แน่นอนอยู่แล้ว”
“อย่างนั้นเหรอ งั้นลองบอกรายละเอียดให้ฟังหน่อยจะได้ไหม”
แอนนาระลึกย้อนไปเพียงสั้นๆ และเอ่ยออกมาอย่างรวดเร็ว “โดยทั่วไปแล้วคือ มันแบ่งเป็นห้าขั้น”
“ธาตุดินจากธาตุทั้งห้า จะประกอบไปด้วยขั้นแรกเคลื่อนพิภพ ขั้นสองแขนงกับดัก ขั้นสามพิภพโปรย ขั้นสี่เพรียกดารา ขั้นห้าสรรพสิ่งล่มสลาย”
“ธาตุทองจากธาตุทั้งห้า จะประกอบไปด้วยขั้นแรกคมกริบ ขั้นสองด้ายทอง ขั้นสามสะบั้นครวญ ขั้นสี่แยกโลกา ขั้นห้าชาติรูปเจิดจรัส”
“ธาตุไม้จากธาตุทั้งห้า จะประกอบไปด้วยขั้นแรกแทรกชีวา ขั้นสองพิษระดับสูง ขั้นสามภัยพิบัติ ขั้นสี่ทรมานจิต ขั้นห้าคร่าชีวัน”
“ธาตุน้ำจากธาตุทั้งห้า จะประกอบไปด้วยขั้นแรกกลีบวารี ขั้นสองน้ำแข็งค้าง ขั้นสามวารีเปลี่ยว ขั้นสี่นทีเหือดแห้ง ขั้นห้า ประทับชลาลัย”
“ธาตุไฟจากธาตุทั้งห้า จะประกอบไปด้วยขั้นแรกผลาญ ขั้นสองเพลิงคำรน ขั้นสามลาวา ขั้นสี่แยกหยาง ขั้นห้าตะวันแผดโลกา”
แอนนาเอ่ยปากอย่างภาคภูมิใจ “และฉันก็เป็นถึงมืออาชีพผู้ใช้ธาตุไฟที่อยู่ในระดับแยกหยาง”
กู่ฉิงซาน กล่าว “เธอไม่เพียงเป็นผู้ใช้ธาตุทั้งห้า แต่ยังครอบครองเทคนิคเทียนซวน แม้ในหมู่มืออาชีพทั่วๆไปก็ยังนับว่าอยู่ในระดับสูง แต่ในเมื่อเธอได้เลือกที่จะติดตามฉัน ดังนั้นฉันเลยต้องการจะสอนสั่งให้เธอได้เรียนรู้บางสิ่งจากฉันไปก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อเตรียมความพร้อมเอาไว้สำหรับอนาคต”
“เรียนรู้บางสิ่งจากนาย? จะสอนฉัน?”
“อ่า ใช่แล้วล่ะ ฉันจะสอนบางสิ่งให้แก่เธอ รับรองว่ามันจะช่วยหนุนเสริมให้เธอแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างจริงใจ
แอนนาเผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา สองมือยกขึ้นกอดอก จ้องมองสบสายตากับกู่ฉิงซาน
“นี่ เจ้าเด็กเหลือขอ เอาไว้นายสามารถเอาชนะฉันให้ได้ซะก่อน แล้วค่อยมาสอน”
คำกล่าวของเธอขาดห้วงไป เนื่องเพราะสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่สาดประกายเย็นเยียบอยู่ข้างลำคอ
ปรากฏว่ามันเป็นคมดาบที่กำลังจี้คอหอยของเธออยู่อย่างอ่อนโยน ทว่ามันกลับปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน จนก่อให้เกิดสายลมเย็นเยียบ กวาดกระจายไปในชั้นอากาศ
แอนนากะพริบตา แลสายตามองลงมายังดาบยาวที่อยู่ในมือของกู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานกล่าว “แน่นอนว่าตัวเธอนั้นแข็งแกร่ง แถมพรสวรรค์ยังเป็นเลิศ แต่ก็ยังไม่ได้รับวิธีการฝึกฝนที่ถูกต้อง อันที่จริงทุกคนในโลกใบนี้ยังไม่มีใครเลยที่ได้รับการฝึกฝนที่ถูกต้อง และตอนนี้ฉันจะเริ่มสอนมันให้กับเธอก่อนเป็นคนแรก”
“นี่มันไม่ถูกต้อง เมื่อกี้ฉันประมาทเกินไปหน่อย พวกเรามาลองกันอีกครั้ง” แอนนากล่าว
“ขอมาก็จัดให้” กู่ฉิงซานเก็บดาบกลับคืน
วินาทีต่อมา ทางด้านแอนนา ทั้งคนทั้งร่างพลันระเบิดลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิงอันร้อนแรง พร้อมกับดาบเปลวเพลิงที่ปรากฏขึ้นในมือของเธอ
“เอาล่ะ ทีนี้มาดูกันว่า ใครจะแพ้” เธอกล่าว
และแทบจะในทันที ผิวหนังบริเวณลำคอของเธอก็รู้สึกได้ถึงประกายเย็นเยียบของคมดาบจ่อลงมาอีกครั้ง
แอนนาตกตะลึง
กู่ฉิงซานที่กำลังถือดาบจี้คอระหงของเธออยู่ ค่อยๆ เอ่ยปากอย่างช้าๆ “ทีนี้เข้าใจหรือยัง ว่าความสามารถกับความแข็งแกร่งของเธอมันไม่สอดคล้องกัน เพราะฉะนั้นตัวฉันที่ยืนอยู่ใกล้ๆ จึงมีโอกาสที่จะฆ่าเธอได้กว่าสิบครั้งในช่วงระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งนาที”
“นาย...นายทำมันได้ยังไง” แอนนาเอ่ยถาม
“ก็ถ้าเธอยินดีที่จะเรียนรู้มันจากฉัน ด้วยความสามารถของเธอ ไม่นานก็คงจะสามารถเชี่ยวชาญในทักษะนี้”
“หา? ยังไงก็จะสอนฉันให้ได้เลยสินะ แต่รู้อะไรไหม ฉันยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดที่มีออกมาเลยนะ” แม้ผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบนี้ถึงสองครั้งสองครา แต่น้ำเสียงของแอนนาก็ยังคงฟังดูมั่นคง และมั่นใจในตัวเองอย่างชัดเจน
เธอหันไปมองรอบๆ และกล่าวแนะนำ “ที่นี่คงจะไม่สะดวกนัก ทำไมพวกเราไม่ออกไปสู้กันข้างนอกล่ะ?”
“เอาแบบนั้นก็ได้ มันคงถึงเวลาแล้วที่เธอจะตระหนักถึงมันด้วยตาตนเองว่าทักษะที่ฉันกำลังจะสอนนี้มันมีประสิทธิภาพขนาดไหน” กู่ฉิงซานพยักหน้า
ทั้งสองกำลังจะเดินออกไป
และทันใดนั้นเอง ประตูก็เปิดออกมาเสียก่อน พร้อมกับร่างของเย่เฟย์หยูที่ ร่อนลงมาจากบนท้องฟ้า เก็บคู่ปีกกระดูกกลับคืน
“สถานการณ์นี่มันอะไรกัน” เขามองไปยังแอนนากับกู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานกล่าวแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน และหันไปกล่าวกับเย่เฟย์หยูอีกครั้ง “นายไปพักผ่อนก่อนเถอะ พวกเราจะไปทบทวนวิชาอย่างเข้มข้นกันสักเล็กน้อย ไม่นานก็กลับมาแล้วล่ะ”
“ต่อสู้กันอย่างนั้นเหรอ? ฉันขอไปดูด้วยได้หรือเปล่า?” เย่เฟย์หยูเอ่ยถามขึ้นด้วยความสนใจ
“ตามใจนายเลย”
แล้วทั้งสามก็เดินออกไป
ซางหยิงฮ่าวกับเหลียวฮัง หันหน้ามามองกันวูบหนึ่ง และรีบติดตามทั้งหมดไปอย่างรวดเร็ว
............................................................