ตอนที่ 43 ความโลภ
กู่ฉิงซานมองไปรอบๆ ดูโครงสร้างของหอธนู
มียี่สิบช่องเป็นทางยาวถูกจัดแบ่งเรียงรายเอาไว้อย่างสมบูรณ์ และบางช่องก็มีคนยืนอยู่ ดูเหมือนพวกเขากำลังฝึกเล็งธนู
ขณะที่บางคนยืนอยู่ข้างๆ โค้ช คอยรับฟังคำแนะนำ และทำท่วงท่าให้ถูกต้อง
พนักงานสังเกตเห็นสายตาของเขาที่จ้องมองไปโดยรอบ จึงเอ่ยถามว่า “ท่านต้องการรับคำปรึกษาหรือไม่ ทางเรามีโค้ชที่เป็นมืออาชีพมากมาย...”
“ไม่ล่ะ”
“ถ้าเช่นนั้นท่านจะใช้ธนูของท่าน หรือของพวกเราดี?”
“ฉันจะใช้ธนูของตัวเอง”
กล่าวจบ กู่ฉิงซานก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าธนูที่สะพายไว้ข้างหลังและหยิบธนูเย่หยูออกมา
“ขอฉันลองดูหน่อย”
“เชิญครับ”
เขาไม่กล้าถึงขั้นใช้พลังวิญญาณแม้เพียงเล็กน้อย เพียงแค่แนบลูกศรลงกับคันธนูและยิงมันออกไป
‘ตูม!’
เป้าธนูทรงกลมที่อยู่ห่างออกไปกว่าห้าสิบเมตรถูกยิงทะลุจนแยกออกจากกัน พร้อมกับรูเล็กๆ ที่ปรากฏขึ้นบนผนังเบื้องหลังของเป้า
ทั้งหอธนูพลันตกอยู่ในความเงียบ
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ระเบิดเหรอ?”
“ไม่หรอก มันดูเหมือนว่าจะเกิดปัญหาบางอย่างขึ้นกับเป้าธนูมากกว่า”
เกือบทุกสายตาจ้องมองไปยังผู้มาใหม่ที่ไม่มีใครรู้จักและกระซิบกระซาบ
ทว่าพวกเขาทุกคนล้วนเป็นชนชั้นสูงที่มีชื่อเสียง นั่นทำให้แม้ว่าจะเกิดการอุบัติเหตุขึ้นอย่างฉับพลัน ทั้งหมดก็ไม่ได้เกิดความหวาดกลัวขึ้น
สองพนักงานที่ยืนอยู่ข้างๆ กู่ฉิงซานเผยสีหน้าโง่งม
“ฮ่าฮ่า ขอโทษที ฉันว่า ฉันใช้ธนูของทางคลับจะดีกว่า” กู่ฉิงซานรีบกล่าว
นี่เป็นถึงใต้เท้าผู้ทรงเกียรติ แน่นอนว่าย่อมแตกต่างจากคนปกติทั่วไป พนักงานคนหนึ่งโน้มตัวลงและกล่าวชักชวนเขา “ฝีมือธนูสมบูรณ์แบบมากครับท่าน ถ้าเช่นนั้นโปรดบอกความต้องการของท่านมาว่าจะใช้ธนูแบบเดียวกันกับผู้ใช้คนอื่นๆ หรือแบบพิเศษดี? ตัวผมขออนุญาตแนะนำว่าธนูแบบพิเศษก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีทีเดียว”
“ธนูแบบพิเศษก็แล้วกัน” กู่ฉิงซานคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ย
พนักงานกล่าว “เช่นนั้น ค่าเช่าแรกเข้า ธนูสาธารณะมีค่าใช้จ่ายแปดร้อยแต้มเครดิต ส่วนธนูแบบพิเศษจะมีค่าใช้จ่ายเป็นรายชั่วโมง ชั่วโมงละหนึ่งพันแต้มเครดิต”
“...ตกลง”
พอพนักงานสองคนถอยฉากออกไป กู่ฉิงซานก็ผ่อนคลายลง
ธนูเย่หยูนั้นทรงพลังเกินไป แล้วด้วยพลังวิญญาณของมันทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้โดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังช่วยลบล้างกลิ่นอายทั้งหมดของผู้ใช้อีกด้วย
ในกรณีนี้ กู่ฉิงซานได้ทดลองใช้มันเพื่อหลีกเลี่ยงการดึงดูดความสนใจ อันที่จริงเขาใช้ออกด้วยพลังไม่ถึงสามส่วนด้วยซ้ำ
ทว่าผลลัพธ์ที่ได้กลับกลายเป็นยิงทะลุเป้าธนู และตกเป็นเป้าสายตาซะนี่
หลังจากเก็บธนูเย่หยู กู่ฉิงซานก็เลือกช่องยิงฝึกยิงธนูที่อยู่ไกลออกไป และเฝ้ารอให้พนักงานจัดเตรียมของ
ไม่นานนัก พนักงานก็กลับมาพร้อมกับคันธนูสามอัน
“โปรดทดสอบดู”
กู่ฉิงซานใช้มือคว้าลงบนธนู ก่อนที่จะลูบไล้ไปทีละอัน และเลือกอันที่หนักที่สุดขึ้นมา
“ฉันเอาอันนี้แหละ” เขาชี้นิ้วลง
“ทราบแล้ว หวังว่าท่านจะใช้งานมันอย่างมีความสุข” พนักงานกล่าวอย่างสุภาพ ขณะเดียวกันก็ค่อยๆถอยฉากออกไป
ดีล่ะ ทีนี้ก็จะได้เริ่มฝึกฝนเสียที
สิ่งเดียวที่ต้องให้ความสนใจในเวลานี้คือความแข็งแกร่ง!
กู่ฉิงซานหยิบลูกศรที่ใช้ฝึกฝนขึ้นมา การที่จะดึงสายด้วยพลังเพียง หนึ่งในสิบส่วนและผละมือออกจากมัน
เสร็จกัน!
ทันทีที่ศรบินออกไป กู่ฉิงซานก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา
ระหว่างที่แผลงศร เขาเผลอใช้ออกด้วยระบำผันผวนโดยไม่รู้ตัว ลูกศรเลื้อยไปในอากาศ ก่อนจะโค้งไปทางประตู
ทว่ามันกลับไม่ได้พุ่งออกไป
ลูกศรบิดเป็นเกลียวกลางอากาศ ก่อนจะโค้งเป็นคลื่นที่ดูประหลาดตา และปักลงบนเป้าธนูอย่างแม่นยำ
เสียงกรีดร้องดังขึ้น
“ดูศรของชายคนนั้นสิ! มันสามารถโค้งเปลี่ยนทิศทางได้!” นักศึกษาสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างสนามตะโกนเสียงดัง
“นั่นเป็นไปไม่ได้หรอก”
“ตาเธอฝาดแล้ว เธอคงจะมองผิดไป”
สีหน้าของหลายคนเต็มไปด้วยคำถาม
ช่วงเวลานั้น เป็นช่วงที่ทุกคนกำลังมุ่งความสนใจไปกับการฝึกฝน เลยไม่มีใครพบเห็นฉากนี้
กู่ฉิงซานเช็ดเหงื่อเย็นที่ผุดขึ้นมาบนหน้าผาก
ถ้าหากคุณไม่ต้องการดึงดูดความสนใจ คุณก็ไม่สมควรเผยฝีมือออกมาให้มากเกินความจำเป็น
เขาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน และหยิบลูกศรขึ้นมา ก่อนจะเล็งมันอย่างจริงจัง และแผลงออกไป
คราวนี้ทุกคนในช่องยิงธนูช่องอื่นๆ ต่างพากันหยุดเคลื่อนไหว และหันหน้ามามองเขา
มือของกู่ฉิงซานผละจากสาย และลูกศรก็บินออกไป
ศรดอกนี้ดูธรรมดายิ่ง ทำให้ผู้คนในฉากที่กำลังเฝ้ามองรู้สึกผิดหวัง
กู่ฉิงซานรู้สึกโล่งใจลงเล็กน้อย และยังคงดึงสายธนูและยิงมันต่อไป
ในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา กู่ฉิงซานยิงศรจนหมดไปสองตะกร้า ก็ยังไม่เกิดความผิดปกติใดๆ
และเป็นไปตามธรรมชาติ ผู้คนค่อยๆ ถอนสายตากลับ
นักศึกษาสาวคนนั้นกล่าวเสียงอ่อน “หรือว่าฉันจะตาฝาดไป?”
เธอยังคงจับตามองกู่ฉิงซานอยู่อีกครู่หนึ่ง ทว่าอีกฝ่ายกลับยังคงรักษาท่วงท่าเดิมอยู่ตลอดเวลา และศรทุกดอกที่ยิงออกไปก็เป็นเพียงศรธรรมดา เธอจึงหมดความสนใจไป แต่ก็ยังไม่วายก่นด่ากู่ฉิงซานอีกเล็กน้อย
กู่ฉิงซานถอนหายใจโล่งอก แอบงึมงำว่าโชคดีจริงๆ อย่างลับๆ
เขาวางธนูฝึกซ้อมลง การจะลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงหยิบธนูเย่หยูขึ้นมา
ธนูสาธารณะที่ใช้ในการฝึกซ้อมมันธรรมดาเกินไป กู่ฉิงซานจึงไม่สนใจที่จะใช้มันฝึกฝนมากนัก
มันคงจะดีกว่าหากเขาใช้ธนูเย่หยู ดังนั้นไม่เพียงแต่มันจะช่วยฝึกฝนเทคนิค แต่มันยังทำให้ตัวเขาสามารถเข้าใจถึงตัวธนูเย่หยูได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นอีกด้วย
สิ่งสำคัญในตอนนี้คือห้ามใช้ออกด้วยพลังวิญญาณ และต้องประคับประคองพลังเข้าไว้
ภาพในอดีตเมื่อครู่ปรากฏสู่สายตาของทุกคนแล้ว ดังนั้นการฝึกฝนของเขาจึงไม่ดึงดูดสายตาผู้ใดอีก
กู่ฉิงซานหยิบธนูเย่หยูขึ้นมา เขายืนอยู่ตรงกลางเส้นบนช่องยิงธนู ก่อนจะยกธนูขึ้นและยิงออกไป
ฝึกฝนอยู่เช่นนี้ทั้งชั่วโมง
ร่างของกู่ฉิงซานชุ่มไปด้วยเหงื่อ ทว่าเขาดูเหมือนจะคุ้นเคยกับธนูเย่หยูขึ้นไปอีกหนึ่งส่วน
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใช้สกิลใดๆ แต่การฝึกฝนนี้ช่วยให้เขาสามารถสะสมเทคนิคการยิงธนูเพิ่มขึ้น และช่วยให้เขาเรียกเหงื่อออกมาได้มากเป็นพิเศษ
กู่ฉิงซานฝึกซ้อมจนลืมสังเกตรอบตัว เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้กำลังมีใครบางคนจ้องมองเขาอยู่ จากนั้นสายตาของอีกฝ่ายก็ค่อยๆเพ่งความสนใจไปยังธนูเย่หยู
“สวัสดี”
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากเบื้องหลัง
กู่ฉิงซานเหลียวกลับไปมอง เขาก็พบกับชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ในช่องยิงธนูข้างๆ สายตาของอีกฝ่ายจ้องมองเขาอย่างจริงจัง
“มีอะไรเหรอ” กู่ฉิงซานลดธนูลงและเอ่ยปากถาม
“ธนูของคุณ ขายรึเปล่า?”
“ขอโทษนะ มันไม่ได้มีไว้ขาย” กู่ฉิงซานกล่าว
ชายคนนั้นมองลงไปยังธนูเย่หยู และตะโกน “เสนอราคามา สำหรับฮุ่ยเฉาของพวกเรา เรื่องเงินน่ะไม่ใช่ปัญหา”
“ฉันไม่มีความตั้งใจที่จะขายมัน” กู่ฉิงซานเอ่ยซ้ำ
ผู้ชายคนนั้นส่ายหัว และหันไปทางช่องยิงธนูช่องอื่น
เขาเดินเข้าไปในกลุ่มวัยรุ่นและกระซิบกล่าวคำพูดของกู่ฉิงซานกับคนคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้า
คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าได้ยิน จึงเอ่ยพูดบางอย่างด้วยรอยยิ้ม
หลังจากนั้นไม่นาน ฝูงชนทั้งหมดก็เดินมาถึงช่องยิงธนูของกู่ฉิงซาน
ทว่ากู่ฉิงซานก็ยังทำเป็นไม่สนใจและหยิบลูกศรขึ้นแนบกับคันธนูและยิงมันออกไป
“ธนูของนายดูดีมาก”
คนที่ดูเป็นหัวหน้าจับจ้องไปยังธนูเย่หยู ประกายความโลภวาบผ่านเข้ามาในดวงตาของเขา
“ก็มันเป็นของดี” กู่ฉิงซานกล่าว
“ฉันต้องการซื้อธนูของนาย” ชายคนนั้นเอ่ยต่อ
“ไม่ขาย” กู่ฉิงซานกล่าว
“ไม่เอาหน่า ขายมันให้ฉัน แล้วฉันจะยอมให้นายมาอยู่กับกลุ่มของฉัน”
“ไม่ขายโว้ย”
ชายคนนั้นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าว “ถ้าอย่างนั้นเรามาเดิมพันกันไหม เอาเป็นซักหนึ่งแสนแต้มเครดิตเป็นอย่างไร?”
กีฬายิงธนูเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสำหรับการเล่นเกมและการเก็งกำไร มันไม่ใช่เพียงแต่ชนชั้นสูงที่สนใจ แต่พลเมืองที่ร่ำรวยก็ยังสนใจมันอีกด้วย พวกเขามักจะใช้มันในการเดิมพันเพื่อความสนุกสนาน
กู่ฉิงซานที่เดิมกระเป๋าแห้งอยู่แล้ว และกำลังหาวิธีทำเงินก็พลันชะงักไป ก่อนจะกล่าว “ก็ได้ แต่ฉันมีเงื่อนไข”
“โอ้ว นายนี่มันใจถึงไม่เลวเลย ถึงกับกล้าที่จะยื่นเงื่อนไขกับฮุ่ยเฉา!” ชายหนุ่มคนที่เข้ามาคุยกับกู่ฉิงซานก่อนหน้านี้ตะโกนออกมา
“อย่าเอ็ดไป ปล่อยให้เขาว่าเงื่อนไขออกมาเสียก่อน”
มือซ้ายของฮุ่ยเฉายกขึ้นมาขวางคนที่ตะโกน และบิดคอจนเกิดเสียง ‘แกร่ก’ ขึ้นเบาๆ
เมื่อใดก็ตามที่ปลากำลังจะกินเบ็ด เขามักจะเผลอบิดคอโดยไม่รู้ตัว เพื่อปกปิดอารมณ์และความรู้สึกของเขา
นอกจากนี้ ฮุ่ยเฉานั้นยังมีอีกความลับซ่อนอยู่ นั่นคือตัวเขาเป็นเทียนซวน ซึ่งมันจะทำให้เขาสามารถมองเห็นถึงปรากฏการณ์แปลกๆ จากสิ่งของได้ และไม่มีใครรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้
ในธนูนั่น เขาได้พบเจอกับผู้คนหนึ่งที่สวมชุดคลุมโบราณ กำลังใช้มันฝึกยิงธนูอยู่
เป็นผู้หญิงที่งดงามจนเกินบรรยาย
และนอกจากนี้เขายังได้รู้มาอีกว่าธนูคันนี้เป็นธนูที่มีชื่อเสียง!
ไม่เพียงเท่านั้น ฮุ่ยเฉายังคลั่งไคล้ในธนูเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สิบปีที่ผ่านมาเขาประสบความสำเร็จมากมายบนถนนสายนี้ และเขาก็สามารถมองเห็นความลับของธนูคันนี้ได้อีกด้วย!
มันเป็นธนูที่มีเอกลักษณ์และทรงพลังเช่นเดียวกันกับเจ้าของ
สำหรับเรื่องนี้ ตราบใดที่อีกฝ่ายให้คำมั่นว่าจะเดิมพันกับเขา ฮุ่ยเฉาก็มั่นใจว่าตนเองจะชนะ
มันไม่มีอะไรมาก ก็แค่การยั่วยุเล็กๆ น้อยๆ แต่ผลลัพธ์คืออีกฝ่ายกลับตกลงอย่างไม่คาดคิด
“เชิญระบุเงื่อนไขของนายมา” ฮุ่ยเฉากล่าว
“เงื่อนไขมันก็ง่ายๆ” กู่ฉิงซานกล่าว “หนึ่งแสนแต้มเครดิตวางเอาไว้ที่นี่ หากฉันชนะ เงินนั่นเป็นของฉัน ถ้านายชนะ เอาธนูเล่มนี้ไป”
………………..………………..