ตอนที่ 136 แม่
ทว่าทันใดนั้นเอง ซางหยิงฮ่าวก็ได้เอ่ยถึงสิ่งที่ไม่ควรเอ่ยออกมาด้วยความสุข “รู้อะไรไหม ชนชั้นสูงน่ะจะถูกแบ่งออกเป็นสองประเภท ฉันคือประเภทแรก ส่วนอีกประเภทก็...”
กู่ฉิงซานเกือบจะกระอักเลือดออกมา
เมื่อครู่ยังโน้มน้าวได้ดีอยู่เลย กู่ฉิงซานอุตส่าห์วางใจ แต่ไหงจู่ๆ มาหักมุมกันแบบนี้
เย่เฟย์หยูย้อนคำเขา “ชนชั้นสูงแบ่งออกเป็นสองประเภท?”
“ใช่ถูกต้อง ประเภทแรกแน่นอนว่าคือพวกคนแก่หัวโบราณ และพวกรุ่นใหม่ที่วันๆ รู้จักแต่ดื่มเหล้า เที่ยวเล่นไปวันๆ ไม่ทำอะไรเลย” ซางหยิงฮ่าวกล่าว
“นั่นสินะ พวกชนชั้นสูงน่ะเป็นแบบนั้นจริงๆ” ชายหนุ่มกอดอก พยักหน้าเห็นด้วย
“ยังมีอีกนะ นั่นคือพวกชนชั้นสูงที่ไม่ยอมทำการทำงาน แต่ก็ยังอวดเบ่งว่าตนนั้นสูงส่ง นายคิดว่าเจ้าพวกนี้เป็นตัวตนที่น่ารังเกียจไหมล่ะ” ซางหยิงฮ่าวทำท่าทีพลางกล่าว
“เอ๋? นายกำลังสงสัยว่าฉันแตกต่างกับพวกที่พึ่งพูดไปอย่างไรน่ะเหรอ”
“ฉันน่ะนะ ถึงนายจะเห็นว่าเป็นชนชั้นสูง แต่ในความเป็นจริง ฉันถูกไล่ออกจากตระกูลตั้งแต่อายุสิบห้าปี”
“ทำไมล่ะ?”
“ก็เพราะพวกเขาคิดจะจับฉันคลุมถุงชนน่ะสิ แต่งงานกับคนที่มีรูปร่างแทบจะไม่ต่างไปจากอสูรแห่งท้องทะเลที่ปรากฏขึ้นในตอนนี้เลย! ฉันเนี่ยนะ!? ต้องแต่งงานกับคนแบบนั้น ถ้าแต่งไปในอนาคต เวลานอนหลับ เธอเผลอเอาขามาพาดหน้าฉัน ฉันจะไม่ขาดใจตายโดยไม่รู้ตัวหรอกเหรอ นั่นมันปัญหาใหญ่เลยนะ”
“นั่นแหละ จึงเป็นที่มาของสาเหตุที่ฉันลอบจุดไฟเผาบ้านตัวเองก่อนหนีออกมา”
“ที่เผาน่ะ คฤหาสน์ใช่ไหม?” เย่เฟย์หยูเอ่ยถามอย่างฉับพลัน
“อ๋า? ก็ใช่น่ะสิ” ซางหยิงฮ่าวชะงักไป แต่ก็พยักหน้าตอบรับ
“แต่นั่นมันต้องมีมูลค่าหลายล้านเลยนี่ นายไม่เสียใจเลยเหรอที่เผามัน” เย่เฟย์หยูกล่าว
“ก็ช่างมันสิ ถ้าไม่ทำแบบนั้นฉันจะรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองคงไม่อาจสลัดคราบของชนชั้นสูงอันแสนโสมมไปได้น่ะ”
“ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ต่อมาฉันก็รับพวกงานสกปรกอยู่ดี แต่เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ถ้าเป็นนายก็คงไม่มีทางเลือกมากนักหรอกใช่ไหม หลังจากที่ตัดสินใจทำแบบนั้นไปแล้ว”
“ฉันน่ะทำงานฆ่าคน โดยเฉพาะคนที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย” ซางหยิงฮ่าวกล่าวด้วยความตื่นเต้นยิ่งขึ้น
“ฆ่าคนอย่างงั้นเหรอ?” เย่เฟย์หยูถูกดึงดูดโดยหัวข้อดังกล่าวนี้ สองแขนที่กอดอกผล็อยตกลง
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มกลับมาดีขึ้น กู่ฉิงซานก็ผ่อนคลายลง เขารู้สึกว่าการนำซางหยิงฮ่าวมาในวันนี้ ช่างเป็นการตัดสินใจที่อัจฉริยะจริงๆ
เขาตั้งใจฟังอย่างเงียบๆ ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกัน
“ใช่แล้ว และฉันก็ก่อตั้งกลุ่มนักฆ่าด้วยนะ มันถูกเรียกว่าสมาคมนักล่า”
“นักล่า…เป็นการใช้คำที่ไม่เลวเลย”
…
“ต่อมาฉันก็ได้รู้จักกับหุ้นส่วนของฉัน มิสเตอร์กู่ฉิงซานผู้นี้นี่เอง” ซางหยิงฮ่าวกล่าวจบลงในที่สุด
“นายเรียกว่า กู่ฉิงซาน?” เย่เฟย์หยูกล่าว
“ใช่”
เย่เฟย์หยูมองไปยังซางหยิงฮ่าว ก่อนจะสลับมามองเขาอีกครั้งและเอ่ยถาม “แล้วในวันนี้ที่พวกนายมาพบฉัน สรุปมาให้ชัดๆ เลยว่าต้องการอะไรกันแน่?”
กู่ฉิงซานเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปาก “ก็อย่างที่ซางหยิงฮ่าวพูดนั่นแหละ ฉันคิดว่าการฆ่าสังหารไม่ใช่เรื่องเลวร้ายที่สุดหรอกนะ ตราบใดที่พวกที่ถูกฆ่าน่ะมันเป็นพวกต่ำช้า”
“ว่าต่อสิ”
“ดังนั้นฉันเลยต้องการที่จะเชิญนายมาเป็นหุ้นส่วนกับเรา สนใจหรือเปล่า?”
“ฉันน่ะเหรอ? แต่ว่าฉัน...”
“นั่นไม่สำคัญหรอก จริงๆ แล้วมันเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนายและฉันเลยล่ะ”
“แล้วฉันจะได้ประโยชน์อะไร?”
“เทพธิดากงเจิ้งบอกฉันมาว่าแม่ของนายกำลังล้มป่วย แถมยังป่วยหนักมากซะด้วย” กู่ฉิงซานกล่าว
สีหน้าของเย่เฟย์หยูแปรเปลี่ยนไปทันที เขาเร่งกล่าว “อาการเจ็บป่วยของแม่กำเริบอีกแล้ว? ฉันให้เงินเธอไปแล้วนี่นา ทำไมเธอถึงไม่ไปรักษามันอีก!?”
“นั่นก็เพราะเธอฝืนทนรับมันเอาไว้ เพื่อที่จะเก็บเงินให้นาย แถมเงินบำนาญของเธอส่วนหนึ่งที่ได้มา เธอก็ยังคงเก็บเอาไว้ให้นายด้วยเช่นกัน” กู่ฉิงซานกล่าว
“บางทีนายอาจจะอยากดูสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อบ่ายวานนี้”
กู่ฉิงซานดึดนิ้ว พร้อมกับสมองควอนตัมที่ส่องสว่างขึ้นในทันที
จอม่านแสงปรากฏขึ้นกลางอากาศ
เห็นเพียงเปลหามที่กำลังถูกยกขึ้นภายในอาคารที่อยู่อาศัย พร้อมกับร่างของหญิงวัยกลางคนที่นอนอยู่บนนั้น
ผมของเธอกลายเป็นสีขาว ผิวของเธอหมองคล้ำ ริ้วรอยบนใบหน้าปรากฏขึ้นก่อนวัยอันควร เห็นได้ชัดว่ามันเกิดจากแรงกดดันและความตึงเครียด จนทิ้งริ้วรอยลึกเอาไว้มากมายเช่นนี้
หมอเดินตามติดเปลไปอย่างเร่งรีบ เขาเอ่ยปากกล่าวด้วยความโกรธ “หากยอมรักษาอาการตั้งแต่เนิ่นๆ คุณก็คงไม่อยู่ในสภาพนี้หรอก นี่คุณไม่คิดจะนำเงินออกมาใช้รักษาเลยรึอย่างไร?”
หญิงวัยกลางคนฝืนยิ้มออกมาและกล่าว “ฉันน่ะแก่แล้ว สุดท้ายไม่นานก็จะต้องจากไปอย่างแน่นอน เงินนั่นน่ะ ฉันจะเก็บเอาไว้ให้ลูกชายของฉันใช้”
และภาพก็ได้สิ้นสุดลง พร้อมกับจอม่านแสงที่ดับวูบ
เย่เฟย์หยูนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบหยิบสมองควอนตัมของตัวเองออกมาและพยายามที่จะทำอะไรบางอย่าง
“ผู้ใช้งานได้ออกจากระบบแล้ว ไม่สามารถดำเนินการในส่วนบัญชีของรัฐบาลกลางได้”
“อ๊า!”
เย่เฟย์หยูกรีดร้องอย่างคลุ้มคลั่ง เขาขว้างสมองควอนตัมของตนเองลงกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง
ทันใดนั้นเอง เขาก็หันหลังกลับอย่างฉับพลัน ถอดแว่นกันแดดออก แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
“เฮ้ๆ สหาย นายโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ อย่าร้องไห้ไปเลย” ซางหยิงฮ่าวปลอบ
กู่ฉิงซานเริ่มรู้สึกวิตกกังวล จ้องมองอีกฝ่ายด้วยความประหม่า
ซางหยิงฮ่าวตบลงบนหน้าอกตนเอง กล่าวเปรียบเทียบ “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง”
“ฟังฉันนะ นี่มันเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ”
ซางหยิงฮ่าวยกบุหรี่ขึ้นมาจุด โดยไม่ทันสังเกตว่าชายหนุ่มฝั่งตรงข้ามได้หันกลับมาจ้องมองเขา ก่อนที่จะใส่แว่นกันแดดกลับคืนดังเดิม
เขากล่าวต่อ “วิธีดีที่ที่สุดในการรักษาแม่นายตอนนี้ก็คือ การจัดเรียงและฟื้นฟูร่างกายขึ้นมาใหม่ในระดับพันธุกรรม”
“การจัดเรียงและฟื้นฟูทางพันธุกรรมจะสามารถยืดชีวิตของผู้ป่วยให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยาวนานยิ่งขึ้น”
“แต่นี่เป็นวิธีที่ไม่ยุติธรรมต่อสังคม เนื่องจากจำนวนของมนุษยชาติกำลังพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ หากผู้คนไม่ยอมลดจำนวนลง มันจะส่งผลโดยตรงต่อแรงกดดันของโลก พวกเขาจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ทำแบบนั้น...แต่ทั้งหมดนั้นมันก็เป็นคำนิยามก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นล่ะนะ”
ซางหยิงฮ่าวยกบุหรี่อีกอันขึ้นมาสูบ
“ยิ่งไปกว่านั้น การจัดเรียงทางพันธุกรรมเชิงลึกจะมีค่าใช้จ่ายเป็นแต้มเครดิตจำนวนมหาศาล มันมากพอที่จะซื้อที่ดินครึ่งหนึ่งของเมืองเล็กๆ ทั้งเมืองได้เลย”
“เทพธิดากงเจิ้งไม่ค่อยจะอนุญาตให้มีการจัดเรียงพันธุกรรมเช่นนี้สักเท่าไหร่นักหรอก”
ซางหยิงฮ่าววางศอกของเขาบนไหล่ของกู่ฉิงซาน และหันมาพูดกับเขา “แต่หากเป็นพวกเราคู่หูคู่ซี้ ที่หนึ่งอยู่ในด้านสว่าง หนึ่งอยู่ในที่มืด ขอบอกเลยว่าไม่มีอะไรในรัฐบาลกลางที่พวกเราทำไม่ได้!”
“นั่นก็จริง ด้วยค่าใช้จ่ายจำนวนมากขนาด นั้นมันคงหนักไปสำหรับฉัน...” เย่เฟย์หยูมองทั้งสองและกล่าว
“แต่มันไม่หนักสำหรับฉันนะสหาย ฉันน่ะมีเงิน!” ซางหยิงฮ่าวชี้มาที่ตัวเอง ก่อนจะชี้ไปที่กู่ฉิงซานและกล่าว “ส่วนเขาน่ะมีอำนาจ อย่างที่นายพึ่งเห็นไปเมื่อกี้ เทพธิดากงเจิ้งน่ะเป็นหวานใจของเขาอย่างไรล่ะ”
“ฉะนั้น ถ้าหากนายมาร่วมเป็นหุ้นส่วนกับพวกเรา นายจะสามารถเพลิดเพลินกับทั้งเงิน และสิทธิพิเศษมากมาย ที่คนอื่นไม่สามารถหาหรือให้กับนายได้”
“นอกจากนี้นายยังสามารถปลดล็อกทุกเทคโนโลยีของรัฐบาลกลางเพื่อใช้ช่วยชีวิตแม่ของนายอีกด้วย” กู่ฉิงซานกล่าวเสริม
“เข้าร่วมกับเรา และฉันสัญญาว่าจะช่วยแม่นายให้มีอาการดีขึ้นโดยเร็วที่สุด” เขามองหน้าอีกฝ่ายและเอ่ยอย่างจริงใจ
เย่เฟย์หยูมองทั้งสอง แต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
“มาร่วมเป็นหุ้นส่วนของเราเถอะ แม่นายก็เหมือนแม่ฉัน หากเธออาการกำเริบอีก ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง!” ซางหยิงฮ่าวยกระดับเสียงพลางตบลงบนหน้าอกตนอย่างมั่นใจ
เย่เฟย์หยูขมวดคิ้ว กล่าวอย่างลังเล “แต่ฉันแตกต่างจากพวกนาย ฉันต้องฆ่าสังหารทุกวัน...”
คิ้วของซางหยิงฮ่าวกระตุก
“นั่นไม่มีปัญหา!” กู่ฉิงซานเอ่ยแทรกอย่างรวดเร็ว “ผีดิบนักฆ่าหลายตนกำลังทยอยกันแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ฉันต้องการความช่วยเหลือจากนาย”
กู่ฉิงซานกล่าวเสริมอีกว่า “ในความเป็นจริงแล้ว พวกกลายพันธุ์จำนวนมากน่ะเลือกที่จะเดินทางผิด การฟื้นฟูความรู้สึกและความทรงจำที่สมบูรณ์เท่านั้นจึงจะเรียกว่าเป็นการกลายพันธุ์ ไม่สิการวิวัฒนาการที่สมบูรณ์แบบ หากวิวัฒนาการไปในทิศทางที่ถูกต้อง ย่อมจะก้าวหน้าไปได้ไกลในอนาคต”
“ระดับการวิวัฒนาการของนายสูงมาก ดังนั้นนายน่าจะยังพอที่จะต่อต้านความคิดที่อยากจะฆ่าสังหารลงได้ชั่วคราว”
“ชั่วคราว…นั่นสินะ ฉันสามารถบังคับความคิดของฉันได้จริงๆ แต่มันก็เหมือนกับเวลาที่คนท้องหิว พอหิวมากๆ มันก็ทนได้ไม่นานหรอก ฉันไม่สามารถบังคับความคิดได้นานเกินไป”
กู่ฉิงซานปรบมือและกล่าว “ด้วยการวิวัฒนาการที่สูงขึ้น นายก็จะยิ่งสามารถควบคุมตนเองได้มากขึ้นอย่างแน่นอน ถ้านายยังต้องการที่จะวิวัฒนาการต่อไป นายก็ต้องพยายามฝืนบังคับใจตนเองให้ได้”
ซางหยิงฮ่าวฟังบทสนทนาของทั้งสองมานาน จนในที่สุดเขาก็เริ่มที่จะเข้าใจอะไรบางอย่าง
วิวัฒนาการ?
ความสามารถในการวิวัฒนาการ?
หรือว่าแท้จริงแล้วเจ้าหนุ่มคนนี้จะก้าวเข้าสู่ขั้นวิวัฒนาการแล้ว?
นั่นมันเป็นขั้นสูงสุดของเทคนิคเทียนซวนเลยนะ!
คงจะเป็นอย่างนั้นแน่นอน ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงเกือบจะสามารถฆ่ากู่ฉิงซานได้
ช่างเป็นคนที่น่าประทับใจจริงๆ
หากมีตัวตนที่ทรงพลังเช่นนี้คอยสนับสนุน สมควรแล้วที่กู่ฉิงซานจึงคิดจะชักชวนเขาอย่างจริงจัง
แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าเกิดเขาปฏิเสธขึ้นมาก็แย่น่ะสิ ฉันจะต้องรีบโน้มน้าวเขาให้มากขึ้นซะแล้ว
“เฮ้สหาย เงื่อนไขดีๆ แบบนี้ยังจะมามัวลังเลอะไรอีก? ตอบตกลงเถอะ แล้วไว้พวกเรามาฉลองกันในวันนี้ ฉันจะเป็นเจ้าภาพเอง เลี้ยงทุกอย่างลากยาวจนถึงช่วงค่ำคืนเลย” ใบหน้าของซางหยิงฮ่าวเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม เขากล่าวอย่างกระตือรือร้น
เย่เฟย์หยูนิ่งงันสักพัก
เขาหยิบชิ้นส่วนหยกออกมาจากกระเป๋าหน้าอก วางมันลงในมือและก้มลงมองอยู่นาน
“แล้วฉันจะต้องทำอะไรให้พวกนายบ้าง” เขาจดจ้องอยู่กับชิ้นส่วนหยก และเอ่ยถามโดยไม่เงยหน้าขึ้น
“สังหาร หากจะกล่าวให้ถูกต้องก็คงจะเป็นสังหารพวกผีดิบนักฆ่า” กู่ฉิงซานกล่าว
เขากล่าวเสริมอีก “ธุรกิจในส่วนฆ่าสังหารจะมอบให้นาย ส่วนปัญหาอื่นๆ ที่นายทำทิ้งเอาไว้ ฉันจะจัดการเก็บกวาดให้เอง”
“ตอนนี้พวกเราเป็นพันธมิตรกันแล้วใช่ไหม?”
“ไม่ เป็นเพียงแค่หุ้นส่วนเท่านั้น แบบนี้มันจะดีที่สุดสำหรับทุกคน จะทุกข์จะสุขก็จะได้แบ่งปันกัน”
เย่เฟย์หยูพนักหน้าเล็กน้อย ปากเอ่ยถาม “แล้วถ้าฉันไม่สามารถควบคุมตนเองได้ล่ะ นายจะทำอย่างไร?”
“ฉันนี่ล่ะจะช่วยให้นายควบคุมตัวเองให้ได้เอง”
“นายน่ะเหรอ?” เย่เฟย์หยูยิ้มเล็กน้อยเผยร่องรอยของความไม่เชื่อถือ
“ฉันมีวิธีการบางอย่าง มันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะทำให้ฉันและนายวางใจได้”
“นายไม่กลัวว่าจะถูกคนอื่นๆ พบเจอว่าอยู่กับฉันเหรอ?” เย่เฟย์หยูเอ่ยถาม
“ถ้ายังอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ก็ต้องทำอะไรที่มันเสี่ยงกันบ้าง” กู่ฉิงซานกล่าว
เย่เฟย์หยูได้ฟัง สองตาของเขาก็หุบต่ำลง ไม่เอ่ยอะไรออกมา
กู่ฉิงซานกล่าวเสริมอีก “มีเทพธิดากงเจิ้งอยู่ด้วยทั้งคน พวกเราสามารถทำการวิเคราะห์รายละเอียดเกี่ยวกับไวรัสในตัวนายได้ ถ้าสามารถเจาะลึกไปถึงขั้นแยกปัญหาของนายจากในระดับพันธุกรรม ฉันเชื่อว่านายจะสามารถอยู่รวมกันกับแม่นายได้อย่างแน่นอน”
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ไม่มีอะไรที่ไม่สามารถทำได้ แม้ว่าหลังจากวิกฤตในครั้งนี้จะจบลงแล้วนายยังไม่หายขาดจากอาการอยากฆ่าคน แต่ฉันสัญญาว่าจะทุ่มทุนสร้างโรงล่าสังหารขนาดใหญ่ ไว้ใช้เฉพาะกับนายเอง”
“ถ้าพูดถึงขนาดนั้นล่ะก็ ตกลง ฉันร่วมด้วย” เย่เฟย์หยูกล่าวในที่สุด
หัวใจของกู่ฉิงซานเต้นครึกโครม
กำปั้นของเขาเกร็งแน่นจนสั่นสะท้าน ในหัวใจของเขาปั่นป่วนไปด้วยความตื่นเต้น และแทบจะอดไม่ได้ที่จะร้องตะโกนออกมาดังๆ
ในชีวิตก่อนหน้า ตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ไม่เคยมีผีดิบนักฆ่าตนใดที่สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขกับมนุษยชาติได้มาก่อนเลย
นี่เป็นอีกก้าวสำคัญในประวัติศาสตร์! มันเป็นเส้นทางที่ชะตากรรมของมนุษยชาติจะเกิดปาฏิหาริย์ขึ้น! ปาฏิหาริย์วิวัฒนาการของชีวิต! เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สิ่งมีชีวิตนับหลายร้อยล้านในโลกก่อนหน้าของกู่ฉิงซานมิอาจฝืนทำใจเชื่อลงได้
“ถ้าอย่างไรก็ฝากช่วยแม่ของฉันด้วยล่ะ” เย่เฟย์หยูกล่าว
กู่ฉิงซานบังคับตนให้สงบลงและกล่าว “เทพธิดากงเจิ้ง”
“ฉันอยู่นี่” แสงจากสมองควอนตัมของเขาสว่างวาบ
“คุณได้ยินทุกอย่างแล้วใช่ไหม”
“ใช่แล้ว แต่การจัดเรียงและฟื้นฟูพันธุกรรมเชิงลึกจะต้องเบิกสิทธิ์ในการใช้อำนาจและทรัพยากรคนจำนวนมาก ฉันต้องการเวลาถึงหนึ่งสัปดาห์เพื่อเตรียมความพร้อม”
“ถ้าอย่างนั้นอันดับแรกก็ขอให้ช่วยยื้อชีวิตแม่ของเย่เฟย์หยูเอาไว้ก่อน”
“นั่นไม่ใช่ปัญหา”
“ทำการแลกเปลี่ยนจากบัญชีของฉัน รวบรวมเงินทุนให้เพียงพอ เพื่อที่จะทำให้แม่ของเย่เฟย์หยูมีชีวิตที่ดีขึ้น”
“เข้าใจแล้ว” เทพธิดากงเจิ้งกล่าว “เปรียบเทียบให้อยู่ในระดับเดียวกันกับการรักษาของชนชั้นสูง กำลังทำการดำเนินการอย่างรอบคอบ”
กู่ฉิงซานมองไปยังเย่เฟย์หยู “นายได้ยินชัดแล้วใช่ไหม?”
เย่เฟย์หยูพยักหน้าอย่างช้าๆ
“หลังจากนี้ไป นายก็สามารถไปเยี่ยมเยือนเธอได้” กู่ฉิงซานกล่าว
“ตกลง”
“สำหรับตอนนี้” กู่ฉิงซานครุ่นคิดเกี่ยวกับมันอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าว “คนของฉันเคยเห็นนายแล้ว นายจะต้องรีบจากไปหรือหาที่ซ่อนถ้าไม่อยากให้เกิดปัญหา”
เขาหันไปมองซางหยิงฮ่าว “นายพอจะมีสถานที่ให้เขาหลบซ่อนตัวบ้างหรือเปล่า”
“มาอยู่กับฉันก็แล้วกัน” ซางหยิงฮ่าวเงยหน้าขึ้นและเอ่ย “ตั้งแต่ที่เขากลายมาเป็นหุ้นส่วนของฉัน แน่นอนว่าฉันย่อมต้องช่วยเหลือเขาเป็นธรรมดา”
ทันใดนั้น สายตาของกู่ฉิงซานก็เบนออกไป
บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม ปรากฏเส้นแสงหิ่งห้อยร้อยเรียงกันเป็นตัวอักษรขนาดเล็กเด้งขึ้นมา
“เนื่องจากโลกใบนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันไร้ที่มาขึ้นกับมิติและเวลา ส่งผลให้เกิดผลกระทบกับกระแสเวลาของผู้เล่น โปรดทำการเข้าสู่โลกแห่งผู้ฝึกยุทธในทันที เพื่อลดความผันผวนของกระแสเวลาลง”
นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?
ขณะที่กู่ฉิงซานกำลังจ้องมองเส้นแสงด้วยความสงสัย เขาก็เอ่ยถามระบบออกไปในห้วงความคิด “ทำไมมิติและเวลาของโลกใบนี้ถึงเกิดการเปลี่ยนแปลง? หรือว่าจะบางสิ่งบางอย่างที่พิเศษบังเกิดขึ้น?”
ติ๊ง!
ระบบตอบกลับ “เกิดขึ้นโดยแรงขับจากภายนอก คล้ายคลึงกันกับการปรากฏตัวขึ้นของอสูรแห่งท้องทะเลและผีดิบกินคน”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมช่วงที่อสูรแห่งท้องทะเลและผีดิบกินคนปรากฏตัวขึ้น กระแสเวลาของฉันถึงไม่ได้รับผลกระทบ แต่ตอนนี้จู่ๆ ก็ดันมาเกิดผลกระทบซะอย่างงั้น?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“เนื่องเพราะกระบวนการที่เกิดจากแรงขับภายนอกนี้ มีบทบาทและผลกระทบที่ร้ายแรงยิ่งกว่าสองอย่างแรกเป็นอย่างมาก”
........................................