webnovel

0044 ปล้น

ตอนที่ 44 ปล้น

ฮุ่ยเฉาจ้องมายังกู่ฉิงซานและเอ่ย “ฉันยังไม่ทันจะได้เริ่มเดิมพันเลย นายก็คิดจะเอาเงินของฉันไปแล้วเหรอ?”

กู่ฉิงซาน “ลองคิดดูนะ ฝั่งนายมีคนตั้งมากมาย ถ้านายแพ้แล้วแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แล้วฉันจะเอาเงินจากนายได้อย่างไร?”

“ส่วนถ้าฉันแพ้...” กู่ฉิงซานชี้ลงบนหน้าอกตนเอง “เอาเป็นว่าฉันจะไม่โผล่มาให้นายเห็นหน้าอีกเลยดีไหม”

ฮุ่ยเฉาลังเลเล็กน้อย แต่ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา

“ดูเหมือนนายจะรักเงินมากสินะ ฉันเสียใจจริงๆ ที่สำหรับนายแล้วเงินมันมีค่ามากกว่าธนู” กู่ฉิงซานส่ายหัวและเตรียมที่จะจากไป

“ช้าก่อน!”

ฮุ่ยเฉาเอื้อมมือมาขวางกู่ฉิงซาน ในหัวใจเริ่มที่จะโกรธเกรี้ยว

นั่นเพราะเขาไม่ตั้งใจที่จะนำเงินออกมาแต่แรกอยู่แล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะรู้ทันความคิดของตนเสียก่อน และใช้คำพูดดักทางเขา ให้เลือกแค่ว่า ถ้าจะเล่นก็เอาเงินมาก่อน หรือถ้าไม่ให้ก็ไม่เล่น เท่านั้น

บัดซบ ฉันจะไม่ปล่อยเจ้าเด็กเหลือขอนี่ไปแน่

ความโกรธปะทุขึ้นในจิตใจของฮุ่ยเฉา สีหน้าของเขาทะมึนลง “ไม่มีปัญหา แต่ฉันก็มีเงื่อนไขเหมือนกัน”

“เงื่อนไขอะไร?”

ฮุ่ยเฉากล่าว “มือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนักธนู ถ้านายแพ้ ฉันขอมือข้างหนึ่งของนาย”

เขากล่าวเสริมต่อว่า “แต่ถ้านายไม่กล้า ก็ทิ้งธนูนั่นไว้ แล้วมาคลานลอดใต้หว่างขาฉันหนีไปซะ!”

กู่ฉิงซานตอบโต้อย่างสงบ “เงื่อนไขนี้มันมากเกินไป แต่ถ้าเพิ่มเงินเดิมพันฉันก็โอเค”

ฮุ่ยเฉาหยิบการ์ดออกมา และโยนมันออกไป “นี่คือเครดิตการ์ดของฉัน นายนำมันไปโอนเข้าบัญชีได้เลยสองแสน”

สายตาของเขาจับจ้องไปยังกู่ฉิงซาน “ธนูเล่มนั้นหนึ่งแสนและมือข้างหนึ่งอีกหนึ่งแสน”

“น้อมรับด้วยความยินดี”

กู่ฉิงซานรับการ์ดจากอีกฝ่าย ก่อนจะปัดผ่านสมองควอนตัมส่วนบุคคลของเขา และโอนสองแสนแต้มเครดิตเข้าไป

“ยอดเยี่ยม ไหนลองบอกมาสิว่าจะเดิมพันกันอย่างไร”

กู่ฉิงซานส่งการ์ดคืนให้กับอีกฝ่ายอย่างอารมณ์ดี

ในช่วงที่เขาอยู่ในโรงเรียนมัธยม กู่ฉิงซานต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด แต่ตอนนี้เขากลับมีเงินอยู่ในบัญชีถึงสองแสนแต้มเครดิต ซึ่งนี่มันเพียงพอให้เขาอยู่ได้ไปอีกนาน

ฮุ่ยเฉาเผยรอยยิ้มอันไร้พิษภัย แตกต่างจากประโยคที่เขากล่าวออกมา “ฉันคิดออกแล้ว ดูจากในตอนที่รับการ์ดไป นายถนัดขวาสินะ ถ้าอย่างงั้นมือข้างหนึ่งของนายที่ใช้เดิมพัน ฉันขอเป็นมือขวาก็แล้วกัน”

ฮุ่ยเฉา “มีเวลายิงคนละหนึ่งนาที จะกี่ครั้งก็ได้ พอครบกำหนดเวลา มาเปรียบเทียบคะแนนกัน ใครได้คะแนนมากกว่าก็ชนะ”

ระหว่างกล่าว ฮุ่ยเฉาก็ดีดนิ้วจนเกิดเสียงดัง ‘เป๊าะ’

ในตอนนั้นเอง ชายวัยกลางคนในชุดเครื่องแบบสปอร์ตคลับก็เดินเบียดออกมาจากฝูงชน

“ฮุ่ยเฉา ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง” ชายวัยกลางคนเอ่ย

จู่ๆ หนึ่งในฝูงชนที่ยืนอยู่ข้างๆก็อุทานออกมา “นั่นมันผู้ชนะการแข่งขันยิงธนูชิงแชมป์โลกสามสมัยซ้อน...วูเฉิง!”

“โอ้พระเจ้า เจ้าหนุ่มนั่นน่าสงสารจริงๆ”

“ใช่ๆ แถมเขายังพนันมือข้างหนึ่งกับฮุ่ยเฉาอีกด้วยนะ แค่คิดถึงผลที่ตามมาก็น่ากลัวแล้ว”

“โถ...ยังหนุ่มอยู่แท้ๆ น่าเสียดาย”

ตรงกันข้ามกับฝูงชน กลุ่มของฮุ่ยเฉาที่ยืนอยู่เบื้องหลังกลับพากันหัวเราะออกมา บางคนถึงขั้นปรบมือฉลองชัยล่วงหน้า

“ฮ่าฮ่า เจ้าเด็กท่าทางหยิ่งยโสคนนี้มันใครกัน ทำไมฉันถึงไม่คุ้นหน้ามันเลย”

“คอยดูเถอะพอถึงช่วงที่จะถูกตัดมือ ความหยิ่งยโสอาจจะหายไปหมดเหลือแค่เพียงความหวาดกลัว”

“นี่มันชักจะน่าตื่นเต้นซะแล้ว!”

“ฉันจะรอดูสีหน้าของเขาตอนที่พ่ายแพ้ ฮ่าฮ่า”

หลังจากนั้นไม่นาน กู่ฉิงซานกับวูเฉิงต่างก็ไปยืนประจำตำแหน่งบนช่องฝึกยิงพิเศษ

“เริ่มได้!” เสียงตะโกนของโค้ชดังขึ้น

วูเฉิงคว้าจับลูกศรด้วยความคุ้นเคย และแนบมันลงบนคันธนูอย่างใจเย็น ก่อนจะเล็งและผละมือออกไป

‘ฟุ่บ!’

ลูกศรพุ่งตรงไปอย่างมั่นคง และเจาะลงตรงกลางเป้าหมาย

เสียงโห่ร้องดังกระหึ่ม

“สิบคะแนน!”

“สมกับที่เป็นแชมป์สามสมัย!”

“สุดยอด!”

แม้กระทั่งใบหน้าของฮุ่ยเฉาก็ยังผุดรอยยิ้มขึ้นมา

ฝูงชนหันไปมองอีกด้านหนึ่ง

ทางฝั่งกู่ฉิงซาน เขาได้ยิงออกไปแล้วถึงสามดอก ทว่าแต่ละดอกกลับเบี่ยงจากเป้าตรงกลางออกไป และปักลงบนวงเป้าธนูที่อยู่ด้านนอกสุด จัดเรียงกันอย่างสวยงามเป็นรูปครึ่งวงรี

กลุ่มวัยรุ่นถึงกับหัวเราะเสียงดัง

“หนึ่งแต้ม”

“เขายิงได้แค่หนึ่งแต้ม”

“นี่มันไม่ใช่แล้วมั้ง ยิงตั้งสามดอก แต่ทุกดอกกลับได้แค่อย่างละหนึ่งแต้ม”

“ฮ่าฮ่า ดูท่าเจ้าเด็กนั่นคงหมดหวังเรื่องรักษามือตัวเองเอาไว้ซะแล้ว”

กู่ฉิงซานไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากฝีปากเราะร้ายของฝูงชนเลย ที่เขาทำก็แค่ยกลูกศรขึ้นและยิงมันออกไป

ส่วนอีกด้านหนึ่ง วูเฉิงเล็งอยู่นาน และในที่สุดก็ยิงศรดอกที่สองออกไป

และครั้งนี้เขาก็ยิงเข้าตรงใจกลางเป้า!

สิบคะแนนอีกแล้ว!

เสียงเชียร์ดังขึ้นอีกระลอก

ใบหน้าของวูเฉิงเปื้อนด้วยรอยยิ้ม ธนูในมือคล้อยต่ำลง และหันหัวไปทางด้านข้าง

เขาจับจ้องตรงไปยังอีกฝ่าย และเห็นแค่เพียงเจ้าเด็กเหลือขอที่ทำไม้ทำมือยิงธนูออกไปอย่างขอไปที ขณะนี้บนเป้าธนูของมันมีลูกศรปักอยู่ถึงเจ็ดดอกแล้ว

อย่างไรก็ตาม ทั้งเจ็ดดอกนั้นล้วนแต่อยู่วงนอกสุด ห่างไกลจากใจกลางเป้า และมีค่าแค่หนึ่งคะแนน

วูเฉิงส่ายหัว ยิ้มเย้ยหยัน

รีบยิงออกไปแล้วมันจะได้ประโยชน์อะไร?

สุดท้ายศรเจ็ดดอกมันก็เทียบไม่ได้เลยกับศรเพียงดอกเดียวที่ตัววูเฉิงยิงออกไป

เขาดึงศรดอกที่สามแนบกับคันธนู ยกขึ้นเล็งอีกครั้ง

การแข่งขันยังคงดำเนินต่อไป

ล่วงเลยไปแล้วสิบห้าวินาที

เสียงเชียร์ค่อยๆ เบาลง ตามมาด้วยเสียงที่สับสนค่อยๆ ดังขึ้น และดังขึ้นเรื่อยๆ มันดังยิ่งกว่าตอนวูเฉิงยิงได้คะแนนเต็มสิบเสียอีก

วูเฉิงยิงศรออกไปอีกดอก ทว่าคราวนี้เขาได้รับผลกระทบจากเสียงที่กำลังสับสนของผู้คนโดยรอบ ทำให้สมาธิเขาแปรปรวน และยิงลงบนจุดที่ได้แค่แปดคะแนนเท่านั้น

เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองรอบๆ และอยากจะเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรกันแน่

วินาทีต่อมา ธนูในมือของวูเฉิงก็ร่วงตกลงกับพื้น ทั้งร่างนิ่งค้างที่ในท่วงท่าเดิมราวกับท่อนไม้

เห็นแค่เพียงลูกศรของอีกฝ่าย พุ่งวูบไหวเป็นเส้นตรงอย่างไม่หยุดยั้ง แต่ละดอกปักลงตามแนววงกลมด้านนอกสุดของเป้าหมาย เรียงกันเป็นแนวรูปวงกลมอย่างงดงาม

ตามมาด้วยแถวที่สอง ลูกศรค่อยๆ ตีวงแคบเข้ามาเรื่อยๆ จากวงกลมใหญ่ขยับลงมาเป็นวงกลมเล็ก และขยับเข้าไปใกล้เป้าตรงกลางมากขึ้นทุกที

และแล้วปรากฏทิวแถวอันเป็นระเบียบแถวที่สอง ที่ถูกร้อยเรียงโดยลูกศร!

ตามมาด้วยแถวที่สาม ยิ่งขยับใกล้เข้าไปตรงใจกลางเป้า

การยิงอย่างมุทะลุดุเดือดนี้ ใช้เวลาไปแค่เพียงสิบห้าวินาทีเท่านั้น

ภายในสิบห้าวินาที ตะกร้าลูกศรห้าตะกร้าที่วางไว้ข้างๆ ถูกยิงออกไปทั้งหมดโดยเขา

“มันจบแล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว

เบื้องหน้าเขา ตรงเป้าซ้อมยิงถูกเติมเต็มไปด้วยลูกศร ร้อยเรียงกันเป็นวงกลมตามเส้นขาวสลับแดงที่ค่อยๆ แคบลง แคบลง...ตีวงแคบมาจนถึงจุดศูนย์กลางบนเป้ายิงของกู่ฉิงซานไม่มีที่ว่างหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย

แม้กระทั่งตรงกลางเป้ายิงที่เป็นวงเล็กๆสีแดง ก็ยังแออัดไปด้วยลูกศร ไม่มีแม้กระทั่งช่องว่างหลงเหลือ

กลับกัน ทางฝั่งวูเฉิง บนเป้ายิงของเขามีเพียงศรห้าดอกปักอยู่เท่านั้น

วูเฉิงรู้ดีว่าต่อให้เขามุ่งมั่นพยายามอย่างหนักแค่ไหน แต่ภายในเวลาแค่หนึ่งนาที เขาก็ไม่มีทางทำแบบเดียวกันกับกู่ฉิงซานได้

กู่ฉิงซานเก็บธนู และหันหลังเตรียมเดินจากไป

เมื่อเดินผ่านฮุ่ยเฉา กู่ฉิงซานก็หยุดฝีเท้าและเอ่ย “ขอบใจสำหรับค่าขนมนะ”

ฮุ่ยเฉาวางมือลงบนไหล่อีกฝ่ายทันที พร้อมกล่าวเสียงกระซิบ “มัน...ยัง...ไม่...จบ”

“โอ๊ะ คราวนี้นายมีอะไรอีกล่ะ?”

กู่ฉิงซานปัดมืออีกฝ่ายออกจากไหล่

“ทิ้งธนูนั่นไว้ แล้วไปซะ” ฮุ่ยเฉากล่าว

“ดูเหมือนว่านี่มันจะไม่อยู่ในสัญญาเดิมพันของพวกเรานะ”

“ถ้าอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อ ทิ้งธนูไว้ แล้ว...ไป...ซะ”

“ดูเหมือนว่านายจะรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับธนูคันนี้สินะ แต่เสียใจด้วย ฉันจะไม่มอบมันให้นายเด็ดขาด”

“ดี ดีมาก นายเลือกเองนะ” ฮุ่ยเฉาผงกหัว ประกายในดวงตาของเขาพลันเปลี่ยนไป “ในเมืองหลวงแห่งนี้ไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียวที่กล้าปฏิเสธฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉันจะย้ำเตือนนายเอง ว่าชีวิตของนายมันเล็กจ้อยขนาดไหน”

ชายหนุ่มคนหนึ่งตะโกน “ฮุ่ยเฉา ในเมื่อมันไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ถ้าอย่างงั้นพวกเราก็มาทำให้มันรู้ซึ้งถึงความโหดร้ายของโลกใบนี้กันเถอะ”

คนอื่นๆ กล่าว “ฉันพึ่งไปเช็กข้อมูลของหอธนูมา สกุลของเจ้าหมอนี่คือกู่ มันไม่ได้เป็นคนของเก้าตระกูลใหญ่ ถ้าจะจัดการมันละก็ไม่มีปัญหา!”

ฮุ่ยเฉาหันหลังและกล่าวสั่ง “ไปตามคนที่รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับหอธนูมา”

ไม่นานนักผู้จัดการของหอธนูก็วิ่งเข้ามาพร้อมกับพนักงานหลายคน

พวกเขาวิ่งมาตลอดทาง แต่ผู้จัดการก็ยังกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ฮุ่ยเฉา มีเรื่องอะไรหรือ”

ฮุ่ยเฉายกมือขึ้นลูบคาง ส่วนอีกข้างชี้ไปยังกู่ฉิงซานและกล่าว “ธนูของฉันหายไป และพอตามหาก็พบว่ามันอยู่ในมือของชายคนนี้”

“ใช่แล้ว เจ้าเด็กนั่นมันเป็นคนขโมย”

“เรียกตำรวจแล้วจับมันยัดเข้าตาราง!”

“แต่ก่อนอื่น มันจะต้องคืนธนูของฮุ่ยเฉามาก่อน”

หนึ่งในฝูงชนต่างพากันตะโกนออกมาเสียงดัง

ผู้จัดการมองไปยังกู่ฉิงซานและกล่าวด้วยความลังเลเล็กน้อย “ท่านสุภาพบุรุษผู้นี้ ได้โปรดคืนธนูให้แก่ฮุ่ยเฉาด้วย”

กู่ฉิงซานหันไปมองอีกฝ่ายและกล่าวอย่างจริงจัง “นี่มันธนูของฉัน ฉันนำมันมาเอง ถ้าไม่เชื่อก็ไปดูกล้องวงจรปิดของสปอร์ตคลับสิ ฉันไม่ได้เดินเฉียดเข้าไปใกล้พวกเขาด้วยซ้ำ”

สีหน้าของผู้จัดการดูจะอึดอัดเล็กน้อย เขาหันไปมองฮุ่ยเฉา

ฮุ่ยเฉา “เอ๋แย่จัง แต่ฉันได้ยินมาว่ากล้องวงจรปิดพึ่งเสียไป ใช่หรือเปล่า?”

ผู้จัดการตบหน้าผากตน และรีบเออออตามทันที “จริงด้วย! กล้องวงจรปิดของเราเสีย ท่านสุภาพบุรุษผู้นี้ ได้โปรดส่งธนูคืนแก่ฮุ่ยเฉาด้วย มิฉะนั้นพวกเราคงต้องแจ้งตำรวจ”

………………..………………..